ฟีรัสแปลกใจ เมื่อเห็นเจ้าชายเซรีมกลับมาที่โรงแรมด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ไม่มีรอยยิ้ม ซึ่งแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้นัก
“พระองค์ทรงพระประชวรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก” เจ้าชายเซรีมเค้นเสียงตอบออกมา ก่อนจะเอ่ยถามหาฮัสซัน “แล้วฮัสซันล่ะ ตื่นหรือยัง”
“ตื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังเสวยพระกระยาหารเช้าอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายหนุ่มที่ตอนนี้หัวใจแตกสลายไม่มีชิ้นดีพยายามเก็บอาการเอาไว้สุดความสามารถ ก่อนจะเค้นเสียงสั่งคนสนิทของตนเอง
“เดี๋ยวเจ้าพาเจ้าชายฮัสซันไปหาจัสมินด้วยนะ”
“เอ่อ… แล้วเจ้าชายล่ะพ่ะย่ะค่ะ ไม่เสด็จไปด้วยกันหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ศีรษะทุยของเจ้าชายเซรีมส่ายไปมา ดวงตาเต็มไปด้วยความปวดร้าวแสนสาหัส
“ไม่ละ เราไปมาแล้ว และก็คงไม่ไปที่นั่นอีกแล้ว”
“แต่ว่า… เอ่อ…”
“ทำตามที่เราสั่งนั่นแหละ”
“พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”
แล้วเจ้าชายเซรีมก็หมุนตัวเดินเข้าในห้องพัก ฟีรัสมองตามไปด้วยความมึนงง ก่อนจะสันนิษฐานอะไรบางอย่างขึ้นในใจ
“น้ามะลิ…”
มะลิที่นั่งเศร้าหมองอยู่ที่บันไดไม้รีบปาดน้ำตาทิ้ง และอุทานด้วยความตื่นเต้นดีใจทันที เมื่อเห็นร่างเล็กของฮัสซันวิ่งลงจากรถ ตรงเข้ามาหาตนเอง
“ฮัสซัน…!”
หล่อนกระโดดลงบันไดไม้อย่างลืมตัวและวิ่งเข้าไปโอบกอดฮัสซันเอาไว้แน่น กอดด้วยความโหยหาและคิดถึง
“ฮัสซัน… ฮัสซันหลานน้า…” หล่อนร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจเป็นที่สุด “น้าคิดว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้กอดหนูอีกแล้ว”
“ผมคิดถึงน้ามะลิมากเลยครับ…” เด็กน้อยเอ่ยเอื้อน มะลิดันร่างเล็กออกห่าง และมองใบหน้าแป้นแล้นของฮัสซันผ่านม่านน้ำตา หล่อนไม่อาจจะบรรยายความดีใจออกมาเป็นคำพูดได้เลย “คนเก่งของน้า… น้าก็คิดถึงหนูเหลือเกิน…”
“เจ้าชายบอกว่าน้ามะลิมารอผมที่นี่ รอผมฟื้นแล้วก็จะกลับไปอยู่ที่ซาเรียด้วยกัน”
“เอ่อ…” ลำคอของมะลิตีบตันเมื่อรู้ดีว่าสิ่งที่เด็กน้อยหวังไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้ “น้า… คงไปอยู่กับฮัสซันไม่ได้หรอกจ้ะ น้าจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ถ้าฮัสซันคิดถึงน้า ก็มาหาน้าได้ทุกเวลานะจ๊ะ”
“แต่เจ้าชายบอกว่าจะมารับน้ามะลิไปอยู่ด้วยกันนี่ครับ หรือว่าเจ้าชายโกหกผม” เด็กน้อยเริ่มโวยวายด้วยความผิดหวังเสียใจ จนมะลิต้องดึงเข้ามากอดอีกครั้ง
“น้าไม่ใช่คนซาเรีย น้าไปอยู่ที่นั่นไม่ได้หรอกจ้ะฮัสซัน”
