ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 6: การฝึกจากสิ่งมีชิวิตต่างเผ่า
“แล้ว จะตอบคำถามของข้าได้รึยัง ว่าพวกเจ้ามาทำอะไรกัน”
เมื่อเราใช้เวลาปรับตัวกันใหม่อยู่ครู่หนึ่ง คุณโรเวิร์ตก็ถามเคียร่าด้วยน้ำเสียงเชิงกดดันเล็กน้อย นั่นทำให้เด็กสาวเผลอลนลานจนหลับตาหนีไปทางอื่น
และพยายามเบี่ยงประเด็นแต่ก็ไม่เนียนเลยสักนิด อีกหน่อยก็คงถูกจับได้แหง ๆ เฮ้อ…เตรียมรอรับคำดุดีกว่าแฮะ
“ดาบไม้นั่น…หรือว่าเจ้าพยายามจะฝึกใช้ดาบรึ”
นั่นไง เขาจับได้ง่าย ๆ เลย เมื่อรู้ว่าปิดไปไม่ได้แล้วเคียร่าก็สารภาพออกมาตามตรงทันที ว่าเพราะคึกที่อยากเป็นนักผจญภัยจึงพรวดพราดมาฝึกทันที
นั่นทำให้เธอถูกคุณโรเวิร์ตสับหัวด้วยฝ่ามือเข้าให้ อะ ฉันก็โดนด้วย…ไหงงั้นอะ แค่ตามเธอมาเองนะนี่ฉันก็ผิดด้วยเหรอ
แต่เจ็บจังวุ้ย ดูทำไม่แรงมากแท้ ๆ
ฉันคิดแบบนั้นพลางยกขาหน้าขึ้นมาลูบหัวที่โดนสับเพราะความเจ็บปวด แถมยังน้ำตาเล็ดออกมาอีก แง๊ ตีหนูทำไมกัน…
“ไม่ได้ ต่อให้ร้องไห้ที่ถูกตีก็ไม่ดุไม่ได้ พวกเจ้าต้องไม่ลืมสิ ว่าเด็กสาวอายุ 8 ปีในป่าแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน กลับไปในหมู่บ้านได้แล้ว”
“ค่า…”
‘ค่า~’
ฉันส่งเสียงออกไปพร้อม ๆ กับที่เคียร่าตอบรับเอลฟ์หนุ่ม ทำให้เขาพึมพำออกมาพลางพยักหน้าว่า ‘ดี’ แล้วพวกเราทั้งคู่ก็ต้องจำใจเดินกลับไปที่หมู่บ้านพร้อมกับเขา
ในระหว่างนั้น โรเวิร์ตก็เหลือบมองเคียร่าแล้วถามว่าใช้ดาบเป็นเหรอ เธอจึงทำเพียงขำแห้งแล้วบอกว่าไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะเริ่มฝึกตรงไหนด้วยซ้ำ
นั่นทำให้ทางนี้เผลอหน้านิ่วเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปร้องเรียกพยายามบอกให้เธอแสดงการควงนั่นให้ดูอีก จนโรเวิร์ตได้ส่งเสียงด้วยความสงสัย
“มีอะไรรึริเกล…เคียร่า เจ้ามีอะไรปิดบังข้าอีกหรือเปล่า”
“เอ๋ ก็…”
‘เอาหน่า แสดงออกไปเลย!’
