ชีคเถื่อนปล้นพรหมจรรย์ ชุด ทัณฑ์ทราย - ตอนที่ 21
พี่เลี้ยงสองคนรีบเดินตามเจ้าชายฮัสซันกลับไปยังตำหนักส่วนตัว ทิ้งให้หล่อนยืนเผชิญหน้ากับเจ้าชายเซรีมคนเถื่อนเพียงลำพัง
“เจ้าชาย… มีอะไรกับหม่อมฉันเหรอเพคะ”
หล่อนหมุนตัวหันหลังให้กับเจ้าชายหนุ่ม แก้มนวลแดงก่ำ เมื่อไม่อาจจะสลัดความรู้สึกเสียวซ่านที่ถูกลิ้นสากโลมเลียออกไปจากสมองได้
“หันหน้ามาคุยกับฉันดีๆ”
“แบบนี้… ก็ได้ยินเพคะ”
“ฉันบอกให้หันมาไงล่ะ”
“อ๊ะ…”
หล่อนอุทานตกใจ เมื่อเขากระชากแขนให้หมุนกลับมาเผชิญหน้าอย่างป่าเถื่อน
ดวงตากลมโตช้อนขึ้นสบประสานสายตา ก่อนจะชะงักเมื่อสายตาปะทะเข้ากับลิ้นสีแดงสดที่เจ้าชายเซรีมแลบออกมาเลียริมฝีปากเข้าพอดี
โอ้… พระเจ้า…
หล่อนถอยหลังหนี และก็ตั้งท่าจะวิ่งหนีด้วย แต่ก็ถูกกระชากเอาไว้อีกครั้ง
“กล้าขัดคำสั่งฉันหรือ จัสมิน!”
“ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ”
“ไม่ปล่อย”
เขาจับร่างของหล่อนหมุนมาเผชิญหน้า และก็กอดรัดเอาไว้แน่น ทหารยามที่ยืนอยู่แถวนั้นต่างพากันหมุนตัวหันหลังให้อย่างรู้หน้าที่
“เจ้าชายมีอะไรก็รีบๆ พูดมาเพคะ” ยิ่งอยู่ใกล้เขา หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าจนรู้สึกสมเพชตัวเองเป็นที่สุด
เซรีมโน้มศีรษะต่ำลงมาหา ก่อนจะระบายยิ้มหยัน เมื่อพอจะมองออกว่าเจ้าของแก้มสีกุหลาบกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ ซึ่งมันก็คือเรื่องเดียวกันที่กำลังคุกคามสมองของเขาอยู่นั่นแหละ
“เธอยังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกหรือ”
“เจ้า… เจ้าชายพูด… เอ่อ… ตรัสอะไรเพคะ”
“ก็เรื่องที่ฉัน… ใช้ลิ้นกับเธอยังไงล่ะ”
“หยุด… ตรัสแบบนั้นเพคะ หม่อมฉัน… ลืมไปหมดแล้ว และก็ปล่อยหม่อมฉันสักที”
“หึ เธอลืมไม่ได้หรอก เพราะฉันเองก็ยังไม่ลืมรสชาติของเธอเหมือนกัน เธอหวานมากนะ จัสมิน”
คนบ้า… นี่เขาพูดบ้าอะไรเนี่ย
“ปล่อย… ปล่อยหม่อมฉันเถอะเพคะ”
หล่อนอับอายจนแทบมุดหัวหนีลงดินอยู่แล้ว แถมร่างกายช่วงล่างก็หยาดเยิ้มเปียกลื่น
“ฉันก็แค่อยากจะมาบอกเรื่องฤกษ์แต่งงานของเราสองคนกับเธอเท่านั้นเอง”
“ฤกษ์แต่งงาน?”
