ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 67: ภาค 3 ตอนที่ 12 มะ- มีงูโผล่ออกมาด้วย!!
ลมเย็นพัดผ่านร่างกายพร้อมกับแสงของพระอาทิตย์ที่สว่างจ้า ในขณะที่กำลังมองไปรอบตัวอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น ก็เห็นเงาของฝูงปลาตัวเล็กบนพื้นและหลังคา จึงเงยหน้าขึ้นมองด้านบนเพื่อหาที่มา แล้วก็ได้เห็นว่ามีฝูงปลาว่ายผ่านเหนือหัวไป
จริงด้วย เกือบลืมไปเลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ใต้น้ำนี่นะ
“นี่ ๆ มาทางนี้เร็วเข้า!”
เจ้าหญิงที่เป็นคนอาสาพาเดินทัวร์ในเมืองวิ่งนำไปด้านหน้า จนเกิดเสียงของไม้ที่กระทบเข้ากับพื้นหินแข็งของทางเดิน เพราะว่าเด็กคนนั้นใส่รองเท้าเกี๊ยะอยู่นั่นเอง
เวลาอยู่ใต้น้ำก็จะนึกว่าตัวเองอยู่ในญี่ปุ่นยุคโบราณขึ้นมาเลยตลอดเลย แอบรู้สึกแปลก ๆ แฮะ หรือว่าฉันชินกับวัฒนธรรมที่คล้ายกับทางยุโรปกันนะ? ถือว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันเนี่ย
ฉันคิดแบบนั้นพร้อมทั้งถอนหายใจพลางเดินก้าวเท้าไปอย่างช้า ๆ โดยมีเคียร่าจูงบังเหียนเพื่อไม่ให้คนอื่นตื่นกลัว แถมยังป้องกันเหตุการณ์แบบก่อนหน้านี้ที่มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาปีนขึ้นหลังด้วย
ฉันได้ยินจากเคียร่ามาทีหลังว่าเมืองใต้น้ำนี่มีชื่อว่า โอริว และแนวปะการังแถบนี้ก็ถูกตั้งชื่อว่า นากาชิระ ทางเดินที่พวกเราเดินอยู่ก็ถูกปูด้วยหินซึ่งนำมาตัดแต่งรูปทรงให้เท่ากัน เรียงไปเรื่อยตามทางยาว ด้านข้างซ้ายขวาของพวกเราก็เป็นบ้านรูปทรงคล้ายกับบ้านญี่ปุ่น
ตอนนี้ให้อารมณ์เหมือนเวลาไปเดินในย่านเมืองเก่าเลยแฮะ
“คุณยาย ขอขนม 4 ที่ด้วยค่ะ!”
“ได้เลยจ้า นั่งรอได้เลย”
เจ้าหญิงหยุดยืนอยู่บ้านหลังหนึ่งและเปิดประตูบ้านไปอย่างไม่เกรงใจ พร้อมทั้งตะโกนสั่งบางอย่างไป ซึ่งมีเสียงของหญิงชราที่ดูแหบแห้งเล็กน้อยแต่ก็ยังขันแข็งอยู่ดังออกมา ก่อนที่เจ้าหญิงจะปิดประตูแล้วทิ้งตัวลงม้านั่งหน้าบ้าน พลางกวักมือเรียกพวกเรา
“คุณย่าน่ะเคยเปิดร้านขนมหวานล่ะ เพราะงั้นขนมจากคุณย่าถึงได้อร่อยมากเลย!”
