ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 10: มังกรที่แข็งแกร่งและขี้ขลาด
เมื่อตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่นึกถึงเลยก็คือเคียร่า เคียร่า! ล่าสุดก่อนฉันหลับไปเธอถึงมือคุณโรเวิร์ตแล้วก็จริง แต่ว่าก็ยังอันตรายอยู่ดี ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน!
เพราะความร้อนรนจึงดิ้นไปมาและตกเตียงเสียงดังในที่สุด เจ็บ ๆ ลืมดูเลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่บนเตียง และเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับร่างของเคียร่าที่นอนหมดสติอยู่เช่นกัน…
พร้อมทั้งผ้าพันแผลบนหัวและบริเวณคอ สีหน้าดูสงบน่าจะหลับสบายหายห่วง คงแตกตื่นไปเองสินะตกใจหมดเลย ฉันถอนหายใจยาวออกมาพลางบินกลับขึ้นไปนอนเฝ้าเธอบนเตียง
คงมีคนเลือกจะพาฉันมาอยู่กับเธอเพื่อให้ตื่นขึ้นมาแล้วสบายใจกันทั้งสองฝ่ายล่ะมั้ง ฉันนอนหมอบแล้วขยับจมูกเข้าไปชนแก้มของเธอเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง
แต่เหมือนว่านั่นจะทำให้เจ้าตัวตื่นซะได้ อะ ฉันทำให้ตื่นเหรอ ขอโทษนะเคียร่า ฉันกล่าวคำขอโทษที่ไม่มีทางได้ยินออกมา แน่นอนว่าเคียร่าไม่มีทางรู้
เธอลืมตาขึ้นและมองมาทางต้นเสียงนั่นก็คือฉัน ก่อนจะยิ้มบางและยื่นมือมาลูบฉันช้า ๆ
“ริเกล…ปลอดภัยสินะ”
เสียงของเธอเบาและแหบแห้งอย่างอ่อนแรง ทำให้หัวใจรู้สึกบีบคั้นขึ้นมาแล้วเอาหัวเข้าไปถูเธอ แน่นอน ปลอดภัยสิ คนที่น่าเป็นห่วงคือเธอนะไม่ใช่ฉัน ก็…เธอปกป้องฉันไว้นี่นา
ฉันพยายามส่งสายตาสื่อออกไปแบบนั้น แต่ต่อให้ไม่รู้รายละเอียดยิบย่อยที่ฉันคิดทั้งหมด แต่ก็น่าจะเดาได้จากสายตาว่าฉันเป็นห่วง
เธอจึงหัวเราะร่วนในลำคอ
“ฮะ ๆ ฉันก็อย่างที่เห็นน่า ไม่เป็นไรหรอก”
ไม่เป็นไรได้ยังไง เธอเกือบตายเลยนะ…ฉันพยายามทักท้วงแบบนั้นพร้อมทั้งโวยวายเล็กน้อย แต่เคียร่าก็ยังคงนอนนิ่งและหัวเราะใส่
ในตอนนั้นเองก็มีคนเปิดประตูเข้ามา นั่นก็คือคุณโรเวิร์ตกับบิลลี่นั่นเอง
“ฟื้นแล้วรึ”
“ค่ะ”
“รู้สึกแย่ตรงไหนรึเปล่า”
“ก็…หลักๆ มีเจ็บหัวนิดหน่อยกับที่ไหล่ค่ะ”
งั้นก็ดีแล้วล่ะ เขาพูดแบบนั้นแล้วเริ่มเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมบิลลี่ถึงอยู่ที่นี่ด้วย…เขามาเพื่อขอโทษนั่นเอง