เมื่อฉันส่งเสียงร้องดังขึ้นก็เหมือนเธอเองก็จะทนความกดดันไม่ไหว แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมทั้งพึมพำออกมาอย่างหน่าย ๆ
“เฮ้อ…เข้าใจแล้วหน่า”
แล้วจากนั้นเธอก็หยิบดาบไม้ขึ้นมาตั้งตรงอกอย่างสง่างามโดยที่ไม่หยุดเดิน ทั้งยังขยับให้ห่างจากทุกคนอีกด้วย ก็นะมันใช้พ้นที่เยอะนี่นา
การกระทำแบบนั้นสร้างความฉงนให้กับทั้งสองที่กำลังมองอยู่ แล้วเธอก็เริ่มควงมันอย่างคล่องแคร่วงอีกครั้งด้วยท่าทีที่ขึงขังกว่าเดิม
เป็นเพราะเดินอยู่หรือเปล่านะ? ชวนให้นึกถึงขบวนอะไรสักอย่างเลย เท่ชะมัด แถมยังมีโยนขึ้นฟ้าทั้งที่มันยังหมุนอยู่ด้วยนะ พอหล่นลงมาเคียร่าก็รับมันได้โดยจับที่ด้ามและมาตั้งท่าตรงกลางอกเช่นเดิมทันที
และนั่นก็เป็นสัญญาณจบการแสดงของเธอ ที่ถูกมองโดยสายตาตกตะลึง ก่อนที่โรเวิร์ตจะเป็นคนปรบมือแสดงความชื่นชม เป็นไงล่ะ เจ๋งใช่ไหมล่ะเคียร่าน่ะ
“แล้วทำไมริเกลต้องทำท่าภูมิใจแบบนั้นด้วยล่ะ”
เคียร่ามองฉันแล้วยิ้มเจื่อน ๆ ให้ก่อนที่จะหันไปคุยกับโรเวิร์ตต่อ และแน่นอนคำถามที่ฉันเองก็อยากรู้คำตอบก็ออกมาจากปากของเขา
“เจ้าฝึกมาจากที่ไหน”
ใช่ มันเป็นเรื่องที่ฉันอยากรู้มากที่สุด จะบอกว่าจู่ ๆ เด็กอายุ 8 ขวบก็ทำได้ขนาดนี้เนี่ยนะ ไม่มีทางหรอก! ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ ๆ
แต่แล้วเมื่อได้เห็นสีหน้าของเคียร่าความอยากรู้อยากเห็นก็ปลิวหายไปในทันที เธอ…กำลังทำสีหน้าเจ็บปวด ตอนนี้เด็กสาวหลบหน้าเอลฟ์แล้วแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา
ถึงมองเผิน ๆ คงจะบอกว่าแค่ลำบากใจที่ถูกถาม แต่ถ้ามองลึกลงไปก็จะพบว่ามีความเศร้าและเจ็บปวดอยู่ด้านในนั้น อะไรล่ะนั่น ไอ้สีหน้าแบบนั้นน่ะ…ไม่ชอบใจเอาซะเลย
และเพราะแบบนั้นก็กลายเป็นว่าฉันเองก็หน้ามุ่ยเหมือนกัน แถมความรู้สึกผิดที่รบเร้าให้เธอทำก็ถาโถมเข้ามา ฉันเผลอทำเรื่องแย่ ๆ ลงไปรึเปล่านะ?
