ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรีย - ตอนที่ 218 สาวน้อยธรรมดา?ไม่อยากอดกลั้นอีกแล้ว ตอนต้น (Rin and Alice have a Date)
- Home
- ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรีย
- ตอนที่ 218 สาวน้อยธรรมดา?ไม่อยากอดกลั้นอีกแล้ว ตอนต้น (Rin and Alice have a Date)
————ทางบ้านของครอบครัวกร
หลังอรุณเบิกฟ้าจนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงวัน เหล่าภรรยาของกรเกือบทุกคนและลูกสาวยังคงใช้เวลาไปกับการพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน
เสียงหัวเราะและพูดคุยโหวกเหวกไม่เคยพร่องไปจากห้องนี้ ทั้งจากการเล่นเกมกระดาน ดูทีวีและคุยเล่นหยอกล้อ เป็นบรรยากาศอันสนุกสนานและเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกที
นั่นเป็นกิจวัตรที่ถือได้ว่าเป็นปกติสำหรับบ้านนี้ จะมีข้อยกเว้นก็แต่คนที่ติดธุระหรือมีกำหนดการไปข้างนอกจึงไม่ได้ร่วมวง
ไม่สิ… ต่อให้มีธุระ แต่อย่างไรทุกคนก็ใช้เวลาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นจนกว่าจะถึงเวลาเตรียมตัวอยู่ดี
ดังเช่นรินและอลิซที่กำลังเดินขึ้นบันไดกลับห้องด้วยกัน
เบื้องหน้าของรินมีหน้าต่างใสลอยอยู่เบื้องหน้า ซึ่งไม่ใช่หน้าต่างสเตตัสแต่เป็นโฮโลแกรมที่ฉายมาจากแหวนอันเป็นส่วนนึงของ Unity Gear
ว่าไปแล้ว… พอไม่ได้ใช้มันในฐานะเครื่องมือสำหรับสู้รบ มันก็กลายเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันไปโดยปริยาย
เหมือนอย่างตอนนี้ ที่รินใช้เป็นอุปกรณ์สื่อสารรับข้อความจากชาลอตเหมือนหน้าต่างแชทพร้อมรูปการ์ตูนแทนเจ้าตัว โดยชาลอตเขียนส่งมาว่า
‘กำลังคุยเล่นกับกรอยู่ค่ะ คิดว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงน่าจะถึงบ้าน รินกับอลิซเตรียมตัวเลยก็ดีนะคะ’
“เอาใจใส่น่าดูเลยนะเนี่ยชาลอต”
รินอ่านไปอมยิ้มไปพร้อมส่งข้อความกลับไปว่า ‘ขอบคุณจ่ะ เดี๋ยวเตรียมตัวรอนะ’
ชาลอตอุตส่าห์ใช้เวลาระหว่างเดทมาคิดถึงเรื่องของตนกับอลิซ พอคิดแล้วก็อดดีใจไม่ได้ทุกที
“นั่นซี่ เรานี่ทำบุญมาเยอะเหลือเกินนะถึงมีครอบครัวดี ๆ แบบนี้เนี่ย” อลิซพลอยยิ้มแฉ่งตาม เดินไปเอามือผสานหลังหัวสบายใจเฉิบ รินเองก็เห็นด้วย
“ก็จริงแหละนะ ทำเอาคิดเลยว่าหลังจากนี้จะเจอเรื่องร้าย ๆ รึเปล่า”
“อุหว่ะ! อย่าพูดเรื่องน่ากลัวอย่างนั้นสิรินอ่ะ!”
“ฮุฮุ ขอโทษ ๆ”
เห็นอลิซหน้าเหวอขนาดนั้นทำเอารินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเอ็นดู
ฮึ่ย ทำเหมือนฉันเป็นเด็กอีกละ!
อลิซเลยพองลมแก้มป่องเข้าให้ (ซึ่งยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเด็กเข้าไปใหญ่)
…แต่จะโทษรินคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะคนที่คิดว่าอลิซเหมือนเด็กมันก็ทุกคนในบ้านนั่นแล
โดยเฉพาะจุดที่โกรธง่ายหายเร็ว
“ว่าไปแล้วก็น่าสนุกดีเหมือนกันน้า ไปทะเลกับกรเนี่ย!” อลิซเปลี่ยนกลับไปคุยเรื่องเที่ยวทะเล รินก็พยักหน้าตามในทันที
“นั่นสิ นึกถึงตอนไปทัศนศึกษาตอน ม.ต้น เลยเนอะ”
“ใช่ม้า!”
อลิซกลับมาดี๊ด๊าอย่างรวดเร็ว หากไม่ใช่เพราะรินเป็นเพื่อนสมัยเด็ก เธอคงตามการเปลี่ยนอารมณ์นี้ไม่ทัน
“หรือจะเปลี่ยนไปทะเลแทนไหมนะเรา!”
“เดี๋ยวสิอลิซ คู่นั้นเค้าเตรียมชุดว่ายน้ำก่อนเดทหลายวันเลยนะ ถ้าจะไปจริง ๆ ก็ต้องหาชุดดี ๆ ก่อนสิ”
“โห่ ไม่ใจเลยรินอ่ะ!”
