มะลิผล็อยหลับไปนานพอสมควร ก่อนจะมาสะดุ้งตื่น เมื่อมีเสียงทรงอำนาจขององค์สุลต่านดังขึ้นที่หน้าประตูห้องขัง
“เจ้าเข้าไปทำอะไรในนั้น เซรีม”
เจ้าชายเซรีมลุกขึ้น และโค้งศีรษะทำความเคารพบิดา มะลิหน้าตาซีดเผือด ตัวสั่นสะท้าน
“หม่อมฉันมาอยู่เป็นเพื่อนจัสมินพ่ะย่ะค่ะ”
“มันสมควรแล้วหรือ”
“หม่อมฉันเป็นห่วงนางพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายเซรีมคุกเข่าลงที่หน้าห้องขัง และเงยหน้ามองบิดา “ได้โปรดทรงสอบสวนเรื่องนี้ใหม่ด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมั่นใจว่านางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องวางยาพิษเจ้าชายฮัสซันพ่ะย่ะค่ะ”
องค์สุลต่านเมินหน้าหนี ก่อนจะพูดขึ้น “พ่อตัดสินไปแล้ว และจะไม่เปลี่ยนคำตัดสิน จนกว่าจะมีหลักฐานอื่นที่มาหักล้างกันได้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางมีวันนั้นแน่”
สายตาขององค์สุลต่านตวัดมองมาที่หล่อน
“เจ้าทำเสน่ห์อะไรลูกชายของเรา ทำไมลูกชายของเราถึงได้หลงเจ้านัก”
“หม่อมฉัน… เอ่อ…” มะลิพูดไม่ออก ร้องไห้สะอึกสะอื้น
เจ้าชายเซรีมองมองภรรยาอย่างสงสาร “นางไม่ได้ทำเสน่ห์อะไรหม่อมฉันพ่ะย่ะค่ะ แต่หม่อมฉันเป็นสามีจึงสมควรจะต้องปกป้องนางพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไม่ต้องมาพูดดี เจ้าชายเซรีม เจ้าทำผิดที่ขัดคำสั่งของพ่อ นี่ถ้านัสรินไม่ไปบอก พ่อก็คงไม่รู้ว่าเจ้ามาอยู่ในคุกกับนักโทษประหารอย่างนี้”
“นัส-ริน…”
เจ้าชายเซรีมเค้นชื่อของตัวต้นเหตุออกมาอย่างเดือดดาลแต่แผ่วเบาเกินกว่าใครจะได้ยิน เขากำมือแน่น และมั่นใจว่านัสรินจะต้องรู้เห็นเรื่องวางยาพิษฮัสซันอย่างแน่นอน แต่ยังหาหลักฐานไม่ได้เท่านั้นแหละ
“เจ้าออกมาได้แล้ว เดี๋ยวนี้”
ทหารรีบเข้าไปไขประตูห้องขังให้เปิดกว้างออก และเจ้าชายเซรีมก็ถูกทหารเข้ามาลากออกไป
“เสด็จพ่ออย่าทำแบบนี้กับหม่อมฉันนะพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายเซรีมดิ้นรน และกำลังจะซัดทหารสองคนที่ยึดแขนกำยำเอาไว้ แต่คำพูดของบิดาทำให้เขาต้องชะงัก
“ถ้าเจ้าขัดขืน พ่อจะสั่งตัดหัวเมียของเจ้าวันนี้เลย”
“อย่านะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
“งั้นก็กลับตำหนักไปได้แล้ว”
เจ้าชายเซรีมดวงตาแดงก่ำ เขาหันไปมองมะลิที่นั่งร้องไห้อยู่ริมกำแพงอย่างแสนห่วงใย
“เธอจะไม่เป็นอะไร จัสมิน ฉันจะช่วยเธอเอง”
มะลิร้องไห้พูดไม่ออก หล่อนยอมตาย แต่ไม่ต้องการให้เจ้าชายเซรีมต้องมารับโทษไปด้วย
“อย่าทรงห่วงหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันทนได้… เสด็จกลับเถอะเพคะ”
“ไปได้แล้วเซรีม”
ในที่สุดเจ้าชายเซรีมก็ก้าวเดินออกไป แต่ทุกอย่างก้าวเต็มไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อมะลิมากล้น
