“อ๊ะ…”
มะลิอุทานด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ เสื้อที่ใส่ก็ถูกมือสีแทนของเจ้าชายเซรีมกระชากจนฉีกขาด สายตาคมกริบจ้องมองเต้านมที่เปิดเปลือยของหล่อนเขม็ง จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกไซ้เต้านมของหล่อนทันที
“อื้อ… อา…”
แต่เจ้าชายรูปงามไม่ได้แค่เอาหน้าและปากรวมถึงปลายจมูกโด่งงองุ้มซุกไซ้เต้านมขนาดคัพซีของหล่อนเท่านั้น แต่เขายังแลบลิ้นออกมาจากปาก และใช้ลิ้นสีแดงสดนั้นเลียยอดถันของหล่อนด้วย
“อ๊า…” หล่อนสะท้านวาบไปทั้งตัวราวกับถูกผลักตกจากหน้าผาสูง แต่นั่นยังไม่ใช่ความรู้สึกเสียวซ่านที่สุดที่ได้รับจากเจ้าชายเซรีม เพราะหลังจากที่เขาแลบลิ้นออกมาเลียยอดอกของหล่อนจนพอใจ เขาก็อ้าปากกว้างและรวบป้านยอดอกเข้าไปทั้งยวง
“อ๊า… อา… อา…” ตอนนี้หล่อนไม่ได้รู้สึกแค่กำลังตกลงไปในหน้าผาสูงชันเท่านั้น แต่รู้สึกราวกับว่าที่ก้นเหวที่ร่างกำลังร่วงหล่นลงไปมีเข็มนับล้านเล่มตั้งรออยู่
หล่อนเสียวซ่านรัญจวนไปทั้งกาย หยาดน้ำบางอย่างไหลทะลักซึมออกมาที่ซอกขา และมืออีกข้างของเจ้าชายเซรีมก็กำลังล้วงผ่านขอบกระโปรงเข้าไป
“อ๊ะ… อย่าเพคะ”
แม้จะหลงอยู่ในวังวนสวาทที่เจ้าชายรูปงามปลุกปั่นขึ้นมา แต่การที่นิ้วแกร่งกำลังจะสัมผัสกับความเป็นหญิงที่เป็นความลับกับผู้คนทั้งโลก มันก็ทำให้หล่อนได้สติกลับคืนมา
และก็ดูเหมือนว่าสติของเจ้าชายเซรีมจะกลับคืนมาด้วยเช่นกัน เขาปล่อยร่างของหล่อนออกห่าง และก็ถอยหลังออกไปสองสามก้าว จากนั้นก็ยกมือขึ้นเสยเส้นผม พร้อมกับกระแทกลมหายใจออกมา
“ฉันจะกลับไปรอเธอที่ตำหนัก”
ใบหน้าหล่อจัดแดงก่ำ แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเหมือนเช่นทุกครั้งที่พูดกับหล่อน
“และหวังว่าเธอคงไม่ให้ฉันต้องมาตามอีกรอบหรอกนะ”
จากนั้นคนที่เพิ่งจะดูดจะเลียยอดอกของหล่อนไม่ต่างจากทารกน้อยก็หมุนตัวเดินจากไป เขาเดินจากไปเงียบๆ ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังงั้นแหละ
หล่อนยืนตกตะลึงอยู่สักพักก็รีบก้มลงหยิบเสื้อที่ขาดวิ่นของตัวเองมาสวมใส่ โชคดีไม่น้อยที่มันยังพอใส่ได้ไม่น่าเกลียด
“เจ้าชาย… บ้ากาม…”
มะลิต่อว่าเซรีม บอกกับตัวเองว่าเกลียดกับสิ่งที่เขากระทำกับร่างสาว แต่ทำไมนะ ทำไมความรู้สึกยามถูกเขาดูดอมยอดถันยังคงติดตรึงอยู่ไม่จางหาย และหล่อนก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า ชอบสิ่งที่เขาทำให้กับเต้านมของตนเอง
