ชีคเถื่อนปล้นพรหมจรรย์ ชุด ทัณฑ์ทราย - ตอนที่ 50
เจ้าชายเซรีมสะบัดเท้าแรงๆ และก้าวขยับหนีออกห่างอย่างรังเกียจ นัสรินร้องไห้โฮราวกับคนบ้า
“โทษนี้มันคู่ควรกับผู้หญิงเลวๆ อย่างเจ้าแล้วละ นัสริน!”
นัสรินเงยหน้าที่อาบไปด้วยคราบน้ำตามองเจ้าชายเซรีม ผู้ชายที่ตัวเองรักนักหนา แต่เขาไม่เคยมองหล่อนเลย
“ทุกอย่างที่หม่อมฉันทำลงไป… มันก็เพราะพระองค์นั่นแหละเพคะ เจ้าชายเซรีม” หล่อนสะอึกสะอื้น ก่อนจะพรั่งพรูไม่หยุด “เพราะหม่อมฉันรักพระองค์ หม่อมฉันจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้พระองค์กลับคืนมา”
“แม้กระทั่งฆ่าคนอย่างนั้นหรือ นัสริน”
“ใช่เพคะ หม่อมฉันยินดีฆ่าทุกคน ขอเพียงแค่ให้ได้พระองค์มาเป็นของหม่อมฉัน”
“แต่ฮัสซันไม่รู้เรื่อง เจ้าวางยาเขาทำไม” เซรีมครางออกมาอย่างเจ็บปวด
“ก็เพราะเจ้าชายฮัสซันคือหมากตัวสำคัญที่จะทำให้นังมะลิ ผู้หญิงที่พระองค์ทรงโปรดนักหนาหายไปจากโลกนี้ยังไงล่ะเพคะ เพราะเมื่อมันหายไปแล้ว พระองค์ก็จะกลับมาเป็นเจ้าชายเซรีมของหม่อมฉันคนเดิม”
เจ้าชายเซรีมส่ายหน้าไปมา มองนัสรินอย่างชิงชัง “เราไม่เคยเป็นของเจ้า ไม่เคยรัก ไม่เคยคิดจะรัก และตอนนี้เราก็ขยะแขยงเจ้าเป็นที่สุด”
“แต่หม่อมฉันรักพระองค์เพคะ…” นัสรินคลานไปกอดขาของเจ้าชายเซรีมอีกครั้ง ร้องไห้ไม่หยุด “หม่อมฉันทำทุกอย่าง ยอมฆ่าแม้กระทั่งคนเพื่อให้ได้พระองค์มาครอบครอง”
“เจ้าไม่มีทางได้เรา เพราะเราเกลียดเจ้า!” เซรีมสะบัดขาออกจากอุ้งมือของนัสรินแรงๆ จนร่างอรชรล้มหงายลงไปนอนกับพื้นพรมอย่างน่าเวทนา
อำมาตย์ฮานีฟคลานมาประคองลูกสาว “นัสริน… ลูกไม่น่าทำแบบนี้เลย… ไม่น่าทำเลยจริงๆ”
นัสรินร้องไห้คร่ำครวญ “ท่านพ่อ… ฉันขอโทษที่ทำแบบนี้ ขอโทษที่ทำให้ตระกูลของเราเดือดร้อน ฉัน… จะรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวของฉันเอง”
นัสรินกอดบิดาเอาไว้ ก่อนจะหันไปวิงวอนองค์สุลต่านอีกเป็นครั้งสุดท้าย
“หม่อมฉันทำเองทุกอย่าง พ่อไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรด้วยเลย ขอองค์สุลต่านโปรดอย่าลงโทษท่านเลยนะเพคะ ความผิดทุกอย่าง หม่อมฉันยินดีรับเอาไว้เองทั้งหมด”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น นัสริน” องค์สุลต่านเค้นเสียงเดือดดาลลอดไรฟันออกมา
“หม่อมฉันทราบเพคะว่าตัวเองทำผิดมหันต์ และก็ยินดีรับโทษทุกอย่าง ขอเพียงแค่อย่าให้ท่านพ่อของหม่อมฉันต้องมามัวหมองเพราะการกระทำที่ไม่ดีของหม่อมฉันเลย…”
“ถ้าเราสอบสวนแล้วพบว่าท่านอำมาตย์ฮานีฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาก็จะไม่มีความผิด”
นัสรินยิ้มออกมาทั้งน้ำตา หันไปเอ่ยลาบิดา “ฉัน… ไม่เคยเป็นลูกที่ดีสำหรับท่านพ่อเลย สร้างแต่เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจให้ตลอด ฉันขอโทษนะท่านพ่อ…”
“ไม่เป็นไรลูก… พ่อไม่โกรธเจ้าหรอก” อำมาตย์ฮานีฟร่ำไห้กอดลูกสาวเอาไว้แน่น
นัสรินยิ้มกว้าง น้ำตารินไหลเป็นทาง ก่อนจะหันไปมองเจ้าชายเซรีมอีกเป็นครั้งสุดท้าย
“หม่อมฉัน… รักพระองค์มากนะเพคะ… เจ้าชายเซรีม”
เจ้าชายเซรีมเมินหน้าหนีอย่างไม่ให้อภัย
นัสรินยังคงยิ้ม และก็ใช้จังหวะที่ทุกคนเผลอดึงกริชออกมาจากเอวของบิดา ก่อนจะเชือดคอตัวเองจนเลือดกระจาย
“นัสริน!”