นั่นก็เป็นเพราะว่าคนที่โจมตีพวกเราคือคนในกองคาราวาน จากการสืบสวนดูเหมือนว่าจะเล็งฉันซึ่งเป็นมังกรแปลกตาเอาไว้ ดูเหมือนว่าเท่าที่พวกเขาเดินทางกันมาจะไม่เคยเห็นมังกรแบบฉันมาก่อน
ยิ่งมีปีกซึ่งหายากยิ่งกว่าในประเทศนี้ซึ่งไม่มีมังกรสายพันธุ์ใดมีปีกเลย นั่นยิ่งทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างแน่นอน เพราะงั้นเขาจึงมาขอโทษในฐานะหัวหน้ากองคาราวาน
ในตอนนั้นเอง ก็เหลือบไปเห็นอีกคนที่หลบอยู่หลังประตู เป็นเด็กผู้หญิง ผมสั้นสีน้ำเงินเข้ม ดวงตาสีเหลืองอำพัน และผิวสีแทนซึ่งทำให้เธอเด่นสะดุดตา
พร้อมทั้งใบหน้าที่โผล่ออกมาตามจากด้านข้างซึ่งอยู่มุมที่เตี้ยกว่า…กระดูก เป็นหน้ามังกรที่เหมือนใส่หน้ากากกระดูกอีกที
อะ เหมือนว่าจะเผลอผลักผู้หญิงอีกคนนึงจนล้มเข้ามาในห้องล่ะ ทำให้ทุกคนหันไปมองที่ทั้งคู่ทันที
“นี่แอบฟังอยู่เรอะ แฟร์ อิกนิส”
บิลลี่พูดขึ้นมาเป็นเชิงดุ แต่ก็ไม่มีท่าทีจะไล่ไปคงจะเป็นคนรู้จักล่ะมั้ง? เด็กคนนั้นจึงลุกขึ้นมาแล้วหัวหัวเราะ แฮะ ๆ อย่างซุกซน มังกรตัวนั้นก็เหมือนกัน
แล้วเธอก็ไม่ปิดบังความสนใจที่มีต่อเคียร่ากับฉันแล้ววิ่งเข้ามาในห้อง และประชิดเข้าหาฉันอย่างรวดเร็ว รู้สึกใจหวั่น ๆ เล็กน้อย เพราะความกลัวจนเผลอถอยหลังหนีไป
“เห๋ มังกรแปลกตาจริงด้วย ได้ไงไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มาจากไหนอะ”
เธอรัวคำถามใส่อย่างตื่นเต้นจนฉันไม่กล้าตอบโต้อะไรแล้วถอยกรูรวดเดียว เคียร่าที่สังเกตเห็นจึงยกมือขึ้นมากันอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อให้หยุด
เด็กคนนั้นจึงหันไปมาเคียร่าที่ขัดขวางตน โดยที่ทางฝั่งเคียร่านั้นยังคงยิ้มอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่รู้สึกได้ว่าเธอแอบน่ากลัวนิดหน่อย
ฉันจึงรีบขยับตัวจากที่อยู่แถว ๆ ขาของเธอขึ้นไปอยู่ตรงหัวและมุดตัวหลบหลังเธอ ซึ่งนั่งพิงหัวเตียงเพื่อคุยกันคนอื่น เด็กอีกคนจ้องที่เคียร่าพลางทำท่าทางคิดอะไรบางอย่าง
ก่อนจะเหลือบไปเห็นที่ไหล่ และนึกอะไรบางอย่างออก
“อ้อ เธอนี่ ที่สู้กับพวกโจรได้ใช่มะ!!”
เหมือนพวกเขาจะแทนชายพวกนั้นว่าโจรไปโดยทันที และเด็กคนนี้ก็คงได้ยินมาแบบนั้นจึงสนใจเคียร่าล่ะมั้ง?
