ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 60: ภาค 3 ตอนที่ 5 การต่อสู้ที่ดุเดือด
‘ได้สิ ฉันรับคำท้า’
ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นก็เถอะ…จะไปรอดไหมล่ะเนี่ย! เพิ่งเคยได้ดวลแบบจริงจังขนาดนี้ครั้งแรกเลย เหวอ สายตาของไอ้หมอนี่น่ากลัวชะมัด คะ- แค่สู้ไปตามที่เคยฝึกมาก็พอแล้วล่ะมั้ง…แต่ที่ฝึกกับสู้จริงมันจะต่างกันไหมเนี่ยสิ! อา ทำไงดี
“ริเกล ใจเย็นก่อน”
ในตอนนั้นเอง เคียร่าก็ใช้มือจับที่หางของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดปลอบใจออกมาแบบนั้น…นี่ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอว่าฉันร้อนรนอยู่ ไม่สิ คงเพราะเป็นเคียร่ามากกว่า
นั่นสินะ…เวลาแบบนี้ต้องใจร่ม ๆ ไว้สิ แล้วจดจ่อไปที่คู่ต่อสู้
‘แล้ว กฎที่ว่าคืออะไรล่ะ’
‘ก็ง่าย ๆ พวกเราจะสู้กันตัวต่อตัว โดยห้ามใช้เวทมนตร์’
‘…’
อูว…ไอ้บ้า พวกเราเป็นมังกรนะ แถมยังโลกแฟนตาซีด้วย ใช้เวทมนตร์สักหน่อยก็ได้ไม่ใช่เหรอฟะ เอาเถอะ บ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาฉันเลยตอบกลับไปง่าย ๆ ว่า ‘เข้าใจแล้ว’ จากนั้นมังกรอัลละวาตัวอื่นก็กระทืบขาหน้าและส่งเสียงร้องออกมาอย่างรื่นเริง กลายเป็นบรรยากาศที่คึกคักขึ้นมา
แต่แน่นอนว่าเป็นสำหรับมังกรล่ะนะ สำหรับมนุษย์อย่างเคียร่าภาพตรงหน้าคงน่ากลัวพอควรเลยล่ะ ที่มีสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่ยักษ์หลายสิบชีวิตส่งเสียงเอะอะไปมา พร้อมทั้งกระทืบเท้าจนพื้นสั่นสะเทือน ถ้าเป็นงี้ก็พอเข้าใจได้หน่อยว่าทำไมถึงคิดว่าการที่พวกมังกรอัลละวาอาศัยอยู่ภูเขาจะไม่ถล่ม ก็แหม ขนาดพื้นสั่นขนาดนี้ยังไม่มีแม้แต่เศษหินร่วงลงมาเลย คงเป็นเวทมนตร์อะไรสักอย่างล่ะมั้ง
‘ถ้างั้นก็ เริ่มแล้วนะ!!’
ห๊ะ เดี๋ยวดิ! ยังไม่ทันได้ตั้งตัวหรือว่าอะไรทั้งนั้น พอพูดจบคำนั้นเจ้าตัวก็แยกเขี้ยวพร้อมทั้งพุ่งเข้ามากัด แต่ด้วยความที่ฉันเองก็ เร็วต่อการตอบสนองพอควร เลยเบี่ยงตัวหลบการกัดนั้นได้…
‘อึก!!’
แต่ว่าทางนั้นเองก็ไม่ปล่อยช่องว่างเลยเช่นกัน โดยการกระแทกไหล่เข้ามาชนที่ลำตัวของฉัน ซึ่งบริเวณไหลของเขามีแร่อยู่บนตัว…เจ็บโว้ย!!
ความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่าง สั่งให้ฉันดึงตัวเองออกมาและใช้เท้าขวาข่วนไปที่ลำตัวของเขาแบบสุ่ม ซึ่งมันก็ติดที่แร่บนตัวอีกเช่นเดิมจึงดูไม่ได้รับความเสียหายเลย นอกจากว่าเศษแร่โดนข่วนหลุดออกไปเล็กน้อย
แต่ที่ขาหน้าซ้ายใต้ปีกของฉันนั้นเจ็บปวดมาก แถมยังรู้สึกว่ามีอะไรไหลเปื้อนอยู่…เมื่อมองไปที่ไหล่ซ้ายของอีกฝ่ายซึ่งเป็นข้างที่ชนฉันก็ได้รู้คำตอบ เมื่อกี้ที่ถูกชนแร่มันแทงเข้าไปในตัวฉันนั่นเอง
นี่น่ะเหรอการต่อสู้จริง
‘ไม่มีเวลาให้วางแผนหรอกนะ!!’
หลังจากพักหายใจไม่กี่วิ เขาก็คำรามออกมาแบบนั้นพร้อมทั้งใช้หัวพุ่งเข้าชน เร็วไปแล้ว! แบบนี้ไม่มีทางหลบพ้นแน่ แต่ว่าครั้งนี้ฉันยังพอมีสติอยู่กับตัว จึงยกตัวช่วงบนขึ้นแล้วใช้ขาหน้าสองข้างรับตัวเขาที่พึ่งเข้าใส่ไว้
แรงกระแทกที่โดนพุ่งใส่มากพอที่จะทำให้ปวดร้าวไปทั้งตัว แต่ว่าก็ยังพอทนได้อยู่ ในตอนนี้ฉันอยู่ในท่าจับเขาของมังกรอัลละวาไว้ด้วยขาหน้าสองข้าง…ทำยังไงต่อดี
‘กรร!!’
แน่นอนว่าคู่ต่อสู้ไม่ปล่อยให้ฉันคิดได้แน่ จึงได้สะบัดหัวไปมาเพื่อให้หลุดจากการโดนจับ เอ๊ะ เดี๋ยวสิ แบบนี้…ฉันกำลังได้เปรียบอยู่หนิ? ฉันจับตรงหัวของเขาไว้ได้ในตอนนี้นอกจากใช้แรงแข่งกับฉันก็โจมตีอะไรอีกไม่ได้นี่นา งั้นก็ต้องรีบยิงเวทใส่…อะ ห้ามใช้เวทมนตร์นี่นา
พอคิดแบบนั้น ฉันเองก็ไม่เคยโจมตีด้วยอย่างอื่นนอกจากเวทมนตร์เลยนี่นา อาวุธของฉันก็เหลือแค่…เป็นไงเป็นกันล่ะวะ!!
‘กรร!!’
ฉันหลับตาลงส่งเสียงคำรามออกมาเป็นการตัดสินใจ แล้วก้มหัวลงอ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขา แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ฟันฉันเจอนั่นก็คือแร่ แต่ด้วยกรามอันทรงพลังของฉันจึงขยี้แร่ที่แข็งพวกนั้นได้อย่างง่ายได้ และในที่สุด…ฉันก็ฝังเขี้ยวลงไปในคอของเขา
‘อ๊าก!!’
พร้อมกันกับที่ในปากเต็มไปด้วยกลิ่นและรสคาวของเลือด เสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดของคู่ต่อสู้ก็ดังนั้น ควบคู่กับการสะบัดตัวที่รุนแรงจนเมื่อครู่เทียบไปติด ทำให้มือฉันเผลอผ่อนแรงลง
อะ เวรแล้ว!!
‘อ็อก-’
ทันทีที่ฉันเผลอผ่อนแรงตรงมือ หัวของอีกฝ่ายก็หลุดไปในทันที และใช้เขากระแทกที่คอฉันเช่นกัน แรงกระแทกจากเขานั่นทำให้ฉันรู้สึกอยากจะอ้วกเลย นั่นทำให้ฉันอ้าปากไปอย่างไม่รู้ตัว
และช่องว่างของช่วงเวลานั้นเอง อีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามากัดที่ไหล่ฉันอีกครั้ง เจ็บ!! นี่เล่นซ้ำแผลเดิมเลยเรอะ!