“เห๋ งั้นเหรอ อดใจรอไม่ไหวแล้วสิ”
เคียร่าพูดแบบนั้นด้วยความเอ็นดูเจ้าหญิงก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งโดยวางหมวกไว้ข้างตัว…ม้านั่งหน้าบ้านทรงญี่ปุ่น มีเด็กผู้หญิงใส่ชุดกิโมโน นั่งอยู่ข้างอัศวินของยุโรป อ๊ะ มีมังกรตัวเล็กสีฟ้านั่งอยู่ด้วย มิโอะนั่นเอง รู้สึกไม่เข้ากันแปลก ๆ แฮะ ขอขำได้ไหมนะ
ว่าแล้วฉันก็ไหล่สั่นเล็กน้อยเมื่อมองภาพตรงหน้า จะว่าไงดี เหมือนเวลาเราเห็นคนแต่งตัวคอสเพลย์แบบจัดเต็ม ทั้งที่ไม่มีงานอะไรเป็นพิเศษอะ ถึงมันจะไม่มีอะไรก็เถอะแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าลงทุนอะไรเบอร์นั้น
ก็นะ ถึงเคียร่าจะไม่ได้คอสเพลย์อยู่ก็เถอะ
“ขอโทษที่ให้รอนะ”
ในระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ประตูบ้านก็เลื่อนพร้อมทั้งมีคนเดินออกมา โดยในมือถือถาดไม้ซึ่งมีจานกับแก้ววางอยู่ เจ้าของบ้านหลังนี้ที่ถูกเรียกว่าคุณยายนั้น เป็นหญิงชราที่ผมสีขาวอ่อนไปหมดทั้งหัวแล้ว ใส่ชุดกิโมโนรวบผมไว้บนหัวด้วยปิ่นและเดินหลังตรงอย่างสง่า
ฮิเมะรีบรับจานขนมกับแก้วชาจากมือของคุณยายคนนั้นมา พร้อมกับตีขาที่ห้อยจากม้านั่งอย่างร่าเริง เคียร่าเองก็ยื่นมือไปรับพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณด้วยทันที
“ขนมนี่มัน…”
เคียร่าที่มองสิ่งที่อยู่ในจานก็ได้แต่เปิดตากว้างด้วยความตกตะลึง ฉันเองก็ก้มหัวแนบลงกับพื้นเพื่อให้ตาตัวเองอยู่ในระดับเดียวกับเคียร่า แล้วมองไปที่ขนมรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในจาน มีสีแดงเข้มจนเมื่อมองเผิน ๆ เห็นเป็นสีน้ำตาล นี่มัน…
“ท่านมาจากบนพื้นทวีปคงไม่รู้จักสินะคะ นี่คือขนมโยคังค่ะ ส่วนชาที่มาคู่กันคือชาเขียว ซึ่งเข้ากันได้ดีกับขนมค่ะ”
โยคังจริงด้วยล่ะ แหงล่ะนะ สภาพเป็นแบบนี้ก็ต้องขนมญี่ปุ่นแหละนะ ไม่แน่อาจจะมีพวกเครื่องปรุงอย่างโชยุด้วยก็ได้ แต่ขนมญี่ปุ่นสินะ…
จู่ ๆ ฉันก็นึกย้อนกลับไปลึกในความทรงจำที่เริ่มเลือนราง ไอ้ขนมพวกนี้เนี่ย…ไม่เห็นจะอร่อยเลยสักนิด ยิ่งขนมที่พวกคุณยายคุณป้าชอบทำก็จะหวานน้อยมากจนเหมือนกินถั่วเปล่า ๆ เลย แต่บทขนมที่มันจะหวาน ก็ดันหวานโดดจนแสบคอ ดังนั้นถึงจะเห็นของที่ไม่ได้เจอนานก็แทบไม่รู้สึกคิดถึงเลยสักนิด ก็ความภูมิใจของชาติมันคนละเรื่องกับความชอบของลิ้นนี่นะ—
แล้วในตอนนั้นเอง ก็มีกลิ่นบางอย่างที่หอมจาง ๆ มาอยู่ตรงจมูกฉัน
“ริเกลเอาด้วยไหม?”
‘เอา!!’
