หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนที่โอบรอบเอวของหล่อนเอาไว้ หัวใจเต้นแรงระรัวเป็นที่สุด ทำไมอยู่ใกล้เจ้าชายบ้าเลือดนี่ทีไร หล่อนจะต้องร้อนรุ่มทรมานแบบนี้ด้วย นี่หล่อนต้องการอะไรจากผู้ชายร่างยักษ์คนนี้กันนะ
“ปละ… ปล่อยค่ะ”
“เธอไม่อยากให้ฉันปล่อยหรอก มะลิ กรองอักษร”
หล่อนช้อนตามองเขาอย่างโมโห และก็อดไม่ได้ที่จะเค้นเสียงถามออกมา
“นี่ถามจริงๆ เถอะ คุณจะเรียกทั้งชื่อทั้งนามสกุลของฉันไปแบบนี้อีกนานไหมคะ”
“ทำไมล่ะ”
“มันยาว เรียกแค่มะลิก็พอ”
เขายิ้มเยาะ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ฉันจะเรียกเธอไปแบบนี้แหละ”
“ถ้าไม่เมื่อยปากก็ตามใจค่ะ”
หล่อนดิ้นรน แต่เขาไม่ยอมปล่อย แถมยังดันหล่อนกลับเข้ามาในห้องนอนที่ฮัสซันนอนอยู่อีกครั้ง ภายในความมืดสลัว ดวงตาสีทองของเขาวูบวาบระยิบระยับ
“ฉันว่าเธอควรจะหัดใช้คำราชาศัพท์ให้เป็นนะ”
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย ไม่เห็นจำเป็นสักหน่อย”
เซรีมระบายยิ้มบางๆ ดวงตาคมกริบตวัดกวาดมองดวงหน้าหวานในความมืดสลัว
“จำเป็นสิ เพราะเธอกำลังจะเดินทางไปอยู่ในประเทศที่ใช้คำราชาศัพท์กับกษัตริย์ผู้ครองแคว้น”
สายตาของเขาหรี่แคบมองมาไม่วางตา และอะไรบางอย่างที่บดเบียดอยู่ที่หน้าท้องก็เริ่มชูชัน หล่อนหน้าร้อนผ่าว เมื่อสมองร้องบอกว่าไอ้ที่กำลังตื่นตัวน่ะมันคืออะไร
งูไง… งูยักษ์ของเซรีม โอ้ พระเจ้า!!!
ทำไมมันใหญ่โตแบบนี้นะ?!!!
“และที่สำคัญ… เธออยู่ในฐานะผู้หญิงของฉัน ซึ่งเป็นเจ้าชายแห่งซาเรีย”
หล่อนเม้มปากแน่น หน้าตาแดงก่ำ ร้อนฉ่าไปทั้งตัว เนื้อตัวปั่นป่วนทรมาน และพยายามจะโก่งตัวหนี แต่ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งเสียดสีกับเจ้างูยักษ์ของเซรีม เห็นได้ชัดว่าเขาชะงักไปเล็กน้อย หน้าตาของเขาดุดันขึ้น ก่อนที่ใบหน้าหล่อจัดราวกับเทพบุตรจะโน้มต่ำลงมาหาจนชิดใกล้
“ยะ… อย่านะ…”
หล่อนรีบร้องห้าม เมื่อจดจำได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาเอาหน้ามาใกล้ๆ แต่ก็ไม่ทันการ เพราะปากร้อนจัดของเซรีมประกบนาบลงมาเสียก่อน
“อื้อ… อุ๊บบบบ”
นี่หล่อนยังไม่ได้ตบ ยังไม่ได้เถียง หรือยั่วโทสะของเขาเลย แล้วทำไมเขาถึงจูบหล่อนล่ะ คำถามนี้ดังก้องในหัว แต่มันก็ไม่มีคำตอบ เพราะสติค่อยๆ จางหายไป เมื่อรสจุมพิตซ่านลึกในทรวง
เจ้าชายทะเลทรายจูบเก่งแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ ทำไมแค่ถูกปากหยักสวยบี้บดเคล้าคลึง สติถึงได้กระเด็นหวือ หายวับไปในพริบตาแบบนี้ และก็ยังมีไอ้ความรู้สึกเสียวซ่านรัญจวนแทรกซึมเข้ามาในช่องท้อง และที่ซอกขา โอ้… พระเจ้าทำไมเหมือนมีความเปียกลื่นที่ซอกขาด้วยล่ะ ที่ตรงนั้นมัน…
มะลิตกใจตื่นตระหนกกับปฏิกิริยาของร่างกายตัวเอง แต่ก็ตกใจได้ไม่นาน เพราะพอถูกลิ้นใหญ่บุกรุกเข้ามาในอุ้งปาก รัดรึงลิ้นหวานดูดกลืนอย่างหิวกระหาย สมองของเธอก็ร้องเรียกหาแต่เขา แค่เจ้าชายเซรีมเพียงคนเดียวเท่านั้น