“ริเกล! บินสิ!”
ในตอนนั้นเองเสียงของเคียร่าก็ดังเข้ามา บิน? จริงด้วย ฉันมีปีกนี่นา ในถ้ำนี้ก็ค่อนข้างกว้างถ้าบินล่ะก็…คงพอที่จะทำให้ตัวลอยเหนือพื้นได้อยู่
หลังได้ยินเสียงเตือนสติ ฉันก็สยายปีกออกกว้าง แล้วเริ่มกระพือเพื่อดันตัวเองขึ้นให้หลุดออกจากการกัดของมังกรอัลละวา แต่ว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังยิ่งขมวดคิ้วเข้าและฝังเขี้ยวลงลึกมากขึ้น จนปีกข้างซ้ายรู้สึกอ่อนแรงขึ้นมา นี่กะจะกัดให้บินไม่ได้เลยรึไง
‘หึ งั้นก็ไม่ต้องปล่อยล่ะ’
ฉันกัดฟันพูดออกไปแบบนั้นเพื่อข่มความรู้สึกของตัวเอง ก่อนจะใช้ฝ่ามือทั้งสองข้าง ตะปบไปที่ลำตัวของเขา ก่อนจะใช้เล็บขูดแร่บนไหล่ออกทั้งหมดและจิกเข้าไปแน่น พร้อมทั้งบินขึ้นไปทั้งแบบนั้น
เมื่อเท้าของอีกฝ่ายเริ่มอยู่เหนือพื้นมากยิ่งขึ้น จนตอนนี้หัวเราติดอยู่บนเพดาน ความหวาดกลัวและความไม่สบายใจก็เกิดขึ้นที่ตัวมังกรปฐพี แม้ปากจะยังกัดอยู่แต่ก็เห็นว่าแววตานั้นสั่นไหวเล็กน้อย และเท้าก็เริ่มขวนขวายไปทั่ว แต่นั่นเป็นสิ่งที่ฉันกะไว้แล้ว
เพราะตอนบินขึ้นฉันจับที่แขนของเขาเอาไว้จึงเป็นการล็อกตัว ทำให้ช่วงลำตัวของหมอนี่โจมตีเข้ามาไม่ได้ แถมยังหาที่เกาะหรือจับก็ไม่ได้เช่นกัน
‘ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!’
‘พูดออกมาไม่ดูตัวเองเลยรึไง!’
ไอ้บ้านี่ ตัวเองก็กัดคนอื่นเขาไม่ปล่อยเหมือนกันไม่ใช่เรอะ หึ เอาเถอะ…เดี๋ยวฉันปล่อยแน่ล่ะ แต่เอาไงดีนะ คิดว่าจะเหวี่ยงลงพื้นสักหน่อย แต่กัดไว้แน่นขนาดนี้มีหวังไหล่ได้โดนกระชากไปด้วยแน่
อืมมม
‘ตึง ตึง’
‘กรร!!’
ในระหว่างที่เรางัดกันอยู่บนฟ้าฉันก็เหลือบมองลงไปด้านล่าง พวกมังกรอัลละวาก็ยังคงเงยหน้ามองพวกเรา และกระทืบเท้าฟาดหางลงพื้นจนเกิดเสียงดังพร้อมทั้งฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วเพราะกระทบเข้ากับพื้น…จริงสิ! กระทบเข้ากับพื้น!!
‘อยากกลับลงไปที่พื้นนักใช่ไหมล่ะ!’
‘ห๋า’
ฉันยิ้มกว้างอย่างรู้สึกมีชัยเช่นนั้น จนคนที่เกาะฉันอยู่นั้นส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องใส่ใจ พร้อมทั้งโยกตัวเพื่อเหวี่ยงร่างของเขาขึ้นฟ้าเล็กน้อย แน่นอนว่าไม่แรงมากพอให้เขี้ยวที่ฝังอยู่หลุดออกไป แต่ก็…
‘ย๊ากกก!!’