หลังส่งเสียงตอบรับกลับไปดังฟังชัด ฉันก็อ้าปากและงับโยคังที่เคียร่ายื่นมาให้ในทันที ฉันเคี้ยวอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้ขนมชิ้นเล็กหมดไปทันทีโดยไม่ได้สัมผัสกับรสชาติด้วยซ้ำแน่ วุ้นที่อยู่ในปากนั้นเด้งและหนึบเล็กน้อยตามแบบฉบับของวุ้น
พร้อมกับรสหวานปะแล่ม ๆ จากถั่วที่ผสมเข้ากับน้ำตาลอย่างกลมกล่อม ผิดคาดแฮะ ไม่ได้หวานน้อยอย่างที่คิดกำลังดีเลยแหละ แต่จะว่าไงดีกลิ่นแล้วก็รสที่แฝงอยู่ด้านในนี่มัน…กลิ่นทะเลเหรอ? ถึงจะแอบรู้สึกแปลกใจกับกลิ่นนี่บ้าง แต่ก็ทำให้รู้สึก ดีจัง~
“ฮะ ๆ เหมือนจะถูกใจน่าดูเลย ขอโทษนะคะ ขอชาให้เด็กคนนี้ด้วยได้ไหมคะ”
แม้ว่าทุกคนจะสงสัยเล็กน้อยกับคำขอของเคียร่า แต่คุณยายคนนั้นก็เดินเข้าไปเอาชา ซึ่งมีควันลอยขึ้นเล็กน้อยออกมาให้ เคียร่าจึงรับมาและเป่าให้เย็นลงครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมาทางนี้
และไม่รอช้า ฉันใช้ปากคาบเข้าที่ขอบของแก้วอย่างเบาแรงเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ก่อนที่จะเงยคอขึ้นสูงเพื่อให้น้ำด้านในไหลเข้ามาในปาก แล้วกลับมาท่าเดิมทันทีที่น้ำหมดเพื่อให้เคียร่ารับแก้วเปล่าไป
ชานี่มัน…
‘ขม! ขมปี๋เลย!!’
ฉันแลบลิ้นออกมาอย่างแหวะทันทีที่กลืนชาเขียวสุดข้นเขาไปในปาก พร้อมทั้งส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมาด้วยความเศร้าทันที แต่ว่ามิโอะกับเจ้าหญิงกลับหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
‘อะไร! หัวเราะอะไรกัน ก็คนมันไม่ชอบของขมนี่นา! ตลกนักเรอะ!!’
‘ฮ่า ๆ โวยวายเหมือนเด็กเลย’
“ทำหน้าอะไรแปลกจัง ฮะ ๆ”
‘ไม่ต้องมาพูดเลย เจ้าพวกเด็กนี่’
ทันทีที่ได้ยินเสียงล้อเลียนมาจากมิโอะและเจ้าหญิง หางของฉันก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยการตบเข้าที่บนหัวของทั้งคู่อย่างเบา ๆ ทำให้เสียงหัวเราะเกิดขึ้นที่คุณยายกับเคียร่าแทน
“คงขมไปสินะ เอ้านี่ขนม”
พูดจบเคียร่าก็ยื่นโยคังมาให้ฉันรีบป้าปากรับไปมาเขี้ยวหนุบ ๆ ก็…ค่อยดีขึ้นหน่อย เพราะว่ารสของขนมมันช่วยตัดแล้วก็กลบความขมฟาดคอของชาเขียวไปได้ อู้ว ชาเขียวนี่มันชาเขียวจริง ๆ
“ท่านอัศวินครับ ของที่สั่งไว้เสร็จแล้ว”
ในขณะที่กำลังรื่นเริงกับขนมหวานกันอยู่นั้นเอง ก็มีทหารคนหนึ่งวิ่งมาเรียกเคียร่า เธอจึงมองขึ้นบนฟ้าตามปกติเพื่อเช็คเวลา…แต่มองพระอาทิตย์ได้ยากแฮะ เธอจึงคลี่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ คงดูไม่ออกล่ะมั้งว่าผ่านมานานแค่ไหนแล้ว
“เข้าใจแล้วค่ะ จะรีบออกไปในทันทีเลย”
ว่าจบ เคียร่าก็ลุกขึ้นพร้อมทั้งวางจานเปล่าไว้บนม้านั่ง ก่อนจะโค้งตัวขอบคุณหญิงชราและฮิเมะก่อนจะเดินแยกออกมา โดยมีทั้งสองคนโบกมือลาและมิโอะที่ตั้งหางขึ้นส่ายเป็นการเลียนแบบการโบกมือ
เมื่อกี้ถึงจะเป็นช่วงเวลาไม่นานแถมยังเจอชานั่นเข้าไปทำเอารู้สึกแย่ชะมัด แต่ก็…
“ที่นี่สงบสุขดีจริง ๆ นะ เด็กคนนั้นก็ร่าเริงมากเลยเนอะ”
‘ก็จริงแหละ’
“ฮะ ๆ ทำไมถึงทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะ เธอเองก็สนุกไม่ใช่เหรอ”
‘ปะ- เปล่าซะหน่อย! อยู่กับเด็กพวกนั้นไม่เห็นสนุกสักนิด!’
