ชมพูนุชพยุงร่างของมะลิเดินตรงไปยังกระโจมของเจ้าชายฮัสซัน แต่ระหว่างทางก็สวนกับนัสรินและฮุสนาเสียก่อน ซึ่งทั้งสองคนเดินออกมาจากกระโจมของฮัสซันนั่นเอง
“พระพักตร์ซีดมากนะเพคะ พระสนม”
นัสรินยิ้มเยาะ ในขณะที่ฮุสนาก้มหน้าหลบสายตา
“เธอมาทำอะไรที่กระโจมของฮัสซัน”
มะลิเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่นัสรินไหวไหล่ และตอบเสียงเริงร่า
“ก็หม่อมฉันได้ข่าวมาว่า เจ้าชายฮัสซันถูกลอบวางยาพิษ ก็เลยมาดูนะเพคะ”
มะลิมองสตรีตรงหน้าด้วยความแคลงใจ ก่อนจะตวัดตามองฮุสนาเมื่อนึกขึ้นได้
“ไหนคนของเธอบอกว่าเธอปวดหัวมากยังไงล่ะ แล้วทำไมตอนนี้ไม่เห็นมีอาการอะไรเลย”
“ก็เพราะหม่อมฉันหายปวดหัวแล้วไงเพคะ”
“แล้วเธอไปไหน ตอนที่คนของเธอให้ฉันไปที่กระโจม”
นัสรินไหวไหล่น้อยๆ และยอกย้อนด้วยความสะใจ “หม่อมฉันว่าแทนที่พระสนมจะมาซักไซ้หาความจากหม่อมฉัน พระสนมน่าจะไปตระเตรียมพระองค์เอาไว้ตอนที่จะทรงถูกเรียกสอบสวนดีกว่านะเพคะ”
“สอบสวน? ทำไมฉันจะต้องถูกสอบสวนด้วย”
นัสรินยิ้มเยาะอีกครั้ง “ก็เพราะพระสนมคือคนเดียวที่อยู่กับเจ้าชายฮัสซันตอนเสวยพระกระยาหารค่ำน่ะเพคะ”
“นี่เธอ… คิดว่าฉันวางยาพิษฮัสซันอย่างนั้นเหรอ!” มะลิไม่เคยทั้งโกรธทั้งเกลียดใครเท่านัสรินมาก่อนเลย
“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ เพราะหม่อมฉันไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ทูลลานะเพคะ พระสนม”
แล้วนัสรินก็เดินลอยหน้าลอยตาจากไปพร้อมกับคนสนิทของตนเอง ในขณะที่มะลิที่น้ำตายังไม่แห้งไปจากแก้มรู้สึกมึนงงกับสิ่งที่คู่สนทนาทิ้งท้ายเอาไว้ยิ่งนัก
“เธอรู้ไหมว่านัสรินหมายความว่าอะไร ชมพูนุช”
“เอ่อ…”
“ตอบมาเถอะ ฉันอยากรู้จริงๆ”
“คือว่า… คุณนัสรินต้องการบอกว่าพระสนมเป็นคนเดียวที่อยู่กับเจ้าชายฮัสซันเพคะ แล้วก็เป็นคนที่น่าสงสัยว่าจะวางยาพิษเจ้าชายฮัสซันมากที่สุด”
“ฮะ?!” มะลิแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยิน “ฉันเนี่ยนะจะวางยาพิษฮัสซัน ฉันรักเขามาก รักยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก แล้วฉันจะทำไปทำไม”
“หม่อมฉันเชื่อพระสนมเพคะ แต่… เหตุการณ์แบบนี้เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว พระสนมอาจจะต้องถูกเรียกไปสอบสวนเพคะ” สุ้มเสียงของชมพูนุชเต็มไปด้วยความเป็นกังวล
มะลิน้ำตาร่วงลงมาอีก หล่อนเสียใจเรื่องที่ฮัสซันถูกลอบวางยาพิษจนอาการสาหัสยังไม่พอหรือไง นี่ยังจะต้องถูกสงสัยว่าเป็นผู้วางยาพิษเสียเองอีก
เมื่อกลับมาถึงพระราชวังซาเรีย หล่อนก็ถูกกักบริเวณเอาไว้ให้อยู่แต่ภายในตำหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเป็นคำสั่งจากกษัตริย์ของซาเรียนั่นเอง
หล่อนร้อนใจมากเพราะเป็นห่วงฮัสซันจึงลอบหนีออกจากตำหนักส่วนตัว และมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลหลวงโดยที่ไม่ให้ใครรู้แม้แต่ชมพูนุชเองก็ไม่รู้เช่นกัน
“ฮัสซัน… รอน้าอีกเดี๋ยวนะ น้ากำลังจะไปหา”
เพราะความเป็นห่วงแทบขาดใจทำให้มะลิไม่คิดถึงผลที่จะตามมาจากการขัดคำสั่งของกษัตริย์ซาเรียแม้แต่น้อย หล่อนเร่งฝีเท้าไปยังเป้าหมาย ชุดนางกำนัลที่สวมใส่ทำให้ไม่มีทหารยามสนใจหล่อนมากนัก
ไม่ช้า หล่อนก็มาถึงโรงพยาบาลหลวง และเข้าไปได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ความกว้างใหญ่ของโรงพยาบาลที่มีไว้เพื่อราชนิกูลของราชวงศ์ซาเรียช่างมากมายนัก ทำให้หล่อนหลงทาง!