“จะให้เดทออกมาดีก็ต้องเตรียมตัวนี่นา จะหุนหันพลันแล่นไม่ได้นะ”
“มูวววว”
สองสาวเดินคุยเล่นไปจนถึงห้องของริน
ภายในห้องของเธอตกแต่งแบบมินิมอลดูสะอาดตา แต่ก็ยังแซมด้วยของประดับลายดอกไม้และตุ๊กตาสมเป็นเด็กผู้หญิง ถึงแบบนั้นของทุกอย่างในห้องก็ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งก็สมกับบุคลิกกุลสตรีของเธอดี
พออลิซเดินเข้าห้อง เธอก็ทำจมูกฟุดฟิดยังกับหมาน้อย
“เข้ามากี่ทีกลิ่นก็หอมจังเลยน้าห้องของรินเนี่ย”
“ไหงพูดเหมือนตาแก่ลามกแบบนั้นล่ะ”
เห็นอลิซทำหน้ายิ้มเยิ้มทำเอารินยิ้มแห้ง ถ้าไม่ได้สนิทกันคงทำเอารินขนลุกน่าดู
ไม่สิ… อันที่จริงเธอก็ขนลุกอยู่ แค่ไม่ได้รังเกียจก็เท่านั้น
ในทางกลับกัน…
“อุ๊ยตาย เดี๋ยวกรได้ยินเข้าก็น้อยใจหรอก”
อลิซดันหันมายิ้มแฉ่งใส่ แถมดูเจ้าเล่ห์อีก
เอ๊ะ? แล้วทำไมกรจะโกรธล่ะ?
รินเอียงคอสงสัย เพราะจะบอกว่าแซวอลิซแรงเกินจนกรไม่ชอบก็ไม่ใช่ และเดิมทีกรจะโกรธแทนแฟนสาวก็ต่อเมื่อถูกคนภายนอกว่าร้าย เรื่องคนภายในแซวกันมันไม่ใช่เรื่องจริงจังซึ่งเป็นอันรู้กันอยู่
หรือต่อให้เป็นแบบนั้นจริง ก็ควรจะโกรธดังว่าไม่ใช่น้อยใจ
ไม่สิ… งั้นแสดงว่า
“…หรือว่านั่น กรเป็นคนพูดเหรอ?”
แก้มรินฉาบเป็นสีแดงทันทีที่ได้คำตอบ ทุกอย่างสมเหตุสมผลไปพร้อมกับรอยยิ้มขี้แกล้งของอลิซ
“คิคิ! แต่ไม่ต้องห่วงน้า หมอนั่นบอกว่ากลิ่นของรินหอมกว่าอีก”
“…ตาคนลามก”
“แหม! แต่ก็เพราะยอมเขาเองไม่ใช่เหรอ?”
อลิซหัวเราะเจ้าเล่ห์ เพราะกรจะรู้เรื่องนั้นได้ก็มีแต่การสมยอมของริน
แน่นอนว่ารินเองนั่นแหละรู้ดีที่สุด เพราะทุกครั้งที่กรเข้ามาสกินชิพ เขาก็มักจะกลืนกินเธอด้วยสายตา จมูกและสัมผัสกาย ราวกับต้องการเสพทุกอย่างของเธอ
…แต่ก็ใช่ว่ารินจะไม่เข้าใจความรู้สึกของกร เพราะเธอเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน
นั่นแหละคือจุดที่ทั้งน่าหงุดหงิดและน่าอายจนเถียงไม่ออก
“ระ รีบเตรียมตัวดีกว่านะฉันว่า”
“เอาคืนสำเร็จ เย้!”
อลิซกำมือยิ้มรับชัยชนะ ทำเอารินยิ้มแห้งถอนหายใจให้กับเด็กน้อยคนนี้
ว่าแต่… กรชอบกลิ่นของเราขนาดนั้นเลยจริงเหรอ?
เราเองก็ไม่กล้าถามด้วยสิ แต่เราเองก็ชอบกลิ่นของกรเหมือนกัน! เพราะงั้นคงไม่แปลกหรอก
อืออออ แต่รู้แล้วมันก็ดีใจจังอ่ะ!
ทำไมน่ารักอย่างงี้ ถ้าชอบก็บอกกันตรง ๆ สิ!
งั้นรอบหน้าถามความเห็นกรตรง ๆ ดีกว่า! กรจะได้ไม่ต้องอดกลั้นด้วย
อา… แล้วฉันก็จะขอสูดกลิ่นของกรทั้งคืนด้วยเหมือนกัน!
“จินตนาการอะไรอยู่เนี่ยริน?”
“เหวอ!?”
โดนอลิซทักเข้ารินก็ถึงกับสะดุ้งตื่นจากความฝันและแผนการอันแยบยล
ไม่ได้ไม่ได้! เรื่องนั้นไว้ก่อน ตอนนี้ต้องแต่งตัวก่อนสิเนอะริน!
“งะ งั้นเรารีบไปแต่งตัวดีกว่านะ” รินกระแอมตั้งสติตัวเองใหม่ก่อนจะเตลิดไปไกลกว่านี้
“…แปลกคนอ่ะ”
“อะฮะฮะ”
รินได้แต่หัวเราะแห้งไร้ข้อแก้ตัว พอเป็นเรื่องของกรทีไรเธอเก็บอารมณ์ไม่อยู่ทุกที ยิ่งหลังจากคบกันอารมณ์ก็ยิ่งพลุ่งพล่านกว่าเดิมอีก (ถึงกรเองจะเหมือนกันก็เถอะ)
ทั้งสองคนเดินไปส่องกระจกบานใหญ่แบบตั้งพื้นในห้องของริน
พวกเธอแต่งหน้าแบบบาง ๆ เตรียมไว้อยู่แล้ว ที่เหลือมีเพียงการตรวจสอบความเรียบร้อยเท่านั้น ซึ่งรินที่ระเบียบจัดไม่มีทางพลาดได้เลย
ทางรินสวมชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ตัวเก่ง เป็นชุดเดียวกับที่เคยสวมไปเที่ยวกับพวกกรมาตั้งแต่โลกเดิม แต่วันนี้เธอเปลี่ยนเป็นแบบแขนกุดเผยผิวตัวเองมากขึ้น
แค่นั้นไม่พอ รินยังปรับกระโปรงที่เคยคลุมเข่าให้สั้นลงจนเผยต้นขาบางแต่ดูนุ่มนิ่ม เพื่อให้กรได้เชยชมตอนที่อยากอีกด้วย
เยี่ยมเลย! สมบูรณ์แบบ!