“เราไม่เคยเห็นเซรีมบ้าผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเลย เจ้าทำให้ลูกชายของเราเสียสติ เราจะสั่งโบยเจ้า”
“หม่อมฉัน… ยินดีรับโทษเพคะ ขอเพียงแต่อย่าทรงทำโทษอันใดกับเจ้าชายเซรีมเลยนะคะ”
องค์สุลต่านชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นความห่วงใยของมะลิที่มีต่อบุตรชายของตัวเอง เขาเคยเมตตาหล่อน แต่เมื่อรู้ว่าหล่อนมีจิตใจเหี้ยมโหดถึงขนาดวางยาฆ่าเจ้าชายฮัสซัน เขาก็ไม่อาจจะมองหล่อนในทางที่ดีอีกต่อไปได้
“ถ้าเซรีมไม่เข้ามาวุ่นวายที่นี่อีก เขาก็จะไม่ได้รับโทษใดๆ จากเรา” พูดจบองค์สุลต่านหันไปมองทหารยาม “ลากนางไปโบยหลังหนึ่งร้อยที”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์สุลต่าน”
แล้วองค์สุลต่านก็หมุนตัวเดินจากไป ท่ามกลางหยาดน้ำตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจของมะลิ หล่อนหวาดกลัวต่อความเจ็บปวดที่กำลังจะได้รับไม่น้อย แต่ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม หล่อนก็ถูกทหารหญิงประจำคุกหลวงลากไปที่ลานกว้าง มือของหล่อนถูกมัดโยงเอาไว้กับต้นเสาสูง เสียงแส้ลากไปกับพื้นดินดังมาเข้าหู หล่อนตัวสั่น หวาดกลัวเหลือเกิน หยาดน้ำตาไหลพรากไม่หยุด
“เริ่มเฆี่ยนได้แล้ว!”
เสียงทหารหญิงคนหนึ่งตะโกนสั่งเสียงกึกก้อง และแส้ก็กำลังจะฟาดลงกับร่างบอบบางของหล่อน แต่แล้วก็มีเสียงขององครักษ์ประจำตำหนักขององค์สุลต่านดังขัดขึ้นเสียก่อน
“ช้าก่อน!”
“ท่านมีอะไรหรือท่านราชองครักษ์หลวง”
ผู้คุมการลงโทษเอ่ยถาม
“เรานำพระแสรับสั่งจากองค์สุลต่านมาแจ้งน่ะ ทุกคนรับราชโอการ”
ทหารทุกคนคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับก้มหน้า องครักษ์หลวงอ่านราชโอการดังกังวาน
“ยกเลิกการโบยหลังหนึ่งร้อยครั้งของพระสนมในเจ้าชายเซรีม จบราชโอการ”
“พ่ะย่ะค่ะ / เพคะ”
หลังจากองครักษ์หลวงอ่านราชโอการจบก็เดินจากไป ทหารหญิงก็แก้มัดมือให้กับหล่อน และพากลับไปยังคุกหลวงเช่นเดิม ร่างของหล่อนถูกผลักเข้าไปในห้องขัง ก่อนที่ทหารจะปิดประตูอย่างแน่นหนา น้ำตาของมะลิไหลริน
“แปลกนะ ทำไมองสุลต่านถึงยกเลิกคำสั่งโบยพระสนมล่ะ”
ทหารสองคนคุยกันด้วยความสงสัย
“นั่นสิ ปกติองค์สุลต่านออกคำสั่งแล้วไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยนี่นา มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
แล้วทหารยามสองคนก็เดินไปประจำจุด และหยุดสนทนากันอีกอย่างสิ้นเชิง
มะลิยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง หล่อนเองก็แปลกใจไม่น้อยเหมือนกันที่จู่ๆ องค์สุลต่านยกเลิกคำสั่งโบยหลังตัวเอง
