เห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายบนใบหน้าของเฟิงเซียงหรุ เจิ้งจื่อหรุรู้ได้ในทันทีว่าเขาต้องมีแผนร้ายอะไรอีกแน่นอน
“คุณอยากจะคุยเรื่องอะไร?”
เมื่อได้ยินเจิ้งจื่อหรุพูดแบบนี้ เฟิงเซียนหรุถึงกับยิ้มกว้างทันที
“เหอเหอ หรือไม่ผมแบ่งส่วนแบ่งของกุ้งก้ามแดงของผมให้กับพวกคุณอีกหนึ่งส่วน ส่วนเหล้าไหนี้พวกเราไม่ต้องดื่มแล้ว เป็นยังไง?”
“ฮืม? เหล้าเฟิง นี่คุณคิดว่าผมเป็นคนโง่หรือยังไง? กุ้งก้ามแดงแค่นั้นของคุณมันมีค่าเท่ากับเหล้าไหนี้เหรอ? แผนของคุณมันใช้กับผมไม่ได้หรอก คุณลองไปถามเสี่ยวหลิวดีกว่า เสี่ยวหลิวเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบดื่มเหล้า บางทีอาจจะได้ผลกับเขา”
เจิ้งจื่อหรุเพิ่งจะพูดจบประโยค หลิวหรุยี่เริ่มยิ้มขึ้นมาทันที
“พี่เฟิง ถึงแม้ผมจะไม่ได้ชอบดื่มเหล้ามากขนาดนั้น แต่ผมก็รู้จักสำนวนที่ว่าเหล้าชั้นเลิศไม่ได้หาได้ทุกวัน ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องดื่มสักแก้ว นี่มันเป็นสิ่งของดีที่เงินหาซื้อไม่ได้”
“ฮื่ม พวกคุณสองคนนี่มันเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าจิ้งจอกเสียอีก ช่างเถอะ จำคำพูดของพวกคุณเอาไว้ ผมคือผู้รับเหมากุ้งก้ามแดงรายใหญ่”
เจิ้งจื่อหรุมองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเฟิงเซียงหรุ เขาถึงกับหัวเราะออกมาทันที การที่ได้เห็นเฟิงเซียงหรุเป็นแบบนี้เขารู้สึกอารมณ์ดีมาก ปกติแล้วเฟิงเซียงหรุเป็นคนรอบคอบ โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรเขาก็ไม่เคยต้องขาดทุน และเนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมากเกินไป บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนของผู้หญิง
“เสี่ยวกัง รีบไปเอาแก้วมาสองใบ พวกเราขอดื่มก่อนสักสองสามแก้ว หลังจากนั้นค่อยแบ่งเหล้าที่อยู่ในไหให้กับพวกเราทุกคนเท่ากันก็พอ ฉันกับเสี่ยวหลิวคนละหนึ่งลิตรครึ่ง ส่วนที่เหลือเก็บไว้ให้เหล่าเฟิงก็แล้วกัน”
จ้าวเสี่ยวกังที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ยากที่จะตัดสินใจ อย่างไรก็ตามเขาได้มอบเหล้าให้กับเฟิงเซียงหรุไปแล้ว จะแบ่งให้หรือไม่แบ่งให้มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเฟิงเซียงหรุด้วย
เห็นเพียงเฟิงเซียงหรุโบกมือแล้วพูด “ทำตามที่เขาบอกเถอะ ดูเหมือนต่อไปต้องฟังคำพูดของท่านภรรยาให้มากกว่านี้แล้ว มันช่างเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้”
คำพูดของเฟิงเซียงหรุทำให้จ้าวเสี่ยวกังนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของจิ่วเจียงเตี๋ย แล้วก็คำพูดที่เธอเคยพูดกับตัวเองก่อนหน้านี้ เดิมทีเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายทำตัวลึกลับเหมือนกับพวกร่างทรงจอมปลอมที่อยู่ในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว เพราะคำพูดอีกฝ่ายมันแน่นเกินไป
มันแน่นจนทำให้เขารู้สึกสงสัยว่าพวกเขาทุกคนได้ตกลงกันเรียบร้อยไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
แต่ว่าไม่นานเขาก็ต้องปัดความคิดนี้ทิ้งไป อย่างไรก็ตาม เฟิงเซียงหรุรักการดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ ท่าทางแบบนี้ไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างแน่นอน
