จ้าวเสี่ยวกังถือเงินมาที่คณะกรรมหมู่บ้านและหาจ้าวหวู่เจอในไม่ช้า
และในเวลานี้จ้าวหวู่กำลังประชุม จุดประสงค์หลักของการประชุมคือเรื่องที่สัญญากับจ้าวเสี่ยวกัง เพิ่มจ้าวเสี่ยวกังเข้ามาในคณะกรรมการหมู่บ้าน หลังจากนั้นให้จ้าวเสี่ยวกังอยู่ในตำแหน่งสมาชิกทดลองงาน สังเกตสักพักหนึ่งก่อน ถ้าหากมีผลงานที่ดีต่อสังคมและหมู่บ้านค่อนข้างมาก จากนั้นเขาก็ตัดสินใจแนะนำจ้าวเสี่ยวกังให้เป็นสมาชิก
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงเลยก็คือถูกปิดกั้นตั้งแต่เริ่มต้นของการประชุม อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดเลยก็คือเฉินฉางฉู่ที่มักจะไม่พอใจจ้าวเสี่ยวกังรวมหัวกับคนหลายคนคัดค้าน เหตุผลของการคัดค้านนั้นง่ายมาก นั่นก็คือจ้าวเสี่ยวกังยังเด็กเกินไป คุณสมบัติน้อยเกินไป นอกจากนี้ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆได้
ช่วงเวลาที่ในห้องประชุมมีการต่อล้อต่อเถียงกันอย่างไม่หยุด จ้าวเสี่ยวกังเปิดประตูใหญ่ของห้องประชุมออก
จ้าวหวู่ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นจ้าวเสี่ยวกังยืนอยู่ที่ประตู เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเอกจะปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤติ
เมื่อเห็นสายตาของทุกคนต่างพากันมองมาที่ตัวเอง ช่วงเวลาหนึ่งจ้าวเสี่ยวกังไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่ว่าเขากลับไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดแล้วเขากำลังทำเรื่องดี ไม่ใช่มาสร้างปัญหาให้คนเหล่านี้
“เสี่ยวกัง นายมาได้ยังไง? มีเรื่องอะไรเหรอ?”
สิ้นสุดเสียงของจ้าวหวู่ เฉินฉางฉู่ที่นั่งอยู่ตรงหน้ากลังพูดอย่างดูถูก :”ยังสามารถมีเรื่องอะไรได้อีก? นอกเสียจากต้องการมาสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ต้องการมาทำสัญญาเช่าที่ดินพื้นไหนอีกแล้วสินะ”
สำหรับคำพูดของเฉินฉางฉู่ จ้าวเสี่ยวกังได้ยินแล้วเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย กลับไม่สนใจอีกฝ่าย แต่มองไปทางจ้าวหวู่และพูด :”ลุงจ้าว ผมอยากแสดงความคิดเห็น ไม่รู้ว่าลูงจ้าวอนุญาตไหม”
เมื่อจ้าวหวู่ได้ยินคำพูดนี้ ไม่มีการขมวดคิ้ว มองดูคนที่อยู่ข้างล่างมากมายสักพัก หลังจากนั้นหัวเราะและพูด :”เสี่ยวกัง เข้ามาสิ มีเรื่องอะไรนายพูดมาได้เต็มที่เลย มีความคิดเห็นอะไรพูดมาได้เลย วันนี้ฉันเรียกทุกคนของคณะกรรมการหมู่บ้านของพวกเรามาพอดีเลย นอกจากนี้กำลังคุยกันเรื่องการเพิ่มนายเข้ามาในคณะกรรมการหมู่บ้านของพวกเรา ตอนนี้มันเป็นโอกาสที่นายต้องทำให้ทุกคนมองนายใหม่อีกครั้ง นายพูดมาได้เลย ทุกคนจะเสนอไอเดียให้นายด้วยกัน”
จ้าวเสี่ยวกังคิดไม่ถึงเลยว่าการประชุมในวันนี้จะจัดขึ้นเพื่อเรื่องของเขา เพียงแต่เขาก็มองเห็นเช่นกันว่าจ้าวหวู่ขมวดคิ้วเอาไว้แน่น แน่นอนก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องถูกปิดกั้น
“แหะแหะ ผมก็แค่รู้สึกว่าถนนในหมู่บ้านของพวกเราควรได้รับการซ่อมแซมสักหน่อยใช่ไหม มิฉะนั้น คนในหมู่บ้านของพวกเราจะต้องเดินไปตามถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อเป็นเวลานาน เสียเวลาอย่างมากในการขับเกวียนวัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีการพัฒนาชนบทใหม่ในหมู่บ้านของพวกเราในอนาคต”
