เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับการรอคอย มะลิเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในตำหนัก เพื่อรอการมาเยือนของเจ้าชายเซรีม
“เมื่อไหร่เจ้าชายเซรีมจะมานะชมพูนุช” หล่อนเอ่ยถามคนสนิทอย่างกระวนกระวายใจ
“อีกสักประเดี๋ยวก็คงจะเสด็จมาเพคะพระสนม”
“แต่นี่ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วนะ”
“น่าจะ…”
ชมพูนุชอ้าปากพูดได้แค่นั้น ประตูตำหนักก็เปิดกว้างออก พร้อมกับร่างของเจ้าชายเซรีมที่ปรากฏขึ้น ชมพูนุชปลีกตัวออกไปตามหน้าที่
“เจ้าชาย…”
มะลิรีบถลาเข้าไปหา จับท่อนแขนกำยำเอาไว้และถามออกไปด้วยความร้อนใจ
“เป็นยังไงบ้างเพคะเจ้าชาย”
สีหน้าของเจ้าชายเซรีมไม่สู้ดีนัก ทำให้มะลิที่ใจคอไม่ดีอยู่แล้วยิ่งหวาดวิตกหนักขึ้น
“มีอะไรร้ายแรงเหรอเพคะ”
เจ้าชายเซรีมดึงร่างของมะลิเข้ามาสวมกอด และลอบถอนใจออกมา
“พรุ่งนี้เธอจะถูกเจ้ากรมอาญาสอบสวน”
“เพคะ” หล่อนรับคำเสียงเศร้า
“ตอนนี้พนักงานครัว นางกำนัล และทหาร รวมถึงองครักษ์ ถูกสอบสวนแทบทุกคนแล้ว และมีหลายคนที่ให้ข้อมูล…”
น้ำเสียงของเจ้าชายเซรีมที่ขาดหายไป ทำให้มะลิต้องเงยหน้าขึ้นจากแผงอกช้อนตาขึ้นมองเขา
“มีอะไรเหรอเพคะ”
“มีบางคนให้ข้อมูลที่ส่งผลเสียต่อเธอ”
“ทำ… ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะเพคะ หม่อมฉันไม่มีทางทำแบบนั้นกับฮัสซันได้หรอก”
“ฉันเชื่อเธอ และฉันก็จะพยายามปกป้องเธอด้วยความสามารถทั้งหมดที่ฉันมี เธอไม่ต้องเป็นกังวลนะ เธอจะต้องไม่เป็นอะไร”
หล่อนฟังคำพูดของเจ้าชายฮัสซันแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ราวกับเขารู้อะไรมาบางอย่าง และไม่ยอมพูดออกมา
“พระองค์ตรัสราวกับว่าหม่อมฉันกำลังถูกมองว่าเป็นฆาตกรอย่างนั้นแหละเพคะ”
เจ้าชายเซรีมไม่เคยหลบสายตาของหล่อนมาก่อน แต่ครั้งนี้เขาทำแบบนั้น และก็ยิ่งทำให้หล่อนใจคอไม่ดี
“นัสรินเป็นพยานว่ามีแค่เธอคนเดียวที่อยู่กับฮัสซันตอนนั้น”
“นัสริน…?”
“ใช่ และอาหารทุกจานก็ผ่านการตรวจยาพิษเป็นอย่างดีก่อนจะถูกส่งมาให้ฮัสซัน ดังนั้น เสด็จพ่อจึงมั่นใจว่ายาพิษจะต้องถูกใส่ตอนที่อาหารมาอยู่ในกระโจมของฮัสซันแล้ว ซึ่งเธอคือคนเดียวที่อยู่กับฮัสซันตอนนั้น”
มะลิแทบล้มทั้งยืนกับสิ่งที่ได้ยิน ดวงหน้างามส่ายไปมา น้ำตาทะลักไม่หยุด
“หม่อมฉัน… ไม่ได้ทำนะเพคะ… หม่อมฉันไม่ได้ทำ…”
เจ้าชายเซรีมเข้ามาประคองร่างเล็กที่สั่นเทิ้มเอาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เธอถึงขนาดแบล็กเมลให้ฉันแต่งงานด้วย เพียงเพราะต้องการอยู่ในซาเรียกับฮัสซัน ฉันมองไม่ออกว่าเธอจะใจร้ายฆ่าเขาได้ยังไงกัน”
“หม่อมฉันรักฮัสซันนะเพคะ รักมาก เพราะเลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิด ดังนั้น หม่อมฉันไม่มีทางทำร้ายฮัสซันได้”
“ฉันเชื่อเธอเสมอ แต่คนอื่นไม่เชื่อเธอ เพราะหลักฐานจากพยานในที่เกิดเหตุล้วนแต่ส่งผลร้ายต่อเธอทั้งนั้น”
“พวกนั้นใส่ร้ายหม่อมฉันทำไมเพคะ…”
“ฉันไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าถ้าเธอไม่สามารถหาหลักฐานมาหักล้างได้ เธอจะต้องโทษ”