“แฟร์ อย่าไปกวนคนป่วยสิ ออกมาได้แล้ว”
เหมือนว่าเธอคนนั้นจะชื่อแฟร์ เป็นเด็กที่ดูมีพลังล้นเหลือยิ่งกว่าเคียร่าอีกล่ะมั้งนั่น จนแอบรู้สึกว่าน่ารำคาญนิดหน่อย…
ถ้างั้นมังกรอีกตัวก็น่าจะชื่ออิกนิสสินะ เป็นมังกรตัวสีแดงที่มีขนอยู่ด้านหลังหัว ลากยาวตามหลังไปจนถึงปลายหาง ตรงใต้ท้องเป็นกระดูกและตามตัวก็มีกระดูกงอกออกมาเช่นกัน
ส่วนตามตัวก็มีลวดลายสีดำพาดออกมาจากหลังคล้ายเสือ กระดูกที่คลุมด้านบนของหัวนั้นปิดบังดวงตาจนมิด เหลือเพียงสีแดงที่เรืองแสงออกมาจากช่องโบ๋นั้นอย่างน่าพิศวง
(เครดิตผู้ออกแบบ : Kola-rabbit )
ซึ่งกำลังจ้องมาที่ฉันแบบเงียบ ๆ ต่างจากเด็กที่ชื่อแฟร์ลิบลับ
“ฉันได้ยินมานะ เธอฟันมือของโจรทำให้ล้มลง แล้วก็แทงที่ไหล่เพื่อป้องกันตัวเอง เจ๋งเป็นบ้า! ขนาดฉันเองยังต้องเคยเจอโจรตั้งหลายครั้งถึงจะกล้าลงมือ แต่เธอแค่ครั้งแรกก็ไม่ลังเลสักนิด ฉันนับถือเลย เจ๋งสุด ๆ!!”
“มะ- ไม่หรอก…”
เมื่อโดนตื๊อเข้าและถามไม่หยุดแม้แต่เคียร่าเองก็ยังต้องผวา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนเป้าสนใจไปทางเคียร่า ฉันก็ย่องออกมาและกระโดดลงจากเตียง
แล้วก็เจอกับอิกนิสที่ยืนจ้องอยู่ด้านล่าง พอได้อยู่ระดับเดียวกันก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าตัวเท่ากัน อาจจะ…รุ่นเดียวกันล่ะมั้ง?
ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็จ้องฉันตาไม่กะพริบ แถมยังเดินวนรอบตัวไปมาอีกต่างหาก อะไรเนี่ย อะไรของมังกรตัวนี้กัน ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็หยุดลงและชะโงกหน้าขึ้น
ก่อนจะค่อย ๆ อ้าปาก และร้องเสียงดังออกมา…
‘น่าสมเพช!!’
เสียงที่เหมือนเด็กผู้ชายดังขึ้นในหัว เขากำลังพูดกับฉันอยู่นั่นเอง แถมยังร้องออกมาเสียงดังสนั่นจนอยากจะปิดหูหนี คนในห้องก็หันมามองกันจนหมด
“เอ๋ เด็กคนนั้นเป็นอะไรเหรอคะ”
“อ้อ อิกนิสก็เป็นแบบนั้นแหละ ชอบคุยแล้วก็ร้องออกมาเสียงดัง คงกำลังอยากคุยกับริเกลอยู่ล่ะมั้ง”
บิลลี่พูดแก้ต่างให้แบบนั้นแล้วคุยเรื่องโจรต่อ ปล่อยให้เราสองคนคุยกันต่อสองคน ว่าแต่ เขารู้ชื่อฉันตอนไหนนะ? แต่ว่า…
‘อะ- อะไรของนายน่ะ!! จู่ ๆ มาว่าคนอื่นแบบนี้มันเสียมารยาทนะ!!’
‘ก็เธอมันน่าสมเพชนี่นา น่าสมเพช…น่าสมเพช!!’
เพราะอีกฝ่ายเอาแต่พูดแบบนั้นฉันจึงเผลอแยกเขี้ยวขู่ใส่ด้วยความหงุดหงิด แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แถมยังจ้องฉันไม่วางตาอีก
‘เอาแต่พูดว่าน่าสมเพชอยู่ได้! มันน่าสมเพชตรงไหนกัน!!’
ในที่สุดฉันก็สวนกลับไปด้วยการยิงคำถามกลับ เขาก็หรี่ตามองฉันอีกครั้งก่อนจะเริ่มอ้าปากร้องกลับ
‘น่าสมเพชสิ มนุษย์บาดเจ็บหนัก แต่เธอดันไร้บาดแผลเนี่ยนะ น่าสมเพช!!’
‘ห๋า แล้วจะให้ฉันทำยังไง พวกนั้นมันจับตัวไว้นะ! มันใช้เวทมนตร์ได้นะ!!’
‘เธอเองก็ใช้ได้ ยัยบื้อ!!’