เซรีมไม่เคยหงุดหงิดกับร่างกายของตัวเองเท่านี้มาก่อนเลย เจ้าชายหนุ่มสูงศักดิ์ก้มลงมาอวัยวะกึ่งกลางลำตัวที่กำลังปูดเป่งเป็นรูปรอยอยู่ในเป้ากางเกงด้วยความเดือดดาลเป็นที่สุด กรามแกร่งที่มีไรหนวดขึ้นพองามขบแน่นจนขึ้นสันนูน และก็อดที่จะก่นด่าความเผอเรอของตนเองไม่ได้
เขาไม่ควรเลย ไม่ควรจะลดตัวไปแตะต้องผู้หญิงร่านร้อนอย่างมะลิเลย แล้วเป็นไงล่ะ พอได้แตะ ได้ดูด ได้สัมผัส เขาก็ไม่อาจจะลดละความสนิทเสน่หาน่าสะอิดสะเอียนที่มีต่อหล่อนลงได้เลย แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าหล่อนน่ารังเกียจสักแค่ไหนก็ตาม
ลมหายใจถูกเป่าออกจากริมฝีปากหยักลึกแรงๆ ก่อนจะสบถยาวเหยียดเมื่อไม่อาจจะพาตัวเองพ้นออกมาจากบ่วงเสน่หาของมะลิได้ เนื้อตัวของเขายังคงร้อนรุ่ม ความรู้สึกอยากจะเดินหน้าต่อกับสิ่งที่ทำค้างคาเอาไว้ระเบิดตูมในอก เขาอยากจะกลับไปหาหล่อนที่ตำหนัก และจัดการจับหล่อนโยนขึ้นเตียง จากนั้นก็เปลื้องผ้าของเจ้าหล่อนออกไปให้หมด ก่อนจะจ้วงแทงให้หายคลั่ง อยากจะโยก อยากจะคลึง อยากจะสำเร็จโทษหล่อนด้วยการปลดปล่อยกระแสสวาทเข้าใส่จนล้นปรี่
“บ้าฉิบ!”
ทำไมเขาถึงต้องการแม่นั่นมากมายขนาดนี้นะ!
หลังจากเดินเป็นเสือติดจั่นอยู่เนิ่นนาน เจ้าชายหนุ่มก็เดินไปทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้นวมนุ่ม พลางจับจ้องมองไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ วิวทิวทัศน์เบื้องหน้าสวยงาม แต่กลับไม่อาจจะดึงดูดความสนใจของเขาได้มากเท่ากับผู้หญิงชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างแม่มะลินั่นเลย
นี่เขาต้องทำยังไงนะ ต้องทำยังไง ถึงจะขจัดเจ้าหล่อนออกไปจากสมองได้
เขาจะต้องขับไล่หล่อนออกไปจากซาเรียให้เร็วที่สุด ใช่… นี่แหละคือทางออกเดียว ที่เขาจะหลุดพ้นจากมนต์ดำของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงเน่าๆ ที่เขาไม่อาจจะหยุดคิดถึงได้แม้แต่ขณะจิตเดียว
ร่างกายทรงพลังสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นยืน และก็รีบก้าวออกไปจากตำหนักส่วนตัวมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง แต่ระหว่างทางก็เหมือนถูกโชคชะตากลั่นแกล้ง เมื่อผู้หญิงที่เขาพยายามจะลบออกจากสมอง ดันมาอยู่ในสายตาเข้าพอดี
เจ้าหล่อนมาทำบ้าอะไรแถวนี้นะ?