“เปล่าค่ะ แค่…ก่อนหน้านี้พอได้ลองจับไม้ก็อยากลองควงเล่นขึ้นมาดูน่ะค่ะ ฮะ ๆ ”
เธอปรับอารมณ์ตัวเองใหม่แล้วหันขึ้นมายิ้มหัวเราะพลางตอบกลับไปอย่างร่าเริง โกหกไม่เก่งเลยสักนิด ดูยังไงก็ไม่ใช่แค่นั้นแน่นอน
แต่เพราะว่าคุณโรเวิร์ตก็สังเกตเห็นแบบนั้นเหมือนกันหรือเปล่านะ เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ ทำเพียงแค่พูดออกไปว่า ‘งั้นรึ’ แล้วเดินต่อแบบเงียบ ๆ
จนเมื่อเริ่มมองเห็นหมู่บ้าน เขาก็พูดขึ้นมา
“ถ้าแบบนี้ดาบอาจจะไม่เหมาะกับเจ้าเท่าไรนัก”
“เอ๊ะ”
เมื่อจู่ ๆ ชายที่เงียบมาตลอดทางก็พูดขึ้นมาแบบนั้น ทั้งเคียร่าและฉันก็หันขวับไปมองแล้วเอียงคอด้วยความสงสัย หมายถึงยังไงหว่า
และเมื่อเห็นท่าทีที่แสนน่ารักของพวกเรา เขาก็หลุดหัวเราะออกมาจากลำคออย่างแผ่วเบา ก่อนจะอธิบายขยายความต่อ
“ข้าแค่คิดว่า เมื่อกี้ตรงที่คั่นดาบขวางเจ้าพอควรเลยหนิ แถมหากมีพื้นที่จับมากกว่านี้คงทำอะไรได้อีกเยอะเลยใช่ไหมล่ะ”
“นั่นก็…ค่ะ คิดว่าถ้ามีด้ามจับกว้างกว่านี้น่าจะถนัดมือขึ้น”
เอ๋เป็นงั้นเหรอ เห็นว่าดูคล่องซะขนาดนั้นนึกว่าไม่มีปัญหาอะไรซะอีก ยากจังเลยนะเรื่องอาวุธเนี่ย ฉันที่คิดตามพวกเขาไม่ทันก็ทำสีหน้ามุ่ยทันที
พวกเขาที่มองฉันก็หัวเราะออกมาอย่างอบอุ่น อะไร มีอะไรน่าหัวเราะตรงไหน! จากท่าทีของพวกเขาทำให้ฉันทำแก้มป่องออกมาด้วยความไม่พอใจ
แล้วคุณโรเวิร์ตก็หันไปคุยกับเคียร่า นี่เมินกันเลยเรอะ…
“ข้าพอคิดอะไรออกนิดหน่อย พรุ่งนี้เจ้ามาหาข้าที่บ้านนะ ข้าจะสอนการต่อสู้ให้เจ้าเอง”
“จริงเหรอคะ!”
เคียร่าตอบรับคำนั้นกลับไปด้วยคำถามอย่างรวดเร็ว โดยที่บนใบหน้าของเธอนั้นแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ไฟแรงดีจริง ๆ แฮะ
เมื่ออีกฝ่ายตกลงรับปากด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เด็กสาวก็กระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดี จนทำเอาทางนี้ยังเผลอยิ้มตามเลย
น่ารักจังน้า~ คิดว่าเด็กๆ จะน่ารำคาญกว่านี้ซะอีก แต่แบบนี้ก็น่าเอ็นดูชะมัดเลย
และเราทั้งสองก็กลับไปที่บ้านแล้วอ่านหนังสือกันจนถึงตอนเย็น และเข้านอนรอให้ถึงวันพรุ่งนี้อย่างตื่นเต้น
———- ———-
“วันนี้ขอรบกวนด้วยนะคะ!”
ในเช้าวันต่อมาหลังจากจัดการธุระส่วนตัวที่บ้านเสร็จ เคียร่าก็รีบพาฉันมายังบ้านของคุณโรเวิร์ตทันที เมื่อเจอหน้าอีกฝ่ายเธอก็พูดออกมาเสียงดังฟังชัด พร้อมกับก้มหัวขอร้องทันที
นั่นทำให้เอลฟ์หนุ่มพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจทันที
“กระตือรือร้นดีมาก เข้ามาสิข้าเตรียมสิ่งที่น่าจะเหมาะกับเจ้าให้แล้ว”
พูดจบเขาก็หันหลังกลับเข้าไปในบ้านแล้วเดินนำพวกเราให้ตามไปจนถึงห้องด้านในที่ปิดประตูเอาไว้ เมื่อเห็นด้านในฉันก็ต้องอ้าปากค้างและส่ายหางไปมาอย่างตื่นเต้น
เพราะด้านในไม่ได้มีเพียงหนังสืออีกแล้ว มันมีพวกของสะสมและอีกหลาย ๆ อย่าง ที่ดูเก่าจนงดงามอย่างน่าประหลาด จนชวนให้คิดว่าต้องมีมูลค่าสูงมากแน่