“ใช่” เขาผงกศีรษะทะนงเล็กน้อย “และเธอก็กรีดร้องยินดีได้เลยนะ เพราะฤกษ์แต่งงานของเราจะถึงในอาทิตย์หน้า”
“อาทิตย์หน้าเหรอเพคะ ทำไมเร็วแบบนี้ล่ะ”
หล่อนตกใจหน้าตาตื่น
“เธอควรจะเก็บซ่อนความดีใจเอาไว้บ้างนะ เพราะการแสดงออกมาโจ่งแจ้งแบบนี้มันไม่งามนักสำหรับสตรี”
“จะบ้าเหรอเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ดีใจสักหน่อย แต่หม่อมฉันตกใจต่างหาก มันเร็วเกินไป”
“สำหรับฉัน…” ศีรษะทุยสวยของเจ้าชายเซรีมส่ายไปมา รอยยิ้มหยันของเขาเปลี่ยนเป็นความหิวกระหายเหี้ยมเกรียม “มันช้าเกินไป”
หล่อนเบิกตากว้างมองใบหน้างดงามของเจ้าชายทะเลทราย และก็เห็นความหื่นกระหายตะกละตะกลามในดวงตาคมกริบสีทองอร่ามอย่างชัดเจน
มะลิตัวสั่นเทากับพลังทางเพศที่เจ้าชายเซรีมจงใจถ่ายทอดออกมาให้รับรู้
นี่หล่อนจะตายคาเตียงไหมนะ?
“เจ้าชาย… คงไม่ได้หมายความว่า…”
รอยยิ้มหื่นกระหายเกลื่อนใบหน้าของเจ้าชายเซรีม “ฉันอยากใช้ลิ้นกับเธอเร็วๆ จัสมิน”
“เจ้าชาย…?!”
“ทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วย ในเมื่อเธอก็เอ็นจอยกับลิ้นของฉันจะตายไป”
“เจ้าชาย… ลามก!”
“ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นคนเลือกทางเดินนี้เอง ดังนั้นเธอก็ต้องแบกรับความหื่นของเจ้าชายทะเลทรายอย่างฉันให้ได้ อ้อ ฉันจำไม่ได้ว่าเคยบอกเธอไปหรือยัง ฉันน่ะ… หื่นมากนะ สามวันสามคืนหลังจากงานแต่ง เธอคงไม่ได้ออกจากห้องแน่นอน”
แล้วคนตัวโตก็ผลักหล่อนออกห่าง จากนั้นก็ทิ้งรอยยิ้มหื่นกระหายเหี้ยมเกรียมเอาไว้เบื้องหลัง พร้อมกับเดินจากไปด้วยท่วงท่าสง่างาม
หล่อนยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตื่นตกใจ สองขาแทบไม่มีแรงที่จะยืน แก้มนวลร้อนฉ่าแดงระเรื่อ ในขณะที่ร่างสาวขานรับต่อคำพูดหมายมาดของเจ้าชายเถื่อนทุกสัดส่วน โดยเฉพาะที่ซอกขา มันหยาดเยิ้มรอคอย… รอคอยบางสิ่งบางอย่างของเจ้าชายหนุ่มรูปงาม
“เรื่องรับพระสนม เอาจริงหรือเซรีม”
องค์รัชทายาทจามีลเอ่ยถามน้องชายขึ้นด้วยความสงสัยหลังจากเป็นฝ่ายเดินทางมาหาถึงตำหนักส่วนตัว
“พ่ะย่ะค่ะ”
“นางก็สวยดีนะ สวยมากด้วย แต่เท่าที่พี่รู้ นางมีอะไรลึกซึ้งกับเสด็จน้าคาริสมาก่อนไม่ใช่หรือ”
กรามแกร่งของเซรีมขบกันแน่นจนขึ้นสันนูนเป่ง เพราะคำพูดของพี่ชายทำให้สมองของเขาจินตนาการไปไกลได้อย่างน่าสมเพช ภาพของมะลิที่นอนดิ้นพล่านอยู่ใต้ร่างกำยำของน้าชาย มันทำให้เขาเกือบจะคลุ้มคลั่ง เขาอิจฉา… ใช่… อิจฉาน้าชาย และก็อิจฉาผู้ชายทุกคนที่ได้เสพสังวาสกับเจ้าหล่อนมาก่อนหน้าเขา
“ทุกคนก็เข้าใจอย่างนั้นแหละพ่ะย่ะค่ะ และนางก็ยอมรับออกมาเช่นกัน”
“งั้นนางก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นพระสนมของเจ้าหรอก”
“หม่อมฉันต้องทำพ่ะย่ะค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นจะมีปัญหามาถึงเจ้าชายฮัสซัน”