ไม่นาน เขาไปหาแก้วมาให้ทั้งสามคนคนละใบแล้วรินเหล้าจนเต็ม หลังจากนั้นเดินไปที่หลังบ้านเพื่อหาขวดเหล้าเปล่าที่จ้าวโหย่วเทียนดื่มจนหมดแล้วมาล้างน้ำ จะได้แบ่งเหล้าให้กับเจิ้งจื่อหรุและหลิวหรุยี่
ถึงแม้หนึ่งขวดจะไม่ได้มีปริมาณเท่ากับหนึ่งลิตรครึ่งแต่ก็มีประมาณหนึ่งจุดสามลิตร เห็นแบบนี้แล้วเจิ้งจื่อหรุก็อดไม่ได้ที่จะเสียดาย แต่ เฟิงเซียงหรุกลับหัวเราะอย่างมีความสุข
เจิ้งจื่อหรุยกแก้วขึ้นมาแล้วลองจีบดู ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่ฉุนมากจนรู้สึกแสบจมูกทันที
กลืนลงไปอย่างใจเย็น ทันใดนั้นกลับเกิดความรู้สึกที่เหมือนกับจุดน้ำมันในท้อง ความรู้สึกแสบร้อนที่เหมือนกำลังเผาไหม้อยู่ในจุดตันเถียนของเขาทำให้ชั่วขณะเหมือนจะทนไม่ไหว
ปกติแล้วหลิวหรุยี่ดื่มเหล้าวันละลิตรไม่ใช่ปัญหา แต่เพียงแค่อึกเดียว เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะทนไม่ไหว ใบหน้าแดงก่ำจนไปถึงรากหู มือที่กำลังถือพัดอยู่ในมือก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเชื่องช้าและแผ่วเบาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กำลังเพิ่มความเร็วขึ้น ราวกับบนตัวของเขามีไฟลุกไหม้
เจิ้งจื่อหรุทนไม่ไหวจนสบถออกมา
“บ้าไปแล้ว เหล้าไหนี้มันสุดยอดไปเลย นี่ถ้าดื่มในช่วงฤดูหนาว ถึงแม้จะใส่กางเกงขาสั้นแล้วไปเดินในกองหิมะก็ไม่ใช่ปัญหา”
ความรู้สึกของเฟิงเซียงหรุในตอนนี้แตกต่างจากทั้งสองคน ไฟในท้องของเขาที่เพิ่งจะลุกโชนขึ้น มันกลับโดนน้ำสาดจนดับอย่างกะทันหัน ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย หลังจากที่ลองดื่มดูอีกอึก เขาเข้าใจได้ในทันทีว่ายาแก้สร่างเมาของจ้าวเสี่ยวกังก่อนหน้านี้มันยังมีผล
“เหอเหอ ดื่มไม่ไหวก็พูดมาตามตรงเลยจะดีกว่า นี่เป็นถึงเหล้าเออกัวโถวที่หาได้ยากมาก ถ้าหากไม่ไหวก็อย่าทำให้มันเสียของ”
“เลิกมาไม้นี้ได้แล้ว ยังไงวันนี้ผมก็ต้องดื่มให้มันหมด ไม่อย่างนั้นคงจะต้องผิดต่อเหล้าชั้นเลิศแบบนี้แน่นอน ผมแค่รู้สึกว่าดื่มเพียวๆแบบนี้มันกลืนไม่ค่อยลง เสี่ยวกังนายช่วยไปผ่าแตงกวามาให้สักสองลูก ฉันอยู่มาครึ่งค่อนชีวิตยังไม่เคยเห็นเหล้าที่แรงและดีขนาดนี้มาก่อน”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจิ้งจื่อหรุ จ้าวเสี่ยวกังยิ้มแล้วพูด “เมื่อกี้พวกเราดื่มเหล้าหนี่เอ๋อหงไม่ใช่รสชาติแบบนี้ ที่สำคัญดื่มง่ายด้วย แต่น่าเสียดายที่ดื่มหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องชอบแน่นอน”
หลังจากที่พูดจบ จ้าวเสี่ยวกังหันหลังแล้วเดินออกไปเด็ดแตงกวาที่อยู่หน้าบ้านมาสี่ห้าลูก หลังจากนั้นเดินเข้าไปในห้องครัวทำยำแตงกวาออกมาหนึ่งจาน
และคั่วถั่วลิสงออกมาอีกหนึ่งจานด้วย
เมื่อเห็นจ้าวเสี่ยวกังเดินถือถั่วลิสงออกมา เจิ้งจื่อหรุยกนิ้วโป้งให้กับจ้าวเสี่ยวกังโดยตรง “เสี่ยวกัง มีแต่นายเท่านั้นแหละที่รู้ใจฉันที่สุด เหล้าเออกัวโถวกินคู่กับถั่วลิสงถึงจะสุดยอดที่สุด ก็เหมือนกับแพนเค้กต้องมีหัวหอม กินเฉพาะแพนเค้กอย่างเดียวรสชาติมันก็งั้นๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กินคู่กัน รสชาติมันถึงจะกลมกล่อม”
