มะลิร้องไห้ออกมาอย่างโมโหสุดขีด
“จะด่าอะไรก็เชิญ เพราะพรุ่งนี้เราจะเจอกันเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว อ้อ แล้วก็ไม่ต้องตามไปที่ซาเรียนะ เพราะชื่อของเธอจะอยู่ในแบล็กลิสต์ที่ไม่ให้เข้าประเทศของฉัน”
แล้วไอ้เจ้าชายบ้าอำนาจ แถมยังใจดำเป็นอีกาก็ก้าวขึ้นรถ และขับออกไปอย่างไม่ไยดีคนที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญปิ่มจะขาดใจอย่างหล่อนเลย
มะลิทรุดร่างลงกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร้องไห้ด้วยความทรมาน
หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆ เซรีมถึงเปลี่ยนใจไม่ให้หล่อนเดินทางติดตามฮัสซันไปด้วย ทั้งๆ ที่เขาก็ตกลงกับหล่อนเป็นดิบดีแล้วตอนที่อยู่ที่โรงเรียนของฮัสซัน
“อย่าคิดว่าฉันจะยอมแพ้นะ ไอ้เจ้าชายเฮงซวย”
เช้าวันต่อมา เซรีมและองครักษ์ส่วนตัวที่เดินทางติดตามมาจากซาเรียก็ยกโขยงกันมาที่บ้านของมะลิ แน่นอนละว่าชายหนุ่มต้องการจะยุติปัญหาบ้าบอนี้เสียที
เขาไม่อยากพบหน้าหล่อนอีก ไม่อยากแม้แต่จะได้กลิ่นหอมๆ จากร่างกายอวบอัดของหล่อนอีกแล้ว เพราะหล่อนคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ต้นเหตุที่ทำให้เขานอนไม่หลับตั้งแต่เผลอไปจูบปากหล่อนเข้าในวันแรกที่พบหน้ากัน
ปัญหามันจะจบลง หากเขาได้ตัวฮัสซันและเดินทางกลับซาเรียในวันนี้ ซึ่งเขามั่นใจเป็นที่สุดว่าความกระหายอยากจะร่วมเพศกับเมียเก็บของน้าชายจะต้องจางหายไปด้วยเช่นกัน
กรามแกร่งของเซรีมขบกันแน่น เขาเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้สมองและร่างกายถูกควบคุมจากผู้หญิงไร้ค่าแสนร่านร้อนคนนั้น แต่ให้ตายเถอะ หล่อนคือผู้หญิงคนแรกในโลก ที่ทำให้ผู้ชายเย็นชาเช่นเขาร้อนรุ่มราวกับถูกสุมด้วยไฟ
“พวกเจ้ารอเราอยู่ตรงนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าองครักษ์ถอยร่นห่างออกไป ในขณะที่เจ้าชายหนุ่มก้าวขึ้นบันไดไม้เก่าๆ ไปทีละขั้น
ความเงียบสงัดรอบกายทำให้เซรีมรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล เขาตวัดตามองไปรอบๆ ตัวแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของมะลิ หรือแม้แต่ฮัสซันเลย กรามแกร่งขบกันจนขึ้นสันนูนเป่ง เขาหมุนตัวก้าวกลับลงไปยังชั้นล่าง และสั่งองครักษ์
“พวกเจ้าขึ้นไปค้นให้ทั่วทั้งบ้าน หาคนให้พบ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
พวกองครักษ์ต่างพากันวิ่งกรูขึ้นไปยังบ้านไม้สองชั้นแล้ว ในขณะที่ เซรีมล้วงมือลงไปในกางเกงขายาวเรียบหรูและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“เธอกำลังเล่นตลกอะไรกับฉันกันแน่ มะลิ กรองอักษร”
นิ้วเรียวกดลงบนตัวเลขไม่กี่ครั้ง เจ้าชายหนุ่มก็ยกอุปกรณ์สื่อสารราคาแพงระยับขึ้นแนบหู
“ผมต้องการความช่วยเหลือ ด่วน”
“น้ามะลิไม่พาผมไปโรงเรียนเหรอครับ”
มะลิที่กำลังจูงมือของฮัสซันเดินอยู่ในสถานีขนส่งผู้โดยสารชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองดวงตาไร้เดียงสาของเด็กชาย หัวใจของหล่อนเจ็บปวดและก็อดละอายใจไม่ได้
