จั่วจวินซั่งคิดไม่ถึงว่าจ้าวเสี่ยวกังจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา ซึ่งมันทำให้เขาคาดไม่ถึงเล็กน้อย
“ไอ้หนู ความหมายของนายก็คือยังไงก็ต้องเก็บไว้ให้หยวนเซียงหลิงส่วนหนึ่งใช่หรือเปล่า? ถ้าหากในตัดสินใจแบบนี้ ถ้างั้นพวกเราก็คงทำได้แต่ไม่รับซื้อกุ้งก้ามแดงของนายแม้แต่ตัวเดียว นายต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่ตามมาให้ดี”
“เห้ยเห้ยเห้ย ใครบอกว่าไม่รับซื้อแม้แต่ตัวเดียว พวกคุณไม่เอาแต่ผมไม่เคยบอกว่าผมไม่เอา สิ่งสำคัญที่สุดคือผมกินของเขาดื่มของเขา คุณจะให้ผมทำเรื่องที่ผิดต่อเขาแบบนี้ผมทำไม่ได้”
เฟิงเซียงหรุพูดอย่างไม่ไว้หน้าของจั่วจวินซั่งแม้แต่นิดเดียว เขารู้สึกไม่ชอบขี้หน้าของจั่วจวินซั่งมานานแล้ว ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะหลิวหรุยี่และจั่วจวินซั่งคอยช่วยกันสนับสนุนทำให้ความเสี่ยงของเขาลดลง เขาไม่มีทางที่จะไปยุ่งกับอีกฝ่ายแน่นอน
เจิ้งจื่อหรุเห็นเฟิงเซียงหรุพูดแบบนี้ เขารู้ดีว่าบรรยากาศต่อจากนี้จะต้องน่าอึดอัดแน่นอน จึงรีบพูดทำลายความน่าอึดอัดนี้ทิ้งเสียก่อน “พวกเราสี่คนรวมกันถึงจะสามารถเทียบกับหยวนเซียงหลิง ตัวของเธอยังไม่ทันมาเลยพวกเราก็ทะเลาะกันแล้ว เรื่องแบบนี้เผยแพร่ออกไปไม่น่าอายแย่เหรอ ความรู้สึกของเสี่ยวกังพวกเราก็เข้าใจดี ในเมื่อเป็นกุ้งก้ามแดงที่เสี่ยวกังเลี้ยง งั้นพวกเราก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง เสี่ยวกัง นายว่ามาเลยว่าควรจะแบ่งกุ้งก้ามแดงยังไงดี แต่ถ้าไม่มีส่วนของฉัน ฉันคงจะไม่มีความสุขแน่”
เมื่อได้ยินเจิ้งจื่อหรุวนกลับมาที่เรื่องเดิมอีกครั้ง จ้าวเสี่ยวกังพูดขึ้นอย่างไม่มีลังเลทันที “ผมอยากเก็บกุ้งก้ามแดงไว้ให้กับประธานหยวนสี่ส่วน”
หลังจากที่จ้าวเสี่ยวกังพูดจบ ทุกคนถึงกับมองเขาด้วยความตกใจเล็กน้อย ไม่มีใครคิดว่าในสถานการณ์ที่หยวนเซียงหลิงไม่อยู่แบบนี้ จ้าวเสี่ยวกังจะเก็บผลประโยชน์ไว้ให้กับเธอมากขนาดนี้
แม้แต่เฟิงเซียงหรุเองก็รับไม่ค่อยได้กับอัตราส่วนที่แบ่งกันแบบนี้
“น้องเสี่ยวกัง ก่อนหน้านี้พวกเราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าหากของเหลือจากพวกเขาสามคนที่ไม่เอาฉันจะเป็นคนเอาทั้งหมดเอง? แต่ทำไมนายถึงแบ่งให้กับประธานหยวนมากขนาดนั้น?”