รินตาเป็นประกาย มั่นใจว่ากรจะต้องชอบแน่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปสังเกตอลิซด้วยความเป็นห่วง
วันนี้เธอสวมเสื้อสีขาวติดระบายแบบเปิดไหล่แถมยังเอวลอย ส่วนท่อนล่างเธอสวมกระโปรงแทนที่จะเป็นกางเกงขาสั้นตามปกติ
จะว่าไป… ตอนอยู่กับทุกคนที่ห้องนั่งเล่น เมอร์ลินบอกอลิซว่า
“ใส่กางเกงโชว์ขาอ่อนมันไม่น่าตื่นเต้นหรอกน่า ใส่กระโปรงให้มีโอกาสเซอร์วิสน่ะเร้าใจกว่าเยอะ” อะไรทำนองนั้นด้วย
เห็นตอนแรกบ่นว่าจะไม่เอา แต่สุดท้ายก็ใส่สินะ
ทะเลาะกันประจำแต่ก็รักกันดีจริงน้าคู่นี้
แต่ว่า…
รินมองอลิซโพสท่าโน้นท่านี้ใส่กระจก โอ้อวดรูปร่างตัวเองในชุดออกเดทอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่ผมเผ้าดันไม่เรียบร้อยเลยสักนิด
ในหัวอลิซคงกำลังนึกสนุกเรื่องเดทไม่ทิ้งห่างจากเธอ เพราะเป็นเพื่อนกันเลยคิดเหมือนกัน
แต่จุดที่น่าห่วงคืออลิซไม่ค่อยรอบคอบนี่แหละ
“อลิซนั่งตรงนี้แปปนะ เดี๋ยวฉันหวีผมให้”
“เอ๋! แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก!”
“เธอเนี่ยน้า ไม่กลัวกรมองเป็นเพื่อนผู้ชายรึไง”
“โหใจร้าย! พูดแบบนี้ก็ต้องยอมป่ะเนี่ย!”
โดนแทงใจดำอลิซเลยได้แต่ทำหน้ามุ่ย เพราะนั่นเป็นหนึ่งในเรื่องที่เธอกลัวที่สุด
แม้ในบรรดาครอบครัวของเราจะมีหญิงสาวที่มีความแก่นแก้วหลายคน ซึ่งก็ได้แก่คาเรน ยูมิน่า ฟลอร่า และตัวอลิซเอง
แต่ถ้าพูดถึงคนที่มีโอกาสถูกมองเป็นเพื่อนสนิทนั้นไม่ใช่ทุกคน
คาเรนนั้นวางตัวเป็นเหมือนน้องสาวของบ้านผู้น่ารักน่าหยอกและน่าถูกเธอหยอก ไม่อยู่ในจุดที่จะมองเป็นเพื่อนซี้ได้
ฟลอร่านั้นใกล้เคียงเพราะตีซี้ได้ทุกคน แต่เธอมีลูกล่อลูกชนจึงรู้จังหวะที่จะแสดงบทบาทของแฟนสาวได้ถูกที่ถูกเวลา กรเลยไม่มีโอกาสมองเป็นเพื่อนสนิทได้
คนที่เสี่ยงที่สุดน่าจะเป็นยูมิน่าที่มีความห้าวเหมือนผู้ชาย …แต่นั่นคือก่อนเธอจะคบกับกรต่างหาก ส่วนยูมิน่าในปัจจุบันนั้นสาวแตกจนจำภาพเดิมไม่ได้ แถมพออยู่ต่อหน้ากรก็ช่างขี้อ้อนซะไม่มีอีก
แม้ตอนอยู่ข้างนอกจะมีนิสัยเดิมอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเธอไม่ทำแบบนั้นกับกร เขาย่อมมองเธอเป็นเพื่อนผู้ชายไม่ได้
คนที่เสี่ยงที่สุดที่จะถูกมองเป็นเพื่อนเพราะเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด จึงกลายเป็นอลิซไปโดยปริยาย
อันที่จริงกรเค้าคงไม่มองเรากลับเป็นเหมือนเพื่อนหรอกมั้ง
ก็เราข้ามเส้นกันไปหลายครั้งแล้วนะ! เหลือแค่แต่งงานแล้วนะเนี่ย! เค้าจะมองเราเป็นเพื่อนได้ไงอ่ะ!
ไม่สิ… ก่อนหน้านี้ก็เคยคบกันแล้วกลับไปเป็นเพื่อนนี่นา?
แต่ไม่สิ! นั่นมันแค่สถานะต่างหาก! ยังไงความรู้สึกของเรามันก็เป็นแบบคู่รักอยู่แล้วป่ะ!
โอ๊ย! ปวดหัวง่า!!!
