ชีคเถื่อนปล้นพรหมจรรย์ ชุด ทัณฑ์ทราย - ตอนที่ 32
“ไม่มีทาง อย่างน้อยๆ ก็ต้องอีกสักสองสามรอบนั่นแหละ ฉันถึงจะยอมปล่อยเธอ”
“แต่… หม่อมฉัน… ต้องการพักนะเพคะ”
“เธอก็นอนไปสิ ฉันจัดการเองได้”
“แต่… หม่อมฉันจะนอนได้ยังไงเพคะ ตอนที่พระองค์… เอ่อ… ทรงพระกระแทกในตัวหม่อมฉันน่ะ”
เขาหัวเราะร่วน หรี่ตาแคบมองหล่อนด้วยความหิวกระหาย “ถ้าทนไม่ไหว ก็ร่อนตอบสนองฉันเหมือนทุกครั้งก็ได้นี่ ไม่เห็นมีปัญหาตรงไหนเลย”
“แต่หม่อมฉัน… เหนื่อย…”
“เธอเป็นคนต้องการสิ่งนี้เองนะ จัสมิน” ดวงตาสีทองคมเข้มมากยิ่งขึ้น “ดังนั้นเธอก็ต้องรับความหื่นกระหายของเจ้าชายทะเลทรายอย่างฉันให้ได้ตลอดรอดฝั่ง”
ใช่ หล่อนเป็นคนดิ้นรนให้ได้เป็นพระสนมของเขา แต่หล่อนไม่คิดนี่ว่าเขาจะมีอารมณ์ทางเพศดุดันแบบนี้
“ก็หม่อมฉัน… ไม่เคยคิดจะเข้าหอกับพระองค์จริงๆ นี่เพคะ” หล่อนเอ่ยออกไปอย่างอัดอั้นตันใจ “และพระองค์ก็ทรง… หื่นมากเหลือเกิน จนหม่อมฉัน… เอ่อ… ระบมไปหมดแล้วเพคะ”
ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะโน้มหน้าลงไปกระซิบชิดปากอิ่มที่ยังเห่อบวมช้ำของแม่ภรรยาตัวน้อย
“เธอเป็นคนเลือกทางนี้เอง ดังนั้นห้ามบ่น ห้ามอู้ และห้ามปฏิเสธเซ็กซ์ของฉัน”
“ตะ แต่… อื้อ… อ๊า… อา…”
หล่อนต้องการปฏิเสธ แต่พอพ่อเจ้าประคุณเริ่มส่ายสะบัดความแข็งชันในช่องสาวคับแคบเป็นจังหวะอีกครั้ง ความเสียวกระสันที่สุดจะต่อต้านก็ระเบิดตูมขึ้น สองแขนที่ผลักไสอยู่จึงไร้กำลังลงอย่างสิ้นเชิง
“อ๊า… อา… เร็วอีก… เร็วอีกเพคะ…”
“โอ้ว… เธอร้อนแรงเหลือเชื่อ จัสมิน… อืมมมม”
เจ้าชายทะเลทรายคำรามอยู่เหนือร่าง จังหวะสวาทหนักหน่วงดุดันและป่าเถื่อน นำพาความเสียวซ่านร้อนแรงมาอาบไล้กายสาวราวกับพายุคลั่ง หล่อนดิ้นพล่าน กรีดร้องครวญครางราวกับหญิงเสียสติ สองมือกอดรัด จิกทึ้งผิวกายเรียบตึงชุ่มเหงื่อของเซรีมแรงๆ
“อย่าหยุด… ได้โปรด… อย่าหยุด… อา… อ๊า…”
จากที่เคยขัดขืน ตอนนี้กลับตอบสนองเซ็กซ์ร้อนฉ่าของเจ้าชายเซรีมอย่างเต็มอกเต็มใจเป็นที่สุด
เจ้าชายเซรีมเดินกึ่งวิ่งด้วยความรีบร้อนมาหยุดยังหน้าห้องประชุม ทหารยามที่เฝ้าหน้าห้องโค้งคำนับทำความเคารพ
“เสด็จพี่กับเหล่าอำมาตย์เข้าไปกันนานหรือยัง”
น้ำเสียงกระหืดกระหอบเอ่ยถามออกไปด้วยความวิตกกังวลไม่น้อย ก็แน่ละ ก็เพราะเขาไม่เคยมาประชุมสายมาก่อน ตั้งแต่ช่วยราชกิจงานบ้านเมืองมา เขาไม่เคยมีประวัติบกพร่องแบบนี้เลย แต่ครั้งนี้เขามาสาย มาสายไปเกือบครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว
เจ้าชายเซรีมขบกรามแน่น อดเกลียดชังตัวเองไม่ได้ที่ปล่อยให้ความลุ่มหลงในกามาทำให้ชื่อเสียงต้องมัวหมองแบบนี้ และต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมะลิ แม่ผู้หญิงที่หวานฉ่ำไปทั้งเนื้อทั้งตัว และก็คับแน่นเหลือเกิน
