ชีคเถื่อนปล้นพรหมจรรย์ ชุด ทัณฑ์ทราย - ตอนที่ 48
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” เจ้าชายเซรีมน้อมรับคำสั่งของบิดา ก่อนจะหันไปสั่งองครักษ์ของตนเอง “ฟีรัส ไปพาตัวฮุสนากับพี่ชายของนางมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเร็วเข้า”
“พ่ะย่ะค่ะเจ้าชายเซรีม” ฟีรัสรีบน้อมรับคำสั่งทันที แต่ออกไปไม่นานก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับมา
“มีอะไรหรือฟีรัส แล้วสองคนนั้นล่ะ” เจ้าชายเซรีมเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“คือ… คือว่า…”
“มีอะไรก็พูดมาฟีรัส” องค์รัชทายาทจามีลเอ่ยเร่งเร้า
“สองคนนั้น ถูกลอบสังหารตายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบของฟีรัสทำให้ทุกคนตกใจ แต่สำหรับเซรีมแล้ว เขายิ่งกว่าตกใจ เพราะโลกทั้งใบของเขามันพังทลายลงต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง ความหวังเดียวที่เหลืออยู่สลายหายไปสิ้น
“ไม่จริง ใครฆ่าพวกนั้น ฟีรัส!” เซรีมเค้นเสียงถามออกมา ภาวนาให้หูตัวเองฝาดหรือเฝื่อนไป
“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่ทหารบอกว่าคนที่มาลอบฆ่าฝีมือดีมาก น่าจะเป็นนักฆ่าจากแคว้นอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
เซรีมเซจะล้มจนผู้เป็นพี่ชายต้องมาประคองเอาไว้ “ใจเย็นๆ เซรีม มันต้องมีทางออก”
“มันจบแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่…”
เจ้าชายเซรีมกล่าวดวงตาแดงก่ำ ความผิดหวัง ความเจ็บปวดอัดแน่นอยู่เต็มดวงตารียาว
“ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรแล้ว งั้นพ่อกลับแล้วนะ”
“เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ จัสมินไม่ผิดจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ นางไม่ได้เป็นคนวางยาฮัสซัน” เซรีมยังพยายามอธิบาย แต่องค์สุลต่านที่เชื่อหลักฐานมากกว่าคำพูดไม่สนใจ
“จามีล เจ้าพาน้องชายของเจ้ากลับไปห้องขังได้แล้ว และอย่าให้ออกมาอีก ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากพ่อ”
“เอ่อ ถ้าหม่อมฉันอยากจะขอประทานอนุญาตให้เซรีมกลับมาอยู่ตำหนักได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้ การลงโทษก็คือการลงโทษ ไม่มีละเว้น ไม่ว่าจะเป็นลูกเต้าเหล่าใครก็ตาม”
“แต่หม่อมฉันคิดว่า…” องค์รัชทายาทจามีลยังคงพยายาม แต่เจ้าชายเซรีมห้ามเอาไว้
“หม่อมฉันยินดีกลับไปที่คุกพ่ะย่ะค่ะ” แล้วเจ้าชายเซรีมก็เดินกลับออกไปจากท้องพระโรงด้วยหัวใจที่แตกสลาย
องค์รัชทายาทจามีลมองตามร่างของน้องชายไปด้วยความสงสารจับหัวใจ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากคนเป็นพ่อ แต่ในเมื่อเขาปกครองบ้านเมืองก็ต้องทำตามกฎระเบียบ ไม่อาจจะละเว้นได้
“พ่อไปละ จามีล”