อลิซหัวหมุนคิดไม่ตก แม้จะพอรู้อยู่แก่ใจว่ากรรักเธอ มองเธอในฐานะผู้หญิงแค่ไหน แต่ความกังวลก็ไม่ยอมหายไปอยู่ดี
นี่แลความยุ่งยากของจิตใจหญิงสาวจนตัวเองยังรับมือไม่ได้ คิดแบบนั้นตัวเลือกเลยเหลือแค่อย่างเดียว
“…กะดะ” ด้วยเหตุนั้น อลิซเลยจำยอมนั่งเก้าอี้แต่งหน้าให้รินยืนหวีผมข้างหลังเธอแต่โดยดี
“ดีมากค่ะ”
รินพยักหน้ายิ้มโล่งใจแล้วเริ่มหวีผมให้อลิซ เห็นความใสซื่อของเพื่อนซี้สาวคนนี้แล้วอดเอ็นดูไม่ได้ทุกที
รินยิ้มไปมองกระจกไป รู้สึกอิ่มเอมใจกับการได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนสนิทซึ่งตอนนี้กลายเป็นครอบครัวคนสำคัญ
“!?”
…แต่ในจังหวะนึง นั่นกลับทำให้รินนึกถึงเรื่องสมัยเด็กที่เคยหวีผมให้อลิซมาก่อน ภาพสะท้อนในกระจกสะท้อนตัวรินวัยเด็กกำลังหวีผมให้อลิซในวัยเดียวกัน
แน่นอนว่ามันเป็นแค่มโนภาพ แต่มันก็ทำให้รินฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“มีอะไรเหรอริน?” อลิซเห็นรินหยุดมือ น้ำเสียงเธอเป็นห่วง แม้แต่หางตายังตกลงด้วย
ความคิดเพลินของรินยังไม่หยุดลง แต่ความรู้สึกในอกนี้ไม่ใช่ความรู้สึกด้านลบ
“!?”
รินก้มลงไปสวมกอดคออลิซจากด้านหลัง ความกะทันหันทำอลิซแปลกใจค่อนไปทางเป็นห่วง แต่รอยยิ้มสงบของรินทำให้อลิซสบายใจขึ้น
“เปล่าหรอก… แค่พอมานึกดู ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเราสามคนจะได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันน่ะ”
“ว่าไปแล้วก็จริงแฮะ”
อลิซพยักหน้างก ๆ แต่ก็ยังมีรอยยิ้ม เธอยกมือขึ้นกอดแขนของรินกลับมายิ่งทำให้รินใจฟู
และยิ่งทำให้รินดีใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ถ้าใครสักคนได้คบกับกรแค่คนเดียว ไม่รู้เราจะมองหน้ากันติดรึเปล่าเนาะ”
“อูย… รู้สึกผิดเลยอ่ะ”
อลิซยิ้มแหย ๆ เพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเคยแอบคบกับกรลับหลังรินมาก่อน เธอเลยเข้าใจความรู้สึกผิดนั้นโดยไม่ต้องจินตนาการ
“แต่ก็นั่นสิ… ถ้าไม่ใช่เพราะกรคบกับทุกคนอยู่แล้ว รักสามเศร้าเรานี่เอาไปทำหนังได้เลยมั้งเนี่ย”
“…ก็จริงแหละนะ”
รินรับรู้ความหนักหน่วงของผลลัพธ์นั้น เพราะอลิซเองก็พูดติดตลกได้ไม่เต็มปาก แววตารินเองก็หมองลงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์นั้นทั้งที่ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกแล้ว
เพราะผู้คนเอาแต่จินตนาการตัวเองตอนที่สมหวัง หากแต่ไม่ได้จินตนาการตัวเองตอนผิดหวัง รินและอลิซถึงได้ทรมานจนเจ็บเจียนตายในตอนที่รู้ว่ากรคบกับทุกคนไปก่อนตัวเอง
ความคิดในตอนนั้นมันมีแต่คำว่า ‘ทำไมถึงไม่ใช่ตัวเองที่ได้อยู่ตรงนั้น’
พอมานึกดูมันก็เป็นเรื่องปกติ… ใครเสียของรักไปย่อมต้องรู้สึกถวิลหาเช่นนั้นเป็นธรรมดา
แต่พอผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วคิดอย่างใจเย็น ทั้งรินและอลิซต่างก็เห็นข้อบกพร่องของตัวเองจนอดหงุดหงิดไม่ได้
‘อยู่กับกรมานานกว่าใครแท้ ๆ แล้วทำไมถึงไม่รีบคบกับกร’ หรือ
‘ได้คบกับกรก่อนใครแท้ ๆ แล้วทำไมถึงไม่ยืดหยัดในความสัมพันธ์ให้มากกว่านี้’
พอตระหนักแบบนั้น… เหตุผลที่ทำไมถึงไม่ใช่ตัวเองถึงได้กระจ่างชัด
ได้รู้แบบนั้น ต่อให้ไม่อยากยอมรับแต่ก็ต้องยอม
ไม่สิ… ถ้าไม่ยอมก็จะผิดพลาดซ้ำสอง เพราะงั้นถึงต้องยอมรับ
ว่าสุดท้ายคนที่ทำพลาดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน …แต่เป็นตัวเอง
“คงเป็นบทเรียนจากความเห็นแก่ตัวของฉันเองแหละมั้ง”
“…ความเห็นแก่ตัว เหรอ?”
