“ชายผู้นั้นผูกคอตายกับห้องขังแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท”
จามีลหันไปสบตากับน้องชายด้วยความแคลงใจอย่างที่สุด “แล้วผู้คุมว่ายังไง”
“ผู้คุมบอกว่าชายผู้นั้นกลัวความผิด ก็เลยชิงผูกคอตายพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท”
เซรีมกำมือแน่น ดวงตาลุกเป็นไฟ และก็ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว
“หม่อมฉันคิดว่าไอ้คนร้ายตัวจริงจะต้องเป็นคนฆ่าผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทถอนใจออกมา “ถึงสิ่งที่เจ้าพูดจะเป็นความจริง แต่เราก็ไม่อาจจะพิสูจน์อะไรได้”
“หม่อมฉันจะสอบสวนผู้คุม และนักโทษทุกคนในห้องขัง จะต้องมีสักคนที่เห็นสิ่งผิดปกติ”
“เจ้าสามารถทำได้ แต่สิ่งที่พี่คิดก็คือ… ถ้าเกิดมีคนชักใยอยู่เบื้องหลงจริงๆ เจ้าคิดหรือว่ามันจะปล่อยให้ใครรู้เห็นง่ายๆ”
เจ้าชายเซรีมขบกรามแน่น ความคลั่งแค้นแน่นอก ถ้าเขารู้ว่าเป็นใคร เขาสาบานว่าจะบั่นคอมันให้ขาดเป็นสองท่อนเลยทีเดียว
“ยังไงหม่อมฉันก็จะพยายามพ่ะย่ะค่ะ เพราะหม่อมฉันไม่มีทางยอมให้จัสมินถูกตัดหัวแน่นอน”
องค์รัชทายาทจามีลยกมือขึ้นตบบ่าให้กำลังใจน้องชาย “แต่พี่คิดว่าทางเดียวที่จะทำให้พระสนมของเจ้าพ้นจากโทษตาย ก็คือความจริงจากปากของเจ้าชายฮัสซัน”
“แต่หม่อมฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฮัสซันจะฟื้นนะพ่ะย่ะค่ะ บางทีจัสมินอาจจะถูกตัดคอไปเสียก่อน” แค่คิดว่าความตายจะพรากหล่อนไปจากตัวเอง เซรีมก็หวาดกลัวเหลือเกินแล้ว “หม่อมฉันจะต้องช่วยนางให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
“พี่เอาใจช่วยก็แล้วกัน และหวังว่าเจ้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับพระสนมของตนเองได้ พี่ไปละ”
พี่ชายเดินจากไปแล้ว ในขณะที่เขายังคงยืนเซ่ออยู่ที่เดิม เขาเป็นห่วงหล่อนนัก เป็นห่วงจับหัวใจ
“ฉัน… จะไม่มีวันยอมให้เธอถูกทำร้ายแม้แต่ปลายก้อย จัสมิน…”
“องค์ชายจะเสด็จไปไหนพ่ะย่ะค่ะ”
“เราจะไปคุกหลวง”
“แต่องค์สุลต่านทรงมีพระกระแสรับสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้ที่นั่นนะพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายเซรีมตวัดตามองหน้าองครักษ์คนสนิท “ถ้าผู้หญิงที่เจ้ารักถูกคุมขังอยู่ที่นั่น เจ้าจะยอมกลับไปนอนเล่นที่ตำหนักได้หรือ ฟีรัส”
“เอ่อ… กระหม่อม…”
“เจ้าไม่ต้องตามเราไป เราจะไปคนเดียว”
แล้วเจ้าชายเซรีมก็เดินจากไปด้วยความเร็ว ในใจเต็มไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อภรรยาของตัวเองมากล้น
“เอ่อ… เข้าไม่ได้พ่ะย่ะค่ะเจ้าชายเซรีม” นายทหารที่เฝ้าหน้าคุกหลวงก้าวมาขวางหน้าเอาไว้
“เจ้ากล้าขวางเราหรือ” น้ำเสียงของเจ้าชายเซรีมดุดัน และตวัดตามองนายทหารเขม็ง
นายทหารหน้าคุกหลวงหน้าซีดเผือด หันมองหน้ากับเพื่อนเลิ่กลั่กก่อนจะตัดสินใจหลีกทางให้กับเจ้าชายเซรีม แต่กระนั้นก็เดินตามหลังเข้าไปติดๆ
“องค์สุลต่านทรงมีพระกระแสรับสั่งไม่ให้ผู้ใดย่างกรายเข้ามาที่คุกหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
“เราจะรับผิดชอบเองทุกอย่าง ไขประตูให้เรา” เขาสั่งเมื่อเดินมาถึงคุกที่กักขังมะลิ
มะลิเงยหน้าขึ้นจากหัวเข่าของตัวเอง และเมื่อเห็นว่าเป็นเจ้าชาย เซรีมก็ลุกขึ้นวิ่งมาเกาะกรงขังเอาไว้ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวทะลักไหลออกมามากมาย
“เจ้าชาย… ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ”
“เราสั่งให้เปิดประตูให้เรายังไงล่ะ!”