ขณะที่ทุกคนกำลังเต็มไปด้วยความสงสัยแคลงใจ ในอีกมุมหนึ่งของราชวัง เรือนกายที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อมัดงามสีแทนสวยของเจ้าชายเซรีมก็กำลังถูกเฆี่ยนตีด้วยแส้
“พอแล้ว พวกเจ้าเลิกเฆี่ยนองค์ชายได้แล้ว หยุดได้แล้ว…”
ฟีรัสองครักษ์ประจำตัวของเจ้าชายเซรีมตะโกนลั่นและหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมา
“เฆี่ยนให้ครบ เราทนได้…”
แม้เลือดจะอาบไปทั้งแผ่นหลัง แต่เจ้าชายเซรีมก็ยังคงกัดฟันอดทน เขายอมถูกโบย ถูกเฆี่ยน แต่จะไม่มีทางยอมให้มะลิต้องเจ็บปวดทรมานเด็ดขาด
“เจ้าเป็นยังไงบ้างเซรีม ไม่ต้องลุกหรอก” องค์รัชทายาทจามีลเดินทางมาเยี่ยมน้องชายที่ตำหนัก หลังจากทราบว่าเจ้าชายเซรีมยอมถูกโบยหลังแทนมะลิ
“หม่อมฉันไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ไกลหัวใจ” ในที่สุดเจ้าชายเซรีมก็ขยับลุกขึ้นนั่ง แม้จะเจ็บลึกไปทั้งแผ่นหลัง แต่ก็อดทนเอาไว้
องค์รัชทายาทจามีลมองสภาพน้องชายด้วยความสงสาร “พี่ว่าตัวเองรักมัสรานีมากแล้วนะ แต่พอมาเห็นสิ่งที่เจ้าทำเพื่อเมียแล้ว พี่ว่าพี่อาจจะยังรักมัสรานีไม่พอ หรือยังไม่ได้รักเสียด้วยซ้ำไป”
กรามแกร่งที่มีตอหนวดขึ้นมากมายขบกันแน่น เขาไม่ปฏิเสธสิ่งที่พี่ชายพูด เพราะเขา… รู้ตัวแล้วละว่ารักมะลิเข้าให้แล้วจริงๆ รักหล่อน และไม่มีทางอยู่ได้หากขาดหล่อน
“เสด็จพี่เชื่อหม่อมฉันนะพ่ะย่ะค่ะว่าจัสมินไม่ใช่คนร้าย นางไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน”
“ถึงพี่จะเชื่อ แต่เสด็จพ่อไม่เชื่อก็ไม่มีประโยชน์ แล้วที่พี่รู้มาก็คือเสด็จพ่อกริ้วพระสนมของเจ้ามาก เห็นว่าจะสั่งประหารนางให้เร็วที่สุดด้วย”
“ว่ายังไงนะพ่ะย่ะค่ะ?!” เจ้าชายเซรีมช็อกตาค้าง หัวใจคล้ายกับถูกเผาด้วยไฟจนกลายเป็นเถ้าธุลี
“เสด็จพ่อจะประหารพระสนมของเจ้าเร็วขึ้น”
“หม่อมฉันไม่ยอม หม่อมฉันจะขัดขวางทุกอย่าง!” เจ้าชายเซรีมลุกขึ้นจากเตียง และตั้งท่าจะออกไปจากห้องนอน แต่พี่ชายกระชากแขนเอาไว้เสียก่อน
“เจ้าก็รู้ว่าขัดคำสั่งของเสด็จพ่อไม่ได้ หลักฐานที่มีมันทำให้เมียของเจ้าดิ้นไม่หลุด”
“แต่นางถูกใส่ร้ายนะพ่ะย่ะค่ะ”
“พี่ก็จนปัญญาที่จะช่วย”
คำพูดของพี่ชายทำให้เจ้าชายเซรีมทรุดลงนั่งกับพื้นห้องที่ปูด้วยพรมหนาอย่างหมดแรง ฟีรัสต้องรีบเข้ามาประคองให้ลุกขึ้น และพาไปนั่งบนเตียง
“หม่อมฉัน… ยอมให้นางตายไม่ได้พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
น้ำตาลูกผู้ชายของเจ้าชายเซรีมไหลรินออกมา มันคือน้ำตาหยดแรกตั้งแต่เติบใหญ่
“นี่เจ้ารักนางมากขนาดนี้เลยหรือ เซรีม”
“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรักนางมาก”
องค์รัชทายาทจามีลยกมือขึ้นตบบ่าน้องชายอย่างให้กำลังใจ และพยายามช่วยคิด
MANGA DISCUSSION