นัสรินยืนกำหมัดแน่น เมื่อถูกทหารกันเอาไว้ไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปในเขตโอเอซิส หล่อนพอจะจินตนาการได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น เมื่อทหารยามบอกว่าเจ้าชายเซรีมอยู่กับมะลิ
หล่อนเต็มไปด้วยความริษยา หมุนตัวเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปยังกระโจมพักของตัวเอง ความหงุดหงิดแผ่ซ่านไปตามกระแสโลหิต หล่อนเกลียดนังนั่น นังผู้หญิงต่างเมืองที่มาชุบมือเปิบฉกเจ้าชายเซรีม บุรุษที่หล่อนหมายตาเอาไว้ไปหน้าตาเฉย แม้ว่าเจ้าชายเซรีมจะพยายามทำเย็นชาใส่นังนั่น แต่สายตาของพระองค์ที่ทอดมองมัน ทำให้หล่อนรู้ทันทีว่าพระองค์ลุ่มหลงมันมากแค่ไหน
“ฉันจะต้องกำจัดแกไปให้พ้นซาเรียโดยเร็วที่สุด นังแพศยา”
หล่อนอุตส่าห์ขอติดตามมาพักกลางทะเลทรายด้วยเพราะต้องการสร้างความร้าวฉานให้กับคนทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะยากที่จะสร้างความเข้าใจผิดให้กับทั้งสองคนนั้น
แล้วหล่อนจะทำยังไงดีล่ะ?
“คิด นัสริน… คิดสิ…”
หล่อนเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในกระโจม พยายามคิดแผนการชั่วร้ายจนหน้าตาบูดเบี้ยว
“คิดออกแล้ว…” นิ้วเรียวของนัสรินดีดจนเกิดเสียงดัง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายเกิดขึ้นบนใบหน้าหวานนั้นมากมาย “แกไม่รอดเงื้อมมือฉันแน่ นังมะลิ”
หลังจากกล่อมเจ้าชายฮัสซันเข้านอนเรียบร้อยแล้ว มะลิก็จำต้องกลับไปยังกระโจมของตัวเองตามคำสั่งเผด็จการของเจ้าชายทะเลทรายรูปงามอย่างเซรีม
เหตุการณ์ในแอ่งน้ำยังคงร้อนฉ่าอยู่ในความทรงจำ หล่อนกรีดร้องด้วยความสุขสมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกับความเป็นชายของเจ้าชายหนุ่มจอมหื่น
หล่อนมีความสุข และก็สุขมากจนกลัวว่าสักวันหนึ่งยามที่ต้องจากไป จะไม่อาจมีชีวิตอยู่กับความเดียวดายนั้นได้
ใบหน้างามเศร้าหมองลง และก็บอกให้ตัวเองตัดใจจากผู้ชายสูงส่งอย่างเซรีมได้แล้ว แค่ได้มีโอกาสนอนอยู่ได้ร่างทรงพลังของเขาในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
มะลิฝืนยิ้มออกมา เมื่อเดินมาถึงกระโจม และพบว่าชมพูนุชยืนรออยู่หน้ากระโจม
“เจ้าชายเซรีมทรงมีรับสั่งให้พระสนมเสด็จไปหาที่ลานทรายหน้าโอเอซิสเพคะ”
“ทำไมล่ะ”
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะพระสนม”
หล่อนไม่มีทางเลือกอีกแล้ว นอกจากเดินตามร่างนางกำนัลส่วนตัวไปยังจุดหมายปลายทาง เมื่อไปถึงก็พบว่าเจ้าชายเซรีมกำลังทอดกายนอนอยู่บนพรมผืนใหญ่ท่ามกลางความสลัว
“พระสนมเสด็จมาแล้วเพคะ” ชมพูนุชย่อตัวถวายความเคารพก่อนจะรายงานขึ้น
“เจ้าไปได้แล้ว และสั่งทหารยามด้วยว่าห้ามให้ใครเข้ามาใกล้แถวนี้เด็ดขาด”
“เพคะ เจ้าชายเซรีม”
