ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 4: เป้าหมายของเราทั้งสอง
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ เคียร่าก็ชวนว่าจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับฉันให้มากกว่านี้ ฉันจึงได้แต่เอียงคอด้วยความสงสัยว่าจะทำยังไง
เคียร่าก็ไม่ตอบอะไรนอกจากรอยยิ้มและพูดว่าเดี๋ยวบอก ก่อนจะแต่งตัวเป็นชุดออกไปข้างนอกและก็ให้ฉันตามหลังเธอไป ดูเหมือนว่าถึงจะเป็นมังกรแปลกตา แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องปิดบัง
“โอ๊ะ อรุณสวัสดิ์เคียร่า หือ นั่นลูกมังกรจากไหนน่ะ”
“เก็บมาได้เมื่อวานค่ะ พ่อกับแม่ก็อนุญาตแล้วด้วย”
“อ้อ งั้นเรอะน่ารักดีนะ”
ก็จะมีการทักทายประมาณนี้ทุกครั้งที่เดินอยู่ในหมู่บ้านและเจอผู้คนที่ผ่านไปมา จากที่มองรอบ ๆ ที่นี่นั้นเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บ้านสร้างจากวัสดุที่ไม่ได้แข็งแรงอะไรมากนัก
ไม่มีแม้แต่กำแพงกั้นหมู่บ้าน มีมากสุดก็รั้วไม้อย่างง่ายเท่านั้น ส่วนรอบหมู่บ้านเต็มไปด้วยป่าใหญ่ซึ่งไม่ทึบมากเท่าตอนที่ฉันเกิดมา
ถึงแม้ว่าหมู่บ้านนี้จะดูห่างไกลความเจริญ แต่เพราะบ้านแต่ละหลังสร้างค่อนข้างห่างกันจึงมีพื้นที่กว้างใหญ่พอควร หรือว่าเป็นเพราะพวกฉันตัวเล็กกันมากกว่านะ?
พวกเราเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งดูดีกว่าหลังอื่นเป็นพิเศษ แต่ว่าในสายตาฉัน ต้องบอกว่ามันเป็นบ้านธรรมดาที่สร้างอย่างดีมากกว่า
(เครดิตผู้วาด : Borisut Chamnan )
ในขณะที่ฉันยืนมองสำรวจภายนอกอยู่ครู่หนึ่ง เคียร่าก็เดินเข้าไปเคาะประตูบ้านหลังนั้นพลางส่งเสียงเรียก
“คุณโรเวิร์ต อยู่ไหมคะ”
“อยู่ ประตูไม่ได้ล็อกเปิดเข้ามาได้ตามใจเลย”
จบคำของเคียร่า ก็มีเสียงชายหนุ่มดังมาจากด้านในซึ่งแผ่วเบาเพราะน่าจะอยู่ไกล แต่ถึงจะพูดแบบนั้นหูฉันก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนทุกคำล่ะนะ ถ้าเป็นเคียร่าอาจจะได้ยินแบบขาด ๆ หาย ๆ ก็ได้
และไม่รอช้า เธอก็เปิดประตูเข้าไปด้านในอย่างเบา ๆ พลางหันมาทำท่าบอกให้ฉันเบาเสียงไว้ จนเผลอพยักหน้าแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ
พร้อมทั้งก้าวเท้าตามหลังเธออย่างช้า ๆ เหมือนกับอีกฝ่าย
จนผ่านพ้นเข้าไปอีกฝั่งของประตูสิ่งแรกที่ฉันรู้สึกได้เลยนั้นก็คือ กลิ่นของหนังสือกระดาษเก่า ๆ และหมึกที่ฉุนจนตีจมูก ไม่สิ น่าจะเพราะทางนี้จมูกดีมากกว่า
