สักพักก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถคันหรูที่แอร์เย็นฉ่ำ เซรีมไม่ได้นั่งรถคันเดียวกับหล่อน เขานั่งรถคันยาวเฟื้อยอีกคันหนึ่งกับฮัสซัน โดยมีหล่อนนั่งรถอีกคันตามหลังไป
ตลอดเส้นทางที่รถแอร์เย็นวิ่งผ่านนั้น มันทำให้ความคิดในสมองของหล่อนที่เกี่ยวกับประเทศแถบทะเลทรายเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
เมื่อก่อนหากพูดถึงประเทศแถบทะเลทราย หล่อนคงคิดถึงความกันดาร ป่าเถื่อน และไร้อารยธรรมของผู้คนที่นี่ รวมทั้งทะเลทรายที่แทบจะกลืนกินชีวิตของผู้คน แต่สิ่งที่หล่อนได้เห็นตอนนี้มันแตกต่างจากที่เคยคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
ไม่มีความกันดารอยู่ในซาเรียเลย และผู้คนที่นี่ก็สุภาพ มีน้ำใจ และเอื้อเฟื้อกับแขกแปลกหน้าอย่างหล่อนไม่น้อย จะเห็นได้ว่าทุกคนระบายยิ้มให้กับหล่อน แม้ว่าอาจจะเป็นเพราะหล่อนตามเสด็จเจ้าชายของพวกเขาก็ตาม
แถมสิ่งก่อสร้างที่หล่อนคิดว่าน่าจะล้าสมัย และไม่น่าจะมีอยู่เลยกลางทะเลทรายร้อนระอุเช่นนี้ กลับผิดคาดไปหมด เพราะซาเรียเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสวยงาม อย่างสนามบินก็ใหญ่กว่าสนามบินที่บ้านเมืองของหล่อนเสียอีก แถมตลอดข้างทางก็เต็มไปด้วยบ้านของประชาชนที่สวยงามไร้ที่ติ สรุปแล้วก็คือซาเรียเป็นประเทศที่เจริญแล้วนั่นเอง…
หล่อนเฝ้ามองความสวยงามสองข้างทางด้วยความตื่นเต้นมหัศจรรย์ใจ จนกระทั่งขบวนรถเข้ามาจอดที่หน้าสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
“พระราชวัง…”
หล่อนรู้ดีว่าที่นี่คือที่อยู่ใหม่ของฮัสซัน ซึ่งมันยิ่งกว่าคำว่าอลังการเสียอีก
เท้าบอบบางก้าวลงจากรถทันทีเมื่อมีองครักษ์นายหนึ่งมาดึงประตูเปิดให้ หล่อนหยุดยืนอยู่กับที่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างตลอดเวลาด้วยความตื่นตะลึงกับสิ่งรอบตัวที่กระเด็นเข้ามาในสายตา
“ทำไมใหญ่โตแบบนี้นะ…”
และก็มัวแต่ยืนตื่นตะลึงกับพระราชวังแสนยิ่งใหญ่จนนั่นเอง ทำให้ไม่รู้ว่าเซรีมก้าวเข้ามาหา และโน้มตัวต่ำลงมากระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหู
“เธอจะได้อยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้น อย่าคิดไปไกลล่ะ”
สติของหล่อนกลับคืนมา และก็อดที่จะตวัดตาช้อนขึ้นมองเจ้าชายปากร้ายไม่ได้
“ฉันทราบค่ะ”
“เดี๋ยวฉันจะให้นางกำนัลไปสอนคำราชาศัพท์กับเธอก็แล้วกัน”
“ไม่ค่ะ ฉันจะไม่พูดคำน่าเวียนหัวพวกนั้นหรอก”
“แต่อยู่ที่นี่เธอต้องพูด อย่างน้อยๆ ก็ต่อหน้าเจ้าชายองค์อื่นๆ ก็ยังดี”
“แต่ว่า…”
“หรือว่าเธออยากถูกจับไปตัดลิ้นล่ะ”
หล่อนไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น แต่รีบยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้ทันที สีหน้าซีดขาว
“ถึงกับ… ตัดลิ้นเลยเหรอ… เพคะ”
เซรีมอมยิ้มออกมากับคำราชาศัพท์คำแรกที่แม่ผู้หญิงหน้าหวานพูดกับตัวเอง
“ใช่”
“งั้น… ฉันจะไม่พูดอะไรเลยเพคะ”
“แทนตัวเองว่าหม่อมฉัน” เขาสั่งเสียงแผ่วเบา ซึ่งหล่อนก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากพูดตาม
“หม่อม… ฉัน… จะไม่ตรัสอะไรเลยเพคะ”
เซรีมหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ “ตรัสน่ะใช้กับฉัน เธอแค่คำว่าพูดก็พอ เอาเป็นว่าเธอต้องเรียนคำราชาศัพท์กับนางกำนัลที่นี่อย่างจริงๆ จังๆ แล้วละ”
“แต่ว่า…”
“อ้อ ฉันลืมบอกไป”
เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหาอีกแล้ว แต่ครั้งนี้เขาคงไม่กล้าจูบหล่อนหรอก เพราะมีนางกำนัล ทหาร และองครักษ์อีกมากมาย รวมถึงฮัสซันที่กำลังวิ่งไปมาอยู่ด้วย
“อยู่ที่นี่ห้ามพูดคำหยาบใส่ฉัน ห้ามตบหน้าฉัน ห้ามทำร้ายร่างกายของฉัน”
“ทำ… ไมล่ะเพคะ”
“เพราะเธอจะถูกบั่นคอยังไงล่ะ”
“ตัด…คอเหรอเพคะ?”