อลิซหันกลับไปมองริน คำพูดเธอน่าเป็นห่วงเพราะเหมือนก่นด่าตัวเอง
ไม่สิ… ลึก ๆ เธอพอจะเข้าใจสิ่งที่รินคิด ถึงพลอยรู้สึกเศร้าตามไปด้วย
แต่… รินที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอกลับไม่ได้ตีหน้าหมอง
บนใบหน้าของรินขมวดคิ้ว แต่สีหน้ากลับดูแน่วแน่อย่างน่าประหลาด
“ก็คิดถึงแต่ตัวเองนี่นา ถ้าไม่เรียกว่าเห็นแก่ตัวแล้วจะเรียกว่าอะไร”
“…เหรอ แต่ถ้าหมายถึงที่เคยทำกับกร ฉันเข้าใจดีเลยล่ะ”
คำพูดรินสื่อมาถึงอลิซ ตระหนักถึงความรู้สึกลึก ๆ ในใจเป็นไปในทางเดียวกันทั้งคู่
ทางรินมองว่าตัวเองกลัวเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ เธอจึงพลาดโอกาสที่จะใกล้ชิดและดูแลกรให้มากกว่าที่เพื่อนจะทำได้
เผลอ ๆ เธออาจกลายเป็นคนที่ช่วยให้กรกลับมายืนหยัดอีกครั้งก็เป็นได้ด้วยซ้ำ
หรือทางอลิซที่เผลอไปมัดมือชกขอให้กรคบกับตนเข้า …แม้จะไม่ตั้งใจ แต่มันก็ทำให้กรเจ็บปวดอยู่ดีในตอนท้าย
แต่หากเธอยืนหยัดอยู่เคียงข้างกรต่อไป ไม่สนใจว่าตนอยู่ในสถานะไหน ไม่สนใจเรื่องที่กรขาดความมั่นใจในตัวเองหรือกลัวจะไม่คู่ควรกับเธอ
หากเธอยืนยันจะขอดูแลเขาเสมือนเป็นคนรักต่อไปแม้สถานะจะไม่ใช่ เธอก็อาจกลายเป็นคนที่ทำให้ความมั่นใจในตัวเองของกรกลับมาได้เหมือนกัน
แต่พวกเธอกลับไม่ได้ทำ ไม่สิ… เพราะมองผลลบของผลลัพธ์มากกว่าจึงกลัวเกินกว่าจะทำต่างหาก
พอมาคิดดู… ที่กรไปคบกับคนอื่นก่อนมันอาจสมควรแล้วก็ได้
“แต่แบบนี้แหละดีแล้ว”
“แต่แบบนี้แหละดีแล้ว”
“อ๊ะ”
“โอ๊ะ”
รินกับอลิซสะดุ้งยกมือป้องปาก ความโบ๊ะบ๊ะทำเอาบรรยากาศจริงจังหายไปเลย
ไม่สิ… เพราะไม่ได้คิดด้วยความตึงเครียดหรือหดหู่อยู่แล้วต่างหาก การยอมรับความจริงจึงทำได้ง่ายนัก
“ใจตรงกันเฉยเลยอ่ะ พวกเราสุดยอด”
“นั่นสิเนอะ”
รินกับอลิซกลับมายิ้มให้กันอีกครั้ง
พวกเธอเห็นตรงกันว่าความผิดพลาดที่เคยทำไม่ได้เป็นตัวฉุดรั้งอีกต่อไป แล้วการไม่ได้ปล่อยวางมันก็ไม่ได้ทำให้เป็นทุกข์ด้วย
กลับกัน… การมีมันอยู่นี่แหละคือก้าวแรกของการเติบโต
ปิ๊งป่อง!
เสียงกริ่งทำรินและอลิซต้องดึงสติ พอรู้สึกตัวอีกทีสิ่งที่ต้องทำก็มาอยู่ตรงหน้าพวกเธอแล้ว
แต่ไม่มีอะไรต้องกลัว รินกับอลิซมองหน้าและพยักหน้าให้กันอย่างแน่วแน่
เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเดท แต่เป็นการเตรียมใจละทิ้งความผิดพลาดในอดีต และใช้มันเป็นเครื่องมือในการแก้ไขไม่ให้พลาดซ้ำ
ดังนั้น ในอีกนัยนึง… มันคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองของพวกเธอต่างหาก
❖❖❖❖❖
“ฟู่! อยู่บ้านแล้วมันเย็นสดชื่นต่างกันเลยนะเนี่ย” กรถอนหายใจสบายอกในทันทีที่เข้าบ้าน
ถึงจะเพราะมีแอร์ด้วยก็เถอะ
แต่ที่เย็นใจสุด ยังไงก็คงเพราะเป็น ‘บ้าน’ นี่แหละน้า!
“เห… ที่ร้อนเกินไป คงไม่ใช่เพราะอยู่กับพวกดิฉันหรอกเหรอคะ?”
“โห พูดแบบนั้นจะแก้ตัวยังไงเนี่ย”
กรยิ้มแหยทำตัวไม่ถูกกับรอยยิ้มหยอกของชาลอต
ที่จริงก็เพราะโดนพวกเธอแกล้งตอนเดทนั่นแหละเขาเลยร้อนในหลาย ๆ ความหมาย
ตอนนี้ชาลอตกับซาช่ายังกอดควงแขนเขาอยู่เลย นั่นยิ่งทำให้ร้อนเข้าไปอีก
“ตะ แต่ว่า… ก็ชอบใช่ไหมคะนายท่าน”
ซาช่ายังคงถามแบบเกรง ๆ ดูจะไม่เคยมีความมั่นใจในตัวเองตามเคย
กรเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะแกล้งทุกที
“ไม่ชอบหรอก”
“เอ๋…” ซาช่าหน้าถอดสีในบัดดล
“รักเลยต่างหาก”
“……งืออออ”
โดนกรแกล้งก็ไม่ยักจะโกรธ แถมซาช่ายิ่งเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงแขนกรแล้วถูไถยังกับเป็นหมอนข้างเข้าไปอีก ดูทรงแล้วคงจะมันเขี้ยวเขาไม่ใช่น้อย
กรกับชาลอตมองหน้ากัน แอบหัวเราะให้ซาช่าอย่างเอ็นดู
ในจังหวะนั้นรินกับอลิซก็เดินลงมาจากบันไดพอดี นั่นคือสัญญาณการเปลี่ยนผลัด
ชาลอตกับซาช่าเลยจำยอมเลิกควงแขน
สำหรับพวกเธอแล้ว การให้เกียรติกับเวลาของภรรยาคนอื่นถือเป็นเรื่องสำคัญ
ชาลอตเดินเข้าไปกุมมือรินที่เดินลงมาถึงพื้นชั้นหนึ่ง
“พากรมาส่งแล้วค่ะ”
“ขอบใจนะชาลอต” รินกุมมือกลับยิ้มขอบคุณสดใส
อลิซเองก็เดินเข้ามาเกาะไหล่ซาช่าอย่างสนิทสนม
“ซาช่าเองก็พยายามเต็มที่เลยใช่ป่ะ! คงไม่โดนกรแกล้งใช่ป่าว”
“เดี๋ยวเหอะ!”
