กลิ่นหอมฉุนของปลาช่วยกระตุ้นต่อมรับรส บวกกับกลิ่นหอมของสมุนไพร ทั้งสองอย่างรวมกันได้อย่างลงตัว ถึงกับทำให้จ้าวเสี่ยวกังลืมกลิ่นหอมของเหล้าที่อยู่ในมือของหนิวกึงเซิงทันที
ไม่นานจ้าวเสี่ยวกังก็ดื่มน้ำซุปปลาที่อยู่ในถ้วยจนหมด
หนิวเกิงซึงก็คิดไม่ถึงว่าจ้าวเสี่ยวกังจะกินเยอะขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจัดให้จ้าวเสี่ยวกังแบบถ้วยใหญ่ แต่ปรากฏว่าหลังจากที่จ้าวเสี่ยวกังดื่มหมดไปแล้วสองถ้วย เขายังคิดจะต่ออีก
ซึ่งมันทำให้หนิวเกิงซึงต้องรีบไปแบ่งส่วนของตัวเองออกมาก่อนทันที
"แหะแหะ ปู่หนิว หรือไม่คุณสอนผมทำซุปปลาหม้อนี้หน่อยเป็นยังไง? มันอร่อยมากเลย"
"ฮึ่ม อยากเรียน ต้องดูอารมณ์ของฉันด้วย วันไหนฉันอารมณ์ดีแล้วค่อยสอนนาย หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว รีบไปนั่งศึกษาเส้นเลือดในร่างกายของมนุษย์ที่ตรงนั้น"
จ้าวเสี่ยวกังมองไปตามทิศทางที่หนิวเกิงซึงชี้ด้วยความสงสัยเล็กน้อย เป็นเพียงที่ตรงนั้นมีกระดานสีดำไปตั้งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และบนกระดานดำมีรูปภาพของร่างกายมนุษย์ที่ถูกวาดด้วยสีชอล์กซึ่งมีการระบุจุดต่างๆของเส้นเลือดไว้อย่างละเอียด หรือแม้กระทั่งกระดูกก็มีการวาดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"ปู่หนิว คุณเป็นคนวาดเหรอ?"
"ไร้สาระ ในบ้านนี้นอกจากฉันแล้วก็มีนาย ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนวาดหรือนายเป็นคนวาด? รีบไปศึกษาได้แล้ว แล้วก็ไปหยิบตำราหวงตี้เน่ยจงที่อยู่บนชั้นวางหนังสือชั้นแรกช่องที่สามมาเรียนควบคู่ไปด้วย จำได้หมดเมื่อไหร่ฉันค่อยสอนความรู้เกี่ยวกับทางด้านประสาทให้กับนาย"
นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสี่ยวกังเคยได้ยินเกี่ยวกับการเรียนรู้ทางด้านประสาทสัมผัส โดยเฉพาะยังเป็นถึงการแพทย์จีน
"แหะแหะ ปู่หนิว ทักษะการวาดรูปของคุณก็ถือว่าใช้ได้ หรือไม่ก็สอนผมไปด้วยเลย"
"นายเข้าใจคำว่าโลภมากจะทำให้เสื่อมหรือเปล่า? นายทำความเข้าใจกับเรื่องของสมุนไพรและเส้นเลือดบนร่างกายให้ได้หมดก่อนแล้วค่อยว่ากัน"
"แหะแหะ ปู่หนิวคุณวางใจเถอะ ผมเป็นคนที่เรียนรู้เร็ว เรื่องชีพจรที่คุณสอนผมครั้งก่อนผมจำได้จนเกือบหมดแล้ว"
ความสามารถในการมองเห็นแล้วไม่เคยลืมของจ้าวเสี่ยวกัง หนิวเกิงซึงก็เข้าใจเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถเทียบกับการมองเห็นแล้วไม่เคยลืมในตำนาน แต่ความจำของเขาถือว่ายอดเยี่ยมจนน่าสะพรึงกลัว แต่เรื่องของชีพจรไม่ได้ขึ้นอยู่กับความจำอย่างเดียวก็จะสามารถทำความเข้าใจได้
"นายอย่าเพิ่งได้ใจไป นายไปหาจุดชีพจรกวงหยวน(ใต้สะดือ)ออกมาให้ฉันดูหน่อยว่ามันอยู่ตรงไหน"
สำหรับจุดชีพจรกวงหยวนเป็นจุดที่สำคัญมากในร่างกายของมนุษย์ โดยเฉพาะสำหรับผู้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ในยุทธภพ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการฝึกฝนจุดชีพจรกวงหยวน ถึงแม้หนิวเกิงซึงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทักษะด้านการแพทย์ แต่สำหรับความเข้าใจเกี่ยวกับจุดชีพจรกวงหยวน เขารู้จักข้อดีและข้อเสียของมันดีกว่าใคร
