ชีวิตชิวชิวในต่างโลกกับอดีตผู้สมัครเป็นผู้กล้าที่หลังจากเลเวล 2 ก็กลายเป็นโกง - ตอนที่ 4
หลังจากบานาซ่าใช้เวทย์ชำระล้างไป หน้าต่างแสดงสถานะก็ปรากฏขึ้นเพราะบานาซ่าเลเวลอัพแล้ว
「 เลเวล ••• 367
STR •••∞
DEF •••∞
SPD •••∞
MP •••∞
HP •••∞]
"… ดะ เดี๋ยวนะ นี่มัน"
บานาซ่าจำได้ว่าตอนที่จัดการสไลม์นั้น เลเวลเขาอัพแค่ถึง 2 แต่ตอนนี้กลับพุ่งทะลุไปถึง 367
"… แค่ใช้เวทย์ชำระล้างนี่นา ไม่ได้จัดการพวกมอนสเตอร์สักหน่อย ไหงเลเวลพุ่งพรวดแบบนี้ล่ะ"
บานาซ่าสับสน แล้วคิดถึงหลักเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก
เหตุผลที่เลเวลพุ่งขึ้นสูงขนาดนี้ก็เพราะเวทย์ชำระล้างของเขา
ชำระล้างมอนสเตอร์ที่อาศัยในป่าไปด้วย (ตายเกลี้ยง) จึงได้รับค่าประสบการณ์จากมอนสเตอร์เหล่านั้น
และยังเพราะในป่าแห่งนี้เป็นที่อาศัยอยู่ของหนึ่งในสี่จตุรัสเทพแห่งกองทัพจอมมาร เฟ็นการ์ลแห่งเผ่าหมาป่าเขี้ยวกับลูกน้องอยู่นั้นเอง
หากกล่าวถึงเฟ็นการ์ล เขาก็คือปีศาจระดับตำนานที่สร้างความพินาศให้กับทหารนับหมื่นของไคน์โรจน์ได้ด้วยตัวคนเดียว
แต่เพราะบานาซ่าไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง สุดท้ายจึงได้แต่ขบคิดหาเหตุผลที่จู่ๆ เลเวลก็อัพขึ้นสูงขนาดนี้แทน
– มันอาจเป็นเพราะหน้าจอแสดงสถานะก็ได้ อืมๆ หน้าจอที่แสดงขึ้นมาก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไปนี่นะ เพราะยังไงมันก็แค่เวทยระดับต่ำนี่เนอะ นี่คือข้อสรุปของเขา
พอได้ข้อสรุปแล้ว เขาก็พยายามบอกตัวเองอยู่อย่างนั้น
เพราะบานาซ่าไม่เชื่อถือหน้าจอแสดงสถานะอีกแล้ว หน้าจอแสดงผลสกิลจึงไม่ปรากฏออกมา
เขาเลิกสนใจเรื่องที่จู่ๆ เลเวลก็พุ่งสูงขึ้น แล้วกลับไปสำรวจป่าอีกครั้ง
ถึงแม้ป่านี้จะถูกชำระล้างแล้ว แต่เดิมทีก็มีการปนเปื้อนจากกลิ่นอายของปีศาจอยู่ เขาจึงลังเลว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่ดีไหม
แล้วเขาก็ถูกบอกว่าห้ามกลับไปที่เมือง พอคิดแบบนั้นแล้ว
[ คำแนะนำ : เวทย์เปลี่ยนรูปร่าง หน้าตา ซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้
คุณต้องการจะใช้ ใช่หรือไม่]
"จริงสิ ถ้ารูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไป คนอื่นๆ อาจจะไม่สังเกตก็ได้"
แล้วบานาซ่าก็คิดคำว่า " ใช่ " ในใจ
แล้วก็มีหน้าต่างปรากฏขึ้นมาอีก
[เพศ ชาย/หญิง?
ความสูง สูง/ปานกลาง/เตี้ย
เผ่าพันธุ์ มนุษย์/ครึ่งมนุษย์/ปีศาจ
.
.
. ]
หน้าต่างจำนวนมากปรากฏออกมา
เขาตั้งค่ารูปร่างหน้าตาแบบสุ่มเท่าที่ทำได้ แล้วรูปร่างของเขาก็เปลี่ยนไป
[เพศชาย เผ่าพันธุ์มนุษย์ ความสูงปานกลาง] หน้าตาตามค่าเฉลี่ยทั่วไป
ใบหน้าเดิมของเขาก็เรียวบางอยู่แล้วยิ่งทำให้โดนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงเข้าไปใหญ่
และเพราะเสื้อผ้าของเขาเปลี่ยนไปตามเวทย์ ตอนนี้เขาเลยเหมือนกับนักผจญภัย
เขาจึงใช้เวทย์เพื่อทำให้ชุดดูเหมือนกับเสื้อคลุมของนักเวทย์ เพราะตัวเขาเองก็พอใช้เวทย์ได้บ้างล่ะนะ
และตั้งชื่อใหม่ว่า “อาร์ทโชว์” แล้วไปยังเมืองแรกที่ถูกอัญเชิญมายังโลกนี้
พอเข้าไปในเมือง สำหรับตอนนี้เขาต้องหาโรงแรมที่ไหนสักแห่งพักก่อน แล้วค่อยคิดใหม่ทีหลังว่าจะทำยังไงต่อจากนี้ไปดี
จากนั้นเขาก็เดินไปยังถนนสายหลักก็เจอโรงแรมแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า “ อัญมณีที่พระเจ้าคุ้มครอง” จึงเข้าไปข้างใน
“สวัสดีค่ะ ฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อน เพิ่งมาที่เมืองนี้ครั้งแรกใช่มั้ยคะ?”