ฉันส่งเสียงโวยวายไปทันทีเมื่อเคียร่าพูดแบบนั้นพร้อมทั้งหัวเราะในลำคออย่างสนุกสนาน จึงได้แต่ทำแก้มป่องและหันหน้าไปทางอื่น ไม่ได้สนุกสักหน่อย น่ารำคาญจะตายชัก
แล้วในตอนนั้นเอง จู่ ๆ เคียร่าก็เงยหน้าขึ้นมองถอดไปไกล
“เผลอลืมไปแป๊บนึงเลย ว่าเรากำลังอยู่ในช่วงสงคราม”
‘…นั่นสินะ’
ถูกของเคียร่า ความเงียบสงบของเมืองที่ตั้งอยู่ใต้มหาสมุทรแห่งนี้ ผสมเข้ากับความรื่นเริงและซุกซนของเด็กตามวัยนั้น ทำเอารู้สึกคล้อยตามจนลืมเรื่องตึงเครียดที่ต้องกลับไปเผชิญเลย
แต่ก็นะ
“เอาล่ะ รีบกลับไปทำงานของเราให้ลุล่วงกันเถอะ”
เคียร่าพูดออกมาเช่นนั้น ในขณะที่ปีนขึ้นหลังฉันและคุมบังเหียนให้บินออกไปจากปะการังฟองน้ำนี้ โดยตรงไปตามทางที่ทหารคนเมื่อครู่บอกมา เห็นว่าปลาจำนวนมากที่สั่งไว้จะทำอยู่ด้านนอกเมือง หรือก็คือในขณะที่อยู่ใต้น้ำนั่นเอง
เมื่อแหวกว่ายไปตามเส้นทางที่ได้ยินมาก็ถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว โอ้ นี่มัน…จุดที่พวกเราว่ายออกมานั้นเป็นพื้นที่โล่งใจกลางแนวปะการัง ถึงจะบอกว่าโล่งก็เถอะ แต่ก็มีสาหร่ายกับหน้าทะเลขึ้นอยู่บ้าง แถมยังไม่กว้างมากนักด้วย แต่ก็เพียงพอที่จะให้วางกล่องไม้ขนาดใหญ่ได้
แต่ที่น่าทึ่งนั่นก็คือฝูงปลาขนาดเล็กจำนวนมากที่ว่ายปนผสมกันไปมา แถมยังมีเลือด เกล็ด และไส้ปลาลอยว่อนอยู่ในน้ำ ปลาที่รุมกันอยู่นี่ก็มากินเศษพวกนั้นกันนั่นแหละ งี้นี่เอง แล่กันในน้ำเลยสินะ พวกเศษก็ทิ้งไว้เลย แถมยังล้างได้ทันทีอีก
เคียร่าที่มาถึงก็ให้ฉันว่ายวนกล่องไม้นี่เพื่อตรวจสอบสภาพสินค้า ซึ่งเป็นเนื้อปล่าติดหนังถูกเลาะก้างออกทั้งหมดอย่างเรียบร้อย แถมยังมีหัวซึ่งเอาเหงือกออกไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่พบว่ามีสิ่งผิดปกติอะไร เคียร่าจึงหันไปคุยกับคนอื่นด้วยภาษามือ
ซึ่งฉันแปลไม่ออกล่ะนะ
‘หืม?’
“มีอะไรเหรอริเกล?”
เคียร่าซึ่งอยู่ในฟองอากาศที่สร้างจากเวทมนตร์ หันมาถามฉันที่เผลอสงเสียงสงสัยออกไปในทันที เมื่อกี้นี้มัน…ขยับหน่อยนึงรึเปล่านะ?