ชมพูนุชย่อตัวทำความเคารพอีกครั้งก่อนจะเดินหายไปในที่สุด มะลิยืนตัวสั่น และไม่ยอมก้าวเข้าไปในพรม
“ยืนอยู่ทำไมล่ะ มานอนดูดาวด้วยกันนี่”
“หม่อมฉันไม่ชอบ… ดูดาวเพคะ”
“งั้นเธอก็ดูฉันไปแทนก็ได้นี่”
แล้วเขาก็ยืดตัวนั่งตรง พร้อมกับกระชากแขนเรียวแรงๆ จนเจ้าของร่างถลาเข้าไปซบแนบอกกว้าง ชายหนุ่มหัวเราะหึหึด้วยความพึงพอใจ กอดร่างอวบอัดเอาไว้แน่น
“เธอตัวหอมมากเลยนะ ฉันชอบ…”
“อื้อ… อย่าเพคะ… ไหนว่าจะดูดาวไงเพคะ”
หล่อนร้องแย้งทันที เมื่อเจ้าชายตัวโตพลิกร่างของหล่อนให้นอนราบลงกับพรม และตัวเองก็ทาบทับเอาไว้
“ก็เธอบอกไม่ชอบดูดาวนี่นา ฉันก็จะให้เธอดูฉันยังไงล่ะ”
มือเล็กดันแผงอกกว้างกำยำเอาไว้แน่น เสื้อผ้าเนื้อนุ่มเบาสบายที่เจ้าชายเซรีมสวมใส่อยู่ในขณะนี้ไม่อาจจะซ่อนเร้นความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อแน่นๆ เอาไว้ได้เลย
หล่อนหน้าแดงก่ำ ร้อนฉ่าไปทั้งตัว ที่ซอกขาก็มีความรู้สึกเปียกชุ่มจนน่าอับอาย
“หม่อมฉัน… ชอบดูดาวเพคะ”
เขาหัวเราะร่วน และเอียงคอมองหล่อน “เธอเป็นคนกลับกลอกหรือนี่”
“เปล่านะเพคะ… หม่อมฉันแค่เห็น… เอ่อ ดวงดาวสวยดีนะเพคะ ก็เลยอยากดูขึ้นมา…”
เขาจ้องมองหล่อนอยู่สักพักก็จูบปากอิ่มดุดัน จูบจนพอใจแล้วนั่นแหละจึงกลิ้งตัวลงไปนอนข้างๆ แต่ก็ยังกอดร่างอวบของหล่อนเอาไว้ตลอดเวลา
“ฉันชอบดูดาว”
เขาพูดขึ้น ขณะใบหน้าและดวงตาคมกริบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าตลอดเวลา
มะลิเอียงหน้ามองเขา เสี้ยวหน้าคมสันในความมืดสลัวยังสามารถทำให้หล่อนใจสั่นได้เหมือนเดิม
“ไม่น่าเชื่อว่าพระองค์จะทรงมีมุมโรแมนติกแบบนี้ด้วยนะเพคะ”
“ก็ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนคนทั่วๆ ไปนั่นแหละ ไม่ได้วิเศษ วิโสกว่าใครเลย”
“แต่พระองค์ทรงมีเลือดสีน้ำเงิน”
เขาละสายตามามองหน้าหล่อน ก่อนจะระบายยิ้ม รอยยิ้มของเขาทำให้หล่อนหัวใจเอียงกระเท่เร่เลยทีเดียว
“ไปเอาคำนี้มาจากไหนเนี่ย”
“ก็… หม่อมฉันเคยอ่านเจอในนิยายเพคะ ถ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อกษัตริย์ จะเรียกว่าเลือดสีน้ำเงิน”
เขาอมยิ้ม และเอียงหน้ามาจูบแก้มนวลฟอดใหญ่ “งั้นตอนนี้เธอก็มีเลือดสีน้ำเงินเหมือนกัน”
“ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันเป็นคนธรรมดา ไม่ได้มีเชื้อกษัตริย์สักกะนิดเดียวเพคะ”
“แต่เธอเป็นพระสนมของฉันแล้วนี่”
“เอ่อ… มันก็แค่ชั่วคราวนี่เพคะ อีกไม่นานพอหม่อมฉันได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ หม่อมฉันก็จะหย่าให้พระองค์เพคะ อุ๊ยยย…”
หล่อนอุทานตกใจ เมื่อจู่ๆ คนตัวโตข้างกายก็พลิกตัวขึ้นมาทาบทับเอาไว้อีกครั้ง
“เรามาฮันนีมูนกัน ห้ามพูดถึงเรื่องหย่า เข้าใจไหม”