“แต่ว่า…”
เจ้าชายเซรีมดึงกริชสีทองออกมาจากขอบกางเกง และจี้ไปที่ลำคอของทหารตรงหน้า
“เปิดประตูให้เรา เดี๋ยวนี้!”
ทหารถูกกริชจี้คอจึงไม่กล้าขัดคำสั่ง ไม่ช้า ประตูห้องขังของมะลิก็เปิดกว้างออก เจ้าชายเซรีมลดกริชออกจากลำคอของทหารตรงหน้า และโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อลอดเข้าไปในห้องขัง
“เจ้าชายเซรีม…” มะลิวิ่งเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น ร้องไห้ออกมาอย่างเสียขวัญ
เจ้าชายเซรีมยกมือขึ้นลูบศีรษะของภรรยา ดวงตาเต็มไปด้วยความปวดร้าวไม่ต่างกัน ก่อนจะออกคำสั่ง
“หากพวกเจ้ากลัวว่าเราจะชิงตัวพระสนมหนี ก็ปิดประตูห้องขังซะ”
“เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ” ทหารรีบดึงประตูคุกให้ปิดสนิทลง พร้อมกับล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา
มะลิหน้าซีดเผือด รีบเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยที่มีต่อเจ้าชายผู้เป็นพระสวามี
“พระองค์… จะถูกองค์สุลต่านกริ้วนะเพคะที่ทำแบบนี้”
เจ้าชายเซรีมโน้มศีรษะกวาดมองดวงหน้ามอมแมมของภรรยาด้วยความเสียใจ นิ้วแกร่งยกขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำตาให้ ก่อนจะแนบจุมพิตดูดดื่มลงมาหา มะลิเผยอปากจูบตอบเขาทั้งน้ำตา และเบียดกระแซะร่างกายเข้าหาความอบอุ่นจากเรือนกายทรงพลังมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
จุมพิตดูดดื่มหวานฉ่ำจบสิ้นลง ปากหยักสวยร้อนจัดของเจ้าชายรูปงามขยับชิดปากอิ่มเห่อบวม
“ฉันขอโทษที่ปกป้องเธอไม่ได้ จัสมิน”
คนฟังน้ำตาร่วงกราวลงมาอีก ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิเพคะ หม่อมฉันโชคร้ายเองต่างหาก ไม่เกี่ยวกับพระองค์สักหน่อย”
“แต่ฉันเป็นสามีของเธอ ฉันควรจะปกป้องเธอได้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ต้องมาทนดูเธอลำบากอยู่ในนี้”
ดวงตาสีทองที่เคยเย็นชากับหล่อน ตอนนี้เต็มไปด้วยความอาทรห่วงใย จนหัวใจของหล่อนพองฟู
“แค่พระองค์เสด็จมาเยี่ยมหม่อมฉัน แค่นี้ก็ถือว่าเป็นพระกรุณามากแล้วเพคะ”
“ฉันจะต้องหาไอ้คนผิดมาลงโทษให้ได้”
“ขอบพระทัยนะเพคะที่ทรงเชื่อว่าหม่อมฉันไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา”
“เธอรักฮัสซันยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกเสียอีก แล้วเธอจะทำอย่างนั้นทำไมล่ะ”
มะลิน้ำตาไหลริน ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เพราะอย่างน้อยๆ ก็มีคนคนหนึ่งที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของหล่อน