“แน่ใจหรือว่าแค่เรื่องเจ้าชายฮัสซันน่ะ”
เจ้าชายเซรีมหลบสายตาของผู้เป็นพี่ชายลงมองถ้วยชาในมือ ก่อนจะยกขึ้นจิบเล็กน้อย
“มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
องค์รัชทายาทจามีลหัวเราะ
“หวังว่าเจ้าจะไม่ได้ตกหลุมรักเมียเก็บของเสด็จน้าคาริสเข้าจริงๆ หรอกนะ เซรีม”
“ไม่มีทางพ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบของเขาที่ดังเล็ดลอดริมฝีปากออกไปมันไม่หนักหน่วงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเอาเสียเลย
องค์รัชทายาทจามีลยกถ้วยชาขึ้นจิบบ้าง
“แล้วเจ้าจะทำยังไงกับนัสรินล่ะ”
เซรีมเลิกคิ้วสูงมองหน้าพี่ชายอย่างแปลกใจ “เสด็จพี่หมายถึงอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็เจ้ากับนัสรินชอบพอกันไม่ใช่หรือ”
ศีรษะทุยสวยของเจ้าชายเซรีมส่ายน้อยๆ “หม่อมฉันไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับนัสรินพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่พี่ว่านัสรินน่าจะคิดเกินเลยกับเจ้านะ เซรีม”
เซรีมทำแค่เพียงยิ้มบางๆ ให้กับพี่ชายของตัวเองเท่านั้น ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่ผู้หญิงร่านร้อนอย่างมะลิเพียงคนเดียวเท่านั้น ทุกการเข้าออกของลมหายใจเลยก็ว่าได้
“อย่าให้มีปัญหาตามมาก็แล้วกัน พี่ไม่อยากให้ท่านอำมาตย์ฮานีฟไม่สบายใจ”
“จะไม่มีปัญหาอะไรหรอกพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
“งั้นพี่ก็สบายใจ”
องค์รัชทายาทจามีลผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทำให้ผู้เป็นน้องชายอย่างเขาอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“เสด็จพี่จะเสด็จกลับตำหนักแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทหนุ่มรูปงามราวกับเทพบุตรอมยิ้มสดใส ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
“เปล่าหรอก พี่จะไปหามัสรานีน่ะ”
มัสรานีคือลูกสาวคนโตของอำมาตย์ฮานีฟ และก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของนัสรินนั่นเอง
“มัสรานีคงจะเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งของว่าที่พระมเหสีของเสด็จพี่ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ตัวเต็งอันดับหนึ่งหรอก แต่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่พี่หมายตาเอาไว้เลยละ”
ก็แน่นอนละ เพราะมัสรานีสวย อ่อนหวาน สดใส และก็รู้จักสนิทสนมกับเสด็จพี่ของเขามาเนิ่นนาน ความผูกพันเหล่านี้จึงก่อตัวเป็นความเสน่หาได้ไม่ยาก
“งั้นพี่ไปละ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายเซรีมลุกขึ้นยืนโค้งศีรษะทำความเคารพพี่ชายซึ่งเป็น องค์รัชทายาท ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอีกครั้งเมื่อผู้เป็นพี่ชายเดินหายไปจากศาลากลางสวนแล้ว