“อา… อ๊า…”
หล่อนเกลียดตัวเองจังที่ครางราวกับโสเภณีออกไปแบบนี้ แต่มนต์จุมพิตของเซรีมช่างร้ายกาจยิ่งนัก หญิงสาวผู้อ่อนด้อยในรสรักเช่นหล่อนไม่มีทางต้านทานได้ และก็ระทดระทวยจูบตอบเขาอย่างเงอะงะเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“อืมมมม”
เสียงครางในลำคอแกร่งดังแว่วออกมาให้ได้ยิน ปากร้อนจัดเลื่อนลงมาจูบไซ้ที่ซอกคอ เขาดูดเนื้อนุ่มแรงๆ หลายครั้ง ก่อนจะสอดมือหนาผ่านสาบเสื้อเข้ามา และกอบกุมเต้านมอวบ
“อ๊ะ…”
หล่อนตกใจ แต่พอถูกเขาบดขยี้ปากลงมาหาอีกครั้ง พร้อมๆ กับการขยำเนื้อนุ่มหนักหน่วง หล่อนก็หมดแรงกายที่จะต้านทานในทันที ปากอิ่มเผยอปากจูบตอบจุมพิตตะกละตะกลามของเซรีมอย่างกระตือรือร้น และทุกอย่างก็คงจะเดินหน้าต่อไปจนกระทั่งถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้ง หากไม่มีเสียงงัวเงียของฮัสซันดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เจ้าชายกับน้ามะลิทำอะไรกันเหรอครับ”
หล่อนจำได้ว่าเซรีมดีดตัวห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าผิวกายของหล่อนคือก้อนถ่านติดไฟร้อนระอุ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
นี่เขาทำได้ยังไงกันนะ ทำเหมือนกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไงกัน
มะลิมองเซรีมที่เดินวกกลับไปยังเตียงนอนของฮัสซันด้วยความทึ่งจัด ก่อนจะสมเพชตัวเองไม่น้อย
“ฮัสซันนอนนะครับ”
หล่อนปล่อยให้เซรีมกล่อมฮัสซันต่อไปคนเดียว โดยตัวเองรีบกัดฟันเดินหนีออกมา
ร่างสาวอ่อนระทวยเดินโซซัดโซเซกลับมานั่งบนเก้าอี้ประจำของตัวเองบนเครื่องบิน มือเล็กอดที่จะยกขึ้นแตะปากอิ่มที่เพิ่งถูกบดขยี้ไม่ได้ ความรู้สึกร้อนฉ่าที่ถ่ายทอดมาจากริมฝีปากกระด้างของเซรีมยังคงติดตรึงอยู่ และหล่อนก็ลุ่มหลงมันเหลือเกิน
บ้าจริง ทำไมหล่อนจะต้องรู้สึกแบบนี้กับเจ้าชายไร้หัวใจอย่างเซรีมด้วยนะ
ขณะที่หล่อนกำลังนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขาก็เดินกลับออกมาเช่นกัน หล่อนรีบก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่ทอดมองมาของเขาทันที แก้มนวลยังคงแดงระเรื่อด้วยความอับอาย
เซรีมเดินมาหยุดใกล้ๆ มะลิที่กำลังหลับตาอยู่ และก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย็นชา
“เรื่องเมื่อกี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรู้สึก แต่มันเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ ดังนั้นอย่าเก็บมันมาคิดให้รกสมอง เราสองคนไม่มีทางลงเอยกันได้ และที่ฉันพาเธอมาด้วยก็เพราะฮัสซัน นี่คือเหตุผลเดียว”
แล้วเจ้าชายจอมโอหังก็หมุนตัวเดินกลับไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง โดยที่หล่อนทำได้แค่มองตามไปด้วยความกรุ่นโกรธเพียงเท่านั้น
“ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเราจะลงเอยกันได้เหมือนกันนั่นแหละ อย่ามาหลงตัวเองหน่อยเลย!”