“ขอบพระทัยมากเพคะ… ฝากดูแลฮัสซันด้วย เพราะหม่อมฉันคงไม่ได้ออกไปจากที่นี่อีก”
เจ้าชายเซรีมกัดฟันแน่น เรือนกายกำยำเกร็งไปทั้งตัวด้วยความคลั่งแค้น
“ฉันจะช่วยเธอออกไปจากที่นี่ให้ได้ ฉันไม่ทางยอมปล่อยให้เธอตายหรอก จัสมิน”
ใบหน้างามชุ่มน้ำตาส่ายไปมา หล่อนไม่ต้องการให้เจ้าชายเซรีมต้องมาชื่อเสียงมัวหมองเพราะผู้หญิงโชคร้ายอย่างตัวเอง
“นี่เป็นพระกระแสรับสั่งจากพระบิดาของพระองค์ ดังนั้นอย่าทรงยุ่งเกี่ยวอีกเลยเพคะ หม่อมฉันไม่ต้องการให้พระองค์ต้องได้รับโทษทัณฑ์ไปด้วยเพคะ”
“ตัวเองจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาห่วงคนอื่นอีกนะจัสมิน”
เขาตำหนิหล่อนอย่างไม่พอใจ ก่อนจะรั้งร่างอรชรอ่อนแรงไปนั่งพิงกำแพงห้องขัง เขาโอบประคองหล่อนเอาไว้ตลอดเวลา
“ฉันยอมรับโทษทุกอย่าง หากมันแลกได้กับชีวิตของเธอ”
“เจ้าชาย… อย่าทรงทำแบบนี้เลยเพคะ ผู้หญิงอย่างหม่อมฉันไร้ค่า ไม่มีราคาอะไรให้พระองค์ทรงทำแบบนั้นเลยเพคะ ปล่อยให้หม่อมฉันหายไปจากชีวิตของพระองค์เถอะเพคะ”
หล่อนร้องไห้ไม่หยุด ก้อนสะอื้นแน่นอก
“ถึงเธอจะไร้ค่ากับคนอื่น แต่ชีวิตเธอมีค่าสำหรับฉัน”
“เจ้าชายเซรีม…”
“และก็ฮัสซัน” เขาพูดต่อออกมาอีก โหนกแก้มสูงมีสีระเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ดังนั้น เธอห้ามตายเด็ดขาด เข้าใจไหม”
หล่อนร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ ซบหน้าลงกับแผงอกกว้าง หยาดน้ำตาไหลเปื้อนชุดหรูของเขาจนชุ่ม ในที่สุดหล่อนก็รู้แล้วละว่าคนที่ปากร้าย ชอบรังแกหล่อนทั้งทางคำพูดและการกระทำอย่างเจ้าชายเซรีม แท้จริงแล้วเขามีน้ำใจกับหล่อนไม่น้อยเลยทีเดียว
“หม่อมฉัน… ขอนอนหลับในอ้อมกอดของพระองค์สักครู่นะเพคะ”
มือใหญ่ที่ตอนนี้อบอุ่นเหลือเกินยกขึ้นลูบศีรษะของหล่อนแผ่วเบา
“ฉันจะอยู่กับเธอในนี้ทั้งคืน”
หล่อนยิ้มทั้งน้ำตา ความโศกเศร้าเสียใจอัดแน่นเต็มอก เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะตายในไม่ช้า และก็ต้องลาจากเจ้าชายเซรีมกับฮัสซัน ผู้ชายสองคนที่หล่อนรักหมดหัวใจไปชั่วกาล
“ขอบพระทัยเพคะ… เจ้าชายเซรีม”
เขานั่งโอบกอด ลูบศีรษะของหล่อนเงียบๆ ในขณะที่หล่อนหลับตาลง และพยายามจดจำความอบอุ่นจากอ้อมแขนของเจ้าชายเซรีมเอาไว้ให้มากที่สุด แต่ไม่นาน นัสรินก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้โลกแห่งความสุขชั่วคราวของหล่อนจางหายไปทันที
“เจ้าชายเซรีม…?!”