อำมาตย์ฮานีฟร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ เมื่อกอดร่างไร้วิญญาณที่ชุ่มไปด้วยหยาดเลือดของนัสรินเอาไว้แน่น ทุกคนในท้องพระโรงต่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เราเสียใจด้วยนะท่านอำมาตย์ฮานีฟ” องค์สุลต่านกล่าวแค่นั้น ก่อนจะสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันออกไป
องค์รัชทายาทจามีลกล่าวเสียใจกับอำมาตย์ฮานีฟผู้สูญเสียและพาเจ้าชายฮัสซันจากไปเช่นกัน ในขณะที่เจ้าชายเซรีมเดินมาหยุดใกล้ๆ และย่อตัวลงข้างร่างไร้วิญญาณของนัสริน
“เราขอให้เจ้าไปสู่สุขคติ” มือใหญ่สีแทนของเจ้าชายเซรีมลูบดวงตาที่เบิกกว้างของนัสรินให้ปิดสนิทลง
“ขอบพระทัย… พ่ะย่ะค่ะเจ้าชายเซรีม”
“เราเสียใจด้วย”
แล้วเจ้าชายเซรีมก็ผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปจากท้องพระโรงที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดของนัสรินโดยไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย แม้จะหดหู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย แต่นัสรินสมควรได้รับโทษนี้แล้ว
เรื่องร้ายผ่านพ้นไปหลายวันแล้ว เจ้าชายเซรีมรอจนหมอหลวงอนุญาตให้เจ้าชายฮัสซันบินออกนอกประเทศได้ จึงเข้ามาขออนุญาตบิดาเพื่อเดินทางไปเมืองไทย
“พ่อต้องขอโทษเจ้าด้วยนะ เซรีม ที่ไม่เชื่อคำพูดของเจ้าเลย”
“เสด็จพ่อทรงเชื่อหลักฐานมากกว่าคำกล่าวลอยๆ ของลูก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์สุลต่านมองบุตรชายคนรองแล้วระบายยิ้มออกมา
“เจ้าซูบไปมากเลยทีเดียว คงเพราะถูกขังในคุกหลวงนานเกินไป”
“ไม่เกี่ยวกับคุกหลวงหรอกพ่ะย่ะค่ะ ที่หม่อมฉันผ่ายผอมลงก็เพราะว่าหม่อมฉันคิดถึงจัสมิน”
องค์สุลต่านหัวเราะร่วนออกมา “พ่อแทบไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเจ้าจะรักนางมากขนาดนี้”
“หม่อมฉันรักนางมากจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนแรกที่เจ้ามาขอให้พ่อแต่งตั้งนางเป็นพระชายา พ่อยังคิดว่าเจ้าล้อเล่นกับพ่ออยู่เลย”
โหนกแก้มของเจ้าชายเซรีมมีสีระเรื่อขึ้น “นางคู่ควรที่จะได้เป็นชายาของลูกแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
“พ่อได้ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับนางมาเล็กน้อย”
“ข่าวที่ว่านางเป็นเมียเก็บของเสด็จน้าคาริสมาก่อนใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่” องค์สุลต่านตอบรับ
เจ้าชายเซรีมระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะแก้ต่างให้กับผู้หญิงที่ตัวเองรักดุจดวงใจ
“นางไม่เคยเป็นเมียเก็บของเสด็จน้าคาริสพ่ะย่ะค่ะ และก็ไม่เคยเป็นเมียเก็บของผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น หม่อมฉันคือชายคนแรกของนางพ่ะย่ะค่ะ”
องค์สุลต่านระบายยิ้มออกมา “พ่อเชื่อเจ้า และก็เชื่อว่าเจ้าเลือกเมียไม่ผิด”
“ขอพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วนี่เจ้าจะเดินทางไปเมืองไทยวันไหนล่ะ”
“หม่อมฉันจะเดินทางไปเมืองไทยในวันพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ใจร้อนไม่เบานะเซรีม”
ชายหนุ่มอมยิ้ม หน้าตาเต็มเปี่ยมได้ความสุข ร่างกายของเขาโหยหาแม่ดอกมะลิแสนหวานเหลือเกิน
“หม่อมฉันคิดถึงนางพ่ะย่ะค่ะ คิดถึงมากเหลือเกิน”