เมื่อโดนสวนกลับมาแบบนั้นฉันก็หุบเขี้ยวลงและเปิดตากว้าง เถียงไม่ออก…ไม่สิเถียงไม่ได้ แต่ก็นึกขึ้นได้ฉันไม่ผิดซะหน่อย ก็ฉันใช้เวทมนตร์ไม่เป็นนี่นา
แต่ในตอนที่ฉันกลับมาเขม่นอีกฝ่ายกลับและจะเถียงกลับไป เขาก็ชิงพูดตัดก่อนทันที
‘ต่อให้ไม่ใช้เวทมนตร์ เธอเองก็เป็นมังกรนะ! เขี้ยวของเธอมีไว้ทำอะไร กรงเล็บของเธอมีไว้ทำอะไร ของประดับรึไง!!’
‘กะ- ก็จะให้ใช้ทำร้ายมนุษย์รึไง!’
‘ก็เออสิ! มังกรน่ะแข็งแกร่ง เธอต่างหากที่ต้องปกป้องมนุษย์ ขนาดมนุษย์ยังกล้าหันมีดใส่มนุษย์ด้วยกันเลย แล้วเธอล่ะเป็นอะไร!! แถมเธอยังมีปีก ตัวก็ใหญ่ หอบเด็กตัวแค่นั้นหนียังได้เลย!’
พูดอะไรไม่ได้…ไม่สิ แต่แรกฉันก็เอาแต่เถียงข้าง ๆ คู ๆ อยู่แล้ว ที่เขาพูดมาก็เป็นความจริงทั้งหมด ถ้ามาคิดดูดี ๆ …ตาข่ายนั่นใช้กรงเล็บที่ค่อนข้างใหญ่ของฉันก็น่าจะขยี้ได้สบาย
ปีกเองก็บินได้ ถ้าตอนที่เคียร่ากอดฉันอยู่บินขึ้นก็ยังหนีได้ แต่ฉันไม่ทำ…ไม่ทำอะไรเลย เพราะเอาแต่สับสน และปล่อยให้เคียร่าคอยปกป้อง
ถ้าตอนนั้น…ฉันเป็นฝ่ายลุกขึ้นมา แยกเขี้ยวใส่ และคำราม สถานการณ์จะเปลี่ยนไปไหมนะ…ถ้าฉันร่วมสู้กับเคียร่า จะไล่พวกนั้นได้ไหมนะ
ไม่แน่ อาจจะไม่มีใครบาดเจ็บเลย…
‘พวกโจร โดยเฉพาะโจรลักพาตัวน่ะมันกระจอก เพราะมันพยายามให้พวกเราไม่มีแผล แต่เธอที่ให้มันจับง่าย ๆ น่ะกระจอกยิ่งกว่า!!’
รู้อยู่แล้วน่า ไม่ต้องย้ำหรอก ฉันรู้อยู่แล้วน่า…แต่ฉันก็ไม่ได้ส่งเสียงตอบไป อาจจะเพราะแสดงออกทางสีหน้ารึเปล่านะ อิกนิสที่กำลังจะเปิดปากอีกรอบก็ปิดลง
และจ้องฉันแบบเงียบ ๆ แทนแต่ในใจคงด่าว่าน่าสมเพชอยู่แน่ ไม่หรอก ถึงอีกฝ่ายไม่ด่าฉันก็คิดเอง ฉันมันน่าสมเพช…
แล้วในตอนนั้นเอง บิลลี่ก็พูดอะไรบางอย่างกับเคียร่า
“ถึงจะดูหน้าไม่อายสักหน่อย แต่ว่า…ขอชวนเธอร่วมกองคาราวานไปด้วยได้ไหม”
อะ เหมือนว่าบิลลี่จะชอบใจความสามารถของเคียร่าจึงอยากให้ร่วมเดินทางไปด้วย โอกาสดีเลยนี่นาไม่ต้องขอเขาก็มาชวนเองเลย
เรื่องแผลก็บอกว่าไม่เป็นไรรักษาระหว่างทางได้ ดีเลยนี่นาฉันส่ายหางไปมาเมื่อคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ แต่เคียร่ากลับไม่ตอบอะไร ก่อนจะเหลือบมามองฉันและยิ้มให้
พร้อมกับพูดคำตอบที่ไม่คาดคิดออกมา
“ขอบคุณนะคะ แต่ว่า…ขอปฏิเสธค่ะ”
“เอ๋!! ทำไมล่ะ? ถ้าไปกับพวกเราก็ได้เดินทางนะ จะแยกไปเป็นนักผจญภัยก็ยังได้”