องค์สุลต่านเดินจากไปแล้ว องค์รัชทายาทจามีลก็ปลีกตัวจากไปอีกคน ท่ามกลางความโศกเศร้าที่เกิดขึ้น
นัสรินนั่งยิ้มกริ่มอย่างมีความสุขอยู่บนเรือนพัก แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อบิดาเดินมาหยุดตรงหน้า
“ซานินมาบอกกับพ่อว่า เจ้าให้มันหานักฆ่า”
“ชูว์… ท่านพ่อ อย่าเสียงดังไปสิเจ้าคะ” นัสรินยกมือขึ้นแตะปากส่งสัญญาณให้บิดาพูดเบาๆ
อำมาตย์ฮานีฟเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ ลูกสาวคนเล็ก มองอย่างผิดหวัง
“นี่พ่อเลี้ยงเจ้ามาผิดหรือไร ทำไมเจ้าใจร้ายแบบนี้ เจ้าสั่งฆ่าฮุสนากับพี่ชายของมันใช่ไหม”
แทนที่นัสรินจะสำนึกผิดกับเชิดหน้าสูง และยิ้มหยัน “ก็ในเมื่อมันสองคนจะเป็นอันตรายสำหรับลูก ลูกก็ต้องกำจัดมันสิเจ้าคะ”
“งั้นก็แสดงว่าเจ้าคือคนวางยาพิษเจ้าชายฮัสซันสินะ นัสริน”
“เจ้าค่ะ” นัสรินตอบรับหน้าตาเฉย “และถ้าท่านพ่อรักลูก ก็เงียบเอาไว้นะเจ้าคะ”
อำมาตย์ฮานีฟช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน “เจ้าทำลงไปได้ยังไงกัน นัสริน โทษถึงขั้นตัดคอเชียวนะ”
“ลูกก็ทำไปแล้วนี่เจ้าคะ แล้วอีกอย่าง ลูกก็ยังลอยนวลอยู่ ส่วนนังมะลิก็เป็นคนผิดไป”
“ความลับมันไม่มีในโลกหรอกนะ นัสริน สักวันเรื่องนี้มันจะต้องแดงขึ้นมา และที่สำคัญ ตอนนี้เจ้าชายเซรีมกับองค์รัชทายาทก็สงสัยเจ้ามากที่สุด”
“แล้วไงล่ะเจ้าคะท่านพ่อ ในเมื่อพระองค์ไม่มีหลักฐานอะไรเหลืออยู่แล้ว มันสองคนนั้นก็ตายไปแล้ว” ใบหน้าและแววตาของนัสรินโหดเหี้ยมนัก
“ถ้าเจ้าชายฮัสซันฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ เจ้าจะลำบาก”
“หึ ไม่มีทางหรอกเจ้าค่ะ ลูกให้คนไปสืบจากหมอหลวงมาแล้ว อาการของเจ้าชายฮัสซันไม่มีทางกลับมาดีขึ้น แค่ไม่ตายก็ถือว่าดีเกินแล้วเจ้าค่ะ”
อำมาตย์ฮานีฟน้ำตาซึม คาดไม่ถึงว่าลูกสาวที่ตัวเองรักนักรักหนาจะมีใจคอร้ายกาจแบบนี้ แต่เขาจะทำอะไรได้ล่ะ จะประจานลูกตัวเองก็คงทำไม่ได้เช่นกัน คงทำได้แค่เก็บเรื่องนี้เอาไว้ให้มิดชิดที่สุด
“เจ้าทำแบบนี้ แล้วคิดว่าเจ้าชายเซรีมจะรักเจ้าหรือ นัสริน”
“วันนี้ไม่รัก แต่สักวันพระองค์ก็จะต้องมองมาที่ลูก เพราะลูกจะไม่พลาดยอมให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้พระองค์ได้อีกแล้ว” นัสรินเค้นเสียงกระด้างออกมาอย่างมุ่งมาด ในขณะที่อำมาตย์ฮานีฟมองลูกชายด้วยความวิตกกังวล
รูปถ่ายของมะลิที่ฟีรัสแอบให้คนไปตามถ่ายมา และส่งมาให้เขา มันคือสิ่งเดียวที่ทำให้เขามีกำลังใจที่จะหายใจต่อไปในโลกใบนี้ เขาจ้องมองเจ้าหล่อนในรูปถ่าย แม้จะแอบถ่ายมาจากระยะไกล มองดวงหน้างามไม่ชัดเจนนัก แต่เขาก็จดจำหล่อนได้เป็นอย่างดี
“ฉันคิดถึงเธอ… จัสมิน…” น้ำตาของเจ้าชายเซรีมไหลรินออกมา “คิดถึงเหลือเกิน…”
ความหวังที่เรืองรองเมื่อเช้านี้พังทลายลงไม่เป็นท่า และเขาไม่รู้ว่าจะหาหลักฐานใดมายืนยันความบริสุทธิ์ให้กับมะลิได้อีกแล้ว หรือว่าเขากับหล่อนจะต้องถูกแยกจากกันไปแบบนี้ชั่วนิรันดร์