แต่ก็ เป็นกลิ่นให้ชวนสงบใจดีนะ ถ้าลองดมดี ๆ จะได้กลิ่นสมุนไพรจาง ๆ ด้วยพนันได้เลยว่าต้องมีผลช่วยให้ผ่อนคลายแน่ ๆ
หลังจากหลับตาสูดดมกลิ่นอย่างเพลิดเพลิน ฉันก็ลืมตาขึ้นมามองรอบ ๆ และก็ต้องตกตะลึงกับภาพภายในบ้านที่ตัวเองเดินเข้ามา
ไม่สิ อีแบบนี้เรียกห้องสมุดน่าจะดีกว่ามั้ง
“เอาล่ะ มาหาสิ่งที่เชื่อมโยงกับตัวของเธอได้กันเถอะ”
เคียร่าพูดอย่างแผ่วเบาราวกับกระซิบกับฉัน จึงได้ส่งเสียงร้องเบา ๆ ในลำคอเพื่อตอบกลับ พลางพยายามกระดิกหางไม่แรงมากนักเพื่อโต้ตอบเธอ และไม่ให้เสียงดังเกิน
ส่วนในบ้านที่พวกเราเข้ามานั้น เต็มไปด้วยชั้นหนังสือมากมายทั่วทุกทางที่มองไป ห้องต่าง ๆ ที่ถูกแยกไว้ก็ไม่มีประตูกั้นเอาไว้ และในห้องเหล่านั้นก็ยังเต็มไปด้วยชั้นหนังสือ
นี่จะให้คิดว่าเป็นบ้านที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นห้องสมุดโดยเฉพาะเลยก็ได้มั้ง สุดยอด ถึงจะแอบสงสัยนิดหน่อยก็เถอะว่าทำไมถึงมีอะไรแบบนี้ในหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางป่า
แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกมั้ง เพราะว่าเคียร่านั้นเดินเลือกหาหนังสืออย่างอารมณ์ดีราวกับเป็นเรื่องเคยชิน ก่อนจะสะดุดกับหนังสือเล่มหนึ่งแล้วหยิบมันออกมา
“นี่ไง ๆ เล่มนี้น่าจะพอรู้อะไรบ้างนะ”
เธอพึมพำออกมาเบา ๆ พลางเดินมาทางฉันและชี้มือไปที่นั่ง เนื่องจากชั้นหนังสอนั้นจะเอาไว้ติดกับพนัง ดังนั้นพื้นที่ว่าง ๆ ก็แทนด้วยโต๊ะและเก้าอี้วางเรียงรายอยู่
คงกะให้คนเข้ามาอ่านได้ตามใจชอบจริง ๆ ล่ะมั้งแบบนี้ เคียร่าเดินไปลากเก้าอี้ที่ค่อนข้างใหญ่ตัวหนึ่งมา ซึ่งมีเบาะรองนั่งให้สูงขึ้นมารู้ได้เลยว่าทำไว้เพื่อเด็กตัวเล็กแบบเธอโดยเฉพาะ
ในขณะที่ฉันมองไปรอบ ๆ เพื่อหาที่นั่งอยู่นั้นเอง เคียร่าก็ตบตักของตัวเองเบา ๆ บอกว่าให้มานั่งตรงนี้ นั่นสินะ สภาพฉันในตอนนี้ถึงจะหาเก้าอี้แยกเองก็คงมองไม่เห็นแหงม ๆ เพราะว่าตัวไม่สูงพอ
ฉันจึงไม่คิดอะไรมากแล้วเดินไปกระโดดขึ้นบนตักของเธอ อีกฝ่ายจึงโอบตัวฉันเล็กน้อยและกางหนังสือออก ว้าว อ่านไม่ออก นี่ไม่ใช่ภาษาที่ฉันรู้จักดังนั้นจึงได้แต่เอียงคอ
ทำให้ทางเคียร่าหัวเราะออกมาเบา ๆ จากลำคอ
“หุหุ สนใจเหรอ แต่เธอคงอ่านไม่ออกสินะงั้นเดี๋ยวฉันจะอ่านให้ฟังเองแล้วกัน”
หลังจากนั้นเธอก็เปิดหนังสือทีละหน้าพร้อมทั้งชี้ตัวหนังสือประหลาดและอ่านออกเสียงให้ฟัง เป็นเสียงนุ่มนวลไพเราะราวกับร้องเพลง ผสมเข้ากับความอบอุ่นจากร่างกายของเธอนั้นชวนให้รู้สึกง่วงขึ้นมา