ถ้วยชาถูกยกขึ้นจิบอีกครั้ง หลังจากเจ้าชายหนุ่มถอดถอนใจอกมายาวเหยียด
“มันก็แค่ตัณหาที่ทำให้ฉันคิดถึงแต่เธอ จัสมิน”
แม้จะพยายามบอกตัวเองแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วความจริงในใจก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจจะปฏิเสธได้
“เอ่อ… ขอประทานอภัยเพคะ เจ้าชายเซรีม”
สมองของเขาหยุดคิดถึงมะลิได้ชั่วขณะ เมื่อนัสรินปรากฏตัวขึ้นที่หน้าศาลากลางสวน
“ขึ้นมานั่งดื่มชากับเราก่อนสิ”
“ขอบพระทัยเพคะ”
นัสรินเดินกรีดกรายขึ้นไปบนศาลา และทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในระดับเดียวกันกับเจ้าชายเซรีม
เจ้าชายหนุ่มรินชาให้ ก่อนจะเชื้อเชิญ “ดื่มสิ ชาดอกมะลิ หอมชื่นใจมาก”
นัสรินหน้าตึงขึ้นทันที และก็อดที่จะพูดประชดประชันออกไปไม่ได้
“ดูท่าทางพระองค์จะชื่นชอบอะไรที่เกี่ยวกับดอกมะลิไม่น้อยเลยนะเพคะ”
“เจ้าหมายความว่ายังไงหรือ นัสริน”
“ก็… ชานี่ และก็ว่าที่พระสนมยังไงล่ะเพคะ”
เจ้าชายเซรีมส่ายศีรษะไปมา และถามกลับ “เจ้าล้อเราเล่นใช่ไหม นัสริน”
นัสรินอยากจะกรีดร้องให้ดังลั่นนักกับความอิจฉาริษยาที่มีต่อมะลิ แต่ก็จำต้องอดกลั้นเอาไว้
“พระองค์แน่พระทัยแล้วเหรอเพคะว่าจะรับผู้หญิงต่างชาติคนนั้นเข้ามาเป็นพระสนมน่ะเพคะ”
“ก็ตามข่าวที่เจ้ารู้มานั่นแหละ ไม่มีอะไรเป็นเท็จหรอก”
“แต่ว่า… ทำไมมันปุบปับนักล่ะเพคะ หม่อมฉันไม่เชื่อว่าพระองค์จะเสน่หานางได้รวดเร็วขนาดนี้” นัสรินเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ “เพราะเจ้าชายฮัสซันใช่ไหมเพคะ พระองค์ก็เลยต้องเสียสละตัวเองรับนางมาเป็นพระสนมแบบนี้”
“ใจเย็นๆ นัสริน”
“แต่ว่า…”
“เราไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่ายเรื่องของเรา เจ้ารู้จักเรามาตั้งนานแล้ว น่าจะรู้นิสัยข้อนี้ของเรานะ”
นัสรินเริ่มได้สติ รีบปรับสีหน้าและอารมณ์ “หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉัน… แค่ไม่อยากให้พระองค์ถูกผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นมาทำให้ทรงเสื่อมพระเกียรติ”
“ขอบใจเจ้ามากนะนัสริน แต่เราจัดการปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง และที่สำคัญ เราเต็มใจรับจัสมินมาเป็นพระสนม”
นัสรินน้ำตาซึมด้วยความเจ็บแค้น และก็ทนนั่งอยู่ต่อหน้าเจ้าชาย เซรีมไม่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว
“งั้นหม่อมฉัน… ทูลลาเพคะ”
“ไม่ดื่มชาดอกมะลิให้หมดก่อนหรือ”
หล่อนปรายตามองชาดอกมะลิในถ้วยใบสวยด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะกัดฟันตอบออกไป
“หม่อมฉันไม่ชอบกลิ่นของดอกมะลิน่ะเพคะ ทูลลาเพคะ”
เจ้าชายเซรีมทอดสายตามองตามร่างของนัสรินไปจนลับตา ก่อนจะยกถ้วยชาดอกมะลิขึ้นดม และจิบอีกครั้ง