“เสี่ยวกัง ปัญหาที่นายพูดมาพวกเรามีการคุยกันในก่อนหน้านี้แล้ว ไม่มีเงินทุนจริงๆ การชุบแข็งด้วยซีเมนต์นั้น อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เงินหนึ่งแสนหยวน มีค่าคนงาน และยังมีค่าเครื่องจักรและวัสดุทั้งหมดที่ฉันยังไม่ได้รวมเข้าไปเลยด้วยซ้ำ ถ้าหากรวมค่าคนงานและเครื่องจักเข้าไป และยังมีค่าวัสดุเกรงว่าน่าจะสูงถึงสามสี่แสนหยวนเลยนะ เพียงแต่ถ้าหากใช้ปูนซีเมนต์ธรรมดาอย่างเดียวเท่านั้นยังพอทำได้ ก็แค่สิบหยวนหนึ่งถุงก็สามารถซื้อได้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหมู่บ้านของพวกเราจน”
เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวหวู่ ภายในใจของจ้าวเสี่ยวกังมีการคำนวณไว้แล้ว ในเวลาเดียวกันก็เซอร์ไพรส์เล็กน้อย เดิมทีเขาต้องการใช้เงินห้าหมื่นหยวนเพื่อซ่อมแซมถนนใหม่อีกครั้ง แต่ว่าเพียงแค่เพิ่มเงินอีกห้าหมื่นหยวนก็สามารถทำเป็นถนนปูนซีเมนต์ได้แล้ว สิ่งนี้มีประโยชน์สำหรับเขาอย่างแน่นอน
เฉินฉางฉู่มองไปที่จ้าวเสี่ยวกังอย่างเหน็บแนมและพูด :”ผมก็บอกแล้วไงเขามาไม่มีเรื่องอะไรหรอก ก็แค่มาหาเรื่องให้พวกเรา ยังคงอายุน้อยเกินไป เอาแต่คิดนุ่นคิดนี่ ต้องการเข้ามาเป็นคณะกรรมการผมคัดค้านอย่างแน่นอน”
เมื่อจ้าวเสี่ยวกังได้ยินคำพูดนี้ การขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา เขาไม่อยากจะสนใจอีกฝ่าย และคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินฉางฉู่จะมาเหยียบจมูกของตัวเอง
“ลุงเฉิน ผมมาหาลุงจ้าวเพื่อขอคำปรึกษา สอบถาม ผมเพียงแค่แสดงความคิดเห็น ในสายตาของคุณเป็นการสร้างปัญหาเหรอ? ผมอายุน้อยก็จริง แม้ว่าผมอายุยังน้อยแต่ผมก็ไม่เคยทำเรื่องที่ขโมยเห็ดสนของคนอื่น และคนในหมู่บ้านของตัวเองล้วนแล้วมีการใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ถ้าหากคุณไม่ชอบก็ขอเชิญคุณออกไปได้เลย วันนี้ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อหมู่บ้านบางจื่อ อยากช่วยให้คนในหมู่บ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น อยากรวยจำเป็นต้องสร้างถนนก่อนเหตุผลนี้คุณเข้าใจบ้างไหม? ถ้าหากเรื่องเล็กๆแบบนี้คุณก็ไม่เข้าใจ ผมคิดว่าคนสายตาสั้นอย่างคุณไม่คู่ควรที่จะอยู่ในคณะกรรมการหมู่บ้านของหมู่บ้านบางจื่อ”
ถูกจ้าวเสี่ยวกังตำหนิแบบนี้ เฉินฉางฉู่โกรธทันทีจนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี
“ไอ้เด็กเวร สะพานที่ฉันข้ามมากกว่าถนนที่นายเดิน นายไม่ต้องมาพูดจาอวดเก่งมากเกินไป เด็กน้อยอย่างนายคนเดียวยังมีความคิดอยากจะชักจูงให้คนในหมู่บ้านรวยงั้นเหรอ? นายพูดแบบนี้ออกมาไม่กลัวฟ้าผ่าลิ้นเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าจ้าวเสี่ยวกังและเฉินฉางฉู่ทะเลาะกันอย่างรวดเร็ว จ้าวหวู่กำลังจะเปิดปากพูดห้าม แต่ว่ายังไม่ทันรอให้เขาเปิดปากจ้าวเสี่ยวกังก็เปิดปากพูดก่อนแล้ว
“ลุงเฉิน เอาแบบนี้พวกเรามาพนันกันไหม โอเคไหม? กล้าไหม?”