ฉันจ้องมองไปที่กองเนื้อปลาอีกครั้งเพื่อมองหาสิ่งปกติ แต่ทุกอย่างก็สงบนิ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเหมือนว่าเคียร่าจะหันไปถามคนอื่นมาให้ล่ะ
“เหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกตินะ หรือว่าริเกลเห็นอะไรรึเปล่า”
‘ก็…คงคิดไปเองแหละมั้ง?’
สุดท้ายฉันก็ปัดเรื่องนั้นทิ้งแล้วส่ายหน้าให้เคียร่า สงสัยคงจะเป็นพวกคลื่นน้ำมันซัดมาล่ะมั้ง ที่เหลือก็แค่เอาฝามาปิด มนุษย์บาดาลมารวมตัวกันอีกครั้งและเริ่มร่ายเวทสร้างน้ำแข็งให้ใส่ไว้ด้านใน ซึ่งมันก็โคตรช้า…เมื่อฉันเห็นแบบนั้น จึงเป่าเวทมนตร์ออกมาจากปากเล็กน้อย ก่อให้เกิดน้ำแข็งก้อนใหญ่ขึ้นมา ก่อนจะเอาหางฟาดเพื่อให้กลายเป็นชิ้นเล็กหล่นลงไปในกล่องไม้
ก็นะ แบบนี้มันเร็วแล้วก็ง่ายกว่านี่นา และสุดท้ายเมื่อใส่น้ำแข็งเพื่อคงความสดเรียบร้อยแล้ว กล่องก็ถูกปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนากว่าคราวก่อน เอาล่ะต่อไปก็ยกขึ้น…
‘อุ๊ โคตรหนักเลย!!’
เพราะเป็นปลาสดที่ใส่อยู่ในกล่องจึงได้หนักกว่าปลาแห้งเป็นเท่าตัว ยิ่งกว่านั้นยังต้องยกขึ้นทั้งที่อยู่ในน้ำ แต่ก็ ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้หรอกน่า!!
ว่าแล้ว ฉันก็ออกแรงมากยิ่งกว่าเดิมพลางดันตัวเองให้ว่ายขึ้นบนเหนือน้ำ ถ้าขึ้นไปบนฟ้าได้ก็สบายแล้ว!!
‘ซ่า!’
ทันทีที่ฉันดึงกล่องไม้ให้ออกมาจากใต้ทะเล ก็เกิดเสียงน้ำตกลงกระทบกับด้านล่างทันที นั่นก็เพราะว่ากล่องนั้นมีช่องว่างเล็กน้อยเพื่อให้น้ำไหลออกมา เหลือเพียงเนื้อปลาและน้ำแข็งที่อยู่ด้านใน แต่ก็ต้องบินไปสักพักอยู่ดีกว่าน้ำที่อยู่ด้านในจะไหลออกมาหมด ฟู่ พอไม่มีน้ำแล้วสบายขึ้นมาหน่อยหนึ่งแฮะ
“จริงสิ ไม่ยักจะรู้มาก่อนเลยเนอะ ว่าใต้ทะเลจะมีถั่วด้วย”
ในระหว่างที่กำลังบินอยู่บนฟ้านั้น เคียร่าก็เริ่มชวนคุยถึงเมืองบาดาล…เออแฮะ ถึงตอนที่กินขนมจะไม่ได้สังเกตก็เถอะ แต่ขนมแบบนั้นส่วนใหญ่ทำจากถั่วแดงกวนนี่นา ประเทศโอริวก็ไม่ได้ติดต่อกับบททวีปหนิ งั้นก็หาได้เองเหรอ? ใต้น้ำเนี่ยนะ
‘ได้ไงอะ’
“ฮะ ๆ สงสัยเหมือนกันสินะ…”
…ไว้ค่อยถามถ้ามีโอกาสกันเถอะ เคียร่าทิ้งท้ายประโยคเอาไว้แบบนั้นหลังจากได้ยินเสียงร้องเพราะความสงสัยของฉัน แล้วพวกเราก็บินกันต่อไปโดยที่ฉันยังคงเอียงคอไปมาซ้ายขวาด้วยความงุนงง และเป็นแบบนั้นอย่างเรียบง่ายตลอดทางถึงค่ายของกองทัพ
มันก็ควรเป็นแบบนั้นแหละนะ
‘กึก กึก’
‘เอ๊ะ?’