แน่นอนว่าทางเคียร่าเองก็ดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัวเช่นเดียวกัน ก่อนที่พวกเราจะถูกดึงสติด้วยเสียงเรียกของคุณโรเวิร์ต
“ข้านึกขึ้นได้ ว่าเคยเห็นอาวุธจากประเทศเกียร์มัวมาก่อน ถ้าเป็นเจ้าต้องกวัดแกว่งมันได้แน่”
พูดแล้วเขาก็นำไม้ที่ถูกขัดอย่างดีมาให้ มันมีด้ามจับยาวจนพอ ๆ กับคุณโรเวิร์ต แน่นอนว่านั่นทำให้มันสูงกว่าตัวเคียร่าไปอีก
และที่ปลายหัวของมันเป็นใบมีดขนาดค่อนข้างใหญ่และโค้งงอเหมือนพระจันทร์ เหมือนเคยเห็นผ่านตาในชีวิตก่อนอยู่หรอก แต่ไม่รู้แฮะว่ามันเรียกว่าอะไร…
เคียร่าเองก็รับมันมาด้วยความสงสัยพลางจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เก็บคำพูดนั้นกลับเข้าไปในลำคอ ราวกับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา
“มันคือง้าว ถึงมองเผิน ๆ อาจจะเหมือนกับหอกก็ตาม แต่เท่าที่ข้าเคยเห็นมานั้นใช้ค่อนข้างต่างกัน”
จากนั้นเขาก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับง้าวต่อทันที ว่าการใช้งานมันเป็นยังไงพร้อมกับพาออกไปทางด้านหลังของบ้าน ซึ่งมีที่โล่งอยู่ติดกับป่านอกหมู่บ้าน
ฉันฟังคำอธิบายของคุณโรเวิร์ตได้ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ถ้าให้คิดง่าย ๆ ก็คงเหมือนกับดาบที่มีด้ามจับยาวเหมือนหอกล่ะมั้ง
และฉันก็นั่งมองทั้งคู่ฝึกการต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ข้างสนาม…เบื่อจังเลยนะ แล้วฉันควรทำอะไรดีล่ะ? สุดท้ายก็ได้แต่คิดแล้วถอนหายใจออกมา
‘เป็นอะไรรึ เจ้าหนู’
ในตอนนั้นเอง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลังแบบไม่ได้ตั้งตัวจนเผลอสะดุ้งโหยง เมื่อหันไปมองก็พบกับดีอาร์ที่มานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้
ถึงจะตกใจแต่ก็ดึงให้ตัวเองกลับมาใจเย็นแล้วตอบกลับไป
‘เปล่า แค่ไม่รู้จะทำอะไรดี ได้แต่มองแบบนี้น่าเบื่อชะมัด…’
เมื่อฉันตอบกลับไปแบบนั้นเขาก็ทำท่าทางคิดเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน และพูดด้วยรอยยิ้มทั้ง ๆ ที่น้ำเสียงก็ยังคงนิ่งเรียบเช่นเดิม
‘ถ้าพวกนั้นฝึกกัน เจ้าก็ไปฝึกด้วยสิ’
‘เอ๋ ได้เหรอ แล้วฉันต้องฝึกยังไงอะ!’
เมื่อได้ยินคำว่าฝึก จู่ ๆ หัวใจก็เต้นระรัวขึ้นมา ราวกับว่าเลือดในตัวมันเดือดพล่านขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นั่นทำให้ดีอาร์หัวเราะต่ำ ๆ ด้วยความพอใจ และบอกว่าให้ตามมา
ฉันเดินตามหลังเขาต้อย ๆ ราวกับลูกหมาที่เดินตามจ่าฝูง เพราะถึงทางนี้จะดูดีดขนาดไหน อีกฝ่ายก็เดินช้า ๆ และสง่าผ่าเผยไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
แล้วในตอนนั้นเองฉันก็สังเกตอะไรบางอย่าง ตอนนี้เขาเดินก็ปกติดีนี่นา ทำไมเมื่อวานที่เจอกันถึงรู้สึกว่าเสียงดังมากเลย หรือเพราะใส่แรงลงไปจงใจขู่ฉันรึเปล่านะ?
