ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรีย - ตอนที่ 216 สาวน้อยธรรมดา?เองก็อยากลองเอาแต่ใจดูบ้างเหมือนกัน (1) (Charlotte and Sasha have a Date)
- Home
- ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรีย
- ตอนที่ 216 สาวน้อยธรรมดา?เองก็อยากลองเอาแต่ใจดูบ้างเหมือนกัน (1) (Charlotte and Sasha have a Date)
หลังจากที่พาเรเชลกับริต้าไปเยี่ยมหลุมศพคุณพ่อคุณแม่ของพวกเธอ สีหน้าทั้งสองคนก็ดูดีขึ้นมาก …ถ้าเทียบกับก่อนที่จะออกเดทน่ะนะ
คิดว่าความกังวลที่มีอยู่ในใจคงจะหายไปเกือบหมดแล้ว
ที่น่าสนใจคือ จากนี้พวกเธอจะทำยังไงต่อ
เพราะเท่าที่เคยคุยกัน เรเชลกับริต้าอยากจะคอยสนับสนุนฉันและครอบครัวไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้มีสิ่งที่ตัวเองอยากทำเป็นพิเศษ
ไม่สิ… การอยากสนับสนุนคนอื่นก็นับเป็นสิ่งที่อยากทำได้เหมือนกันนี่นา
เหมือนกับเราที่อยากเป็นฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม… การได้เห็นรอยยิ้มของคนรอบตัวก็สามารถทำให้ตัวเองมีความสุขได้ เพราะงั้นก็คงนับเป็นการทำเพื่อตัวเองได้เหมือนกันนั่นแหละมั้ง
ในแง่นั้นก็สบายใจได้ขึ้นมาหน่อย
เพราะแม้พวกเธอจะอยากพัฒนาตัวเองเพื่อเรา แต่คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือพวกเธอด้วย
และสุดท้าย… เมื่อพวกเธอมีมุมมองที่กว้างขึ้น เรเชลกับริต้าก็จะมองเห็นอุดมคติที่ตัวเองอยากเป็นชัดขึ้น
แล้วเรเชลกับริต้าก็จะรู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างที่พวกเธอปรารถนา ความคิดที่รู้สึกว่าไม่คู่ควรกับเราก็จะลดน้อยลงไปเอง
หวังว่าจะเป็นแบบนั้นเลย ไม่สิ… ฉันจะช่วยให้ทั้งสองคนเป็นแบบนั้นเอง!
…แต่พอพูดถึงกลุ่มคนที่ชอบมองข้ามความรู้สึกตัวเองแล้วทำเพื่อเรา ก็พลอยนึกถึงชาลอตกับซาช่าขึ้นมาเลย
เรียกว่าก็เข้าใจได้… เพราะทั้งสองคนเคยเป็นทาสมาก่อนนี่นา ชุดความคิดที่ว่า ‘ชีวิตเจ้านายต้องมาก่อนชีวิตของตน’ เลยฝังหัวแบบติดแน่นทนนาน
แต่หลังจากคบกัน ความคิดแบบนั้นก็ค่อย ๆ ลดลงไปตามความใกล้ชิด
นี่ยังไม่นับที่ได้รับความทรงจำของฉันเข้าไปอีก ความรู้สึกว่าตัวเองมีสถานะต่ำกว่าเลยลดลงไปเยอะมาก (อื้ม ๆ! น่ายินดี ๆ)
ทว่า… จะด้วยโชคชะตาหรืออะไรก็ไม่รู้หรอกนะ
แต่จากความทรงจำในภพชาติที่ผ่านมา ไม่ว่าจะชีวิตไหน ทั้งชาลอตและซาช่าก็ดันมีอันต้องเป็นข้ารับใช้ของฉันไม่ว่าทางใดก็ทางนึงอยู่ตลอดเลย
ถึงสุดท้ายจะได้คบกัน และหวานแหววกันสุด ๆ เหมือนตอนนี้เลยก็เถอะ
แต่ปัญหาคือ เพราะผ่านเรื่องแบบนี้มา ชุดความคิดแบบข้ารับใช้เลยยังฝังหัวพวกเธออยู่เหมือนเป็นนิสัยส่วนลึกที่แก้ไม่หาย
เพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนมีเรื่องต้องเกรงใจนั่นแหละนะ ฉันเลยพยายามลดช่องว่างพวกนี้ลงตลอด
ก็… ตอนแรกก็คิดไว้แบบนั้นแหละนะ
กรครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะทำเพื่อชาลอตและซาช่าไปตามวิสัยของเขา บนเตียงนอนยามเช้าที่เขาเพิ่งฟื้นจากนิทรา
แต่บนเตียงนี้ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว… ชาลอตเป็นอีกคนที่นอนร่วม แผ่นหลังเธอติดกับร่างกายฝั่งซ้ายแล้วกอดแขนกรไว้แน่น ร่างกายเล็กบางแต่นุ่มนิ่มละมุลผิวทำเอากรตื่นตัวแต่เช้า
ชาลอตกอดแขนของกรไว้แน่นแถมยังกดมันกับหน้าอกพอประมาณของตัวเอง ทำเอาความร้อนรุ่มแผ่ซ่านตั้งแต่แขนไปทั่วทั้งตัว ช่างไร้ปราณีกับเด็กหนุ่มกลัดมันเสียเหลือเกิน