นัสรินที่ตั้งใจจะเดินทางมาเยาะเย้ยมะลิตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเจ้าชายรูปงามที่ตัวเองหมายปองมาเนิ่นนานเข้าไปอยู่ในห้องขังเดียวกันกับศัตรูหัวใจ
“พระองค์เข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไงเพคะ”
“เจ้ามาทำไม”
เจ้าชายเซรีมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะเขาสงสัยนัสรินกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย
“หม่อมฉัน… แค่จะมาเยี่ยมเยียนพระสนมน่ะเพคะ”
“ไม่มีความจำเป็น เจ้ากลับออกไปได้แล้ว” เจ้าชายเซรีมเอ่ยขึ้นอย่างไม่รักษาน้ำใจ
“แล้วพระองค์จะไปอยู่ในคุกทำไมเพคะ ร้อนก็ร้อน คันก็คัน เสด็จออกมาเถอะเพคะ”
“เมียเราอยู่ในนี้ แล้วเจ้าคิดว่าเรายังจะมีกะจิตกะใจกลับไปนอนที่ตำหนักได้อีกหรือ”
นัสรินหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยิน เพราะริษยามะลิเหลือเกิน นี่ขนาดมันถูกขังและจะถูกประหารในไม่ช้า แต่เจ้าชายเซรีมก็ยังไม่คลายพิศวาสที่มีต่อมันเลย มันน่าเจ็บใจนัก
“แต่พระองค์ก็ควรจะเตรียมพระทัยเอาไว้นะเพคะ เพราะถึงยังไงซะ พระสนมก็ต้องถูกประหารอยู่ดี”
“หุบปาก!”
“แต่หม่อมฉันพูดเรื่องจริงนะเพคะเจ้าชายเซรีม”
“หึ เจ้าคิดว่าเราจะยอมให้เมียถูกประหารอย่างนั้นหรือ”
นัยน์ตาสีทองของเจ้าชายเซรีมมองนัสรินอย่างเลือดเย็น
“เราจะต้องลากคอไอ้คนร้ายตัวจริงมาตัดคอให้ได้”
ฮุสนาที่ยืนอยู่ด้านหลังของนัสรินสะดุ้งโหยงอย่างมีพิรุธ
“และคงในไม่ช้านี้แหละ”
“แล้วจะทันการเหรอเพคะ เพราะองค์สุลต่านจะสั่งประหารพระสนมในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว หม่อมฉันว่าพระองค์ทำพระทัยเตรียมเอาไว้ดีกว่าเพคะ”
นัสรินยืนยิ้มเยือกเย็นออกมา
“หม่อมฉันทูลลานะเพคะ กลับ ฮุสนา”
ร่างของนัสรินเดินหายจากไปพร้อมกับฮุสนาแล้ว เจ้าชายเซรีมจึงหันไปพูดกับมะลิที่นั่งร้องไห้เงียบๆ อยู่ข้างกาย
“เธอไม่ต้องกลัวนะ ยังไงซะ ฉันก็ไม่มีวันยอมปล่อยให้เธอถูกตัดหัวอย่างแน่นอน”
มะลิเอียงหน้าซบกับแผ่นอกของเจ้าชายเซรีมอีกครั้ง ร้องไห้เงียบๆ เนื้อตัวสาวสั่นเทิ้มไปด้วยความหวาดกลัว
MANGA DISCUSSION