บ้าฉิบ! แค่คิดถึงหล่อน ความเป็นชายของเขาก็แข็งชันขึ้นมาอีกแล้ว และก็เร่งเร้าให้เขารีบกลับไปหาหล่อน และจูงมือหล่อนขึ้นสวรรค์อีกหลายๆ ครั้ง
พระเจ้า… เขาไม่เคยต้องประสบกับความน่าละอายแบบนี้มาก่อน แต่เซ็กซ์กับมะลิมันน่ามหัศจรรย์เหลือเกิน เขา… เขาไม่อาจจะหยุดคิดถึงหล่อนได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
เจ้าชายหนุ่มพยายามที่จะขจัดภาพของแม่พระสนมแสนสวยออกจากสมอง แต่ให้ตายเถอะ กลับทำไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ภาพร่อนเริงร่าของหล่อนยังคงตามติดมาหลอกหลอนไม่หยุด และมันก็ทำให้เขาแข็งชันจนคลุ้มคลั่ง
“เราถามว่าเสด็จพี่กับเหล่าอำมาตย์เข้าไปประชุมกันนานหรือยัง ทำไมไม่ตอบล่ะ”
“เอ่อ… นานพอสมควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ และก็…”
“และอะไร”
“เอ่อ… รู้สึกว่าจะประชุมกันเสร็จแล้วด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพราะอำมาตย์หลายท่านเดินออกไปแล้ว”
เซรีมยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เขาพยักหน้ากับทหารยาม และเดินตรงไปยังประตูห้องซึ่งมันก็เปิดออกมาพอดี
“อ้าว เซรีมทำไมเพิ่งมาล่ะ”
องค์รัชทายาทจามีลเห็นเขาก็อุทานขึ้น อำมาตย์สองคนที่เดินเคียงข้างออกมาพร้อมกันก็ปลีกตัวออกไป ตอนนี้จึงเหลือแค่เขากับพี่ชายเท่านั้น
“หม่อมฉันขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะที่มาสาย”
สายตาของพี่ชายที่หรี่แคบมองมา มองอย่างสำรวจตรวจตราละเอียดลออ ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความร้อนฉ่าบนใบหน้าของตัวเอง เขาเกลียดความรู้สึกกระอักกระอ่วนแบบนี้ที่สุด แต่ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว
“เพิ่งออกมาจากตำหนักพระสนมหรือ เซรีม”
“เอ่อ… พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทจามีลอมยิ้มบางๆ ออกมา แต่น้ำเสียงก็มีแววตำหนิไม่น้อย
“เจ้าไม่เคยมีประวัติเข้าประชุมสายมาก่อนเลยนะเซรีม”
“หม่อมฉัน… ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
“พี่น่ะไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่รู้สึกว่าเจ้าน่ะกำลังเปลี่ยนไป นี่เพิ่งรับนางเข้ามาเป็นสนมแค่ไม่กี่วันเองนะ ดูท่าทางเจ้าจะลุ่มหลงนางจนลืมเวล่ำเวลาเสียแล้ว”
คำพูดของพี่ชายยิ่งทำให้เจ้าชายเซรีมเกลียดตัวเอง
“หม่อมฉันสมควรรับโทษพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ได้คิดจะทำโทษอะไรเจ้าสักหน่อย แค่อยากเตือนเจ้าให้ระวังหัวใจเอาไว้ให้ดีๆ เท่านั้นเอง”
“หม่อมฉัน…”
“ระวังจะรักนางเข้าล่ะ”