เท่านั้นไม่พอ… ฝั่งขวาของเขาก็ถูกจองไว้โดยซาช่าอีก เธอกำลังนอนกดร่างกายฝั่งขวาของกรอย่างแนบแน่นให้มือขวาของกรได้โอบร่าง หน้าอกอันใหญ่โตมโหฬารของเธอถึงขั้นเกยบนอกของกร แรงกระตุ้นอันรุนแรงเกือบจะทำให้กรพลั้งมือเล่นซุกซนกับร่างกายอันอวบอิ่มนี้
แต่ในทางกลับกันซาช่าก็ทำแบบนั้นไปก่อนแล้ว ขาของเธอคร่อมร่างกายท่อนล่างของเขาและพันเกี่ยวอย่างหิวโหยแม้กระทั่งยามหลับไหล การกระทำของซาช่าสะท้อนความต้องการส่วนลึก (ที่อยากจะกินกร) จนบางครั้งก็ทำเขาลืมไปเสียสนิทว่าเธอเป็นเด็กสาวใสซื่อขี้อายแค่ไหน
ว่ากันว่าตอนที่เราไม่รู้สึกตัวร่างกายจะตอบสนองไปตามจิตสำนึก
เพราะได้นอนด้วยกันบ่อย ๆ แบบนี้นี่แหละ เลยรู้ว่าความเกรงใจของทั้งสองคนลดลงจนแทบไม่มีแล้ว
น่ารักกันซะจริงน้าให้ตายสิ
กรมองชาลอตกับซาช่าที่กำลังอ้อนเขาด้วยร่างกายแม้ยามหลับ เห็นแล้วรู้สึกเอ็นดูเสียจนหัวใจพองโต (รวมถึงอย่างอื่นด้วย)
ว่าไปแล้ว… เมื่อคืนนี้หลังจากเสร็จกิจกรรมตามกิจวัตร ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่มีศึกต่อเวลา ทุกคนก็จะแยกกันไปนอนตามห้อง หรือสาว ๆ บางคนบางกลุ่มก็จะจับกลุ่มนอนด้วยกัน
แต่เมื่อวานนี้หลังจากที่เราเข้านอนไปแล้ว ชาลอตกับซาช่าก็มายืนทำตาออดอ้อนขอนอนด้วยหน้าประตูห้องเราเฉยเลย
“ด้วยความต่างส่วนสูงของเราสองคน ถ้าไม่เตรียมพร้อมไว้อาจจะเป็นปัญหากับการเดทได้ เลยคิดว่าคงจะดีกว่าถ้านายท่านคุ้นชินกับร่างกายของดิฉันไว้น่ะค่ะ”
“คือ… ฉันเองก็กลัวว่านายท่านจะยังไม่ชินกับอุณหภูมิร่างกายของเผ่าดรากูนอย่างฉัน ละ เลยคิดว่าทำให้ชินไว้ก่อนไปเดทน่าจะดีกว่า…”
พวกเธอมองช้อนฉันด้วยแววตาเป็นประกาย แถมยังทำตัวกระมิดกระเมี้ยนหน้าแดงก่ำใส่อีก
มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าเป็นข้ออ้างอ่ะนะ
ก็แหม เล่นกิจกรรมเข้าจังหวะกันทุกวันแบบนี้จะเอาอะไรมาไม่คุ้นกันอีกล่ะครับที่รัก
แต่ถึงเป็นงั้นก็ยอมอยู่ดีอ่ะแหละ ใครจะไม่อยากเล่า!
แล้วยิ่งมากอดเอวช้อนตามองขอร้องใส่อีก
“ “ไม่ได้… เหรอคะ?” ”
พวกเธอมาพูดเสียงหวานแบบนั้นใส่อ่ะ!
น่าร้ากกกกก! ใครจะปฏิเสธลงล่ะครับอย่างนี้!!!
ไม่ต้องเดทแล้ว พรุ่งนี้มานอนกกกันทั้งวันเลยดีกว่——— อะแฮ่ม! ไม่ได้สิ แบบนั้นก็เกินไป
เอาเป็นว่า… นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เราสามคนนอนด้วยกัน (เฉย ๆ)
ก็นะ… ถึงจะแอบกังวลว่าสาว ๆ คนอื่นจะคิดยังไงก็เถอะ
แต่พอมานึกดู เมื่อวานลิลิธกับคาเรนก็มาขอนอนด้วยเหมือนกันนี่นา คิดว่าสาว ๆ คงเคลียร์กันแล้วนั่นแหละ
เพราะเห็นอย่างนี้ เหล่าสภาเมียด้วยกันน่ะเกรงใจกันมากกว่าที่เกรงใจเราอีก
ซึ่งก็ดีล่ะนะ เพราะเดิมทีเราไม่อยากให้ทั้งคู่เกรงใจอยู่แล้ว
เอาจริงก็อยากให้มาขอกันตรง ๆ แบบไม่ต้องอ้างนู่นอ้างนี่เลยก็ได้ เพราะมันรู้สึกเหมือนพวกเธอยังเกรงใจกันอยู่
แต่… อยากที่บอก…
ตอนแรกก็คิดไว้ว่าน่าจะเป็นงั้นแหละ
กรเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่ตัวเองคิดอาจไม่จริงเสมอไป จากที่รู้สึกว่ามือซ้ายของเขาดันขยับได้เอง
พอรู้สึกตัวอีกที อุ้งมือที่เคยว่างเปล่าก็ถูกแทนด้วยสัมผัสอันนุ่มนิ่มเข้า แถมขนาดยังพอดีมืออีกต่างหาก
สัมผัสอันคุ้นเคยทำเขาเผลอบีบนวดมันเข้า เป็นปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติแบบเดียวกับที่พอเอาเนื้อเข้าปากจระเข้ มันก็จะงับทันที
หนุบหนับ!