หล่อนหันซ้ายแลขวา ในใจร้อนรุ่มราวกับมีกองไฟสุมอยู่ น้ำตาไหลรินตลอดเวลาด้วยความเป็นห่วงฮัสซัน
“เธอมาทำอะไรตรงนี้ จัสมิน”
น้ำเสียงกระด้าง แต่คุ้นหูทำให้หล่อนหันไปมอง ก่อนจะยิ้มกว้างทั้งน้ำตา เมื่อเห็นว่าเป็นเจ้าชายเซรีม หล่อนรีบวิ่งโผเข้าไปกอดร่างกำยำสูงสง่าเอาไว้อย่างดีใจ และละล่ำละลักถามน้ำเสียงสั่นเครือ
“เจ้าชายเพคะ… ฮัสซัน… เป็นยังไงบ้างเพคะ”
เขาไม่ได้ตอบหล่อนในทันที แต่หันไปพยักหน้าให้กับองครักษ์ส่วนตัว ไม่นานองครักษ์สองคนนั้นก็เดินจากไป และเขาก็หันมาจ้องหน้าหล่อน
“ฉันจะพาเธอไปเยี่ยมฮัสซัน”
หล่อนฉีกยิ้มทั้งน้ำ ไม่เคยคิดว่าเจ้าชายเซรีมจอมเถื่อนจะกลายรร่างเป็นเทพบุตรใจดีได้แบบนี้
“ขอบพระทัยเพคะ… ขอบพระทัยที่สุดเพคะ…”
สีหน้าของเจ้าชายเซรีมเคร่งเครียด ขณะพาหล่อนเดินเข้าลิฟต์ และไม่นานก็มาถึงหน้าห้องพักฟื้นของฮัสซัน ประตูถูกทหารยามเปิดกว้างออก และเขาก็พาหล่อนเข้าไปด้านใน
ร่างของฮัสซันนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงกว้าง หล่อนถลาเข้าไปเกาะขอบเตียง และยกมือขึ้นลูบใบหน้าของเด็กน้อยด้วยความห่วงใย เจ้าชายเซรีมมองภาพนั้นนิ่ง
“ฮัสซัน… หลานน้า… เจ็บมากไหมลูก…”
เจ้าชายเซรีมเดินมาหยุดใกล้ๆ และเอ่ยขึ้น “ฮัสซันไม่ตาย แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่”
“ทำไมทรงตรัสแบบนั้นล่ะเพคะ ในเมื่อ… ฮัสซันไม่ตาย ก็ต้องฟื้นสิ เพคะ” หล่อนหันมาถามเขาทั้งน้ำตา ความเสียใจระเบิดขึ้นในอกจนแทบจะกระอัก
“ยาพิษเข้าไปทำลายสมองบางส่วน”
สิ่งที่ได้ยินยิ่งทำให้มะลิร้องไห้ไม่หยุด “ฮัสซันทำไมโชคร้ายแบบนี้ ความจริงคนที่ต้องมานอนตรงนี้ สมควรจะเป็นน้ามากกว่า ฮัสซัน… หนูต้องฟื้นขึ้นมานะ” ภาพรอยยิ้มกว้างจนตาหยี เสียงหัวเราะยามที่วิ่งไล่จับผีเสื้อ และอ้อมกอดที่มักจะมอบให้กับหล่อนเสมอยามที่เจอหน้า ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว
“ฮัสซัน… หนูต้องตื่นนะ… น้าขอร้องละ” หล่อนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ซบหน้าร้องไห้กับมือเล็กของฮัสซัน หัวใจของหล่อนปวดร้าวเหลือเกิน
เจ้าชายเซรีมเดินมาหยุดข้างๆ และวางมือบนไหล่บอบบาง พูดให้กำลังใจ
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ จัสมิน แต่เธอต้องเข้มแข็งเอาไว้ เพราะสิ่งที่กำลังจะตามมาหลังจากฮัสซันถูกลอบวางยาพิษก็คือการสอบสวน”
หล่อนเงยหน้าเปื้อนคราบน้ำตาขึ้นมองคนตัวโต “หม่อมฉันไม่ได้ทำนะเพคะ… ไม่มีทางที่หม่อมฉันจะทำร้ายฮัสซันได้ หม่อมฉันรักฮัสซัน” หล่อนสะอึกสะอื้น
“ฉันเชื่อเธอ แต่เธอก็ต้องทำให้คนอื่นเชื่อด้วย โดยเฉพาะเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของฉัน”
หล่อนไม่เคยได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกวิตกกังวลแบบนี้ของเจ้าชายเซรีมก่อนเลย
“พระองค์จะทรงตรัสว่า… หม่อมฉันจะต้องถูกสอบสวนเหรอเพคะ”
เขาพยักหน้าน้อยๆ แววตามีความไม่สบายใจชัดเจน “เธอจะต้องถูกสอบสวน ไม่ต่างจากพนักงานในโรงครัว นางกำนัล องครักษ์ และทุกคนที่อยู่ที่นั่นในวันเกิดเหตุ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือการลอบปลงพระชนน์เชื้อพระวงศ์เลยทีเดียว”