“แต่น้ามะลิเป็นแฟนกับเจ้าชายนี่ครับ”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง “น้ากับเจ้าชายไม่ได้เป็นอะไรกันจ้ะ แล้วอีกอย่างเจ้าชายก็มีคุณนัสรินเป็นแฟนอยู่แล้ว”
เด็กน้อยส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่จริงครับน้ามะลิ เจ้าชายไม่ได้เป็นแฟนกับคุณนัสรินสักหน่อยครับ”
“ใช่ ครับพระสนม กระหม่อมยืนยันได้ครับ” ฟีรัสที่ยืนอยู่ข้างๆ ฮัสซันตัดสินใจพูดออกมา
มะลิช้อนตาขึ้นมององครักษ์คนสนิทของเจ้าชายเซรีม ก่อนจะฝืนยิ้มทั้งน้ำตา
“อย่ามาโกหกกันอีกเลย”
“กระหม่อมไม่ได้ปดนะพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่เราได้รับจดหมายจากเจ้าชายของเจ้ามา และในนั้นก็เขียนบอกว่าพระองค์กำลังจะแต่งงานกับคุณนัสริน” หล่อนโพล่งออกไปอย่างสุดจะควบคุมโทสะ
“ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นตายแล้วครับ น้ามะลิ”
“ฮัสซันไม่พูดแบบนี้นะครับ มันไม่ดี”
“เจ้าชายฮัสซันทรงตรัสชอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพราะตอนนี้คุณนัสรินเสียชีวิตแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของมะลิซีดเผือด ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจและเหลือเชื่อ
“เป็นไปได้ยังไง”
“กระหม่อมจะทูลความจริงให้พระสนมฟังพ่ะย่ะค่ะ”
แล้วฟีรัสก็เล่าทุกอย่างให้กับหล่อนฟังทั้งหมด และทุกอย่างที่เจ้าชายเซรีมเสียสละเพื่อหล่อน น้ำตาของหล่อนไหลรินเป็นทาง สะอื้นไห้ด้วยความละอายใจเป็นที่สุด สายตาปวดร้าวของเขาที่หล่อนคิดว่ามันคือของปลอม แท้จริงแล้วเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“นี่ฉัน… เข้าใจเจ้าชายเซรีมผิดมาตลอดอย่างนั้นเหรอ…”
“พ่ะย่ะค่ะ” ฟีรัสยืนยันอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อ “ตลอดเวลาที่พระสนมทรงประทับอยู่ที่เมืองไทย เจ้าชายเซรีมถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวงพ่ะย่ะค่ะ แต่กระนั้น พระองค์ก็ยังทรงเป็นห่วงพระสนม ส่งให้กระหม่อมบินมาคอยดูพระสนมอยู่บ่อยครั้ง”
“เจ้าชาย…” มะลิร้องไห้สะอึกสะอื้น ฮัสซันยกนิ้วขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้กับหญิงสาว
“อย่าร้องไห้นะน้ามะลิ… ผมไม่อยากเห็นน้ามะลิร้องไห้ครับ”
มะลิยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา และก็พยายามจะหยุดร้องไห้ แต่หัวใจมันเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน เพราะรู้สึกผิดต่อเจ้าชายเซรีมยิ่งนัก เขาทำเพื่อหล่อนมากมาย แต่หล่อนกลับขับไล่ไสส่งเขาอย่างไม่ไว้หน้า
“น้าจะไม่ร้องแล้วจ้ะ… และน้าก็จะไปอยู่ที่ซาเรียกับฮัสซันด้วยนะจ๊ะ”
“เย้… ดีใจจังเลยครับ” ใบหน้าแป้นแล้นของเจ้าชายฮัสซันเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม
“เราอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตนะจ๊ะ”
“ครับ น้ามะลิ”
มะลิกอดร่างของเจ้าชายฮัสซันอยู่นาน ก่อนจะดันร่างนุ่มนิ่มออกห่างเล็กน้อย
“น้าขอตัวไปเก็บของแป๊บนะฮัสซัน เราจะได้เดินทางไปที่โรงแรมกัน”
“ครับน้ามะลิ”
มะลิผุดลุกขึ้นยืน และพูดกับฟีรัส “ฝากเจ้าดูเจ้าชายฮัสซันสักครู่นะ เดี๋ยวเรามา”
“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม”
มะลิระบายยิ้มทั้งน้ำตา มันเป็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลายและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“องค์ชายเพคะ… หม่อมฉัน… กำลังจะไปหาเพคะ…”
เซรีมยกมือขึ้นป้ายละอองน้ำจากฝักบัวออกจากใบหน้า ดวงตาของเขายังคงแดงก่ำและเต็มเปี่ยมไปด้วยความปวดร้าว เขาก้าวออกมาจากใต้ฝักบัว ดึงผ้าขนหนูสีขาวมาซับหน้า ก่อนจะพันมันรอบสะโพกเพรียว และก้าวเดินออกไปจากห้องน้ำ กรามแกร่งที่ยังคงเต็มไปด้วยไรหนวดขบกันแน่นจนเป็นสันนูนเป่ง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความทรมาน เมื่อรู้ว่าต่อจากนี้ไปจะไม่มีวันมีหล่อนอีกแล้ว
แต่เมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้ว เขาก็ต้องชะงักงันอยู่กับที่เมื่อเขาเห็นมะลินั่งอยู่บนเตียง
นี่เขาคิดถึงหล่อนจนถึงขนาดมองอะไรก็เป็นหล่อนไปหมดเลยอย่างนั้นหรือ…?
เจ้าชายหนุ่มหลับตาลง และลืมขึ้นมาใหม่ แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงอยู่ที่เดิม แถมยังยิ้มหวานมาให้อีกต่างหาก เซรีมรู้ทันทีว่าภาพที่เห็นไม่ใช่ภาพลวงตา แต่คือมะลิจริงๆ
เขาขยับถอยหลังเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก แม้จะดีใจที่ได้เห็นหล่อนที่นี่ แต่สิ่งสุดท้ายที่หล่อนพูดใส่หน้าก็ยังคงดังลั่นในความทรงจำ หล่อนมีคนอื่นแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เขา…
“เธอเข้ามาได้ยังไง”
มะลิรู้ดีว่าเจ้าชายเซรีมกำลังโกรธตัวเอง เพราะคำพูดประชดประชันเมื่อเช้านี้ หล่อนลุกขึ้นจากเตียง และเดินตรงเข้าไปหาเขา มองเขาด้วยสายตาหวานฉ่ำ แต่เขากลับเมินหน้าหนีอย่างไม่ไยดี หล่อนรู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็ไม่เลิกพยายาม
“หม่อมฉัน… มาหาพระองค์เพคะ”
“หึ หลังจากที่เธอตะโกนใส่หน้าฉันว่า เธอมีผัวใหม่แล้วเนี่ยนะ?!” เขาเบี่ยงตัวหลบ เมื่อหญิงสาวจะโผเข้ามากอด
“หม่อมฉัน… ไม่มีใครหรอกเพคะ”
“กลับออกไปซะ” เจ้าชายเซรีมไม่เชื่อ และโมโหมาก “ออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องให้ฟีรัสมาลากตัวเธอไป”
“ไม่ทรงรักหม่อมฉันแล้วเหรอเพคะ”
เจ้าชายเซรีมชะงักกึก เมื่อคำถามของหล่อนพุ่งเข้ามาแทงใจดำของตัวเองเต็มแรง
“ฉันไม่ได้รักเธอ ไม่เคยรัก!”