หลังเหวี่ยงตัวเขาได้เล็กน้อย อีกฝ่ายก็เบิกตากว้างออกมาทันทีพร้อมทั้งอ้าปากออกเพื่อปล่อยฉัน แต่ว่า ไม่ทันหรอก!! ที่แขนของฉันเองก็ออกแรงจับเอาไว้แน่นพร้อมทั้งกระพือปีก บินพุ่งตัวลงไปที่พื้นอย่างสุดแรง
‘ตึง!!! เคร้ง!’
‘อั๊ก!!’
เสียงร่างของอีกฝ่ายที่กระทบลงกับพื้นดังอย่างรุนแรง พร้อมทั้งเสียงของแร่บนหลังที่แตกออกเพราะโดนกระแทกเข้ากับพื้น เสียงแผดคำรามด้วยความเจ็บปวดเองก็ดังไม่แพ้กัน
ใช่แล้ว การพุ่งตัวลงเมื่อกี้ฉันจงใจให้ร่างของเขาเป็นฐานลงพื้น เจ้านี่เลยโดนกระแทกเข้ากับพื้นที่แข็งแรงของถ้ำ ควบคู่ไปกับแรงของฉันและน้ำหนักของตัวเอง แต่ว่าแค่นี้มันยังไม่จบหรอก
ในขณะที่ฝุ่นยังไม่จางหายไปนั้น ฉันก็ใช้ขาหน้ากดลงไปตรงอกที่มีแร่หลัก ซึ่งหมายถึงชีวิตของมังกรอัลละวาอยู่ แล้วออกแรงจิกเล็บเข้าไป ขาข้างที่เหลือเองก็ล็อกส่วนต่าง ๆ ไว้ให้ลุกไม่ได้ ก่อนที่จะใช้อาวุธติดตัวอย่างสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุด ฟันนั่นเอง
‘กรร!!’
ฉันฝังเขี้ยวลงไปบนคอของอีกฝ่ายอีกครั้งจนมีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดออกมา และร่างของเขาที่นิ่งไปครู่หนึ่งก็กลับมาอาละวาด ทั้งสะบัดหางไปมาจนเกิดเสียงดังเป็นช่วง ๆ และใช้เข้าทั้งข่วนทั้งดันร่างฉันออก เจ็บ แต่ ต้องทน!
เพื่อต่อต้านความรู้สึกเจ็บปวดพวกนั้น ฉันจึงยิ่งออกแรงกดที่เท้าและในปากมากขึ้น กลายเป็นการแข่งความอดทนและแรงของเราสองคน เอ๊ะ ตัวสิเนอะ
แต่ยิ่งฉันลงแรงกัดไปมากขึ้นเท่าไหร่ ผิวหนังที่แข็งของเขาก็อ่อนนุ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเลือกก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นจนอาบไปทั่ว ใบหน้าของจ่าฝูงมังกรอัลละวาก็ยิ่งกัดฟันด้วยความเจ็บปวด อีกแค่นิดเดียว…
แต่ก่อนหน้าที่ฉันจะได้คิดอะไรต่อ แรงขัดขืนทั้งหมดก็แผ่วเบาลง
‘ยะ- ยอมแล้ว…’
ทันทีที่ได้ยินคำนั้น ก็เหมือนกับมีอะไรแล่นผ่านสมอง แล้วก็รีบปล่อยปากออกในทันที เอ๊ะ เมื่อกี้ฉัน…คิดว่าอีกนิดเดียวก็จะอะไรนะ? แต่ช่างมันเถอะ…
ในตอนนี้นั้นในที่สุดการต่อสู้ก็จบลง โดยที่ร่างของจ่าฝูงนอนหมดสภาพอยู่กับพื้น และฉันที่ตัวและปากเปรอะไปด้วยเลือด ซึ่งยืนหอบหายใจมองเขาอยู่
ชนะแล้ว?
‘กรร!!’