“ใช่ ฉันเตือนแล้วนะ”
แล้วเขาก็ยืดตัวตรง พร้อมกับเดินตรงไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่การแต่งตัวบอกให้รู้ว่าไม่ใช่ทหารหรือแค่องครักษ์ หล่อนเดินตามติดเซรีมไปด้วย และเมื่อเห็นผู้ชายที่เซรีมหยุดคุยด้วยแล้วก็อดจะเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงไม่ได้
“ทำไมหล่อแบบนี้นะ”
หล่อนพึมพำแผ่วเบาในลำคอ แต่เซรีมก็ยังหูดีได้ยิน และตวัดตามองหล่อนอย่างไม่พอใจ หล่อนทำหน้าเจื่อนและรีบก้มหน้ามองพรมที่ยืนอยู่ และก็อดคิดในใจไม่ได้
‘นึกว่าอีตาเจ้าชายเซรีมจะหล่อที่สุดอยู่คนเดียว ที่ไหนได้ยังมีผู้ชายอีกคนที่หล่อสูสีกัน’
“ไม่คิดว่าเสด็จพี่จะเสด็จออกมารับหม่อมฉันด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เสด็จพี่งั้นเหรอ?
งั้นผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาพอๆ กับเจ้าชายเซรีมก็คือเจ้าชายอีกคนของซาเรียน่ะสิ แถมยังต้องเป็นพี่ชายแน่ๆ เพราะหล่อนได้ยินเซรีมเรียกว่าเสด็จพี่
“พี่เสร็จงานพอดีน่ะ แล้วไหนล่ะฮัสซัน”
“นู่น พ่ะย่ะค่ะ”
จามีล บิน คาลดุน อัล อัลลาห์ องค์รัชทายาทลำดับที่หนึ่งแห่งราชวงศ์ซาเรีย จ้องมองไปยังร่างเล็กของเด็กชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานด้วยความพึงพอใจ
“เหมือนเสด็จน้าคาริสมาก”
“ใช่ พ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายเซรีมเอ่ยตอบพี่ชาย
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ”
ดวงตาสีทองซึ่งเป็นสีเดียวกันกับดวงตาของเจ้าชายเซรีมทอดมองมายังหล่อนด้วยความสงสัย
เซรีมคว้าแขนเรียวของหล่อน และดึงให้หล่อนออกจากด้านหลังของเขา ไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นพี่ชาย
“มะลิ กรองอักษร พ่ะย่ะค่ะ”
“มะลิ กรองอักษร”
องค์รัชทายาทจามีลทวนชื่อของสตรีหน้าหวานเบื้องหน้าแผ่วเบา ในขณะที่หญิงสาวระบายยิ้มให้
“ถวายบังคมเพคะ”
มะลิย่อตัวถอนสายบัวให้กับเจ้าชายตรงหน้า
“หม่อมฉันเป็นพี่…”
“เธอเป็นผู้หญิงของหม่อมฉันพ่ะย่ะค่ะ”
หล่อนกำลังจะบอกว่าตัวเองเป็นพี่เลี้ยงของฮัสซัน แต่เจ้าชายเซรีมผู้ที่บอกว่าไม่เคยต้องการหล่อนเลยกลับชิงพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน และคำพูดของเขาก็ทำให้หล่อนเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน
“ผู้หญิงของเจ้าหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าขององค์รัชทายาทจามีลมีรอยยิ้ม “หน้าตางดงามกว่าหญิงคนอื่นๆ ของเจ้ามาก แต่พี่ว่าเจ้าคงจะต้องอธิบายเรื่องนี้ให้กับเสด็จพ่อฟังค่อนข้างยาวเลยทีเดียว”
นี่… เจ้าชายเซรีมมีผู้หญิงมากมายอย่างนั้นเหรอ
บ้าจริง ทำไมหล่อนต้องรู้สึกอารมณ์ขึ้นเพียงแค่ได้ยินด้วย