คุณเจ้าของที่กำลังทำอาหารอยู่หลังเคาน์เตอร์ ทักทายด้วยเสียงร่าเริง
“ผมชื่ออาร์ทโชว์เป็นนักผจญภัยมือใหม่จากหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันออกครับ ผมกำลังหาที่พักอยู่นะครับ”
“หากคุณจะพักที่นี่ ตอนนี้เรามีห้องว่างอยู่นะคะ”
บานาซ่า ไม่สิตอนนี้คืออาร์ทโชว์ เพราะค่าเงินของโลกนี้กับโลกเดิมแตกต่างกัน ทำให้บานาซ่า ขออภัยแก้ไขเป็นอาร์ทโชว์ ไม่รู้ค่าของเหรียญทองหนึ่งเหรียญที่จ่ายไป
เมื่อเขายื่นเหรียญทองไปให้
“ถึงท่าทางจะดูไม่เหมือน จะจริงๆ แล้วคุณเป็นขุนนางเหรอคะ?”
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม อาร์ทโชว์จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กลับไป
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากพักอยู่ที่นี่ได้นานที่สุดล่ะนะ
อาจเป็นเพราะจำนวนเงินหนึ่งเหรียญทองที่เขาจ่ายไปนั้นเยอะมาก เขาจึงได้ห้องที่ดีที่สุด สุดทางเดินห้องโถงของชั้นสอง
ในห้องมีเตียงและห้องสำหรับอาบน้ำ
เขาพยายามทำตัวให้สมกับเป็นนักเวทย์ไม่มากก็น้อย
พอเห็นคุณพนักงานที่ท่าทางดูบอบบางก็บอบบางกำลังจะยกสัมภาระ เขาจึงช่วยปรับแต่งรูปร่างให้ด้วยเวทมนตร์
จากนั้นคุณพนักงานโรงแรมก็มองด้วยสายตาขอบคุณ แล้วอาร์ทโชว์ก็ลงไปยังโรงอาหารเพื่อรวบรวมข้อมูลและหาอะไรกิน
จากที่แอบฟังการพูดคุยกันในโรงอาหาร ทำให้รู้ว่า
-ผู้กล้าคนใหม่เดินทางมุ่งหน้าไปทางใต้
-เวทมนตร์ลึกลับขนาดใหญ่ที่ถูกใช้ทางเหนือ
-เมื่อไม่นานนี้ที่เมืองได้รับความเสียหายจากการบุกรุกของก๊อบบิน
-คุณภาพของทาสตกต่ำลง
นี่เป็นข้อมูลที่เขาได้มา
ขณะที่เขากำลังแอบฟังก็มีสาวหูหมานำอาหารมาเสิร์ฟ ดูเหมือนเธอจะเป็นทาสของคุณเจ้าของโรงแรม
โลกนี้การซื้อทาสถือเป็นเรื่องปกติที่หาได้ในยาก โดยค้าขายกันตามร้านค้าปกติเลยทีเดียว
อาร์ทโชว์ค่อนข้างรู้สึกไม่ดีเพราะในโลกของเขาการค้ามนุษย์ถือเป็นธุรกิจที่สกปรก
“ถ้าฉันอยู่คุยด้วยนานเกินไป จะโดนคุณเจ้าของดุเอาน่ะค่ะ …. “
เขาพูดขอบคุณกับสาวน้อยหูหมา แล้วก้มหน้าทานอาหาร
หลังทานอาหารเสร็จ เขาคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ถนนสายหลักสักหน่อย เพราะได้ยินว่าในถนนสายหลักมีกิลด์นักผจญภัยอยู่ จึงคิดจะไปที่นั่นพอดี
ขณะที่เขากำลังเดินไปตามทาง เขาก็รู้สึกถึงความแปลกๆ ที่ด้านหลัง เมื่อเหลือบไปมองก็เห็นเด็กที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งกำลังตรงมาทางเขา เห็นชัดๆ ว่าเด็กคนนั้นคงคิดจะขโมยของจากเขา
เด็กคนนั้นใกล้เข้ามามองไปที่อาร์ทโชว์แล้วคว้าที่กระเป๋าเวทมนตร์ที่อยู่ตรงเอวของเขา
แต่หลังจากนั้นเวทมนตร์ของเขาก็ทำงานอัตโนมัติ เด็กคนนั้นถูกผลักออกไปด้วยกำแพงเวทมนตร์จนนอนกลิ้งแล้วถูกมัดในชั่วพริบตา
เขามองไปที่เด็กคนนั้นอีกครั้ง
เด็กคนนี้ผอมสุดๆ คงเพราะไม่มีอะไรจะกินแล้ว จึงต้องมาขโมยของอย่างไม่มีเลือก
เด็กคนนั้นขยับปากเหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะถูกปิดปากไว้ เขาจึงไม่เข้าใจว่าเด็กคนนี้พูดอะไร
เขาเลยหย่อนเงิน 1 เหรียญทองไว้ในกระเป๋าของเด็กคนนั้นแล้วกระซิบบอกว่า “คราวหน้าคราวหลังอย่าทำอีกล่ะ”
หลังจากเดินห่างออกไปจากเด็กคนนั้นนิดนึง เวทย์ที่มัดเด็กคนนั้นอยู่ก็หายไป
หลังจากเห็นว่าเด็กคนนั้นหายไปในฝูงคนแบบลุกลี้ลุกลนแล้ว
เขาก็ใช้เวทย์ปกปิดตัวตนแล้วหายเข้าไปในฝูงคน