“พี่เฟิง ก่อนหน้านี้เคยพูดแบบนั้นก็จริง ถ้าหากพวกเขาไม่เอาก็จะให้คุณหมด แต่ตอนนี้ดูท่าทางของพี่เจิ้ง เถ้าแก่จั่วและเถ้าแก่หลิวต่างก็จะเอาทั้งนั้น”
เมื่อได้ยินเฟิงเสี่ยวกังพูดแบบนี้ เฟิงเซียนหรุก็ไม่รู้ว่าคุณจะพูดอะไรต่อดีแล้ว อย่างไรก็ตามจ้าวเสี่ยวกังไม่ใช่แค่เคยช่วยเขาโดยไม่นึกถึงชีวิตของตัวเอง ตอนนี้ยังให้เหล้าที่ไม่สามารถประเมินราคากับเขาได้อีกหนึ่งไห เฉพาะเหล้าที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา ไม่ใช่สิ่งที่กุ้งก้ามแดงห้าหมื่นกิโลกรัมจะสามารถเปรียบเทียบได้
“เห้อ! ก็ได้ นายจัดการกับพวกเขาสามคนให้ได้ก็พอแล้ว ฉันยังไงก็ได้ ยังไงก็เรียกฉันว่าพี่ คนเป็นพี่อย่างฉันย่อมต้องดูแลน้องชายอยู่แล้ว อย่างมากฉันก็แค่ทำกำไรได้น้อยลงหน่อย แต่เรื่องอื่นพวกเราตกลงกันแล้วนะ ผักปลอดสารพิษยังไงฉันก็ต้องได้มากที่สุด”
มองดูสีหน้าที่จริงจังของเฟิงเซียงหรุ จ้าวเสี่ยวกังพยักหน้าด้วยความหนักแน่นแล้วพูด “วางใจได้ ถึงเวลานั้นพี่เฟิงจะเป็นคนที่ได้เยอะที่สุดอย่างแน่นอน”
เมื่อจ้าวเสี่ยวกังพูดแบบนี้ บนใบหน้าของเฟิงเซียงหรุถึงปรากฏให้เห็นรอยยิ้ม
เจิ้งจื่อหรุเห็นภาพนี้แล้วถอนหายใจ เขาพูด “ในเมื่อเหล่าเฟิงก็พูดขนาดนี้แล้ว ผมก็ไม่อยากไปแย่งแล้ว ยังไงนายก็เรียกฉันว่าพี่เหมือนกัน ถ้าหากฉันยังบีบบังคับนายแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับฉันรังแกนาย”
หลังจากที่เจิ้งจื่อหรุพูดจบ หลิวหรุยี่หันไปมองจั่วจวินซั่ง
จั่วจวินซั่งก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเรื่องมันจะมาถึงขนาดนี้ เขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวเสี่ยวกังจะสนิทสนมกับเฟิงเซียงหรุและเจิ้งจื่อหรุได้เร็วขนาดนี้
ซึ่งมันทำให้ภายในใจของเขายากที่จะสงบลงได้ ในใจของเขา ที่ผ่านมาจ้าวเสี่ยวเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น ชาตินี้ไม่มีทางไล่ตามเขาทันอย่างแน่นอน
“ในเมื่อพวกคุณต่างก็ตัดสินใจแบบนี้ งั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน ถึงเวลาผมจะคอยดูว่าพวกคุณสองคนจะแบ่งกับหยวนเซียงหลิงยังไง”
หลังจากที่พูดจบ จั่วจวินซั่งลุกขึ้นแล้วผ่านไปพูดกับหลิวหรุยี่ “เสี่ยวหลิว พวกเราไป ก็แค่กุ้งก้ามแดง พวกเราไปรับซื้อจากที่อื่นก็ได้ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ากุ้งก้ามแดงแค่นี้พวกเขาจะสามารถทำงานได้เท่าไหร่”
“จั่วจวินซั่ง ผมแนะนำให้คุณอย่าเพิ่งไปจะดีกว่า ในเมื่อกุ้งก้ามแดงเขาเป็นคนเลี้ยง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราเป็นผู้ซื้อ ขายเท่าไหร่ ซื้อเท่าไหร่มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถตัดสินใจได้ อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ของคุณในตอนนี้ไม่นิ่งก็เลยทำให้คุณเลอะเลือนไปชั่วขณะ”
หลิวหรุยี่หยิบพัดของตัวเองขึ้นมาแล้วพัดเบาๆ ไม่มีท่าทีที่จะลุกขึ้นเลยสักนิด
จั่วจวินซั่งที่เห็นภาพนี้ ในแววตาของเขาราวกับจะสามารถลุกเป็นไฟได้ทุกเมื่อ
“ดี ดีมาก ใช้ได้เลย เพื่อเด็กบ้านนอกคนหนึ่งถึงขั้นยอมทิ้งผม ต่อไปพวกคุณจะต้องเสียใจแน่”