“นายท่านไม่แกล้งหรอกค่า แหะ ๆ” ซาช่าอมยิ้ม เพราะความจริงมันเป็นตรงข้าม
แต่ได้เห็นกรลุกลี้ลุกลน ทุกคนยิ่งเอ็นดูจนหัวเราะลั่น
ให้ตายสิ… เหมือนถูกมองเป็นเด็กเลยแฮะ
แต่อืม… ถูกพวกเธอมองแบบนั้นก็ไม่เลวแฮะ
กรคิดไปคิดมาก็ไม่รู้จะมีอะไรให้หงุดหงิด เพราะยังไงที่พวกเธอยิ้มก็เพราะรักและชอบเขาที่เป็นแบบนั้น
“งั้น… พวกเรารบกวนเวลาเท่านี้ก็แล้วกันนะคะ ริน อลิซ”
ชาลอตให้เกียรติรินและอลิซอีกครั้ง ซาช่าที่อยู่ข้าง ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยตาม แล้วโบกมือเดินเข้าห้องนั่งเล่นไป
“ชาลอต ซาช่า” แต่สำหรับกร… นั่นยังไม่ใช่ท้ายสุดของเดทที่อยากให้เป็น
“ขอบคุณสำหรับเดทด้วยนะ ฉันสนุกมากเลยล่ะ”
กรยิ้มให้สองสาวทิ้งท้ายก่อนโบกมือให้
รอยยิ้มสดใสราวเทพบุตรนั้นน่าหลงไหลจนชาลอตกับซาช่าน้ำลายสอ ถ้าไม่ตั้งสติไว้ดี ๆ คงได้พุ่งเข้าไปกอดเขาอีกรอบแน่
ร้ายกาจจนถึงที่สุดเลยนะคะนายท่าน
ชาลอตแอบคิดในใจ ซาช่าที่อยู่ข้าง ๆ ก็ครางเสียงในลำคอเสียดาย
“…ขอบคุณค่ะ ดิฉันก็สนุกเหมือนกัน”
“ขอบคุณเหมือนกันนะคะนายท่าน”
ทั้งสองตอบกลับก่อนเข้าห้องนั่งเล่น พยายามกลั้นใจไม่ให้อ้อนกรเต็มที่ ไม่งั้นรินกับอลิซคงเสียเวลาไปกว่านี้
รินกับอลิซเห็นแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มส่งท้าย รู้สึกเอ็นดูเพราะเข้าใจความรู้สึกนั้นดี
ไม่สิ… คิดว่าภรรยาของกรทุกคนคงเข้าใจหมดนั่นแหละ เจอรอยยิ้มแบบนั้นเข้าใครไหนเล่าจะทนไม่เข้าไปฟัดได้
การเดทของชาลอตกับซาช่าจึงจบลงเช่นนั้น
ทำให้ตอนนี้เหลือแค่กร รินและอลิซสามคนยืนอยู่ที่ชั้นหนึ่งกลางบ้าน
พออยู่กันสามคนและเป็นเวลาของพวกเธอโดยเฉพาะ กรจึงสังเกตได้อย่างเต็มที่
“ทำเอานึกถึงเมื่อก่อนเลยนะเนี่ย… รินกับอลิซนี่สวยวันสวยคืนจริง ๆ นะ”
กรมองทั้งสองคนในชุดเดทสลับไปมาจนตาเยิ้ม ดวงตาของเขามองพวกเธอพร้อมกันและไม่มีวี่แววจะหันหนีไปไหนเลย
รินกับอลิซที่มองตากรย่อมรู้ได้ ว่าเขาหลงใหลตนถึงเพียงนั้น
“ชมเกินไปแล้ว …แต่ก็ขอบคุณนะ”
รินขยับผมทัดหูแก้ประหม่า ขืนมองตากรต่อเธอรู้สึกว่าหัวใจอาจจะวายได้
“ชะ ชมเก่งเหลือเกินนะคะเนี่ย ไม่ไหว ๆ” อลิซเองก็ทำทีเป็นสะบัดมือไปมา กรเห็นแล้วยิ่งอยากแกล้ง
“ไม่ไหวเรื่องอะไรเหรอ?”