หล่อนคงจะผล็อยหลับใหลและหลับลึกไปนานหลายชั่วโมงเลยละ เพราะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงตื่นเต้นของฮัสซันดังอยู่ไม่ห่างตัวนัก
มะลิค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพแรกที่หล่อนเห็นก็คือฮัสซันนั่งอยู่บนตักของเซรีม และชี้ไม้ชี้มือไปที่หน้าต่างของเครื่องบิน
“ผมเพิ่งเคยเห็นทะเลทรายครั้งแรกครับเจ้าชาย สวยจังเลย เหมือนสีทองเลยครับ”
“ต่อไปนี้ฮัสซันจะได้เห็นทุกวันจนเบื่อไปเลยละครับ” เซรีมบอกเสียงนุ่มกับฮัสซัน
เด็กน้อยหันมามองหล่อน และยิ้มกว้างให้ “น้ามะลิชอบทะเลทรายไหมครับ”
หล่อนอยากจะตอบออกไปว่าไม่ชอบ และเกลียดมากๆ โดยเฉพาะเจ้าชายทะเลทราย แต่ก็ทำอย่างที่ใจต้องการไม่ได้ ทำได้แค่เพียงฝืนยิ้มและตอบอ้อมโลก
“ก็… น่าจะสนใจดีนะจ๊ะ”
ฮัสซันดิ้นลงจากตักของเซรีม และวิ่งมาหาหล่อน
“เจ้าชายบอกผมว่าที่นี่มีอูฐด้วยครับ น้ามะลิไปขี่อูฐกับผมนะครับ”
“เอ่อ…”
“นะครับ”
หล่อนอยากจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาวิงวอนของเด็กชายตัวน้อยแล้วก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้
“ได้จ้ะ ฮัสซัน”
“เย้… ผมดีใจที่สุดเลยครับ”
“ฮัสซันมานั่งกับเราเถอะ เครื่องบินกำลังจะแลนดิ้งแล้ว”
“ครับเจ้าชาย” ฮัสซันวิ่งกลับไปนั่งข้างๆ กับเซรีมเหมือนเดิม
มะลิขยับตัวมองออกไปนอกหน้าต่างของเครื่องบิน ทะเลทรายสีทองกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว หล่อนเผลอตัวระบายยิ้มออกมา เมื่อแสงสีทองระยิบระยับสะท้อนเข้ามาในดวงตา
“สวยจัง…”
หล่อนพึมพำออกมาอย่างลืม และพอนึกได้ก็รีบละสายตาจากความสวยงามของเม็ดทรายนั้นทันที
ใช้เวลาเพียงไม่นาน เครื่องบินส่วนตัวของเจ้าชายเซรีมก็ลงจอดอย่างนิ่มนวลภายในสนามบินของอาณาจักรซาเรีย ประเทศแดนทรายที่หล่อนไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสได้เดินทางมาเยือน
เหล่าองครักษ์ทำความเคารพเจ้าชายเซรีม เมื่อเขากับฮัสซันเดินผ่านไป หล่อนรีบเดินตามลงจากเครื่องบินไปด้วย ก่อนจะต้องห่อปากด้วยความตื่นตาตื่นใจ เมื่อเห็นพรมสีแดงปูเอาไว้ที่บันไดขั้นสุดท้ายของเครื่องบิน
โอ้… นี่มันราวกับหนังบอลลีวูดไม่มีผิด
หล่อนเดินขาสั่นๆ ก้าวลงไปเหยียบพรมหนาสีแดงที่ราคาน่าจะแพงกว่าบ้านทั้งหลังของหล่อนเสียอีกด้วยความตื่นตระหนก ภาวนาให้รองเท้าของหล่อนไม่เปื้อนคราบสกปรกติดมาด้วย เพราะหากทำพรมสีสวยเปื้อนเปรอะ หล่อนอาจจะต้องทำงานเลี้ยงอูฐอยู่ที่นี่ตลอดทั้งชาติเพื่อชดใช้ค่าเสียหายก็ได้
เหล่านางกำนัล องครักษ์ รวมถึงทหารเป็นกองร้อยมายืนรอต้อนรับเซรีมและฮัสซันด้วยความเคารพยำเกรง หล่อนเดินก้มหน้าตามเจ้าชายหนุ่มไปติดๆ ก่อนจะต้องอุทานตกใจเมื่อเขาหยุดเดินกะทันหัน และหล่อนเบรกไม่ทันจึงชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างของเขาเข้าเต็มแรง
“ขอ…โทษค่ะ”
หล่อนรีบกล่าวขอโทษด้วยความตื่นตกใจ และรีบถอยออกห่างหลายก้าว ในขณะที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับหล่อนเลย เซรีมหันไปคุยกับข้าราชบริพารสักสามคนอยู่หลายนาทีก็จูงมือฮัสซันก้าวเดินต่อไป หล่อนรีบเดินแกมวิ่งตามไปติดๆ
MANGA DISCUSSION