หล่อนไม่ได้เป็นอะไรกับเขา และเขาก็ไม่ได้อยากเป็นอะไรกับหล่อนสักหน่อย
มะลิพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
“หม่อมฉันทราบพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทจามีลระบายยิ้มให้กับน้องชาย และก็เลยมาถึงหล่อน ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“งั้นพี่ขอตัวไปหาฮัสซันก่อนนะ ส่วนเจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆ”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”
ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ เดินผ่านหน้าตรงไปหาฮัสซันแล้ว เซรีมจึงลากแขนกลมกลึงของมะลิให้เดินตามมา
“นี่ปล่อยแขนหม่อมฉันนะเพคะ”
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”
“แต่หม่อมฉัน… เป็นห่วงฮัสซัน”
หล่อนบอกความเป็นกังวลออกไป เพราะตอนนี้ฮัสซันยังคงวิ่งเล่นอยู่เลย
“ฮัสซันจะปลอดภัยถ้าอยู่ที่นี่ ทุกคนจะดูแลเขาอย่างดี”
“แต่ก็คงไม่มีใครรู้ใจฮัสซันเท่ากับหม่อมฉันหรอกเพคะ”
เขาผลักหล่อนผ่านประตูเข้าไปแรงๆ ก่อนจะหันไปสั่งทหารสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องให้ปิดประตูให้
“ฟังฉัน”
เจ้าชายทะเลทรายยืนตรงหน้าของหล่อน ใบหน้าของเขาดุกระด้างจนน่ากลัว
นี่เขาโกรธอะไรหล่อนนักหนา หล่อนก็แค่อยากจะไปหาฮัสซันเท่านั้นเอง
“งั้นก็ทรงตรัสมาเพคะ หม่อมฉันจะได้ไปหาฮัสซัน”
“อย่าเอาฮัสซันมาอ้างเพียงเพราะอยากจะไปอ่อยพี่ชายของฉัน”
“ทรงตรัสว่าอะไรนะเพคะ?”
หล่อนแทบไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน
ผู้ชายที่ตัวโตกว่ามากหรี่ตาแคบมองหล่อน ดวงตาของเขามีกองไฟอยู่ในนั้นมากกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น
“พี่ชายของฉันมีผู้หญิงในดวงใจอยู่แล้ว และเธอก็ไม่มีอะไรคู่ควรเลยที่จะไปอ่อยพระองค์”
คราวนี้หล่อนเข้าใจความหมายของคำพูดของเซรีมได้อย่างชัดแจ้งแดงแจ๋เลยทีเดียว
“นี่เจ้าชายจะทรงประสาทหรือไงเพคะ หม่อมฉันเนี่ยนะคิดจะอ่อยพี่ชายของพระองค์”
“สติวิปลาส”
นี่หล่อนจะบ้าตาย กำลังเถียงกันอยู่แบบนี้ เขายังมีอารมณ์มีสอนคำราชาศัพท์ให้กับหล่อนอีกเหรอ
“นี่เจ้าชายทรงสติวิปลาสไปแล้วหรือไงเพคะ”
พอหล่อนพูดถูกต้อง เขาก็สวนกลับมาทันควัน
“ก็ฉันเห็นอยู่ว่าเธอยิ้มอ่อยให้กับพี่ชายฉัน”
“หม่อมฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นเพคะ”
“เธอทำสิ ฉันเห็นนี่ เห็นคาตาเลยละ” น้ำเสียงของเขาดังก้อง และเต็มไปด้วยความดุดัน
“ตรงไหนของกิริยาหม่อมฉันเพคะ ที่บอกให้เจ้าชายเข้าพระทัยว่าหม่อมฉันอ่อยพี่ชายของพระองค์”
หล่อนโต้กลับเสียงดุเดือดไม่แพ้กัน ก็หล่อนไม่ผิดนี่นา เขากำลังใส่ความหล่อนชัดๆ
MANGA DISCUSSION