กรยิ้มจนถึงหูขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ทำอลิซสะดุ้งเขินหนักเป็นแมวตกใจ
เธอเกร็งจนต้องเอามือมายันอกกรไว้ แต่แรงต้านนี่เบายังกับฟองน้ำ ใบหน้าเธอก็ประหม่าหนักจนเหยเกไปแล้ว
“ฉะ ฉันเนี่ยแหละจะไม่ไหว …เลิกหยอกซะทีได้ไหมคะพ่อรูปหล่อ”
“อะฮะฮะ ซื่อตรงดีจริง ๆ เลยนะเนี่ย”
กรพลอยเขินจนหน้าแดงไปด้วย ไม่คิดว่าจะโดนหมัดตรงสวนคืนแบบนี้
ให้ตายสิ… ทางรินพอเขินก็ทำตัวไม่ถูก เวลาเธอบิดตัวไปมานี่มันน่าหยอกจริง ๆ
อีกคนพอเขินก็พูดสิ่งที่คิดออกมาหมด …แต่ไม่สิ ยัยอลิซพูดสิ่งที่คิดออกมาตลอดอยู่แล้วนี่นา
แต่ยังไงก็…
“ให้ตายสิ จะน่ารักเกินไปแล้ว!”
“ “!!!?” ”
กรทนไม่ไหวจนพุ่งเข้าไปกอดรินกับอลิซ ทำสองสาวไหล่สั่นเทิม
“นะ นี่”
“เอ่อ”
รินกับอลิซได้แต่ทำปากพะงาบ
ไม่ว่าจะถูกกรโอบกอดกี่ครั้ง ไม่ว่าจะถูกสัมผัสในแง่ไหน แต่กระแสไฟฟ้าก็ยังไหลผ่านจากก้านสมองไปทั่วทั้งตัวจนขนลุกทุกครั้งไม่เปลี่ยน
และแน่นอนว่ากรเองก็เหมือนกัน
อูย… ไม่ได้ ๆ เดี๋ยวไม่ได้เดทเอา
แต่กระนั้น กรก็รีบตั้งสติแล้วผละตัวเองออกมา เขารู้ตัวเองดีว่าทนสัมผัสความอบอุ่นนี้ได้ไม่นานแน่
“โทษที ลืมตัวน่ะ———!!!?”
แต่กรคิดผิดไปหน่อย… เขาผละออกมาไม่ได้เพราะโดนดึงตัวไว้
โดยรินกับอลิซ ที่ไม่ยอมเลิกกอดเขาสักที
“เอ่อ… อะไรเหรอ?”
กรมองตารินกับอลิซแล้วเสียวสันหลังวาบ (ในหลาย ๆ ความหมาย)
ที่น่ากลัวกว่า… คือแววตาหิวกระหายของสาวเรียบร้อยอย่างริน กับแววตาปรารถนาของสาวใสซื่ออย่างอลิซ
“อลิซ… ล็อคกรไว้นะ”
“อุ๊ยตาย คิดเหมือนกันเลย”
รินกับอลิซวางแผนกันต่อหน้าต่อตา ที่น่ากลัวคูณสองคือพวกเธอไม่เลื่อนสายตาหนีไปจากกรเลย
ถ้าจะมีใครเข้าใจความรู้สึกหนูตอนถูกงูจ้องกิน ก็คงเป็นกรนี่แหละ
ไม่ทันไรอสรพิษสาวทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนไหว
อลิซขยับไปด้านหลังแล้วล็อคแขนกร รินก็ขยับเข้ามากอดคอกรแล้วจุมพิตกร เธอยังแทรกลิ้นเข้ามาแล้วพยายามกวาดลิ้นกลืนกินทุกอย่างของเขาอีก
อึก! เข้าขากันจริง ๆ เลยสองคนนี้
รินจูบได้รุนแรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? แล้วไหนจะหน้าอกของยัยอลิซที่กดหลังอยู่อีก
คอมโบเพื่อนสมัยเด็กจะรุนแรงเกินไปไหม!
ความหนักหน่วงมากเกินห้ามใจ กรได้แต่ตามน้ำริน ไม่สิ… กรเองก็อยากเหมือนกันถึงได้กอดเอวรินไปด้วยแล้วแอบผสมโรงไปเนียน ๆ ตาม
ผ่านไปเกือบนาทีจนรินพอใจ เธอจึงได้ผละออกมา
น้ำลายที่ติดริมฝีปากรินก็ยังเลียเก็บกลืนจนหมด ทำเอาลืมภาพจำที่เป็นสาวเรียบร้อยไปเสียสนิท
แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะอลิซได้เดินเข้ามาแทนที่รินอยู่ตรงหน้ากร
รินเองก็ขยับไปด้านหลังแทนแล้วกอดกรไว้แน่นทั้งที่รู้ว่ากรไม่คิดจะหนี เธอกดหน้าอกขนาดพอเหมาะใส่แผ่นหลังของเขาทำเอาตื่นเต้นไปอีก
อลิซอาศัยจังหวะนั้นจับแก้มกรไว้
“จูบสาวสวยไปด้วยไม่พอ ยังมีแอร์แบคนุ่ม ๆ อีก ฟินอ่ะจี้”
“ใช่น่ะสิ จะทนไม่ไหวแล้วเนี่ย ขอกราบทีได้ป่ะ”
“มะงุ้ย พูดถูกใจมั่กค่ะ …แบบนี้ต้องได้รางวัลเนอะ”
อลิซไม่พูดพร่ำทำเพลงไปมากกว่านี้แล้วจับกรจูบ เธอเองก็พยายามแทรกลิ้นเข้ามาแล้วดูดกลืนกินราวกับยังไม่ดื่มน้ำมาแต่เช้า
อลิซไม่ปล่อยให้มือตัวเองว่าง จึงแอบลูบไล้แผ่นอกอันสมชายของกรยังกับอดอยาก กะรับสัมผัสจากกรทุกอย่างที่รับได้
พอถอนจูบ อลิซยังเลียริมฝีปากกรราวกับลูกแมวน้อยอีก
แต่พอเห็นเธอกลืนน้ำลายลงคอ กรก็ต้องเปลี่ยนไปมองเธอเป็นแม่เสือสาวแทน
ทั้งรินทั้งอลิซเลย… ไม่สิ ถ้านับเมื่อเช้าก็ชาลอตกับซาช่าเองก็ด้วย
ดูเหมือนช่วงหลังนี่แฟนฉันทุกคนจะหิว ‘น้ำ’ จากฉันมากเลยนะเนี่ย
ก็… ไม่ได้หมายถึงแค่น้ำลายหรอกนะ แต่อีกอันขอละไว้ในฐานที่เข้าใจละกันนะ
(ถึงน้ำลายจะสุดติ่งเหมือนกันก็เถอะ)
พอมานึกดูก็ตั้งแต่ช่วงหลังจากเคลียร์มหาดันเจี้ยนมาเลยล่ะมั้ง พวกเธอหิวกันบ่อยขึ้นจริง ๆ นะเนี่ย
แล้วไม่มีท่าทีรังเกียจด้วยนะ น่าดีใจจริง ๆ นั่นแหละ
แต่ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนจะโดนจับกินตลอดเวลาแบบนี้นี่ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ
ไม่สิ! รักเลยต่างหาก จะจับผมกินตอนไหนก็เอาโล้ด!