หลังจากที่เจิ้งจื่อหรุพูดจบเขายกแก้วขึ้นมาจีบ ความรู้สึกที่แสบร้อนแพร่กระจายไปทั่วฟังของเขาในทันที
ส่วนหลิวหรุยี่ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ทันทีที่เหล้าลงไปถึงในท้องของเขา เขาใช้มือข้างหนึ่งพัดพัดอย่างรวดเร็ว ส่วนมืออีกข้างก็ตักแตงกวามากินอย่างรวดเร็ว
ไม่ถึงยี่สิบนาที ยำแตงกวาหนึ่งจานและถั่วลิสงคั่วโดนทั้งสามคนกินจนหมด
ใบหน้าของเจิ้งจื่อหรุแดงก่ำไปจนถึงรากหู โดยเฉพาะหลิวหรุยี่ถึงกับหอบหายใจ สีหน้าที่มองคนอื่นของเขาไม่ได้ดูยิ้มแย้มเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ดูมึนเมาอย่างบอกไม่ถูก
มีเพียงสีหน้าของเฟิงเซียงหรุเท่านั้นที่ดูปกติ แต่ว่าอึกสุดท้ายเขาก็สัมผัสได้ถึงฤทธิ์ของเหล้าจนได้
มองดูเหล้าที่อยู่ในแก้วหมดแล้ว เฟิงเซียงหรุกลัวว่าเจิ้งจื่อหรุและหลิวหรุยี่จะเอาอีก เขารีบพูดขึ้นทันที “เสี่ยวกัง รีบหยิบเหล้าขึ้นมา แล้วก็เอาเหล้าของพวกเขาสองคนเก็บให้ดี วันนี้ถือว่าดื่มได้อย่างมีความสุขมาก ไว้วันหลังฉันจะกลับมาดื่มใหม่อย่างแน่นอน”
“ฮื่ม คิดไม่ถึงว่าก่อนหน้านี้พวกคุณจะดื่มหนี่เอ๋อหง ยิ่งไปกว่านั้นพวกคุณยังดื่มจนหมดด้วย เหล้าเฟิง ผมว่าเรื่องนี้คุณทำไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ มีเหล้าดีแต่ไม่รู้จักแบ่งปัน ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวกังเป็นคนเอาให้คุณดื่ม คุณว่ามาเลย ควรจะขอบคุณเสี่ยวกังยังไง”
เจิ้งจื่อหรุคิดไม่ถึงว่าเหล้าเออกัวโถวจะมีฤทธิ์แรงขนาดนี้ ดื่มหมดไปเพียงแค่แก้วเดียว ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเมาขึ้นมาบ้างแล้ว ส่วนหลิวหยุยี่ใช้มือเท้าคางอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางที่สะลึม มือข้างที่ถือพัดก็ดูเหมือนจะอ่อนแรง
“เหอเหอ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้คุณพูด ต่อไปผมจะหาโอกาสขอบคุณเสี่ยวกังอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้มีเพียงออกเงินทุนหนึ่งแสนให้กับเสี่ยวกัง คุณกับเสี่ยวหลิวก็ได้ดื่มเหล้าที่ดีแบบนี้ น่าจะแสดงอะไรเป็นการขอบคุณสักหน่อยหรือเปล่า?”
เดิมทีหลิวหรุยี่เกือบจะนอนหลับไปแล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เขาพูดด้วยความมึนเมา “ผมออกห้าหมื่น แบบไม่ต้องคืนด้วย เหล้าไหนี้ เงินห้าหมื่นถือว่าผมได้กำไรด้วยซ้ำไป”
เจิ้งจื่อหรุที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เขาก็โบกมือแล้วพูดขึ้นเช่นกัน “ใช่เลย เงินห้าหมื่นนี้ถือว่าใช้ได้คุ้มมาก ผมก็ออกห้าหมื่นเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นต่อไปไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรในเมือง ขอแค่อยู่ในเขตของผม ไม่ว่าเสี่ยวกังจะไปขายผลผลิตอะไรผมจะช่วยสนับสนุนเอง หรือแม้กระทั่งถ้าเสี่ยวกังอยากจะเปิดร้านอาหารผมก็จะช่วยทันที”
จ้าวเสี่ยวกังถึงกับตกตะลึงกับคำพูดของทั้งสามคนที่พูดคนนี้คำคนนั้นคำ
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเหล้าของพ่อตัวเองจะมีค่ามากขนาดนี้ ถ้าหากสามารถทำเงินได้เยอะขนาดนี้ ทำไมเขายังต้องทำไร่ทำนาอีก? หมักเหล้าอย่างเดียวก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ
MANGA DISCUSSION