ในตอนที่อยู่สักครึ่งทาง จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกได้ถึงสิ่งปกติภายในกล่อง มีเสียงบางอย่างกระทบเข้ากับกล่องไม้ เป้นเสียงที่เนื้อปลาด้านในขยับเพราะการเคลื่อนย้ายเหรอ? ไม่ใช่แน่แฮะ คงไม่ดังแล้วก็ถี่ขนาดนี้ มีอะไรอยู่ด้านในกันล่ะเนี่ย…
“มีอะไรเหรอริเกล–”
‘กึก! กึก! กึก!’
ยังไม่ทันที่เคียร่าจะถามจบ เสียงกล่องก็ดังขึ้นแรงยิ่งกว่าเดิมจนฟังได้อย่างชัดเจน เธอจึงรู้ได้ทันทีว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติภายในกล่องแน่ จึงเอามือไว้ที่หอกเพื่อเตรียมรับมือได้ตลอดเวลา
และครู่ต่อมา ฝากล่องที่ถูกปิดแน่นอย่างแน่นหนาก็มีบางอย่างทะลุออกมา…
‘ซ่า!!’
มีหัวงูขนาดใหญ่พอ ๆ กับหัวฉันพุ่งออกมาได้หน่อยหนึ่ง แล้วส่งเสียงขู่ฟ่อใส่พวกเราด้วยดวงตาที่โกรธจัดทันที
‘มะ- มีงูโผล่ออกมาด้วย!!’
—————- ———————-
(มุมนักเขียน)
มีงูโผล่ออกมาล่ะ!! เป็นรีแอคชั่นปกติเวลาเจองูถึงจะเห็นอยู่ไกลๆก็เถอะ หน้าตามันก็น่ารักแหละนะ แต่ถ้าไปเจอตามข้างทางนี่ก็คงกรี๊ดแตกจริงๆ(ฮา) และขนมญี่ปุ่นเนี่ย…หากินให้ถูกปากยากจริงๆนะ ถ้าไม่ทำเองก็แทบจะหาที่ถูกใจไม่ได้เลย(ฮา) ชาเขียวเองก็มีแค่ตอนเบียวๆที่พยายามบอกว่าตัวเองดื่มได้ อร่อยสุดๆ แต่เอาเข้าจริงสภาพก็คงไม่ต่างจากริเกลเท่าไหร่…
เอ๊ะ อะไรนะ? นอกเรื่องมาเยอะแล้วงั้นเหรอ? นั่นสินะคะปกติไม่ค่อยได้มาพูดเรื่องเนื้อหาในนิยายเท่าไหร่ เหตุเกิดเพราะเวลานอนรวนแล้วเหงาจัด ฮ่าๆๆๆ อย่างที่เห็นเลยค่ะ หลังจากวันที่มาอวดเสื้อที่ปักแล้วธุระก็รุมเร้ามาจากไหนไม่รู้ แถมยังโดนลากไปดูหนังผีอีก ทำเอาเขียนไม่ได้ไปวันนึงเต็มๆเลยเพราะสั่นกลัว บรึ้ย
อะ นอกเรื่องอีกแล้ว(ฮา) ดีดแหละค่ะ จู่ๆในช่วงที่ยุ่งดันอยากเขียนแบบสุดๆขึ้นมา พอมือได้มาวางบนคีย์บอร์ดเลยรู้สึก ฟืนนน แต่หลังลงตอนนี้เสร็จก็จะไปทำงานต่อแหละค่ะ ไปเร่งทำเอาไว้เยอะๆจะได้มาเขียนนิยายได้ยาวๆ ยังไงก็ต้องขออภัยที่หายไปสักแป๊บนึงเลยค่ะ ขอบคุณที่ยังติดตามกันถึงตอนนี้นะคะ!!
แล้วก็ใน RAW ใกล้จะ 10k วิวแล้วสินะ~ จะมีอะไรรึเปล่าน้า~