กรนึกย้อนดูแล้วก็รู้สึกแปลกใจแต่แน่นอนว่าดีใจมากกว่า เพราะยังไงนั่นก็เป็นหลักฐานว่าเหล่าภรรยารักเขาในระดับที่เรียกว่าคลั่งไคล้ถึงเพียงนั้น
ในฐานะแฟนหนุ่มแล้ว ไม่ดีใจต่างหากถึงจะแปลก
เรื่องนั้นก็ว่าไปอย่าง… แต่ชุดเดทวันนี้เปิดเนื้อหนังเยอะกว่าปกติจริงแฮะ
ไม่เคยเห็นรินใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้ไปข้างนอกมาก่อนเลย
แถมอลิซก็ชอบใส่กางเกงมากกว่าด้วย ก็เพราะมันคล่องตัวสมเป็นสาวกีฬาล่ะนะ
กรกลับมาสังเกตชุดของรินกับอลิซ ขณะที่พวกเธอเดินมาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
เห็นการเปิดเผยผิวกายของชุดพวกเธอแล้ว กรรู้สึกต่างไปจากทุกทีจริง ๆ
“วันนี้… รุกหนักกันจังเลยนะ” กรยิ้มแห้งมองสองสาวสลับไปมา
“…ไม่ใช่หรอก ที่ผ่านมาน้อยไปต่างหากล่ะ”
“พูดอีกก็ถูกอีกนั่นล่ะ”
อลิซพยักหน้าเห็นด้วยกับริน ท่าทางแข็งขันไม่ลดน้อยลงไปเลยแม้จะเพิ่งกินกรไป แถมสายตากับรอยยิ้มก็ช่างดูร้อยเล่ห์ รินกับอลิซดูท่าจะไม่อิ่มกันเลย
รับรู้ความต้องการของแฟนสาวที่พุ่งเข้าหาแทบจะทำเอากรตบะแตก เขารู้ตัวว่าหากมีระลอกต่อไปเขาจะต้องทนไม่ไหวแน่ กรถึงได้เม้มตาแน่นเหมือนกล้ำกลืนฝืนทนอารมณ์ตัวเอง
“งะ งั้นเราไปเดทกันดีกว่าไหมนะ?” กรยิ้มถามแบบเกร็ง ๆ
…เพราะถ้าคำตอบคือไม่ ช่วงบ่ายนี้ทั้งสามคนคงไม่ได้เดท และน่าจะได้ขลุกอยู่แต่บนที่นอน (และแน่นอนว่าคงไม่ได้นอน)
รินกับอลิซมองหน้ากันยิ้มพอใจ เห็นกรลุกลี้ลุกลนช่างเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกเอ็นดูจนหลงรักได้ง่าย ๆ
“ตามที่กรว่าละกันนะ ไปเดทกันเถอะ”
“น่าเสียดาย ๆ เดี๋ยวค่อยกลับมาต่อแล้วกันเนาะตะเอง”
รินกับอลิซเข้ามาควงแขนกรคนละข้าง อย่างน้อยพวกเธอก็ยอมทำตามคำแนะนำของกร
เพราะแม้จะอยาก ‘กิน’ กรจริง ๆ ก็ตาม แต่เดทนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่พวกเธอรอคอยเหมือนกัน
“ให้ตายสิ… ฝากไว้ก่อนเถอะนะพวกเธอ”
กรสัมผัสบรรยากาศรอบตัวทั้งสองคนได้ รู้ว่าทั้งขึ้นทั้งล่องตนต้องโดนเล่นแน่ แถมรินกับอลิซก็ยังแลบลิ้นหยอกกลับมาอีก
…และแน่นอน แววตาอสรพิษจ้องจับเหยื่อของพวกเธอยังคมกริบไม่เปลี่ยน
กรเห็นแล้วก็ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น แต่ความคาดหวังก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัวเพราะสองสาวไม่เคยรุกขนาดนี้มาก่อน
หรือว่าเดทช่วงบ่ายนี้… เราจะโดนหนักกว่าตอนเช้าอีกมั้งเนี่ย?
❖❖❖❖❖