“แต่มันเป็นเรื่องจริงนี่เพคะ แล้วที่สำคัญหม่อมฉันก็เป็นคนแบล็ก เมลให้พระองค์ทรงรับหม่อมฉันเป็นพระสนม โดยที่พระองค์ไม่ได้เต็มใจสักนิดเดียว” หล่อนพูดความจริงออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าหมองระคนละอายใจ
“ใช่ เธอแบล็กเมลให้ฉันรับเธอมาเป็นภรรยา แต่ฉันก็ได้สิ่งตอบแทนอย่างคุ้มค่าจากเธอมาแล้ว ดังนั้น เราหายกัน”
หล่อนเสหลบสายตาคนของตัวเอง “หม่อมฉัน… ไม่มีค่าอะไรอย่างนั้นหรอกเพคะ”
“เธอมีค่ามากจนฉันคาดไม่ถึงต่างหากล่ะ”
“พระองค์… หมายถึงอะไรเพคะ”
มือใหญ่ที่ลูบไล้ต้นแขนกลมกลึงเมื่อครู่นี้สอดเข้ามาใต้ชายเสื้อของหล่อน และเลื่อนขึ้นมาโอบประคองเต้านมอวบเอาไว้
“อ๊ะ… อย่า… เพคะ…”
เขาไม่สนใจอาการสั่นเทิ้มของหล่อน ยังคงพูดต่อ “ฉันก็หมายถึงพรหมจรรย์ของเธอยังไงล่ะ”
หล่อนหน้าแดงก่ำ และเสหลบสายตาคมกริบด้วยความเอียงอาย “อย่าทรง… ตรัสถึงมันเลยเพคะ”
“ทำไมล่ะ”
“หม่อมฉัน… อายเพคะ”
เจ้าชายหนุ่มหัวเราะหึหึด้วยความพึงพอใจ ก้มลงจูบแก้มนวลอย่างอ่อนโยน
“เธอขี้อายมากๆ เวลาที่ไม่ถูกฉันสัมผัส…” เขาอมยิ้ม “แต่หลังจากที่ฉันสัมผัสเธอจนเปียกชุ่มแล้ว เธอร้อนจนฉันคาดไม่ถึงเลยนะ จัสมิน…”
“อย่า… ตรัสแบบนั้นสิเพคะ… หม่อมฉันอาย…”
“ไม่เห็นต้องอายเลย เพราะฉันชอบที่เธอเป็นแบบนี้ จัสมิน”
“อ๊ะ… อื้อ… อย่า… ขยี้แบบนั้นเพคะ… อา…” หล่อนกรีดร้องเมื่อยอดถันถูกนิ้วยาวขยี้ดุดัน
“เรามามีเซ็กซ์ท่ามกลางดวงดาวกันดีกว่านะ จัสมินคนสวย”
“ไม่ได้นะคะ… เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” แม้จะรู้สึกร้อนฉ่ารอคอยมากมายแล้ว แต่ก็ยังอดเป็นกังวลเกี่ยวกับสถานที่ไม่ได้
“ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก”
“แต่ทหารยามพวกนั้น… เขา… อาจจะหันมา หรือไม่ก็อาจจะได้ยินเสียง… เอ่อ… เสียงของหม่อมฉัน…”
“เสียงครางของเธอน่ะหรือ” เขาหัวเราะเบาๆ มองหล่อนด้วยความหิวกระหาย
หล่อนเสหลบสายตาพัลวัน และก็ผงกศีรษะตอบรับเล็กน้อย
“ไม่ต้องกังวล ถึงพวกเขาได้ยิน พวกเขาก็จะทำเป็นไม่ได้ยิน”
“แต่ว่า…” หล่อนยังคงไม่วางใจ แต่ก็ถูกคนตัวโตส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่มีแต่อีกแล้ว… ฉันต้องการเธอตรงนี้ เดี๋ยวนี้ จัสมิน…”
และความร้อนฉ่าจากเรือนร่างทรงพลังของเจ้าชายทะเลทรายก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง หล่อนกรีดร้องอยู่ใต้ดวงดารานับล้านดวง ยามที่ถูกเขาโลมเลียที่หว่างเขา และก็แตกระเบิดออกมาเป็นสะเก็ดดาวเมื่อเขาจ้วงโจนเข้าใส่ดุดัน
กายทรงพลังชุ่มเหงื่อสอดประสานหนักหน่วง เร่าร้อน รุนแรง ทุกท่วงท่าของการร่วมรักถูกนำมาดัดแปลงใช้งานนับไม่ถ้วน หล่อนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง จนเผลอหลับไปในอ้อมกอดอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว
MANGA DISCUSSION