นี่หล่อนทำถูกหรือเปล่านะที่ตัดสินใจทำแบบนี้…
หญิงสาวย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าของตัวเอง และดึงร่างเล็กของเด็กชายเข้ามากอด ก่อนจะเอ่ยถาม
“ฮัสซันรักน้ามะลิมากไหมจ๊ะ”
เด็กชายตัวน้อยพยักหน้ารับ ดวงตาที่มองหล่อนมานั้นเต็มไปด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ
“ผมรักน้ามะลิครับ”
หยาดน้ำตาของมะลิไหลรินออกมาโดยอัตโนมัติ มือเล็กๆ ของฮัสซันยกขึ้นเช็ดให้อย่างไร้เดียงสา
“น้ามะลิร้องไห้ทำไมครับ”
มะลิฝืนยิ้มออกมา และก็ดึงมือของฮัสซันไปจูบอย่างแสนรัก
นี่หล่อนทำแบบนี้ได้ยังไงกันนะ จะพาฮัสซันซึ่งมีสายเลือดสีน้ำเงินไปลำบากด้วยได้ยังไง หล่อนควรจะปล่อยให้ฮัสซันไปมีอนาคตที่ดี อยู่ในที่ที่สมควรอยู่ที่สุด
“น้าขอโทษ… ฮัสซัน”
“น้ามะลิขอโทษผมทำไมครับ”
มะลิลุกขึ้นยืน และจูงมือของฮัสซันให้เดินออกจากสถานีขนส่ง หล่อนตัดสินใจแล้วว่าจะพาฮัสซันกลับไปที่บ้าน และส่งเด็กน้อยให้กับเจ้าชายทะเลทรายคนนั้น
หล่อนยอมเจ็บปวดที่ต้องถูกพลัดพรากจากฮัสซัน ดีกว่าจะยอมให้ฮัสซันต้องมาตกระกำลำบากกับคนที่ไม่มีอะไรเลยเช่นหล่อน เพื่ออนาคตของฮัสซัน หล่อนจะไม่ต่อสู้อีกแล้ว…
มะลิยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่กำลังจะพรากฮัสซันจากไป
“เราไม่ไปขึ้นรถทัวร์กันแล้วเหรอครับน้ามะลิ”
“ไม่จ้ะ เราจะกลับบ้านกัน”
เด็กน้อยทำหน้าไม่เข้าใจ แต่หล่อนก็ยังไม่ทันจะได้อธิบายอะไรออกไป ตำรวจจำนวนเกือบสิบนายก็วิ่งกรูกันเข้ามาล้อมหล่อนกับฮัสซันเอาไว้เสียก่อน
“คุณคือคุณมะลิ กรองอักษรใช่ไหมครับ”
“ใช่… ค่ะ…”
“งั้นเชิญตัวไปที่โรงพักด้วยครับ”
“นี่มันอะไรกันคะ”
“มีคนแจ้งว่าคุณขโมยเด็กครับ”
นายตำรวจคนหนึ่งตอบออกมา หล่อนหน้าซีดเผือด และกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ร่างสูงใหญ่แสนสง่างามของเซรีมก็ปรากฏขึ้นเสียก่อน พร้อมกับองครักษ์ของเขา
“ผมต้องขอโทษพวกคุณด้วยนะครับ พอดีมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ขโมยเด็กครับ”
นายตำรวจมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะพูดคุยกับเซรีมอีกสามสี่ประโยคก็แยกย้ายกันกลับไป
หล่อนยังคงช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช็อกมากไปกว่าการเผชิญหน้ากับเซรีมอีกครั้งเลย
“ฉัน…” หล่อนกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่เขาก็แย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงกระด้างดุดัน
“เห็นได้ชัดๆ ว่าเธอกำลังจะลักพาตัวฮัสซันไปจากฉัน”
“มัน… ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
“ผู้หญิงอย่างเธอมันไว้ใจไม่ได้!”
เซรีมโมโหผู้หญิงหน้าหวานตรงหน้าอย่างหน้ามืดตามัว หล่อนกล้าดียังไงถึงทำเรื่องบัดซบแบบนี้
“ฉันรู้ว่าฉันทำผิด แต่ฉันกำลังจะพาฮัสซันกลับไปคืนให้คุณอยู่แล้ว”
“อย่ามาพูดเท็จกับฉัน”
“ฉันพูดจริงๆ นะคะ”
หล่อนพยายามที่จะพูดให้เขาเข้าใจ แต่ผู้ชายตรงหน้าไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนหน้าตาเลย
“ไปขึ้นรถ เราจะเดินทางไปซาเรียกันวันนี้”
“คะ?”