จากนั้น ฉันก็สะดุ้งโหยงเพราะได้ยินเสียงร้องคำรามของมังกรอัลละวารอบตัว จริงด้วย เมื่อกี้จดจ่ออยู่แต่กับการต่อสู้จนแทบจะไม่ได้มองรอบตัวเลย
ในตอนแรกมังกรพวกนั้นยืนมุงปิดทางเดินเอาไว้อยู่ แต่หลังการขอยอมแพ้ของจ่าฝูงพวกนั้นก็หลบออกด้านข้าง จนเห็นทางเดินทอดเข้าไปลึกในถ้ำ
“หมายความว่ายังไง ไปแล้วงั้นเหรอ?”
เจ้าชายที่ตอนนี้หลบอยู่ด้านหลังเคียร่า พร้อมทั้งมือที่จับดาบอยู่ตลอดเวลาถามออกมาเช่นนั้น เคียร่าเองก็มองมาที่ฉันเพื่อหาคำตอบ เอ นั่นสินะ ผ่านได้รึยังนะ…
สุดท้ายฉันเลยเหลือบไปมองเจ้าถิ่นซึ่งนอนหมดสภาพอยู่
‘เฮ้อ ก็ชนะแล้วไม่ใช่เหรอ ไปสิ’
เมื่อได้ยินคำตอบที่ดูเหนื่อย ฉันก็หันไปหาเคียร่าและพยักหน้าให้เบา ๆ เหมือนว่าแผนจะไปได้อย่างราบรื่น…มั้ง?
————————– ——————————
“แฟร์ มีจดหมายสำคัญมาส่ง”
ในตอนที่ฉันกำลังนั่งอ่านและลงชื่อยืนยันในเอกสารของประเทศอยู่นั้น นาลซึ่งกลายเป็นผู้ช่วยฉันในงานเอกสาร ก็เดินเข้ามาพร้อมทั้งจดหมายฉบับหนึ่งในมือ
ฉันก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ
“เอกสารไหนเข้ามาก็สำคัญหมดแหละน่า เพราะงั้นวางไว้เลยจะไล่อ่านตามคิวนั่นแหละ”
พูดแล้วก็อยากจะบ้าตาย กองเอกสารโคตรเยอะเลยโว้ย! แถมจดหมายก็มีเข้ามาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะจากฟัวกราแล้วก็ประเทศอื่นเพราะสงครามที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เราก็เนียนบอกไปว่ากำลังตั้งตัวอยู่ล่ะนะ คงพอถ่วงเวลาได้นิดหน่อยว่ายังไม่อยากมีส่วนร่วม
แต่ว่านาลก็ยังคงไม่วางจดหมายเอาไว้ พร้อมทั้งพูดออกมาอย่างอึกอัก
“แต่จดหมายฉบับนี้…ถูกส่งมาจากฟาเรเรียนะ”
ในตอนนั้นเอง ฉันก็ชะงักมือในทันที ฟาเรเรีย? ประเทศที่เคียร่าอยู่หนิ…
“หมายความว่าไงกัน ใครส่งมา”
“ไม่รู้สิ จ่าหน้าซองไม่ได้บอกผู้ส่งเอาไว้”
เราทั้งคู่อยู่ในความเงียบสงบพร้อมทั้งบนใบหน้าที่เคร่งเครียด สุดท้ายฉันก็ยื่นมือไปรับซองจดหมายนั้นมาเปิดอ่าน นี่มัน…
เนื้อหาด้านในเขียนเกี่ยวกับแผนการของประเทศฟาเรเรีย ทั้งวิธีการรับมือกับประเทศฟัวกรา แล้วก็การแก้ปัญหาขาดแคลน…นี่มัน เจาะภูเขาเชื่อมทะเลงั้นเหรอ? ข้อมูลวงในที่ควรจะเป็นความลับทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ แม้แต่เคียร่าเองยังเลี่ยงที่จะไม่เล่าให้ฉันฟังเลยแท้ ๆ แต่ทำไมจดหมายฉบับนี้ถึงได้…
“นาล เอามันไปเผาซะ”
“เอ๊ะ หมายความว่ายังไง-”
“ฟังฉัน เอามันไปเผา แล้วทำเป็นว่าเราไม่เคยได้รับจดหมายฉบับนี้ เข้าใจนะ?”