“ย๊ะ…”
เสียงครางเบาแต่หวานจนเลี่ยนหู ทำกรสะดุ้งไปพร้อมเจ้าของเสียง
ยิ่งน่าหวาดเสียวในหลาย ๆ ความหมายเมื่อต้นเสียง… ชาลอตค่อยยันตัวขึ้นนั่งแบะขาข้างกายกร
เธอจ้องจี่มาทางเขาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แต่สีหน้ากลับเรียบเฉยกว่าที่คาด
เอ่อ… นี่มันเดจาวูป่าวเนี่ย? ยังกับวันแรกที่นอนด้วยกันไม่มีผิดเลย
ค่าความสัมพันธ์ลดอีกป่ะเนี่ย?
…ไม่สิ เป็นไปไม่ได้หรอก ดูสายตาที่เธอหรี่มองมาสิ!
ทำไมหวานเยิ้มอย่างนั้นล่ะครับเนี่ย!!!
กรเผลอกลืนน้ำลาย สายตาชาลอตส่งความรุนแรงถึงเพียงนั้น
…แน่นอนว่าไม่ใช่ความโกรธหรือไม่พอใจ ไม่งั้นเธอคงไม่คลานเข้ามาแล้วแนบมือสัมผัสแก้มกร
ชาลอตเริ่มลูบไล้ใบหน้าของกรลงถึงคอหอย ทำเอาเขาขนลุกชูชันทั้งตัว
“เอ่อ…” กรทำปากพะงาบพูดอะไรไม่ออก เพราะถูกสัมผัสจากมืออันอ่อนนุ่มของแฟนสาวดึงความสนใจ
ชาลอตเห็นแล้วกลับจรดริมฝีปากลงที่แก้มของกร พอถอนออกมาก็กลับไปจ้องกรด้วยรอยยิ้มหวานฉ่ำ
และสายตาปรารถนา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะนายท่าน… อยากให้ช่วยแต่เช้าเลยเหรอคะ?”
“ปะ เปล่าซะหน่อย มือมันขยับไปเองอ่ะ” กรพยายามกระซิบเบา ๆ กลัวซาช่าจะตื่นก่อนเวลา จนเขาปากไวเผลอแก้ตัวแม้จะไม่อยากปฏิเสธ
เพราะแบบนั้นแก้มชาลอตเลยพองลมแง่งอนขึ้นมา
อะ อ้าว… เลือกคำตอบผิดเหรอเนี่ย
“มือของนายท่านจะไปขยับเองได้ยังไงกันล่ะคะ พูดจาผิดหลักการไม่สมกับเป็นนายท่านเลยนะคะ” ชาลอตเอนตัวลงนอนข้าง ๆ
คำพูดเธอเหมือนโกรธแต่น้ำเสียงช่างกระเส่า แถมยังจงใจพูดใกล้หูให้กรหวั่นไหวอีกต่างหาก แววตาเองก็หวานฉ่ำจนกลายเป็นรูปหัวใจอีก
มองยังไง คนที่ ‘อยากให้ช่วย’ ก็ไม่น่าใช่กร
รู้แบบนั้นกรทั้งดีใจและตื่นเต้น
…แต่ความร้อนรุ่มของชาลอตก็ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน จนเขาอยากแกล้งเธอขึ้นมา
กรเลยคัดลอกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของชาลอตคืนให้เจ้าตัวที่โยนความผิดมาให้เขา
“ก็นั่นน่ะสิ… ไม่ใช่ฝีมือเธอเหรอชาลอตที่จับมือฉันไปทำอย่างนั้นน่ะ” กรยิ้มจี้จุดทำชาลอตเลิกคิ้วไปแวบนึง
…แล้วก็กลับไปทำตาหวานฉ่ำอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“แต่คนที่บีบก็คือนายท่านอยู่ดีนะคะ”
ชาลอตเผยยิ้ม ทำกรจนมุมด้วยตัวเอง เพราะสุดท้ายคนที่ตอบรับคำเชิญก็กลับกลายเป็นกรอยู่ดี
“แหม นั่นมันก็———”
“รับผิดชอบเลยค่ะ”
ชาลอตไม่รอให้พูดจบ เธอใช้มือสองข้างล็อคแก้มของกรไม่ให้หนี (แม้เขาจะไม่คิดหนีอยู่แล้ว) แล้วประกบริมฝีปากในบัดดล
ตอนแรกชาลอตก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำขนาดนี้ แต่พอเห็นว่าชายที่ตนหลงรักต้องการตัวเองในระดับส่วนลึกของจิตใจ เธอก็อดกลั้นความรู้สึกของตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป
ชาลอตแทรกลิ้นแล้วกวัดไกวอย่างต่อเนื่องเหมือนอดอยาก ลิ้นเล็ก ๆ ของเธอพยายามสร้างความรื่นรมย์ให้กับกรเต็มที่ ราวกับต้องการตอบแทนความโหยหาของเขาที่มีต่อเธอ
ใช้เวลานานกว่า 5 นาทีชาลอตถึงยอมผละออก
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
เสียงหอบของชาลอตช่างเย้ายวนชวนให้กรตบะแตก ยังไม่หนักเท่ากับตอนที่เธอพยายามเลียริมฝีปากเก็บกลืนน้ำลายทุกหยดของเขา
แลสะท้อนความปรารถนาที่อยากจะกลืนกินกรให้หมดทุกหยาดหยด
อะไรจะขนาดนั้นครับเนี่ย กระตุ้นกันเกินไปหน่อยแล้วมั้ง
กรกลืนน้ำลาย เห็นแล้วพยายามควบคุมตัวเองสุดชีวิตเพราะไม่อยากให้ซาช่าตื่น
วันนี้มีเดทแสนสำคัญ ถ้านอนไม่เต็มอิ่มคงจะสนุกได้ไม่เต็มที่
…ถึงมันจะสายไปแล้วก็เถอะ
“อ๊าง!”