เพราะเอาแต่เดินตามเงียบ ๆ ทางนี้เลยเผลออะไรคิดไปเรื่อยเปื่อยและไม่ได้มองด้านหน้า ว่าดีอาร์หยุดเดินแล้ว ทำให้หัวชนกับขาหลังของเขาโดยไม่รู้ตัว
‘มีสมาธิหน่อยสิ’
‘อะ อืม…’
เมื่อถูกดุด้วยน้ำเสียงเอื่อยตามปกติก็ทำให้เผลอตอบไปอย่างลนลาน แต่เราเดินมาลึกขนาดไหนกันนะ ไม่ได้สังเกตเลยแฮะ
ตอนนี้พวกเราหยุดอยู่ที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ จนแค่กิ่งก้านจากต้นเดียวก็สามารถสร้างร่มเงาที่คลุมพวกเราทั้งสองได้ทั้งหมด แถมที่ลำต้นก็มีโพรงบางอย่างอยู่ด้วย
แล้วดีอาร์ก็มุดเข้าไปในโพรงนั้นราวกับกำลังขุดคุ้ยบางอย่างอยู่ นั่นทำให้ทางนี้ได้แต่เอียงคอสงสัยและนั่งรอ กำลังหาอะไรอยู่นะ?
‘ถึงการฝึกที่ดีที่สุดจะเป็นการให้มนุษย์มาขี่หลังก็เถอะ แต่ด้วยขนาดตัวเจ้าตอนนี้คงยังทำไม่ได้ ดังนั้นก็ต้องเพิ่มพละกำลังไปก่อน’
เขาส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเหมือนกำลังคาบอะไรบางอย่างอยู่ แต่ถึงกระนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ สุดยอดเลยแฮะ นับว่าเป็นเวทมนตร์ไหมเนี่ย
แล้วนาทีต่อมาเขาก็นำร่างออกมาจากโพรงพร้อมสิ่งที่ลากออกมาตรงหน้า นั่นทำให้ฉันได้แต่จ้องมันแล้วกะพริบตาปริบ ๆ
เพราะมันคือท่อนซุงขนาดใหญ่ที่ถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา ถึงตอนนี้จะผูกไว้แค่ท่อนเดียวก็เถอะ แต่จากที่แอบเหลือบไปมองในโพรงก็ได้รู้ว่ามีอีกเยอะเลย
‘เริ่มจากลากเจ้านี่ให้คล่องก่อน แล้วข้าจะเพิ่มให้อีกเรื่อย ๆ จะบินก็ได้นะ’
‘จะ- จะลากไหวจริงเหรอ…’
‘ฮ่ะ ฮ่ะ ไม่ต้องกังวลไป เจ้ามีแรงเยอะกว่าที่ตัวเองจะรู้เสียอีก’
เมื่อเขาหัวเราะด้วยเสียงหนัก ๆ อย่างขบขันจบ ทางนี้ก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่แล้วเดินเข้าไปหาเชือกที่ผูกเอาไว้ โดยจับด้วยขาหน้าทั้งสองข้างและออกแรง
‘นะ- หนัก!’
ฉันร้องด้วยเสียงอู้อี้ออกมาในขณะลากอย่างสุดแรงเกิด มันแทบจะไม่ขยับเลยสักนิด มีเพียงแค่เท้าของฉันที่จมลงไปในดินแล้วขยับอยู่กับที่แทน
‘โอ้ พยายามเข้า ๆ พวกมีปีกเช่นเจ้า ถ้าบินจะช่วยทุ่นแรงได้นะ’
ฉันยังคงลากต่อไปโดยที่มีเสียงให้กำลังใจจากดีอาร์อยู่ข้าง ๆ ทำไมกันนะ รู้สึกได้ว่าเขากำลังสนุกอยู่…นี่แอบแกล้งกันอยู่รึไงกัน แต่ว่านะ
‘บินงั้นเหรอ?’