เจ้าชายเซรีมเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับพี่ชาย ดวงตาสีทองซึ่งไม่ต่างจากผู้เป็นพี่ชายเลยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีทางหรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันก็แค่… ติดใจในรสสวาทของนาง แต่คงไม่ถึงขั้นรักนางหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน เซรีมน้องรัก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นพี่ไปก่อนล่ะ อ้อ… เกือบลืมไปเลย เห็นเสด็จพ่อบอกว่าจะจัดขบวนให้เจ้าออกไปฮันนีมูนกับพระสนมที่โอเอซิสนอกเมืองน่ะ น่าจะเป็นวันมะรืน เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน”
“อ้อ… ทำไมเสด็จพ่อทรงทำแบบนั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
ศีรษะทุยสวยขององค์รัชทายาทจามีลส่ายไปมาน้อยๆ “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เสด็จพ่ออาจจะอยากให้เจ้าพักผ่อนจากงานบ้านเมืองก็ได้มั้ง”
เจ้าชายเซรีมระบายยิ้มเคร่งเครียด ก่อนจะโค้งศีรษะทำความเคารพพี่ชายเมื่ออีกฝ่ายเดินจากไป
“เพราะเธอคนเดียวเลย จัสมิน ฉันถึงต้องถูกเสด็จพี่ตำหนิแบบนี้ ยัยแม่มดร้าย”
ชายหนุ่มเค้นเสียงดุดันเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน ก่อนจะตัดสินใจเดินจากไป
มะลินั่งอยู่บนพรมนุ่มสีน้ำเงินเข้มที่ริมทะเลสาบ ขณะจับจ้องมองร่างเล็กของฮัสซันที่กำลังตกปลาอยู่กับองครักษ์อย่างสนุกสนาน หล่อนระบายยิ้มออกมา ยินดีที่ฮัสซันมีความสุขแบบนี้ แต่กระนั้นก็ยังอดที่จะหดหู่กับสถานะของตัวเองไม่ได้
พระสนมของเจ้าชายเซรีม ซึ่งหล่อนได้ตำแหน่งนี้มาเพราะการบีบบังคับเขา
มันน่าสมเพชเหลือเกิน
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ ความอดสูแล่นพล่านในอกจนปวดร้าวไปทั้งหัวใจ
“ขอหม่อมฉันนั่งด้วยคนได้ไหมเพคะ พระสนม”
เสียงไม่คุ้นหูนักของผู้หญิงคนหนึ่งดึงหล่อนออกมาจากภวังค์เศร้า และเมื่อเอียงหน้าไปมองก็เห็นว่าเป็นแม่นางนัสรินคนงาม นางในดวงใจของเจ้าชายเซรีม
ยิ่งเห็นผู้หญิงคนนี้ หล่อนก็ยิ่งหดหู่เศร้าหมอง แต่กระนั้นก็จำต้องตอบรับอย่างมีมารยาท
“เชิญค่ะ”
นัสรินกล่าวขอบคุณหล่อนตามสถานะ ก่อนจะให้คนของตัวเองปูพรมผืนใหม่ที่อยู่ห่างจากหล่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ท่านควรจะขยับออกห่างที่ประทับของพระสนมอีกสักหน่อยนะคะคุณนัสริน” ชมพูนุชเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจแทนเจ้านายของตนเอง แต่มะลิก็ยกมือห้าม เพราะไม่อยากมีเรื่อง
“ช่างเถอะชมพูนุช”
นัสรินหัวเราะเยาะชมพูนุช ก่อนจะเอ่ยกระแนะกระแหน “ก่อนที่เธอจะมาจับผิดคนอื่นเรื่องความควรไม่ควร ฉันว่าเธอไปบอกพี่ชายของตัวเองก่อนดีกว่าไหม”
“ท่านหมายถึงอะไรคะ”
“ก็พี่ชายของเธอมาติดพันพี่สาวของฉันยังไงล่ะ ซึ่งเธอก็รู้นี่ว่าพี่ มัสรานีคือหญิงที่องค์รัชทายาทจามีลทรงพอพระทัยและหมายตาจะรับเข้าไปเป็นบาทบริจาริกา…”
“พี่ฟีรัสไม่ได้ทำแบบนั้นหรอก”
“หึ ไม่ได้ทำน้อยน่ะสิ ระวังเถอะ จะหัวขาดทั้งโคตร”
ใบหน้าของชมพูนุชซีดเผือด และจนด้วยคำพูด ทำให้มะลิอดปกป้องไม่ได้