ซาช่าส่งเสียงจากข้างหูอีกคนทำเอากรสะดุ้งเป็นหนที่สอง ดูท่าศึกกับชาลอตจะรุนแรงกว่าที่คาด
แต่เดี๋ยวนะ แค่นั้นไม่น่าทำให้ซาช่าส่งเสียงแปลก ๆ? แบบนั้นได้นี่นา
กรคิดพิจารณาแล้วลองสังเกตร่างกายฝั่งขวาเพื่อหาคำตอบ …จนกระทั่งรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป
แขนขวาของกรก่อนหน้านี้ที่เคยวางทิ้งกับเตียงมันกำลังโอบเอวของซาช่า แถมมือยังไปอยู่ตรงหว่างขาของเธอเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
(ซึ่งอันที่จริงคนที่เอามือกรไปอยู่ตรงนั้นก็คือซาช่านั่นแหละ แต่แน่นอนว่ากรไม่ทันรู้)
แล้วดูจากสีหน้าเยิ้มฉ่ำของซาช่า… สงครามระหว่างเขากับชาลอตคงกระตุ้นมือขวาของเขาให้ขยับแปลก ๆ แถมยังอยู่ในตำแหน่งแปลก ๆ อีก
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ซาช่าเองก็กำลังหายใจหอบทำหน้าฟินไปน้ำลายไหลไป
ทำซาช่าแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาได้ กรชักจะเริ่มกลัวมือที่ขยับไปเองเป็นปลาหมึกแล้วเหมือนกัน
“นายท่าน… ยะ… อยากเหรอคะ?”
“ชาลอตพูดไปแล้วนะนั่น”
เตี๊ยมกันไว้ป่ะเนี่ย?
กรเผลอตบมุก ได้แค่แอบคิดติดอยู่ในใจแต่ก็ไม่อยากถาม เพราะมันก็เป็นความผิดของเขาทั้งคู่
ทว่าโดยปกติ เหล่าภรรยาของเขาจะมีความสามารถพิเศษในการตามน้ำสถานการณ์ที่เกิดในบ้านได้เป็นอย่างดี
เช่นว่าพอคิดว่าข้าวเย็นจะทำเมนูอะไร อีกคนก็จะนึกเมนูที่เข้ากันออกในทันที
หรือเช่นว่ากำลังจะเตรียมเอกสารทำงาน อีกคนก็จะรู้ได้ทันทีว่าเอกสารอะไรที่ยังขาดอยู่
เหล่าภรรยาของกรเข้ากันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวเช่นนั้น
สาเหตุเริ่มแรกคงมาจากความต้องการที่อยากจะเพิ่มความเข้ากันได้ จะได้อยู่ร่วมกันเป็นภรรยาของกรได้อย่างเป็นสุข
แต่ผลลัพธ์สุดท้าย… คือมันทำให้พวกเธอเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในทุกเรื่อง ถึงขั้นพอมีคนนึงเปิดอีกคนก็จะตามได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เหมือนเมื่อกี้… และตอนนี้…
“คือ… ถ้านายท่านต้องการ”
“ดิฉัน… พวกเราช่วยได้นะคะ”
ซาช่าและชาลอตมองกรด้วยแววตาหวานเยิ้มยิ่งกว่าน้ำผึ้ง มือไม้ของพวกเธอเองก็เริ่มขยับลูบไล้ร่างกายของกรราวกับจะเอาคืนก่อนหน้า
เห็นชัดอีกครั้งว่าคนที่ ‘อยากให้ช่วย’ ไม่น่าใช่กรคนเดียว
นั่นปะไร เดาได้เลยว่าต้องเป็นงี้
แต่ก็นะ… มีแฟนสาวสุดสวยมานอนอยู่ข้าง ๆ แถมต้องการกันขนาดนี้ใครมันจะทนได้กันล่ะเนาะ
ก็หม่ำสิคร้าบ รออะไร!
❖❖❖❖❖
ก็ด้วยเหตุนั้น กว่าจะได้ลงไปกินข้าวเช้าแล้วออกเดินทางก็เกือบจะ 8 โมงแน่ะ
ช้าแบบนั้นทุกคนก็เลยเดากันได้ โดนยิ้มกริ่มใส่ใหญ่เลย โดนเฉพาะชาลอตกับซาช่านี่โดนแซวกันยับเลย น่าเอ็นดูดีแท้
ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เมื่อคิดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของชาลอตและซาช่าที่โดนแซว
ไม่สิ… แฟนของฉันนี่ก็ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองกันทั้งนั้น เพราะทุกคนก็เคยโดนเรากินแต่เช้าจนโดนแซวกันหมดทุกคนมาแล้ว
แล้วทุกครั้งก็จะบ่นอิดออดว่าจะไม่ยอมให้ทำอีกแล้วเพราะเขิน
แต่ก็อย่างที่รู้นั่นแหละ… สุดท้ายแล้วพวกเธอทุกคนก็เป็นฝ่ายเอาเนื้อมาล่อให้กินซะทุกทีอยู่ดี
ที่ทนไม่ไหวกันก็คงเพราะติดใจฉันกันแหง ๆ
คิดแล้วก็ทั้งน่าดีใจและน่าภูมิใจชะมัดเลยนะเนี่ย!