จ้าวเสี่ยวกังคิดไม่ถึงว่าหนิวเกิงซึงจะทดสอบเขาเดี๋ยวนี้เลย แต่เขาก็เดินตรงเข้าไปหากระดานดำแล้วชี้จุดชีพจรกวงหยวนออกมาได้อย่างแม่นยำ
เมื่อเห็นจ้าวเสี่ยวกังสามารถชี้จุดชีพจรกวงหยวนออกมาได้อย่างถูกต้อง หนิวเกิงซึงเริ่มสั่งให้จ้าวเสี่ยวกังหาจุดชีพจร จุดชีพจรซ่าวไห่ ซ่าวหยาง ตูม่าย เสวี่ยไห่ จูซานลี่ ไท่ชง และถึงขั้นยังสั่งให้จ้าวเสี่ยวกังหาจุดตายที่ซ่อนอยู่ในร่างกายออกมา อย่างเช่นจุดชีพจรเทียนจู้ เฟิงฝู่ ตังหยางเป็นต้น
หลังจากที่ผ่านการทดสอบ เขาพบว่าจ้าวเสี่ยวกังสามารถจดจำจากบทเรียนที่เขาเคยสอนก่อนหน้านี้ได้แล้วถึงสิบในเก้า ส่วนที่จ้าวเสี่ยวกังชี้ออกมาไม่ได้ เป็นเพราะส่วนใหญ่แล้วเขาไม่เคยเรียน หรือไม่ก็มันซับซ้อนเกินไป
เมื่อเห็นทักษะการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยมของจ้าวเสี่ยวกัง หนิวเกิงซึงรู้สึกพึงพอใจมาก
คนอื่นเรียนทักษะการแพทย์ต้องใช้เวลาเป็นสิบปี เขารู้สึกว่าจ้าวเสี่ยวกังที่ฉลาดและไหวพริบดีแบบนี้คงจะใช้เวลาไม่เกินสามหรือห้าปีก็ถึงว่าเรียนได้พอประมาณแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดคือจ้าวเสี่ยวกังไม่เพียงแค่ความจำดีเท่านั้น และเขายังเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียในบางส่วนของจุดชีพจร ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถึงขั้นสามารถจดจำการความลึกในการฝังเข็มแต่ละจุด
"ดี ดี ดี ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ไปศึกษาตำราหวงตี้เน่ยจงให้ดีก่อน ทางที่ดีศึกษาทุกอย่างที่อยู่ในนั้นให้เข้าใจอย่างละเอียด หลังจากที่เข้าใจหมดแล้วฉันจะสอนความรู้ทางประสาทสัมผัสในร่างกายมนุษย์ให้กับนาย ความรู้ทางด้านนี้ถึงจะเป็นของที่สามารถช่วยปกป้องชีวิตได้ของจริง"
"ปกป้องชีวิต? ปกป้องชีวิตยังไง?"
นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสี่ยวกังได้ยินหนิวเกิงซึงพูดถึงวิธีการปกป้องชีวิต ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่สอนเรื่องเกี่ยวกับจุดชีพจรหรือสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรค คิดไม่ถึงว่าจะมีวิธีการปกป้องชีวิตอยู่จริง
"เหอเหอ อยากรู้มากขนาดนั้นเลยเหรอ?"
จ้าวเสี่ยวกังมองดูสิหน้าท่าทางที่มีชายของหนิวเกิงซึง เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาทันที แต่มันไม่ดียังไงเขาก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน
"อืม อยากรู้"
ทันทีที่จ้าวเสี่ยวกังเพิ่งพูดจบประโยค หนิวเกิงซึงก้มลงหยิบก้อนหินก้อนเล็กที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วขว้างไปทางจ้าวเสี่ยวกัง จ้าวเสี่ยวกังที่ไม่ทันได้ตั้งตัว โดนก้อนหินของหนิวเกิงซึงขว้างใส่หัวเข่าของเขาอย่างจัง
ทันใดนั้น จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกได้ว่าขาทั้งข้างของเขาเริ่มชาขึ้นมาทันที ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากนั้นยังตามมาด้วยความเจ็บปวด มันเหมือนกับว่ามีอะไรไปอุดเส้นเลือดที่อยู่ตรงขาของเขาจนหมด
"คราวนี้รู้หรือยัง? นายคิดว่าของแบบนี้สามารถปกป้องชีวิตตัวเองได้หรือเปล่า?"
หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ จ้าวเสี่ยวกังถึงกับอึ้ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความรู้ทางด้านชีพจรจะมีประโยชน์มากขนาดนี้ และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหนิวเกิงซึงจะขว้างก้อนหินได้แม่นขนาดนี้
"ปู่หนิว ผมรู้แล้ว ผมรู้แล้ว ว่าแต่จะทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมยังไง ตอนนี้ผมรู้สึกว่าขาทางข้างของผมไม่มีความรู้สึกแล้ว"
"แค่นวดจุดชีพจรเสวี่ยไห่(เลยหัวเข่าขึ้นมานิดหน่อย)สักพักก็จะหายเป็นปกติเอง ถ้าไม่นวดก็ไม่เป็นไร หลังจากนี้อีกครึ่งชั่วโมงมันก็จะหายเป็นปกติของมันเอง"
จ้าวเสี่ยวกังที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้รีบหาจุดชีพจรเสวี่ยไห่ของตัวเองแล้วเริ่มลงมือนวดทันที
หลังจากที่สัมผัสได้ว่าเริ่มสามารถควบคุมขาตัวเองได้แล้ว ภายในใจของจ้าวเสี่ยวกังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความกลัวเล็กน้อย
เขาคิดไม่ถึงว่าหนิวเกิงซึงจะเป็นคนที่ร้ายกาจมากขนาดนี้ ถ้าหากหนิวเกิงซึงต้องการจะเอาชีวิตของเขา แบบนี้มันไม่ใช่ว่าเป็นเพียงแค่ปัญหาของก้อนหินลูกเล็กไม่กี่ก้อนหรอกเหรอ?
เมื่อก่อนเขาคิดว่าสามารถอาศัยความกล้าที่ไม่กลัวตายของตัวเองสู้กับคนอื่นเพื่อตัดสินความเป็นความตาย แต่มาลองนึกย้อนดูแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองโง่มาก
ก่อนหน้านี้มีที่สามารถบินได้ และยังมีผู้ชายที่อยู่ด้านหลังของเจียงจิ่วโจว ถ้าหากเขาเจอกับคนแบบนี้ ถึงแม้เขาจะมีสักสิบชีวิตก็ไม่พอแน่นอน
ยิ่งคิดจ้าวเสี่ยวกังก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยังห่างชั้นจากคนอื่นมากเหลือเกิน ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่ามีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความสามารถด้วย
มองดูจ้าวเสี่ยวกังที่กลับมาเป็นปกติแล้ว หนิวเกิงซึงยกเหล้าขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก หลังจากนั้นยิ้มแล้วพูด "ไอ้หนู คราวนี้เข้าใจถึงข้อดีที่เรียนกับฉันหรือยัง?"
มีเหรอที่จ้าวเสี่ยวกังจะไม่เข้าใจ เขาเข้าใจมากเลยด้วย
"แหะแหะ ปู่หนิววางใจได้ ผมจะตั้งใจเรียน ตอนนี้ผมไม่อยากเรียนแค่ผิวเผินแล้ว ผมต้องการเรียนรู้ความรู้ทุกอย่างจากคุณ ต่อไปผมจะหาสถานที่ที่สงบสุขซ่อนตัวเหมือนคุณ หลังจากนั้นพาลูกและเมียไปใช้ชีวิตแบบสวรรค์บนดิน"
หลังจากที่เพิ่งพูดจบ หนิวเกิงซึงถึงกับสำลักเหล้าทันที
"แค๊กๆๆ……..ไอ้ตัวเหม็น ที่ฉันสอนนายเพื่อให้นายไปซ่อนตัวเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันไม่สอนนายซะจะดีกว่า หลังจากที่แกเรียนรู้จนหมดแล้วต้องเดินเข้าไปในสังคม รู้หรือเปล่าอะไรคือเดินเข้าไปในสังคม? หลังจากที่เดินเข้าไปในสังคมแล้วฉันจะให้นายไปท้าฝีมือกับคนคนหนึ่ง ถ้าชนะจะมีผลประโยชน์มากมายตามมา แต่ถ้าแพ้นายก็รับกรรมเอาเอง"
จ้าวเสี่ยวกังคิดไม่ถึงว่าหนิวเกิงซึงจะมีเงื่อนไขแบบนี้ด้วย และอีกอย่างคนที่หนิวเกิงซึงจะให้เขาไปท้าฝีมือต้องไม่ใช่คนธรรมดาที่ไร้ชื่อเสียงอย่างแน่นอน
MANGA DISCUSSION