ในตอนที่ฉันพักหายใจก็หันไปถามเขา นั่นเป็นสีหน้าแปลกใจอย่างที่รู้สึกได้ว่าหายากจากเขา ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดออกมาราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
‘ก็บินน่ะสิ เจ้าคิดว่าปีกบนหลังตัวเองเป็นของประดับรึไง’
อุ๊ ไม่เห็นต้องพูดแรงขนาดนั้นเลยหนิ ก็แค่ลืมเอง…แถมยังควบคุมไม่เป็นอีกต่างหาก เป็นส่วนแปลก ๆ ของกล้ามเนื้อที่กี่ครั้งๆ ก็ไม่ชินซะที
เมื่อเห็นว่าฉันเงียบไปแล้วทำสีหน้าซับซ้อนก็ทำให้เขาสรุปบางอย่างได้พลางพึมพำว่า ‘งั้นรึ’ ออกมาเบา ๆ และลุกขึ้นเดินมาทางนี้
…และงับเข้าที่คอของฉันเบา ๆ
‘เอ๋ เดี๋ยว นี่ทำอะไรเนี่ย!’
แน่นอนว่าฉันไม่อยู่เฉยและตกใจสุดขีด พร้อมทั้งพยายามดิ้นออกให้หลุดแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากปากของเขาได้เลย อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาสั้น ๆ
‘รอดูเงียบ ๆ เถอะ’
เพราะเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง สุดท้ายก็เลยนิ่งเงียบไปตามที่บอก ในระหว่างนั้นเขาก็ปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่อันแข็งแรง
จนพวกเราอยู่กันสูงขึ้น สูงขึ้น…สูงเกินไปแล้ว!
‘มะ- ไม่ขึ้นมาสูงเกินไปหน่อยเหรอ’
‘เอาหน่า มังกรไม่ตายง่าย ๆ หรอกนะ’
เอ๊ะ พูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ…ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป จนเขาหยุดลงโดยที่ให้ตัวฉันลอยอยู่กลางอากาศ
จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมองลงไปที่พื้นด้านล่างที่แทบจะมองไม่เห็นพื้นแล้ว…
‘ข้าไม่รู้วิธีฝึกบินของพวกมีปีกหรอกนะ แต่ถ้าได้ตกที่สูงคงจะกระตุ้นสัญชาตญาณได้อยู่กระมัง’
‘เดี๋ยวสิ! มันบินยังไงก็ไม่รู้ แถมพูดแบบนี้แสดงว่าจะปล่อยลงไปสินะ!!’
‘นั่นสินะ…ก็ขยับเหมือนปีกนกแหละ’
‘เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ หยุดนะ- อา!!!’
เมื่อร่างของฉันหลุดออกจากปากของดีอาร์ ตัวของฉันก็ตกลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกในทันที แน่นอนว่าเพราะไม่ทันตั้งตัวจึงดิ้นไปมาและร้องออกมาเสียงดัง
ตาย ๆ ๆ ๆ แบบนี้ได้ตายอีกรอบแหง ๆ แล้วในตอนที่รู้สึกว่าตัวเองใกล้ถึงพื้นแล้วก็หลับตาลงเตรียมรับแรงกระแทก แต่สัมผัสต่อมาก็เป็นเพียงความนุ่มนิ่มเท่านั้น
‘ไม่คิดว่าจะไม่กางปีกบินจริง ๆ เอาเถอะ ข้าจะพาขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ จนกว่าจะบินได้คล่องเอง’
ถึงแม้จะเป็นคำพูดในขณะที่ถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู แต่ประโยคหลังทำให้ทางนี้ยิ้มไม่ออก เพราะนั่นหมายความว่า…
ฉันต้องติดอยู่ในการฝึกบ้า ๆ นี่ต่อไปน่ะสิ!