หล่อนน้ำตาร่วงไม่หยุด ไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวว่าจะไม่ได้มีโอกาสได้เลี้ยงดูฮัสซันอีก
“ฮุสนาเป็นพยานให้กับหม่อมฉันได้เพคะ”
คิ้วคมเข้มของเจ้าชายเซรีมเลิกสูง “ทำไมเธอถึงคิดว่าฮุสนาจะเป็นพยานให้เธอได้ล่ะ”
“พระองค์จำตอนที่เจอหม่อมฉันได้ไหมเพคะ แล้วเราก็เดินกลับกระโจมมาด้วยกัน”
ศีรษะทุยสวยของเจ้าชายเซรีมผงกเล็กน้อย “จำได้ แล้วทำไมเธอไปอยู่ตรงนั้นล่ะ”
“คือตอนที่หม่อมฉันกำลังรับประทานอาหารค่ำอยู่กับฮัสซัน ฮุสนาก็เข้ามาเพคะ”
“จริงหรือ แล้วทำตอนที่ฮุสนาถูกสอบสวนถึงไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยล่ะ” เจ้าชายเซรีมเต็มไปด้วยความแปลกใจ ในขณะที่มะลิเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“หม่อมฉันไม่ได้กราบทูลความเท็จนะเพคะ ฮุสนามาหาหม่อมฉันจริงๆ แล้วบอกว่าคุณนัสรินปวดหัวมาก และไม่ยอมกินยา ให้หม่อมฉันไปช่วยดู แต่พอหม่อมฉันไปถึงก็ไม่พบคุณนัสรินเลยเพคะ หม่อมฉันก็เลยเดินกลับมา แล้วก็เจอพระองค์บนหลังม้านั่นแหละ”
“ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ นัสรินก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน”
“หม่อมฉันคิดว่าคนร้ายจะต้องเป็นคนในแน่ๆ เพคะ และก็จงใจจะฆ่าฮัสซันและป้ายความผิดให้หม่อมฉัน”
มะลิเริ่มตาสว่าง และก็คิดว่านัสรินจะต้องมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“หม่อมฉันจะไปถามคุณนัสรินให้รู้ความเพคะ”
“อย่าเลย ยิ่งเธอไปอาละวาดกับนัสริน เธอก็จะยิ่งถูกเสด็จพ่อมองว่าไม่ดี”
“แล้วหม่อมฉันควรทำยังไงเพคะ” สีหน้าของมะลิเต็มไปด้วยความหนักใจ
“เธอไม่ต้องกลัว ฉันจะพยายามหาหลักฐานมาช่วยเธอให้ได้ แต่มันน่าเสียดายที่วันนั้นองครักษ์ของฉัน และชมพูนุชไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะไม่ตกที่นั่งลำบากแบบนี้”
“คงเป็นคราวเคราะห์ของหม่อมฉันเพคะ” หล่อนน้ำตาไหลออกมาอีก
เจ้าชายเซรีมดึงร่างสั่นเทาเข้ามาสวมกอดอีกครั้ง
“ใจเย็นๆ นะ แล้วพรุ่งนี้ตอนถูกเรียกไปสอบสวน ก็ตั้งสติให้ดี พูดความจริงออกมาให้หมด”
“เพคะ…”
“งั้นเธอพักผ่อนเถอะ” เขาประคองหล่อนไปยังเตียงนอน ห่มผ้าให้อย่างอ่อนโยนและทำท่าจะผละไป หล่อนจึงคว้าแขนเขาเอาไว้
“พระองค์จะเสด็จไหนเพคะ”
“ฉันมีเรื่องที่จะต้องจัดการอีกหลายเรื่อง เธอพักเถอะ”
“แต่…”
“มันจะไม่มีอะไร เชื่อฉัน”
เขาก้มลงจูบหน้าผากของหล่อนแผ่วเบา ก่อนจะเดินออกไปจากตำหนักของหล่อน
น้ำตาของมะลิไหลรินออกมาเป็นทางซ้ำแล้วซ้ำเล่า และก็อดที่จะโกรธโชคชะตาไม่ได้ เพราะแค่ฮัสซันถูกลอบวางยาพิษจนอาการเป็นตายเท่ากันแบบนี้ หล่อนก็แทบขาดใจตายอยู่แล้ว นี่ยังจะให้หล่อนถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรอีก
หญิงสาวสะอื้นไห้ และกว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็นานหลายสิบนาทีเลยทีเดียว
“ท่านพ่อ เป็นยังไงบ้างเจ้าคะ” นัสรินรีบเดินตรงดิ่งเข้าไปหาบิดาทันที เมื่อเห็นท่านกลับเข้ามาในเรือนพัก
“ยังสอบสวนไม่เสร็จน่ะ” อำมาตย์ฮานีฟทรุดตัวลงนั่ง โดยมีลูกสาวคนเล็กนั่งใกล้ๆ