แต่ก็พยายามฝืนตื่นเอาไว้แล้วฟังสิ่งที่เธออ่าน เพราะว่าฉันเองก็อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองเช่นเดียวกัน หนังสือที่เธออ่านอยู่นั้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับมังกรชนิดต่าง ๆ
หลัก ๆ เลยก็คือวิธีการแยกมังกรทั้งสองชนิดคือมังกรปฐพี กับมังกรวารี โดยที่ทางกายภาพมังกรปฐพีจะแข็งแกร่งกว่ามังกรวารี แต่เพราะแบบนั้นอีกแบบจึงมีร่างกายที่เล็กกว่าและคล่องตัว
จุดสังเกตต่อมาคือสี มังกรวารีจะมีสีอ่อน ๆ ไปทางโทนเย็น ในขณะที่มังกรปฐพีจะเป็นด้านตรงข้ามกัน แต่สิ่งที่แยกทั้งสองออกจากกันได้ชัดเจนที่สุดก็หนีไม่พ้น
ที่อยู่อาศัยนั่นเอง ตอนนี้ที่พวกเราอยู่ก็ง่าย ๆ บนพื้นแผ่นดิน เป็นที่อยุ่อาศัยของเหล่ามังกรปฐพี และในน้ำทะเลจะมีมังกรวารีอาศัยอยู่ พร้อมทั้งเมืองบาดาล ว้าว น่าสนใจจัง
“สนใจเมืองบาดาลเหรอ”
เพราะว่าฉันเผลอส่ายหางและกะพริบตาปริบ ๆ ตอนได้ยินคำว่าเมืองบาดาลหรือเปล่านะ เคียร่าจึงได้ถามออกมาแบบนั้น แต่ว่าแบบนี้ก็ง่ายเลยฉันจึงพยักหน้าตอบเธอ
“ฮะ ๆ นั่นสินะฉันเองก็สนใจเหมือนกัน ถ้าวันนึงพวกเราได้ไปเมืองบาดาลก็คงดีเนอะ”
“ถ้างั้นเจ้าก็ต้องเดินทางออกนอกประเทศแล้วล่ะ”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงของชายหนุ่มคนเดิมจากตอนเคาะประตูดังขึ้นจากด้านหลังซึ่งเป็นประตูห้องเดียวที่ถูกปิดไว้ พร้อมทั้งร่างคนเดินออกมา
ฉันชะโงกมองเขาแล้วกะพริบตาปริบ ๆ เพราะเห็นบางอย่างไม่ปกติ นั่นก็คือหูของเขาที่ยาวกว่าคนปกติ เป็นสิ่งที่มองแล้วก็รู้ได้เลยว่านั่นคือ เอลฟ์
“อะ ถ้าไปออกไปข้างนอกจะมีโอกาสได้ไปเมืองบาดาลเหรอคะ”
เคียร่าลุกพรวดจากเก้าอี้จนฉันหล่นลงมา พร้อมทั้งหันไปมองเธอที่ถามด้วยความตื่นเต้นตามประสาเด็ก ชายหนุ่มเอลฟ์ที่ผมยาวนั้น ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพยักหน้าให้เธอ
“ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปแล้วล่ะนะ การเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ จึงง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก”
เขาพูดแบบนั้นพลางมองมาเจอฉันจึงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปถามเคียร่า
“เด็กคนนั้น…”
“เก็บมาเลี้ยงเมื่อวานค่ะ ชื่อริเกล”