“พ่อขอให้เจ้าพานางกลับมาที่ซาเรียโดยสวัสดิภาพก็แล้วกัน ส่วนพ่ออยู่ทางนี้ก็จะเตรียมพิธีอภิเษกไว้รอเจ้ากับนาง”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายเซรีมยิ้มกว้างอีกครั้ง ขณะเดินออกมาจากตำหนักพักร้อนของบิดา ตอนนี้หัวใจของเขาราวกับมีปีก เขาไม่อาจจะหยุดยิ้มได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
“จัสมิน… ฉันกำลังจะไปหาเธอ… ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน…”
“หน้าบานเชียวนะเซรีม”
ระหว่างที่กำลังจะเดินกลับตำหนักที่พัก ก็สวนกับขบวนเสด็จของพี่ชายเข้าพอดี
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
องค์รัชทายาทเซรีมก้าวเดินมาหยุดตรงหน้าน้องชาย ยกมือขึ้นตบบ่าเบาๆ
“พี่ขอให้เจ้ามีความสุขแบบนี้ตลอดไปนะ เซรีม”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่” เจ้าชายเซรีมระบายยิ้มตลอดเวลา “หม่อมฉันก็ขอให้เสด็จพี่ทรงพระเกษมสำราญเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”
“คงอีกไม่นาน พี่ก็จะมีความสุขเหมือนเจ้าแล้วละ”
“นี่เสด็จพี่หมายถึง…”
“อืม พี่คิดว่าจะรับมัสรานีเข้ามาเป็นบาทบริจาริกา ตอนนี้รอแค่ให้เรื่องของนัสรินซาไปสักระยะก่อน”
“ความจริงนางไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องความเลวของนัสรินเลยนะพ่ะย่ะ”
“พี่รู้ แต่ถึงกระนั้น นางก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวของนัสริน ดังนั้น พี่จะต่อเวลาไปอีกสักระยะ” องค์รัชทายาทระบายยิ้ม นัยน์ตารียาวหวานฉ่ำชวนมองทอดไปที่น้องชาย “แล้วเจ้าเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ เซรีม”
“พรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทจามีลอมยิ้ม “เจ้านี่ใจร้อนสมกับเป็นเจ้าชายทะเลทรายจริงๆ”
“หากเสด็จพี่ทรงมีความรักลึกซึ้งกับสตรีสักนาง เสด็จพี่จะรู้ว่าแค่วินาทีเดียวก็ไม่อยากจะรอพ่ะย่ะค่ะ”
คราวนี้คนเป็นพี่ชายหัวเราะร่วน “โอเค งั้นพี่ขออวยพรให้เจ้าโชคดีนะ เซรีม ขอให้พาเมียกลับมาซาเรียอย่างปลอดภัย”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
“พี่ไปละ”
เจ้าชายเซรีมโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับพี่ชายของตัวเอง และมองเรือนร่างสูงสง่าในชุดขององค์รัชทายาทประจำมหานครซาเรียไปจนลับสายตา ก่อนจะอมยิ้ม มุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักของเจ้าชายฮัสซัน
“ทำอะไรอยู่ครับ ฮัสซัน”
ฮัสซันที่กำลังเล่นหุ่นยนต์อยู่หันมาเห็นเจ้าชายเซรีมก็ฉีกยิ้มกว้าง และวิ่งเข้ามากอด
“เจ้ายังไม่หายสนิท อย่าวิ่งนักสิ”
“ผมหายดีแล้วครับ”
“เด็กดื้อ” เจ้าชายเซรีมเอามือขยี้เส้นผมนุ่มของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“ผมไม่ได้ดื้อนะครับ ผมเชื่อฟังพี่ฟาติมะห์ทุกอย่างเลยครับ”
“โอเค ไม่ดื้อก็ไม่ดื้อ” เจ้าชายหนุ่มระบายยิ้มกว้าง อุ้มร่างเล็กของเจ้าชายฮัสซันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน และพาไปหยุดที่หน้าต่างบานใหญ่ภายในตำหนัก
“พรุ่งนี้เราจะไปหาน้ามะลิด้วยกันแล้วนะครับ ฮัสซัน”
“เย้… ดีใจจังเลยครับ ผมจะได้เจอน้ามะลิแล้ว”
“เราก็ดีใจ… ดีใจมากที่จะได้พบนางอีกครั้ง”
ดวงตาคมกริบสีทองอร่ามของเจ้าชายเซรีมเต็มไปด้วยความหวัง และก็ภาวนาให้พระอาทิตย์ตกดินไวกว่าทุกวัน เพื่อที่วันใหม่จะได้เดินทางมาถึงโดยเร็ว