คำพูดอย่างกะทันหันของจ้าวเสี่ยวกังทำให้คนมากมายที่อยู่ในสถานที่สงสัย พวกเขาล้วนแล้วไม่เข้าใจภายในใจของจ้าวเสี่ยวกังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าสำหรับเรื่องของการพนันแล้วพวกเราล้วนแล้วอยากเข้าร่วมด้วย
“นายอยากพนันอะไร? ไม่บอกว่าพนันอะไรก็อยากให้ฉันพนันกับนายเหรอ? ความฉลาดอันน้อยนิดของนายฉันขอเตือนให้นายเก็บกลับไปดีกว่า”
เฉินฉางฉู่มองจ้าวเสี่ยวกังด้วยความดูถูกอย่างมารก ทุกครั้งที่นึกถึงจ้าวเสี่ยวกังไม่รับซื้อเห็ดสนของเขาด้วยความหยิ่งผยอง ภายในใจของเขาก็ลุกเป็นไฟ
“แหะแหะ คุณบอกว่าผมไม่สามารถพาหมู่บ้านไปสู่ความร่ำรวยได้ ในเรื่องนี้มันยังอีกยาวไกล มันพูดยากนิดหน่อย อย่างนั้นพวกเรามาพูดเรื่องของการอยากรวยต้องซ่อมถนนก่อนดีกว่า ใช้เรื่องของฉันอยากซ่อมถนนให้กับหมู่บ้านมาพนันกันเป็นยังไง?”
“ห๊ะ? ความหมายของนายคือนายอยากช่วยหมู่บ้านซ่อมถนน? นายสามารถเอาเงินหนึ่งแสนหยวนออกมาได้เหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าเฉินฉางฉู่มีข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับจ้าวเสี่ยวกัง จ้าวเสี่ยวกังรับซื้อเห็ดสนได้แค่กี่วันเอง? จะมีเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร?
“แหะแหะ เรื่องนี้คุณอย่าสนใจดีกว่า ผมจะถามว่าคุณกล้าพนันไหม ถ้าหากไม่กล้าหลังจากนี้ไปคุณเจอผมรบกวนช่วยหุบปากเงียบดีกว่า ไม่มีอะไรก็อย่าหาเรื่อง ถ้าหากพนัน ฉันชนะแล้ว คุณช่วยไสหัวออกไปจากคณะกรรมของหมู่บ้าน ถ้าหากฉันแพ้แล้ว จ่ายเงินห้าหมื่นหยวนกับคุณโดยตรง โอเคไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาทั้งคู่ของเฉินฉางฉู่เป็นประกายทันที ต้องการซ่อมถนนมันเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน เขาอยู่ในหมู่บ้านบางจื่อมาเกือบทั้งชีวิตแล้ว ไม่เคยเห็นจ้าวหวู่ทำเรื่องของบประมาณซ่อมถนนสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้เพียงแค่จ้าวเสี่ยวกังที่มีอายุสิบแปดสิบเก้าที่ขนยังขึ้นไม่หมดคนเดียว อย่างนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะชนะการพนันห้าหมื่นหยวนแล้วเหรอ
“ได้ เพียงแต่นายกับลุงต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรทันที ไม่อย่างนั้นถึงเวลานั้นเด็กอย่างนายไม่ทำตามสัญญา ลุงจะไปเอาเงินกับใคร?”
“แหะแหะ ในเรื่องนี้ลุงเฉินกับผมมีความคิดเดียวกัน ผมก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่พอดีเลย ผมยังคงต้องรบกวนพี่ๆน้าๆทุกคนที่อยู่ในสถานที่ช่วยลงชื่อเป็นพยานให้กับพวกเราด้วย ฉันกลัวว่าถึงเวลานั้นฉันทำสำเร็จจริงๆ มีใครบางคนจะไม่ไสหัวออกจากคณะกรรมอย่างไร้ยางอาย”
เฉินฉางฉู่รู้ว่าจ้าวเสี่ยวกังกำลังพูดถึงเขาอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นไม่พอใจและฮึอย่างเย็นชา
“นายอย่าเอาแต่แซะคนอื่นดีกว่า รีบจัดการได้แล้ว ฉันอยากจะดูนักว่าวันนี้เด็กอย่างนายจะสามารถทำอะไรได้”
หลังจากพูดจบ เฉินฉางฉู่ขอกระดาษและปากกาจากจ้าวหวู่และเขียนข้อตกลงการพนัน หลังจากนั้นให้จ้าวหวู่เป็นคนลงชื่อว่าเป็นพยานเห็นด้วยก่อน ต่อจากนั้นให้ทุกคนรอบตัวเขาลงชื่อ
MANGA DISCUSSION