“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวน่ะคะนายท่าน”
กรถูกชาลอตกระตุกมือขวาที่กุมอยู่เบา ๆ ดูท่าเขาจะคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านานไปหน่อย
ซาช่าที่กุมมือซ้ายอีกข้างของกรเองก็เอียงคอสงสัย เธอกะพริบตาปริบ ๆ อยากรู้ความคิดของกรตามเคย
“โทษทีนะ แอบนึกถึงเรื่องเมื่อเช้านิดหน่อยน่ะ”
กรเปรยยิ้มกว้าง ดูสดใสมากกว่าจะนึกแกล้ง สองสาวที่นึกว่าจะโดนแซวเลยอมยิ้มตาม
เป็นยาแรงที่ทำให้ชาลอตกับซาช่าใจเต้นแรงจนเผลอกุมมือกรแน่นขึ้นไปอีก
“…มันน่าอายนะคะ”
“จริงด้วยค่ะ อะฮะฮะ”
สองสาวเปลี่ยนมากอดแขนกรกลบเกลื่อนสีหน้าเขินอายของตัวเอง ทำกรอมยิ้มเอ็นดูไปอีกครา
ตอนนี้กร ชาลอตและซาช่ากำลังเดินอยู่ในตัวเมืองที่อาคารมีลักษณะคล้ายปะการังบนบก
กระแสลมร้อนชื้นดูอบอ้าวพัดเข้าใส่ผิวกายจากด้านหน้าเป็นระยะ ความร้อนระอุแผ่ซ่านโดนผิวส่วนที่เปิดเผยจากชุดลำลอง ส่วนสิ่งที่อยู่ปลายสุดสายตาคือหาดทรายสีขาวคุ้นตาอันเป็นจุดหมายปลายทางการเดทของทั้งสาม… ชายหาดของอาณาจักรซีทนัลทานั่นเอง
และสาเหตุที่กรเลือกสถานที่เดทเป็นทะเลนั้น แทบจะไม่ต้องสืบเลยว่าเป็นเพราะอะไร…
ก็เพราะอยากจะเห็นชาลอตกับซาช่าในชุดว่ายน้ำยังไงล่า!
ใครก็ต้องอยากเห็นแฟนสาวแสนสวยของตัวเองในชุดว่ายน้ำรึเปล่า? มันเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ!?
ถึงตอนแรกจะคิดว่าอยากเห็นคนเดียวเลยไม่อยากมาทะเลก็เถอะ แต่ถ้าขอให้ใส่ให้ดูแต่ดันอยู่แค่ที่บ้านมันก็เอาแต่ได้เกินไปใช่ไหมล่ะ?
เพราะงั้นก็เลยต้องตอบแทนด้วยประสบการณ์ที่สนุกสนานซะหน่อย!
…ถึงอันที่จริงชาลอตกับซาช่าจะไม่ปฏิเสธคำขอของเราอยู่แล้วก็เถอะ
แต่การคำนึงเรื่องความรู้สึกของแฟนสาวมันก็สำคัญนี่นา! ไม่สิ! สำคัญที่สุดเลยต่างหาก!
กรคิดไปก็เหล่มองสองสาวไป
พอแอบมองใบหน้าด้านข้างของชาลอตเจ้าตัวก็หันมาอมยิ้มให้ แม้จะมองรอบ ๆ แต่หางตาเธอก็สังเกตกรอยู่ตลอดเวลา
จังหวะหันไปมองซาช่าก็พบว่าเธอมองกรอยู่ตลอด เธอเผลอหลบตาไปแวบนึงด้วยความตกใจแต่แล้วก็หันมายิ้มให้แบบเขิน ๆ อีกอยู่ดี
น่ารักจนใจหายจริง ๆ นะสองคนนี้
เจอแบบนี้มันก็ต้องอยากทำให้มีความสุขอยู่แล้วน่ะสิ
เรื่องหลงเสน่ห์เป็นอีกประเด็น แต่ความรู้สึกที่ผุดเพิ่มขึ้นมาในอกกลับเป็นความอบอุ่นและความรู้สึกขอบคุณ ซึ่งกรไม่คิดว่าจะเก็บมันเอาไว้ได้
“จะว่าไปนะ… ฉันยังไม่ได้ขอบคุณที่พวกเธออ้อนฉันเลยแฮะ”
“เอ๊ะ? แบบว่า… นั่นพวกเราต้องเป็นคนพูดรึเปล่าคะ?” ซาช่าเอียงคอเหมือนไม่แน่ใจ แถมยังเอี้ยวตัวไปถามชาลอตทางสายตาอีกต่างหาก
“ก็นั่นสิคะซาช่า”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาลอตก็คิดแบบเดียวกัน เพราะมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น
แต่ชาลอตก็ยังอมยิ้มไปพร้อมกับซาช่า พวกเธอไม่รู้สึกแปลกหากกรรู้สึกอย่างนั้น ก็เพราะกรเป็นคนที่นึกถึงแฟนสาวอยู่ตลอดเวลา
เรื่องที่ชาลอตและซาช่าสงสัยจึงเป็น ‘อะไรทำให้รู้สึกแบบนั้น’ หรือ ‘นึกถึงเรื่องอะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น’ มากกว่า