“แล้วจับคนร้ายหรือยังเจ้าคะท่านพ่อ”
“ยังไม่ได้ แต่มีบุคคลต้องสงสัยแล้วละ”
“พระสนมใช่ไหมเจ้าคะ”
อำมาตย์ฮานีฟพยักหน้ารับ “ใช่ แต่เจ้าอย่าเพิ่งดีใจไปนัสริน เพราะเจ้าชายเซรีมทรงปกป้องพระสนมอย่างเต็มที่เลยทีเดียว”
“ถึงจะปกป้องมากแค่ไหน แต่ถ้าหลักฐานมัดตัวแน่น ใครก็ช่วยให้พระสนมพ้นโทษตายไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
“นี่คงไม่ใช่ฝีมือเจ้านะ นัสริน”
อำมาตย์ฮานีฟรู้ดีว่ามะลิคือศัตรูหัวใจของนัสริน แต่ก็ไม่เคยคิดว่านัสรินจะกล้าฆ่าคน
“ไม่ใช่สักหน่อยเจ้าค่ะ ลูกไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย”
“ก็ดีแล้ว เพราะถ้าเจ้าเกี่ยวข้องด้วย หัวขาดกันทั้งโคตรแน่นอน”
หน้าของนัสรินซีดเผือด แต่ก็ยังซีดไม่เท่ากับใบหน้าของฮุสนา “แหม หัวคงหัวขาดอะไรกันท่านพ่อ ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ไม่เชื่อถามฮุสนาดูสิท่านพ่อ”
“จริงเจ้าค่ะ”
ฮุสนาตอบเสียงสั่น ก้มหน้าที่มีรอยฝ่ามือของนัสรินลงมองพื้น และสาเหตุที่หล่อนถูกตบจากนัสรินก็เพราะว่าหล่อนใส่ยาพิษลงไปในอาหารของเจ้าชายฮัสซันน้อยเกินไปนั่นเอง
“แล้วใครกันนะที่บังอาจก่อการใหญ่แบบนี้” อำมาตย์ฮานีฟครุ่นคิด
“ก็พระสนมนั่นแหละท่านพ่อ”
“จะเป็นไปได้ยังไงนัสริน ในเมื่อพระสนมทรงเลี้ยงดูเจ้าชายฮัสซันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แถมยังทรงเอ็นดูมากมายขนาดนั้นน่ะ”
นัสรินยิ้มเยาะร้ายกาจ แววตาเต็มไปด้วยความริษยา “ถึงพระสนมจะไม่ได้ทำ แต่ตอนนี้คำให้การของหลายคนก็พุ่งเป้าไปที่พระสนมพระองค์เดียว และทางเดียวที่พระสนมจะรอดพ้นจากการบั่นคอ ก็คือเจ้าชายฮัสซันฟื้นขึ้นมา และบอกว่าใครเป็นคนวางยาพิษพระองค์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางมีวันนั้นเจ้าค่ะท่านพ่อ”
“ทำไมเจ้ามั่นใจนักล่ะ นัสริน” อำมาตย์ฮานีฟเอ่ยถามบุตรสาวคนเล็กด้วยความแคลงใจ
นัสรินไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน “ลูกมีเรื่องของพี่มัสรานีมาบอกท่านพ่อเจ้าค่ะ”
“อย่าบอกนะว่าพี่สาวของเจ้านัดพบกับไอ้องครักษ์ฟีรัสอีกแล้วน่ะ”
“ใช่เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
อำมาตย์ฮานีฟเอากำปั้นทุบโต๊ะแรงๆ จนเสียงดังลั่น ก่อนจะคำรามออกมาด้วยความโกรธจัด
“สั่งสอนไม่เคยจำ ไม่รู้ว่ามันไปเอาความคิดต่ำๆ แบบนี้มาจากไหนกัน นังลูกชั่ว”
นัสรินยิ้มอย่างสะใจ “ท่านพ่อจะต้องเฆี่ยนพี่มัสรานี และกักบริเวณนะเจ้าคะ เพราะไม่อย่างนั้น พี่มัสรานีคงจะลอบออกไปหาไอ้องครักษ์ชั้นต่ำคนนั้นอีก แล้วถ้าเรื่องนี้ทราบถึงพระเนตรพระกรรณขององค์รัชทายาทละก็ มีหวังพี่มัสรานีถูกเขี่ยออกจากตัวเต็งพระชายาอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“แน่อยู่แล้ว พ่อจะเฆี่ยนนังลูกไม่รักดีให้หลังขาดเลยทีเดียว”
“งั้นฉันไปหยิบแส้มาให้ท่านพ่อนะเจ้าคะ” นัสรินหัวเราะเบาๆ ในอกอย่างสะใจ
“ไปหยิบมาหลายๆ อันเลย”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
อำมาตย์ฮานีฟนั่งกัดฟันกรอด และเฝ้ารอการกลับมาของลูกสาวคนโตด้วยความเดือดดาล
MANGA DISCUSSION