หล่อนฉวยจังหวะที่เขายืนนิ่ง ก้าวเข้าไปประชิดตัว วางฝ่ามือลงบนแผ่นอกกว้าง หัวใจกระด้างของเจ้าชายทะเลทรายอยู่ตรงนี้ และมันก็เต้นแรงเลยทีเดียว
ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมอง หยาดน้ำตาคลอเบ้า
“ถ้าไม่ทรงรักหม่อมฉัน แล้วพระองค์ทรงเสียสละเพื่อหม่อมฉันมากมายทำไมล่ะเพคะ”
“ฉันไม่ได้รักเธอ” เซรีมหมุนตัวหันหลังให้ แผ่นหลังกว้างที่ยังมีรอยแผลเป็นจากการถูกเฆี่ยนตีมากมายอยู่ตรงหน้าหล่อน น้ำตาของมะลิไหลรินออกมาด้วยความเสียใจ
“ถ้าพระองค์ไม่ทรงรักหม่อมฉัน แล้วแผลพวกนี้… มาได้ยังไงกันเพคะ”
มือเล็กวางลงบนแผลเป็นบนแผ่นหลังของเจ้าชายเซรีม และโผเข้ากอดเอาไว้แน่น พร้อมกับบรรจงจูบบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยแผลของเขาแผ่วเบา เจ้าชายหนุ่มยืนตัวเกร็งเครียด
“หม่อมฉันขอประทานอภัยที่ไม่ได้รับรู้ถึงความเสียสละของพระองค์ที่ทรงประทานให้กับหม่อมฉันเลย… หม่อมฉันเอาแต่คิดเล็กคิดน้อย เชื่อทุกคนยกเว้นพระองค์…”
หล่อนร้องไห้ไม่หยุด และก็ยิ่งทำให้เซรีมปวดใจ เขาอยากจะใจแข็งให้มากกว่านี้ แต่ก็ทำไม่ไหว เพราะเขารักหล่อน รักมะลิมากเหลือเกิน ในที่สุด เขาก็หมุนตัวกลับมา และสวมกอดหล่อนเอาไว้
“หยุดร้องไห้เถอะ ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาของเธอ”
ยิ่งเขาพูดแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ
“หม่อมฉันเป็นต้นเหตุให้พระองค์ทรงต้องตกระกำลำบาก หม่อมฉันจะชดใช้ให้พระองค์ด้วยลมหายใจที่เหลือของหม่อมฉันเพคะ…”
“เธอไม่ต้องทำอะไรให้ฉันทั้งนั้น กลับไปหาคนที่เธอรักเถอะ”
เซรีมดันร่างอวบอัดของมะลิออกห่างอย่างตัดใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เพราะยังคิดว่าหล่อนมีใคร
“ไม่เพคะ… หม่อมฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หม่อมฉันจะอยู่กับเจ้าชาย จะอยู่ดูแลเจ้าชายไปชั่วชีวิต”
“แล้วผู้ชายอีกคนของเธอล่ะ”
“ก็หม่อมฉันบอกแล้วไงเพคะว่าไม่มี หม่อมฉันมีแค่พระองค์เพียงคนเดียว” หล่อนช้อนตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตามองเขา มองด้วยความโหยหาแสนรัก
“แต่เธอไล่ฉัน”
“ก็หม่อมฉัน… เข้าใจผิดนี่เพคะ”
“เรื่องอะไร”
โชคดีที่หล่อนหยิบจดหมายฉบับนั้นติดตัวมาด้วย ทำให้หล่อนสามารถยืนยันกับเขาได้
“นี่ไงเพคะ จดหมายที่ส่งมาจากซาเรียถึงหม่อมฉัน”
เจ้าชายเซรีมรับมาเปิดอ่าน ก่อนเลิกคิ้วสูง และส่ายหน้าดิก
“ฉันไม่ได้เขียน นี่ไม่ใช่จดหมายของฉัน”
“หม่อมฉันก็เพิ่งทราบจากฟีรัสเมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อนหน้านี้เองเพคะ” หล่อนสารภาพทุกอย่างออกไป “และเพราะหม่อมฉันเข้าใจผิด คิดว่านี่คือลายพระหัตถ์ของพระองค์ หม่อมฉันก็เลย… ไล่พระองค์แบบนั้น หม่อมฉันขอประทานอภัยนะเพคะ…”
“แล้วถ้าฉันไม่ให้อภัยคนเขลาแบบเธอล่ะ”
MANGA DISCUSSION