ภาพเต้านมอวบอัดเต็มไม้เต็มมือและเขาก็ดูดกลืนยอดถันของเจ้าหล่อนเต็มปากเต็มคำเมื่อวานตอนเย็นระเบิดตูมขึ้นในหัว เขาช็อกกับภาวะร่างกายของตัวเองที่โหยหาหล่อนอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องกัดฟัน ข่มทุกความรู้สึกเอาไว้อย่างสุดความสามารถ จึงจะก้าวเดินผ่านไปโดยไม่กระชากหล่อนเข้ามาขยี้ปาก
เขาจะต้อง… รีบโยนหล่อนออกไปจากซาเรียให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อย่างนั้น ชีวิตโสดของเขาจะได้รับอันตรายอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว
เท้าใหญ่ก้าวยาวๆ ผ่านไปด้วยความเร็วสูง มะลิอ้าปากค้าง คำพูดที่จะเอ่ยขึ้นกับเจ้าชายเซรีมถูกกลืนหายเข้าไปในลำคออีกครั้ง เมื่อเห็นความถือเนื้อถือตัวของชายหนุ่ม
หล่อนหงุดหงิดไม่น้อยที่เขาทำเหมือนหล่อนเป็นกิ้งกือน่าเกลียดที่ไม่อาจจะแม้แต่จะเสวนาด้วยได้ ก็ใช่สิ เขามันคือเจ้าชายผู้สูงศักดิ์นี่ จะมาลดตัวพูดคุยกับหล่อนทำไมกัน
มะลิบอกตัวเองแบบนั้น แต่ก็ยังไม่อาจจะละสายตาที่มองตามเรือนร่างสูงใหญ่ของเจ้าชายสูงศักดิ์ได้เลย หล่อนเกลียดตัวเองจังที่คาดหวังว่าเขาจะมอง คาดหวังว่าเขาจะทักทาย แต่เมื่อเขาไม่ทำอย่างที่หวัง หล่อนก็ผิดหวังอย่างรุนแรง และก็พานน้ำตาริน
หล่อนต้องเงยหน้าขึ้นสูงและกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่คราบน้ำตาให้กลับเข้าไปภายใน จากนั้นก็หันไปฝืนยิ้มกับนางกำนัลประจำตัว นั่นก็คือชมพูนุช
“เธอรู้ไหมว่าเจ้าชายเซรีมกำลังจะเสด็จไปไหน”
“ทางนั้นเป็นทางไปท้องพระโรงค่ะ”
คำตอบของนางกำนัลหน้าหวาน ทำให้คิ้วโก่งสวยดุจคันศรของมะลิเลิกสูง
“เท่าที่ฉันดูหนังจักรๆ วงศ์ๆ ของไทยมานะ ถ้าหากพวกเจ้าชายเสด็จไปท้องพระโรงนี่ แสดงว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญจะกราบทูลกับพระมหากษัตริย์”
“ที่นี่ก็เหมือนกันค่ะคุณจัสมิน หากเหล่าเจ้าชายเสด็จไปยังท้องพระโรงในเวลาหลังจากที่องค์สุลต่านว่าราชการเสร็จแล้ว ก็ต้องมีเรื่องสำคัญค่ะ”
“แล้วเรื่องสำคัญนั้นมันเป็นเรื่องอะไรกันนะ” มะลิทำหน้าครุ่นคิด
“ฉันก็ไม่ทราบค่ะ”
มะลิเดินกลับไปกลับมาครุ่นคิดอยู่สักพักก็หน้าซีดเผือด เพราะพอจะเดาได้ว่าเจ้าชายเซรีมจะทำอะไร
“มันต้องเกี่ยวกับฉันแน่ๆ เลย ชมพูนุช”
“ทำไมคุณจัสมินคิดแบบนั้นล่ะคะ”
“เพราะว่าเจ้าชายคนดีของเธอไม่เคยต้องการให้ฉันอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ เขาจะต้องไปบอกกษัตริย์พ่อของเขาให้ไล่ฉันออกไปจากซาเรียอย่างแน่นอน”
มะลิเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หล่อนกำมือแน่น
“คุณจัสมินจะไปไหนคะ”
“ฉันจะไปท้องพระโรงยังไงล่ะ”
“เอ่อ… ถ้าไม่มีรับสั่งจากองค์สุลต่าน คุณจัสมินจะเข้าเฝ้าไม่ได้หรอกค่ะ”
“แต่ฉันมีความจำเป็นนี่นา”
“ถึงยังไงก็ไม่ได้ค่ะ คุณจัสมิน”
สีหน้าของชมพูนุชเต็มไปด้วยความกังวลใจ แม้มะลิจะเห็นใจแต่ก็ต้องหาทางรอดให้กับตัวเองก่อน
“ฉันขอโทษนะชมพูนุช”
“โอ๊ย…”
ร่างของชมพูนุชถูกมะลิผลักแรงๆ จนล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นมะลิก็ซอยเท้าวิ่งหายไปในทิศทางเดียวกันกับที่เจ้าชายเซรีมเดินเข้าไป
“แย่แน่ๆ เลยคุณจัสมิน…”
ชมพูนุชทำอะไรไม่ได้ นอกจากพึมพำออกมาด้วยความหวาดกลัวกับโทษทัณฑ์ที่กำลังจะตามมา
MANGA DISCUSSION