กรเองก็พอเดาความคิดทั้งสองคนออก จึงได้โอกาสหยิบเรื่องที่สงสัยเมื่อเช้ามาพูดพอดี
“ก็… เมื่อวานที่ไปเดทกับริต้าแล้วก็เรเชล เราคุยกันเรื่องที่ทั้งสองกังวลว่าจะไม่คู่ควรกับฉันน่ะ ซึ่งก็คิดอยู่ว่าสาเหตุน่าจะมาจากความเกรงใจ ก็เลยดีใจที่ชาลอตกับซาช่าอ้อนฉันน่ะ”
กรมองตาชาลอตกับซาช่าสลับกันขณะตอบ
“งี้เองสินะคะ” ชาลอตพยักหน้างก ๆ คิดตามจริงจัง เธอไม่ได้รู้สึกโกรธแม้แต่น้อยที่กรพูดถึงผู้หญิงคนอื่นขณะเดทกับเธอ
ไม่สิ… ปกติแล้วก็คงจะโกรธ แต่เพราะเรเชลกับริต้าเป็นครอบครัวคนสำคัญ เธอเลยไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรือไม่พอใจเหมือนกับคนอื่น
กลับกัน… ชาลอตยังคิดถึงพวกเธออย่างจริงจังเหมือนที่กรเป็นด้วย แม้แต่ซาช่าที่กอดแขนกรไปเดินไปก็ยังจับคางขมวดคิ้ว
“เอ่อ… แล้วทั้งสองคนหายกังวลรึยังคะ?”
นอกจากคิดเผื่อแล้วซาช่ายังเป็นห่วงอีกต่างหาก สีหน้าเธอห่วงใยเรเชลกับริต้าสอดคล้องตามน้ำเสียงกังวลใจ
เป็นเด็กดีซะจริงน้าซาช่า
กรคิดแล้วอยากลูบหัว ติดที่มือสองข้างของเขาโดนกอดไว้อยู่เลยทำไม่ได้ กรเลยพยักหน้ายิ้มให้ซาช่าแทน
“อื้ม ถ้าเรื่องนั้นสบายใจได้เลย สองคนนั้นเค้าบอกว่าอยากลองทำอะไรสักอย่างดูน่ะ คิดว่าคงทำให้ภูมิใจในตัวเองขึ้นด้วย ถึงยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรก็เถอะนะ”
“ละ โล่งอกไปที”
“คิดถึงนายท่านเป็นอันดับหนึ่ง ก็สมเป็นทั้งสองคนนั้นดีนะคะ”
ชาลอตยิ้มสบายใจทั้งกับทั้งสองคน รวมถึงยิ้มให้ซาช่าที่ถอนหายใจโล่งอกด้วย
…แต่คิดตามไปแล้ว ชาลอตก็ยังสงสัยอยู่
“แต่ว่า พูดถึงเรื่องเกรงใจ… จะบอกว่าเกี่ยวกับการอ้อนก็ไม่เชิงนะคะ”
“อ้าวเหรอ?” กรเอียงคอสงสัย แล้วซาช่าที่อยู่ข้าง ๆ ก็กอดแขนกรแน่นขึ้นเป็นการเรียก
“เอ่อ นั่นสิคะ… จะว่าไปริต้ากับเรเชลก็อ้อนนายท่านบ่อยกว่าใครเลย แต่… ทั้งสองคนก็ดูจะเกรงใจนายท่านมากกว่าใครด้วยเหมือนกัน”
“ว่าไปก็จริงแฮะ”
จะบอกว่าเกี่ยวข้องกัน แต่ไม่ได้เป็นไปในทางเดียวกันเสมอไปสินะ
พอคิดไปก็เริ่มเห็นอีกด้าน ดูท่าหากต้องการเดาความคิดสาว ๆ ก็ต้องให้สาว ๆ ด้วยกันนี่แหละเป็นที่ปรึกษา
แต่เรื่องของเรเชลกับริต้านั้นจบไปแล้ว เพราะพวกเธอตัดสินใจได้ครบถ้วนกระบวนความและกรเองก็เห็นด้วยแล้ว
ที่กรให้ความสนใจจึงเป็นชาลอตกับซาช่าที่อยู่เคียงข้างเขาตอนนี้ ซึ่งที่ถามมาตลอดก็เพราะอยากรู้ความคิดของพวกเธอนี่แล
“งั้น… ชาลอตกับซาช่าเองก็ยังมีเรื่องที่เกรงใจอยู่น่ะสิ”
พอกรเอ่ยถาม สองสาวก็ตาค้างไปแวบนึง
ความรู้สึกปิติที่ถูกใส่ใจเป็นอย่างแรกที่รู้สึก แต่คำถามของกรก็ทำให้ฉุกคิดด้วยว่าตัวเองยังเหลือความเกรงใจให้แก่กรมากน้อยแค่ไหน
เพราะความเกรงใจมันมีผลโดยตรงกับความใกล้ชิด มันจึงเป็นเรื่องที่ต้องจริงจัง
ทว่า… ซาช่าที่คิดคำตอบออกก่อนกลับส่ายหน้าเบา ๆ ให้กร
“ฉันคิดว่ายังมีนะคะ แต่เอ่อ จะว่าไงดี… การเกรงใจนายท่านมันไม่น่าใช่เรื่องที่ไม่ดีนะคะ” ซาช่ายิ้มกลับมาให้กร แม้ไม่ปฏิเสธว่าเป็นอย่างที่กรกังวลแต่ก็แสดงออกว่าไม่ใช่ปัญหา
ถึงคราวชาลอตที่กอดแขนขวากร เธอจิ้มต้นแขนเขาเบา ๆ เรียกให้ฟังความเห็นบ้าง