คนที่พูดออกมาไม่ใช่บิลลี่ แต่เป็นแฟร์ที่รบเร้าถามเคียร่าด้วยสีหน้าที่แสดงชัดเจนว่าเสียดาย ทางด้านเคียร่าเองก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยและยิ้มด้วยท่าทางลำบากใจ
“นักผจญภัยก็ไม่แล้วล่ะ มันคงไม่เหมาะกับฉันหรอก”
ไม่…ไม่ได้ไม่เหมาะกับเคียร่า แต่ไม่เหมาะกับฉันต่างหาก เธอคิดแบบนั้นสินะ…ที่เหลือบมามองฉันก็เพราะคิดแบบนั้นสินะ ไม่เอาน่า…ไม่ว่าจะอะไรฉันก็จะตามเธอไปทุกที่นั่นแหละ
ไม่ว่าเธอจะเลือกยังไง…หรือเพราะเป็นแบบนั้น เธอเลยเลือกทิ้งความฝันเพื่อฉันเหรอ? ไม่ชอบเลย…แต่ถึงกระนั้นฉันกลับไม่ทำอะไร แล้วทำหน้าตาสลดอยู่แบบนั้น
ไม่แม้แต่พยายามทักท้วงออกไปหรือโวยวายเลย…รู้สึกได้ถึงสายตาจิกกัดจากอิกนิส แต่ทำไงได้…มันน่ากลัวหนิ ทั้งการต่อสู้ ทั้งกลิ่นของเลือด
แถมความคิดที่จู่ ๆ ก็แล่นเข้ามาในหัวด้วย ถึงจะไม่ชอบใจแต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เถียงไม่ได้เลยสักนิด กว่าจะรู้ตัวพวกผู้ใหญ่ก็พูดว่า งั้นเหรอ แล้วเดินออกจากห้องไป บอกว่าจะให้เธอพักผ่อน
แต่แฟร์ไม่ใช่
“ไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนใจ…แต่คอยดูเถอะ! ฉันจะทำให้เธออยากออกเดินทางอีกได้แน่! ยัยบ้า!!”
แฟร์โวยวายออกมาเป็นเด็กเอาแต่ใจ ที่เหมือนไม่ได้แบบที่อยากได้ ไม่ก็ เหมือนโดนหักหลัง เพราะใบหน้าของเธอมีทั้งความเศร้าและความโกรธ
แล้วก็วิ่งออกไปทั้ง ๆ แบบนั้น ปล่อยให้พวกเราได้แต่งงกับท่าทางของเธอว่าหมายถึงอะไร บิลลี่จึงยิ้มอย่างลำบากใจและตอบราวกับรู้ความสงสัยในใจของเรา
“หมู่บ้านของแฟร์เคยโดนโจรบุกน่ะ เธอเลยอยากออกเดินทางเพื่อแข็งแกร่งขึ้น พอได้ยินเรื่องของเธอเลยตื่นเต้นแทบตาย ที่รู้ว่าเด็กอายุเท่าตัวเองก็มีเป้าหมายคล้ายกัน แถมยังแข็งแกร่งอีก”
“…แบบนี้นี่เอง”
เคียร่าทำหน้าเหมือนเข้าใจได้ทันที ว่าทำไมแฟร์ถึงทำท่าแบบนั้น คงคิดว่าตัวเองถูกหักหลังสินะ…เด็กนี่เข้าใจยากจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยคุยหรือสัญญาอะไรไว้แท้ ๆ ก็แค่การคิดไปเอง จะเป็นการหักหลังได้ยังไง
แล้วในห้องก็เหลือเพียงแค่เราสองคน…เคียร่าก็ยิ้มให้ฉันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังลูบหัวเบา ๆ และบอกว่า ไม่ต้องกลัวแล้วนะ
เป็นมังกรที่ขี้ขลาดและน่าสมเพชจริง ๆ ตัวฉันเนี่ย…