“เซรีม…”
หลังมือสีแทนยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง และรูปถ่ายของมะลิก็ถูกสอดเก็บเข้าไปในตัวเสื้อ
“เสด็จพี่…”
เซรีมลุกขึ้นทำความเคารพพี่ชาย
“พวกเจ้าออกไปก่อน และอย่าให้ใครเข้ามาแถวนี้เด็ดขาด เข้าใจไหม”
“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท”
ทหารต่างพากันถอยร่นหายจากไปทั้งหมด
“เสด็จพี่เสด็จมาที่นี่ดึกดื่นแบบนี้ มีอะไรให้หม่อมฉันรับใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทจามีลขยับเข้ามาใกล้ห้องขัง ก่อนจะพูดออกมาเสียงแผ่วเบา
“พี่มีเรื่องสำคัญจะบอกเจ้า”
“เรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาหูเจ้ามา”
เจ้าชายเซรีมทำตามที่พี่ชายสั่ง และเมื่อคำพูดของพี่ชายกังวานเข้ามาในหู ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีที่สุดในชีวิต
“จริงหรือ… พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพี่”
“จริง หมอหลวงของพี่แจ้งมา แต่เจ้าจะต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับนะ ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้ แม้แต่ฟีรัสก็ตาม”
“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะไม่บอกใคร”
“ดีมาก เพราะถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงนัสริน ฮัสซันจะไม่ปลอดภัย”
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่” เจ้าชายเซรีมตอบรับแผ่วเบา ก่อนจะกัดฟันแน่น เมื่อนึกถึงนัสริน “หม่อมฉันไม่นึกเลยว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ นางเคยอ่อนหวาน และแสนดี แต่นางเปลี่ยนไปแล้ว”
“ความรัก ความริษยาทำให้ผู้หญิงเปลี่ยนไป มันน่ากลัวมากจริงๆ”
“แต่หม่อมฉันจะไม่มีทางให้อภัยนาง เพราะนางทำให้คนที่หม่อมฉันรักเกือบเอาชีวิตไม่รอด”
“เจ้าเองก็ลำบากด้วย เซรีม”
ลำพังเขาน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่นัสรินทำกับมะลิ ทำกับฮัสซัน ซึ่งเขาให้อภัยหล่อนไม่ได้
“หม่อมฉันจะเฝ้ารอคอยวันที่ฮัสซันแข็งแรงพ่ะย่ะค่ะ”
“อีกไม่นานหรอก เซรีม” องค์รัชทายาทจามีลระบายยิ้ม ก่อนจะเอ่ยลา “งั้นเจ้าพักผ่อนเถอะ พี่กลับตำหนักก่อน”
“หม่อมฉันขอบพระทัยเสด็จพี่มากพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไร พี่ยินดีช่วยเจ้า เซรีม” องค์รัชทายาทจามีลเดินทางออกไปจากคุกขังทันทีที่เอ่ยจบ
เจ้าชายเซรีมระบายยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่กว้างที่สุดหลังจากที่เกิดเรื่องลอบวางยาพิษในอาหารของเจ้าชายฮัสซัน
“ฮัสซัน… เราขอให้เจ้าแข็งแรงโดยเร็ว” รูปถ่ายของมะลิถูกมือใหญ่ดึงออกมาจากอกเสื้ออีกครั้ง เขาจูบเบาๆ ที่รูปนั้น และพึมพำด้วยความยินดี “อีกไม่นาน… เธอจะพ้นมลทินแล้วนะ จัสมิน…”