ฉันยื่นจดหมายฉบับนี้ให้พร้อมทั้งกำมือแน่น เพราะว่าใส่อารมณ์เข้าไปในคำพูดรึเปล่านะ นาลถึงได้ดูผวาและไม่พูดอะไรต่อ ก่อนที่จะรับจดหมายไปอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย นี่ฉันทำหน้าแบบไหนกันแน่นะ?
แต่ช่างเถอะ…จดหมายเมื่อกี้ไม่ใช่จากเคียร่าแน่นอน ถ้าเป็นเธอคงส่งมาทางแฟลชแล้ว คนส่งนั่นเป็นใคร แล้วให้ข้อมูลพวกนี้ทำไม แล้วอีกอย่าง ส่งมาได้ยังไงกัน? ฟาเรเรียโดนปิดประเทศไปแล้ว แทบจะไม่มีทางให้ติดต่อมาหาภายนอกได้แบบนี้
และที่น่าหงุดหงิดกว่านั้น…คิดว่าถ้าฉันได้ความลับของฟาเรเรียมาแบบนี้ แล้วจะฉวยโอกาสงั้นเหรอ จะดูถูกกันไปหน่อยแล้วมั้ง และคนที่มองว่าพวกเราคืออีแร้งเก็บซากหรือฉวยโอกาสแบบนี้ก็คงมีแค่
“ฟัวกราสินะ”
แสดงว่า มีคนที่อยู่ฝ่ายฟัวกราอยู่ในพวกคนใหญ่คนโตของฟาเรเรียสินะ งานยากแล้วสิ…สำหรับเคียร่าน่ะนะ แต่ฉันเองก็คงทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่ฉันทำได้มากที่สุดก็คงมีแค่นี้
คือทำเป็นว่าไม่เคยได้รับข้อมูล และการติดต่อจากพวกนั้น ทำได้แค่นี้…งั้นเหรอ?
———————— ———————
(มุมคนเขียน)
กลับมาแล้วว~ หายไปนานเลย พอดีโดนป้ายยาเกมมา— แค่กๆ แค่ส่วนหนึ่งแหละค่ะ (ฮา) ก่อนอื่นเลยต้องขออภัยที่หายไปค่อนข้างนานเลยนะคะ เพราะว่าก่อนหน้านี้คือมีไข้ขึ้นเล็กน้อย
พอหายก็ต่อด้วยมีปัญหานิดหน่อยทำให้เรื่องเรียนต่อต้องโละแผนใหม่หมดเลย แล้วแผนใหม่ที่ว่าก็ต้องวิ่งเต้นทำเรื่องอะไรอีกเยอะ + ต้องเริ่มทำพอร์ตสำหรับชิงทุนอีก จนทำให้กดดันตัวเองนิดหน่อยเลยโดนลากไปเปลี่ยนบรรยากาศ (ฮา)
ตอนนี้ก็กลับมาได้แล้วค่ะ~ เรื่องงานเขียนไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะว่าจะเขียนเรื่อยๆ เหมือนเดิม หรืออาจจะดันให้ตัวเองขยันขึ้นด้วย เพราะไอ้พอร์ตใส่ผลงานเนี่ย…จะใส่เป็นนิยายนี่แหละ แค่เหมือนมันมีเส้นตายเพิ่มขึ้นมาจนเผลอกดดันตัวเองมากไป (หมดเขตส่งพอร์ต 28 ก.พ ปีหน้า) แต่ก็อย่างที่บอก ตอนนี้กลับมาปกติแล้วค่ะ!! ก็จะทำเท่าที่ได้เช่นเดิม ไม่ให้เคร่งเครียดมากเกินไป
ขอขอบคุณทุกท่านที่ยังตามอ่านและคอยสนับสนุนนะคะ!!