“ดิฉันคิดว่ามีแล้วดีกว่าด้วยซ้ำค่ะ… อย่างตอนที่ดิฉันอารมณ์ไม่ดี ดิฉันก็คงไม่พูดทุกอย่างที่คิด แต่จะพูดแค่ใจความเท่านั้น เพราะกลัวจะเผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าทั้งที่ไม่ได้อยากจะพูดแต่แรกนั่นแหละค่ะ”
“…งั้นเหรอ เป็นเรื่องช่วยไม่ได้สินะ”
พอมานึกดูมันก็อาจจะจริงล่ะนะ เพราะคนเราไม่ได้ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ 100% ความเกรงใจเลยเป็นตัวเบรกไม่ให้ทำอะไรที่ตัวเองไม่ต้องการในตอนที่ขาดสติเข้า
เพราะถ้าเผลอไปทำร้ายคนที่เรารักในตอนที่ไม่ตั้งใจมันคงจะรู้สึกแย่น่าดูเลย
นั่นคือที่จะสื่อสินะ
กรคิดไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเหล่าภรรยาของเขาเองก็มีช่วงเวลาแบบนั้น มีทั้งประเภทที่เก็บความรู้สึกส่วนใหญ่เอาไว้ และประเภทที่ปลดปล่อยมันออกมาทั้งอย่างนั้น
ซึ่งกรเองก็ยอมรับได้หมด… แม้จะไม่ถึงขนาดเป็นพ่อพระที่ทนเฉยได้ทั้งที่ตัวเองไม่ผิด แต่เขาก็จะรับฟังเหล่าภรรยาทุกครั้งอย่างตั้งใจ แม้ความเห็นอาจไม่ลงรอยกันจนนำไปสู่การทะเลาะ แต่สุดท้ายก็คืนดีกันได้เหมือนกับครั้งของเมอร์ลินเสมอ
ว่าไปแล้ว… คงเพราะกรเป็นเช่นนั้น สาว ๆ ที่มีความอดกลั้นทางอารมณ์ต่ำอย่างอลิซ เมอร์ลิน ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวียและฟีโอน่าถึงได้หลงกรหัวปักหัวปำ
และไม่ใช่เพราะว่ากรทนนิสัยพวกเธอได้… แต่เพราะกรยอมรับส่วนที่แย่ของพวกเธอ รู้ดีและยังหลงรักส่วนนั้นของพวกเธอต่างหาก นั่นแหละคือจุดสำคัญ
ในทางกลับกัน การไม่พูดออกมาเลยทันทีก็เป็นอีกตัวเลือกนึง แต่นั่นก็จะสร้างระยะห่างมากกว่าการพูดกันในทันทีเช่นกัน
เพราะมันหมายความว่าอีกฝ่ายไม่สามารถเปิดใจคุยกับเราได้ในตอนที่ต้องการ
เหล่าภรรยาของกรประเภทที่เก็บอารมณ์เก่งรวมถึงชาลอตและซาช่าจึงเลือกที่จะพูด แต่ก็เลือกที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้พูดทุกอย่างที่คิดแทน
ผลสรุปคือ ภรรยาของกรทุกคนเลยไม่มีการปิดบังความรู้สึกแก่เขา เพียงแต่แสดงออกด้วยความเหมาะสมขึ้นกับความอดทนของแต่ละคน
ซึ่งนั่นดีที่สุดแล้วในความคิดชาลอต ความเกรงใจตรงนั้นคือส่วนที่เธอคิดว่าจำเป็นต้องมี
“ดิฉันขอเดาว่านายท่านคงอยากลดระยะห่างของพวกเราลงเลยพยายามปรับเรื่องความเกรงใจ แต่การมีมันจะทำให้พวกเรา… ทำให้ดิฉันรู้สึกดีกว่านะคะ”
“ชะ ใช่แล้วค่ะ! เผลอพูดอะไรไม่ดีไปแล้วเสียใจทีหลังแบบนั้น… มันเจ็บปวดกว่าอีกนะคะ”
ซาช่าเข้ามาแนบกรเสริมชาลอตอย่างแข็งขัน และสิ่งที่ชาลอตพูดมาก็มีเหตุผล
แถมชาลอตยังถึงขั้นคาดเดาความคิดเขาได้อีก กรเลยมีแต่ต้องจำยอมตามนั้น
“รู้ใจเสมอเลยนะเนี่ยชาลอต ขอบคุณนะ”
กรยิ้มแป้นใส่ชาลอตไปหนึ่งที รู้สึกขอบคุณชาลอตที่คิดถึงกันขนาดนี้
แต่ดูเหมือนจะมากไปหน่อย… รอยยิ้มเขาทำเอาชาลอตตัวกระตุกหัวใจแทบวาย ถ้าไม่หันหน้าหนีไปทางอื่นเธอคงจะโดนดาเมจหนักกว่านี้อีก แต่ก็ไม่วายเอาแขนกรมาแนบแก้มตัวเองแทนหมอนข้างอย่างน่ารักน่าชัง
กรไม่ลืมที่จะหันไปทางฝั่งซาช่าบ้าง
“แล้วที่ซาช่าพูดก่อนหน้านี้ก็หมายความทำนองเดียวกันใช่ไหม?”