เคียร่าเองก็ตอบไปอย่างสบาย ๆ เหมือนตอนที่เจอคนในเมือง ชายคนนั้นก็สงบใจลงเล็กน้อยก่อนจะกลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิม พร้อมทั้งเดินเข้ามาหาฉันแล้วก้มลงมอง
ทำให้ทางนี้เอียงคอด้วยความสงสัย
“ข้าชื่อว่า โรเวิร์ต เวเรีย เป็นขุนนางปกครองเขตนี้อยู่ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เขาพูดแบบนั้นพลางยื่นมือตั้งใจให้จับมือกัน ก็งงนิดหน่อยแหละว่าจะจับยังไง แต่ก็ลองยื่นขาหน้าข้างขวาไปจับ อะ ได้นี่นาแล้วพวกเราก็จับมือทำความรู้จักกันอย่างเป็นมิตร
“เป็นเด็กที่ฉลาดดีนะ”
“ค่ะ! หนูเองก็ยังตกใจเลย”
แน่นอน ก็ฉันไม่ใช่มังกรที่พึ่งเกิดธรรมดา ๆ หรอกนะ ด้านในของฉันเองก็เป็นมนุษย์เหมือนพวกนายนั่นแหละ แล้วก็ไม่ได้โม้นะ ที่จริงฉันเป็นเด็กที่เก่งมาก ๆ เลยล่ะ…แต่ก็ค่อนข้างซนล่ะนะ
จากนั้นเคียร่าก็เล่าให้เขาฟังว่าพวกเรามาหาอะไรที่แห่งนี้ โรเวิร์ตก็ฟังพลางคิดตามและพยักหน้าเป็นบางครั้งบางคราว ก่อนจะมาจ้องฉันและตอบมา
“ถ้าให้ทางนี้เดา ก็คงเป็นมังกรน้ำล่ะนะ จากหลาย ๆ อย่าง”
มังกรน้ำ…แล้วไหงฉันถึงไปอยู่กลางป่าแบบนั้นล่ะ ไม่มีวี่แววของน้ำแถว ๆ ที่ฉันเกิดออกมาเลยด้วย แต่ก็ ตรงพื้นที่ฉันโผล่มามีน้ำเปียกอยู่ด้วยนี่นา
อาจจะใช่ก็ได้มั้ง?
“แต่ก็…แปลกจริง ๆ นั่นแหละ ที่จะเจอมังกรวารีในประเทศนี้”
“หือ ทำไมเหรอคะ?”
เคียร่าถามเขาด้วยแววตาไร้เดียงสา พลางเอียงคอไปทางซ้ายด้วยความสงสัย ฉันเองที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอก็เอียงคอด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน
ทำให้เอลฟ์หนุ่มเผลอหลุดหัวเราะออกมา
“หุ ช่างน่ารักกันเสียจริง…รอสักครู่”
โรเวิร์ตพึมพำออกมาเบา ๆ พลางเดินกลับเข้าไปในห้องเดิม ก่อนจะออกมาพร้อมกับกระดาษแผ่นใหญ่ในมือ ถ้าให้เดาล่ะก็คงเป็นแผนที่ล่ะซี่!!
และเขาก็เดินมากางกระดาษดังกล่าวลงบนโต๊ะที่พวกเราอยู่ ง่ะ มองไม่เห็นง่ามันสูง…แล้วตอนนั้นเองเคียร่าก็อุ้มร่างของฉันขึ้น ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ
ว้า เป็นแผนที่จริง ๆ ด้วยใหญ่มากเลยแฮะ นี่พวกเราอยู่ตรงไหนเนี่ย
“ประเทศที่พวกเราอยู่คือตรงนี้ไงล่ะ”
เขาพูดแบบนั้นพลางใช้นิ้วจิ้มลงไปในบริเวณหนึ่งซึ่งอยู่ด้านล่างสุดของแผนที่ ซึ่งมีปากกาสีแดงวงเอาไว้ให้รู้ว่าอยู่ตรงนี้
“ตอนนี้พวกเราอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในประเทศฟาเรเรีย แล้วอย่างที่เห็น ประเทศนี้รายล้อมไปด้วยหุบเขาสูงชันไม่มีทางจะปีนขึ้นไปได้ แล้วก็นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการเจอมังกรวารีจึงแปลก”
“อะ ไม่ติดทะเลเลยนะคะ”
จริงด้วยแฮะ เพราะว่าเขานั่นล้อมซะจนมีทางเข้าออกแค่ทางเดียวเอง แย่ชะมัดแบบนี้ไม่ลำบากเกิดไปหน่อยเหรอ แค่คิดเรื่องความสะดวกหรืออะไรงี้แล้วปวดหัวแทนคนที่ต้องจัดการเลย
“แต่นี่ก็เป็นแผนที่เก่าเกือบ ๆ ร้อยปีแล้วล่ะ ตามจริงก็มีเมืองเพิ่มขึ้นมากมายเลยล่ะ แต่ข้าไม่มีแผนที่ในปัจจุบันที่สมบูรณ์เลย”
อ้อ มิน่าล่ะในแผนที่ถึงดูมีเมืองน้อยแปลก ๆ แต่ว่าเขาก็บอกต่อว่าหลักส่วนใหญ่ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากในระหว่างที่ผ่านมา
เอ๊ะเดี๋ยวนะ ถ้าพูดแบบนั้นแล้วคนที่เก็บแผนที่เอาไว้ตลอดอย่างคุณโรเวิร์ตนี่อยู่มานานแค่ไหนแล้ว…เอาเถอะ ถึงจะยังดูหนุ่มแต่เอลฟ์ก็คงมีอายุพอควรแล้วแหละเนอะ แถมยังพูดด้วยคำโบราณอีก อืม ๆ
“ส่วนตรงที่ริเกลเหยียบอยู่ คือสถานที่หลับใหลของมังกรพิภพนั่นเอง”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นฉันก็ยกเท้าขึ้นแล้วมองจุดที่ตัวเองเหยียบอยู่ มันอยู่สูงขึ้นมาทางทิศเหนือเป็นเกาะสีดำ มีชื่อว่าโคโรเรีย
เป็นสถานที่ที่แค่มองก็รู้สึกขนลุกแล้ว เพราะมันเป็นสีดำจนน่ากลัว ทั้งยังมีรูปของอสุรกายรายล้อมอีกต่างหาก สัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายเลยแฮะ
แต่ถึงกระนั้นจากคำบอกเล่าท่านมังกรพิภพนั้นเป็นตัวตนที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์ ตรงกันข้ามกับที่อยู่ของเขาเลยแฮะ จะเป็นมังกรแบบไหนกันนะ
“ก็ นั่นแหละนะ ถ้าพวกเจ้าอยากไปเมืองบาดาล อย่างแรกก็คือไปที่ฟัวกราให้ได้ก่อน”
ก็จริงแฮะ เพราะว่าทางออกเดียวของประเทศนี้นั้นติดกันกับฟัวกรา ถ้าไปถึงที่นั่นได้ก็คงอิสระแล้วล่ะ เพราะว่าเป็นประเทศติดทะเล จะไปส่วนไหนของทวีปก็ได้ทางน้ำ
เป็นที่ที่ได้เปรียบสวนทางกับฟาเรเรียซึ่งถูกปิดทางเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ถ้าต้องมีสงครามกันคงเละเป็นขนมแน่ น่ากลัวแฮะ
ส่วนทางเคียร่าที่ได้ยินเรื่องเหล่านี้ก็ยิ้มกว้างจนอ้าปากด้วยความดีใจ ดูท่าคงจะไม่ใช่แค่ตื่นเต้นเฉย ๆ แต่คงเป็นสนใจมากเลยสินะ
ต่างโลกแบบนี้สิน้า…ก็ต้องนึกถึงนักผจญภัยแหละนะ ในอนาคตเธอต้องเป้าหมายเอาไว้แบบนั้นแน่ ๆ และถ้าเป็นแบบนั้น…
“โอ๊ะ เวลาป่านนี้แล้วเหรอ…ข้าต้องออกไปทำธุระ เกรงว่าต้องให้พวกเจ้ากลับกันไปก่อน”
“ค่ะ! เข้าใจแล้ว!”