หล่อนเข้าใจดี เข้าใจความหมายของเขาดี “หม่อมฉันยินดีจะถูกสอบสวนเพคะ เพราะหม่อมฉันมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง”
เจ้าชายเซรีมระบายยิ้มบางๆ ออกมา แต่กระนั้นก็ยังคงมีความเครียดในดวงตาของเขา
“ฉันเชื่อใจเธอ จัสมิน”
หล่อนช้อนตามองเจ้าชายเซรีมด้วยความซาบซึ้งใจ เพราะถึงเขาจะร้ายกาจ เอาแต่ใจ และเซ็กซ์จัดแค่ไหน แต่ยามที่หล่อนประสบปัญหาร้ายกาจ เขาก็ไม่ได้เพิกเฉยเลย
“ขอบพระทัยเพคะ…”
หล่อนลุกขึ้นยืน และสวมกอดร่างทรงพลังของเจ้าชายรูปงามเอาไว้แน่น ร้องไห้เบาๆ กับแผงอกของเขาจนชุดหรูที่เซรีมสวมใส่อยู่เปียกชื้นคราบน้ำตา
“มันจะผ่านไปได้ด้วยดี เชื่อฉัน”
“เพคะ… หม่อมฉันเชื่อพระองค์เพคะ”
ประตูถูกดันให้เปิดเข้ามา พร้อมๆ กับทหารวังประจำตำหนักของบิดาเดินเข้ามา
“พวกเจ้าเข้ามาทำไม”
ทหารวังโค้งคำนับให้กับเจ้าชายเซรีม ก่อนจะตอบ “พวกกระหม่อมมาพาตัวพระสนมกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”
“บังอาจ” เจ้าชายเซรีมตวาดใส่อย่างโมโห และก็รับรู้ได้ถึงเนื้อตัวสั่นเทาของภรรยาที่ยืนอิงแอบอยู่ข้างกาย
“กระหม่อมได้รับพระกระแสรับสั่งมาจากองค์สุลต่านพ่ะย่ะค่ะ”
กรามแกร่งของเจ้าชายเซรีมขบกันแน่น “พวกเจ้าไปกราบทูลเสด็จพ่อว่าเราจะพาเมียเรากลับตำหนักเอง”
“แต่ว่า…”
“หรือว่าพวกเจ้าจะขัดคำสั่งของเรา ฮึ”
ทหารวังมองหน้ากัน ก่อนจะล่าถอยออกไป เจ้าชายเซรีมกระแทกลมออกจากปากหยักสวยแรงๆ ก่อนจะหันมาถามคนที่หน้าซีดอยู่ข้างกาย
“นี่เธอถูกกักบริเวณหรือ จัสมิน”
“เพคะ…”
กรามแกร่งที่มีไรหนวดขึ้นมากกว่าทุกวันขบกันแน่น ก่อนที่เขาจะจูงมือของหล่อนมุ่งหน้ากลับตำหนัก แต่ระหว่างทางก็สวนกับอำมาตย์ฮานีฟบิดาของนัสรินเสียก่อน
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายเซรีม พระสนม”
“ท่านจะรีบร้อนไปไหนอำมาตย์ฮานีฟ”
“องค์สุลต่านมีพระกระแสรับสั่งให้หม่อมฉันเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องลอบปลงพระชนน์เจ้าชายฮัสซันใช่หรือไม่”
“ใช่ พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่ออำมาตย์ฮานีฟตอบออกมา เจ้าชายเซรีมจึงต้องยกเลิกการไปส่งมะลิที่ตำหนัก
“งั้นเราจะไปพร้อมกับเจ้าด้วย” เจ้าชายเซรีมหันไปหามะลิ “เธอกลับไปรอฉันที่ตำหนัก เสร็จธุระแล้วฉันจะรีบไปหา”
ตอนนี้ภายในราชวังนี้ช่างน่ากลัวนักยามที่ข้างกายของหล่อนไม่มีเจ้าชายเซรีมเคียงข้าง แต่หล่อนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้าตอบรับออกไป
“เพคะ”
เจ้าชายเซรีมสั่งให้ทหารยามไปส่งหล่อนยังตำหนัก ก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าอำมาตย์ฮานีฟจากไป แต่ก่อนที่อำมาตย์ฮานีฟจะเดินจากไป หล่อนสบประสานสายตากับชายสูงวัยเข้าโดยบังเอิญ และถ้าหล่อนไม่ได้อคติเกินไป สายตาของชายสูงวัยไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย มันทำให้หล่อนใจคอไม่สู้ดี
MANGA DISCUSSION