“ชะ ใช่เลยค่ะ! อือ… ขอโทษนะคะที่อธิบายไม่ดี” พอถูกพูดถึงซาช่าก็ดันสลับเป็นโหมดหดหู่ซะงั้น จะว่าสมเป็นเธอดีก็ใช่ แต่ก็น่าสงสารไม่เบาเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากสิโถ่”
กรขยับใบหน้าเข้าไปสัมผัสและไถถูแก้มของซาช่าปลอบโยนเธอ เพราะมือไม่ว่างเลยต้องใช้หัว ซึ่งได้ผลเกินคาด
“อะแฮะแฮะ”
ซาช่ากลับมายิ้มพริ้มสดใสอย่างสบายใจในบัดดล ช่างเป็นยาวิเศษที่สะดวกสบายดีแท้
สาว ๆ ยืนยันหลักการของตัวเองอย่างง่ายดาย ดูท่าพวกเธอจะไม่สับสนในเรื่องการแสดงออกและความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อกรเลยสักนิด
ว่าไปแล้วมันก็น่าชื่นชมมาก…
เพราะในมุมของกร เขายังไม่สามารถสลัดเรื่องนี้ออกไปจากหัวได้
ก็เข้าใจอยู่แหละน้าว่าความเกรงใจมันช่วยรักษาสายสัมพันธ์ให้ดี
แต่ยังไงก็รู้สึกว่าอยากให้ทั้งสองคนปลดปล่อยทุกอย่างมาที่เรามากกว่านี้จัง
เฮ้อ… จะมีวันได้เห็นชาลอตกับซาช่าที่เอาแต่ใจสุดโต่งไหมน้า
กรคาดหวังไปเรื่อยตามประสา ยังไงเขาก็อยากจะเป็นที่พึ่งให้กับแฟนสาวทุกคนให้เต็มที่สุดเท่าที่เขาทำได้
โดยหารู้ไม่ว่าความจริงมันเป็นตรงข้าม… จากสายตากังวลที่ชาลอตมองเขา
ดูเหมือนนายท่านจะคิดมากอีกแล้วสินะคะเนี่ย
ก็รู้สึกขอบคุณที่คิดเผื่อพวกเราอยู่หรอก แต่ดูเหมือนจะเลิกนิสัยกังวลเกินเหตุไม่ได้เลยสินะคะ
ชาลอตตั้งข้อสังเกตในใจ แอบมองใบหน้าด้านข้างของกรที่ยังกังวลแล้วรู้ได้ทันที
ซาช่าเองก็ทำแบบเดียวกัน
อือ… ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่านายท่านขี้กังวลแบบเดียวกับเรา เพราะงั้นถึงได้ไม่อยากให้คุณคิดมาก
แต่ยังไงก็คงไม่ไหวสินะเนี่ย… ก็คุณคิดหาทางทำให้พวกเรามีความสุขมากขึ้นตลอดเลยนี่นา
ซาช่าคิดแล้วก็กังวลขึ้นมาอีก เพราะรู้ดีว่าอาการกังวลจนปวดท้องเป็นยังไงเธอเลยไม่อยากให้กรเป็นไปด้วย
ทั้งสองคนคิดเหมือนกันว่ากรทำเพื่อพวกเธอมากเกินไป และบางครั้งข้อดีตรงนั้นก็กลายเป็นข้อเสีย แม้กรในตอนนี้จะมีสภาพจิตใจดีขึ้นเต็มที่แต่พื้นฐานของเขาก็ไม่เปลี่ยน
พวกเธอเลยล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนกร เพราะนี่เป็นธรรมชาติของเขาที่ไม่มีใครเปลี่ยนได้ เป็นตัวตนและเจตจำนงของเขา
แต่… ใช่ว่าพวกเธอจะไม่ยอมทำอะไรเลย
จะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก!
ชาลอตและซาช่าคิดแบบเดียวกัน สายตาประสานกันในจังหวะที่กรครุ่นคิดในหัวอย่างแนบเนียนและพยักหน้าให้กันอย่างรู้ใจ
ความรู้สึกของคนเรามันมีหลายรูปแบบนะคะนายท่าน
เดี๋ยวจะทำให้เข้าใจเองค่ะว่าพวกดิฉันต้องการอะไร
ชาลอตตั้งมั่นเช่นนั้น ส่งสายตาแน่วแน่ไปยังซาช่าที่พยักหน้าให้ด้วยแววตาอย่างเดียวกัน
ระยะห่างที่คุณกังวลว่ามีน่ะ เดี๋ยวจะทำให้ดูเองค่ะว่ามันไม่มีอยู่อีกแล้ว
จะเอาให้หนักกว่าเมื่อเช้าเลยคอยดู!
ซาช่าฮึดสู้อยู่ในใจอย่างเร่าร้อน ผสานไฟในใจกับชาลอตด้วยแผนการอันแยบยลในสมองของพวกเธอ
…คงมีแต่กรเท่านั้นที่ไม่รู้ตัว
ว่าในเดทครั้งนี้ แฟนสาวทั้งสองกำลังจ้องจะเล่นเขาอย่างหนัก
❖❖❖❖❖