หลังจากที่คำพูดของจั่วจวินซั่งดังเข้าไปในหูของจ้าวเสี่ยวกัง มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออยากกระโดดเข้าไปกระทืบอีกฝ่าย แต่หลังจากที่ได้ผ่านเรื่องราวมามากมายทำให้เขาไม่ใช่คนที่หุนหันพลันแล่นอีกแล้ว
เขารู้ดีว่าถ้าหากวันนี้เขากระทืบจั่วจวินซั่ง ในวันข้างหน้าคงจะเจอหน้ากันยากมากขึ้น
“เถ้าแก่จั่ว ผมรู้สึกไม่ชอบคำพูดของคุณสักเท่าไหร่ เมื่อสิบกว่าปีก่อนคุณคงจะเทียบกับเสี่ยวกังไม่ได้หรอกมั้ง? ทำไมคุณถึงยิ่งแก่ก็ยิ่งเดินย้อนกลับ ดูเหมือนหลายปีที่ผ่านมาคุณจะมีชีวิตอยู่สุขสบายเกินไปแล้ว อยากไสหัวไปก็รีบไสหัวไป เลิกมาทำหน้าบูดที่นี่ได้แล้ว ไม่มีใครอยากดู”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจั่วจวินซั่ง เฟิงเซียงหรุกระโดดลุกขึ้นมาทันที เขาไม่ชอบขี้หน้าของจั่วจวินซั่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสี่คนต้องการต่อต้านสาขาย่อยของหยวนเซียงหลิง พวกเขาก็คงไม่มีทางที่จะร่วมมือกัน ถึงแม้จะร่วมมือกัน จั่วจวินซั่งก็มักจะทำตัวแบ่งฝ่ายแบ่งพวก เขาดึงหลิวหรุยี่ไปเป็นพรรคพวกของตัวเอง ในเมื่อมีโอกาสที่จะไล่ถีบส่งอีกฝ่ายแบบนี้ เฟิงเซียงหรุจึงไม่ลังเลเลยสักนิด
“ฮื่ม คนแซ่เฟิง คุณจำคำพูดของคุณเอาไว้ให้ดี”
หลังจากที่พูดจบ จั่วจวินซั่งเดินออกจากประตูไปโดยตรง
เจิ้งจื่อหรุหันไปมองเฟิงเซียงหรุสลับกับจ้าวเสี่ยวกังแล้วพูด “ต่อไปพวกคุณสองคนต้องระวังตัวหน่อย จั่วจวินซั่งไม่ใช่คนดีอะไร วันนี้สร้างความไม่พอใจให้กับเขาต่อไปต้องระวังตัวให้ดี รวมไปถึงผมกับเสี่ยวหลิวก็ต้องระวังตัวด้วยแล้ว”
“เหล่าเจิ้ง คุณเป็นอะไรของคุณ? คุณกลัวเขาเหรอ? เขามีความสามารถเหรอ?”
มองดูสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกของเฟิงเซียงหรุ เจิ้งจื่อหรุหัวเราะเหอเหอแล้วพูด “ถ้าหากผมบอกว่าเขาเป็นคนเรียกตัวเจียงจิ่วโจวมาคุณจะเชื่อหรือเปล่า?”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจิ้งจื่อหรุ เจียงจิ่วเตี๋ยที่เงียบมาโดยตลอดถึงกับสั่นสะท้าน
เธอพูดด้วยความตกใจเล็กน้อย “เขามาที่เมืองของเราเหรอ?”
“อืม เคยมาแล้ว แต่ว่าเขามาเพื่อแย่งธุรกิจของเหล่าเฟิง และถึงขั้นคิดจะฆ่าเหล่าเฟิงด้วย แต่ว่าโชคดีที่พวกเราไปทันเวลา ไม่อย่างนั้นเหล่าเฟิงคงจะต้องตายแน่ เดิมทีเหล่าเฟิงมีโอกาสที่จะได้ฆ่าเขา แต่สุดท้ายก็ปล่อยไป ทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องให้ผมพูดหรอกมั้ง คุณน่าจะรู้ดีว่าเหล่าเฟิงทำแบบนี้เพื่อใคร?”
หลังจากที่เจียงจิ่วเตี๋ยได้ยินคำพูดประโยคนี้ แววตาสั่นไหว มองไปทางเฟิงเซียงหรุด้วยความปวดใจ “ต่อไปคุณไม่ต้องเห็นแก่หน้าฉัน เรื่องไหนที่ควรลงมือก็ลงมือ ไม่อย่างนั้น ถ้าคุณตายไปฉันก็ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่คนเดียว”
เฟิงเซียงหรุมองดูท่าทางของเจียงจิ่วเตี๋ย เขาหันพูดกับเจิ้งจื่อหรุอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ “คุณก็เหมือนกัน จะพูดเรื่องพวกนี้ทำไม?”
“แต่ว่าหลังจากที่คุณพูดเรื่องนี้ทำให้ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ ผมยังจำได้ดีก่อนหน้านี้จั่วจวินซั่งดูสะใจมาก ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาจริงด้วย”
MANGA DISCUSSION