“ทำตามที่ฉันสั่ง”
เซรีมเค้นเสียงกระด้างรดหน้าของหล่อน แต่หล่อนก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่ดี
“ฉันไม่เข้าใจคำสั่งของคุณค่ะ”
เจ้าชายหนุ่มหันไปสั่งให้องครักษ์ของตัวเองพาฮัสซันไปขึ้นรถ ในขณะที่เขายืนกอดอกจ้องหน้าของมะลิเขม็ง
“สมองของเธอคงไม่ได้ใหญ่โตเท่าหน้าอกสินะ ถึงได้โง่เขลาฟังคำสั่งของฉันไม่ออกแบบนี้น่ะ”
คำตำหนิของเขาทำให้หล่อนหน้าแดงก่ำ ความอับอายวิ่งพล่านไปทั้งร่าง
“ก็เพราะคุณออกคำสั่งกลับไปกลับมายังไงล่ะ ฉันถึงไม่เข้าใจ อ้อ แล้วสมองฉันก็ไม่ได้เล็กกว่าหน้าอก จำเอาไว้ด้วย”
หล่อนถลึงตาใส่คนหยาบคาย ที่กล้าเอาขนาดเต้านมของหล่อนขึ้นมาเป็นประเด็นได้อย่างโมโหสุดขีด
เซรีมขบกรามแน่นจนเนื้อข้างแก้มที่มีไรหนวดขึ้นพองามกระตุกเป็นริ้วๆ เลยทีเดียว
“อย่าบังอาจมาโต้แย้งฉัน หน้าที่ของเธอตอนนี้ก็คือตามฉันไปขึ้นรถ”
“ทำไมฉันต้องไปขึ้นรถของคุณด้วย”
หล่อนยังคงเชิดหน้า และโต้ตอบผู้ชายสูงศักดิ์ตรงหน้าอย่างไม่ยอมแพ้เช่นเดิม
“ก็ถ้าเธออยากจะตามฮัสซันไปซาเรีย เธอก็ต้องไปขึ้นรถของฉัน”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะของมะลิเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดีทันที
“คุณ… ว่ายังไงนะคะ”
รอยยิ้มดีใจของผู้หญิงตรงหน้ามันทำให้เจ้าชายอย่างเขาถึงกับตกตะลึงไปนานเลยทีเดียว เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนยิ้มทั้งปากและดวงตาแบบนี้มาก่อน มันสวย มันน่ามอง และเขาก็อยากจะครอบครองเจ้าของรอยยิ้มนี้
ไม่… นี่เขาคิดบ้าอะไรเนี่ย
เซรีมเบรกตัวเองในอกทันทีที่ทำได้ และก็รีบตีหน้าดุดันไร้ความรู้สึกเช่นเดิม
“จะไปหรือไม่ไป”
“ไป… ไปค่ะ”
หล่อนตอบออกไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยแม้แต่น้อย ร่างอรชรวิ่งผ่านเจ้าชายหนุ่มไปยังรถที่จอดเรียงรายกันอยู่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
หล่อนไม่รู้หรอกว่าทำไมเซรีมถึงเปลี่ยนใจให้หล่อนตามฮัสซันไปซาเรียด้วย หล่อนรู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ต้องรีบขึ้นรถไปนั่งกับฮัสซันโดยเร็วที่สุด ก่อนที่คนบ้าอำนาจจะเปลี่ยนใจอีกครั้ง
เซรีมมองร่างอรชรที่วิ่งผ่านหน้าไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด บั้นท้ายที่โยกย้ายของมะลิช่างยั่วยุให้ความใคร่ในเรือนกายพลุ่งพล่านเสียเหลือเกิน ความเป็นชายแข็งชันขึ้นมาอย่างน่าสมเพช เขาเกลียดตัวเองนักที่ไม่อาจจะขจัดผู้หญิงคนนี้ออกไปให้พ้นสายตาไปได้ และก็ยิ่งเกลียด ยิ่งโมโหเมื่อสมองไม่อาจจะสลัดให้ภาพงดงามของเจ้าหล่อนออกไปจากหัวได้เสียที
เจ้าชายหนุ่มหน้าตาเคร่งเครียด ขณะก้าวเท้าเดินกลับไปยังรถคันงามที่จอดรอรับอยู่
เขาคงต้องร้อนฉ่า แข็งชันอย่างนี้ไปจนกว่าแม่เมียเก็บคนสวยของน้าชายผู้ล่วงลับจะหายไปจากชีวิตนั่นแหละ
MANGA DISCUSSION