เคียร่าตอบกลับคำพูดของเขาอย่างร่าเริงแล้วหันมาเรียกฉัน ก่อนจะวิ่งนำออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที เดี๋ยวสิ วิ่งเร็วแบบนั้นมันอันตรายนะ ถ้าสะดุดล้มขึ้นมาจะทำยังไง
ฉันที่วิ่งแจ้นตามเธอไปพยายามส่งเสียงพูดสิ่งที่คิดออกไป แต่แน่นอนว่ามันส่งไปถึงแค่เสียงร้องของสัตว์ตัวเล็กอย่างน่ารัก
อึดอัดจริงวุ้ย
“แอ๊ะ–”
และไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ เธอก็ล้มลงจนไถลไปกับพื้นจนได้ หวา แรงแบบนั้นได้เป็นแผลแหง ๆ แต่ที่เธอตื่นเต้นจนเป็นแบบนี้ก็ดูน่ารักดีนะ ก็เด็กนี่นา
แต่จะเจ็บมากไหมนะ เป็นอะไรหรือเปล่าเคียร่า
ฉันคิดแบบนั้นพร้อมทั้งเดินเหยาะ ๆ เข้าไปหาเธอพร้อมทั้งขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความกังวลปนเป็นห่วง ในตอนที่ใช้จมูกไปชนหัวของเธอ เคียร่าก็เด้งตัวขึ้นมาทันที
อะ เลือดกำเดาไหลด้วยล่ะ
“ฮะ ๆ ไม่เป็นไร ๆ”
เธอหัวเราะออกมาพลางหันมาลูบหัวฉัน อ้าว ไหงกลายเป็นว่าฉันโดนเธอปลอบแทนได้ล่ะเนี่ย…แล้วเคียร่าก็ลุกขึ้นยืนพลางปัดฝุ่นออก ก่อนจะออกวิ่งต่อแบบระวังตัวกว่าเดิม
…ในเวลาแบบนี้เธอนั้นกลับดูเป็นผู้ใหญ่อย่างน่าประหลาด แปลกจังเลยนะ
แต่สุดท้ายก็ช่างเรื่องนั้นแล้วรีบเดินตามเคียร่าไป แล้วไม่นานพวกเราทั้งคู่ก็ถึงบ้านอย่างรวดเร็ว เธอไม่รอช้าที่จะไปหาพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นทันที
“พ่อคะ! แม่คะ! หนูอยากจะเป็นนักผจญภัยค่ะ!!”
เธอประกาศออกมาเสียงดังฟังชัดอย่างแน่วแน่ ว่าแล้วเชียว เด็กที่ร่าเริงและตื่นตัวเสมอแบบเคียร่าได้ยินเรื่องนั้นแล้วอยากเดินทางก็คงไม่แปลก
ในตอนที่เว้นช่วงอยู่นั้นเองเธอก็หันมามองที่ฉัน ไม่รู้ว่าทำไมเพียงแค่จ้องมองดวงตาของเธอนั้นก็ราวกับว่าทุกอย่างมันอบอุ่นขึ้นมา
ผสมเข้ากับรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสว่างของเธอนั้นช่างน่าหลงใหล พร้อมทั้งคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอ
“เนอะ ริเกล!”
เธอหันมาถามเพื่อความมั่นใจว่าฉันจะเดินทางไปกับเธอด้วยรอยยิ้มที่กว้างจนหลับตา นั่นทำให้ตัวตนของเธอดูสง่างามขึ้นมากกว่าเดิม
ใช่แล้ว…ถ้าเป็นแบบนี้ ถ้าเคียร่าจะออกเดินทางไปจากที่นี่ล่ะก็ ฉันก็จะตามเธอไปไกลเท่าที่จะไกลได้ เพราะเธอคือครอบครัวที่แสนสำคัญของฉัน และเพื่อนคนแรก
ไม่มีทางที่จะปฏิเสธข้อเสนอของเธอ ฉันเองก็ส่ายหางไปมาพร้อมทั้งรอยยิ้มบนใบหน้า และตอบกลับไปด้วยเสียงจากลำคอที่เริ่มชินกับมัน
“กรร!”