ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 266 รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะเลยใช่หรือเปล่า?
มองดูสีหน้าท่าทางที่ได้ใจของหนิวเกิงซึง จ้าวโหยว่เทียนรู้สึกคันไม้คันมือมาก แต่เมื่อนึกถึงแมลงพิษพวกนั้นแล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้
“ตาแก่หนิว คุณแน่ใจนะว่าแมลงพวกนั้นมันจะไม่มุดเข้าไปในไหเหล้า?”
“เหอเหอ นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ไหเหล้าพวกนี้คงจะโดนนายปิดผนึกเอาไว้อย่างดีแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันไม่กลัวหรอก”
หนิวเกิงซึงเริ่มลงมือออกแรง ในที่สุดเขาก็เปิดปากรูจนได้ ทันใดนั้นฝูงตะขาบ แมงป่อง มดและแมลงพิษอื่นๆมากมายล้วนแต่เปิดทางให้หนิวเกิงซึงเป็นทางยาว
มองดูเหล้าชั้นดีที่มันอยู่ในหลุม หนิวเกิงซึงถึงกับกลืนน้ำลายทันที
“ใช้ได้ คิดไม่ถึงว่าหลายปีที่ผ่านมาตรงนี้จะมีเหล้าซ่อนเอาไว้เยอะขนาดนี้ ดูเหมือนก่อนหน้านี้ที่นายให้ฉันมามันจะไม่ใช่เหล้าชั้นเลิศอะไรเลยใช่หรือเปล่า”
หลังจากที่พูดจบ หนิวเกิงซึงเข้าไปหยิบเหล้าออกมาหนึ่งไห หลังจากนั้นเดินออกมาแล้วเปิดฝา โดยที่ก้นของเขาเปื้อนไปด้วยดินโคลน
“เห็นแก่ที่นายช่วยฉันเก็บเหล้าไว้เยอะขนาดนี้ เรื่องของลูกชายของนายฉันจะพยายามที่สุดก็แล้วกัน เอาล่ะ ฉันขอกลับไปลองชิมรสชาติของมันก่อน”
พูดจบ หนิวเกิงซึงเดินเดินตรงกลับบ้านพร้อมกับไหเหล้าที่อยู่ในอ้อมแขนโดยที่ไม่ได้สนใจสีหน้าท่าทางของจ้าวโหย่วเทียนที่กำลังร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
จ้าวโหย่วเทียนนึกถึงคำพูดประโยคสุดท้ายของหนิวเกิงซึง อย่างน้อยภายในใจของเขาก็ได้รับการปลอบใจไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นเหล้าชั้นดีที่เขาเก็บสะสมมาครึ่งค่อนชีวิตคงจะโดนหนิวเกิงซึงเอาไปทั้งแบบนี้แล้ว
มองดูแผ่นหลังของหนิวเกิงซึงที่เดินไปไกลมากแล้ว บนใบหน้าของจ้าวโหย่วเทียนปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ยากจะสังเกตุเห็น
“เหอเหอ ตาแก่หนิว ถึงแม้อายุของคุณจะมากกว่าผม แต่เรื่องแบบนี้คุณสู้ผมไม่ได้หรอก ของดีที่แท้จริงมันอยู่ที่ใต้ต้นไม้บ้านผมต่างหากล่ะ”
จ้าวเสี่ยวกังมองดูเฟิงเซียนหรุที่เริ่มสร่างเมาได้พอประมาณแล้วจึงเสนอชวนเฟิงเซียนหรุแวะไปชมฟาร์มที่อยู่บนภูเขาของเขา หลังจากที่ดูฟาร์มบนภูเขาเรียบร้อยแล้ว เขายังตั้งใจวางแผนเอาไว้ว่าจะพาเฟิงเซียนหรุไปดูเขตภูเขาทางทิศตะวันตก เดิมทีตั้งใจเอาไว้ว่าจะปลูกผลไม้บนเขาพวกนั้น แต่ตอนนี้ผักปลอดสารพิษเริ่มทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหว
ผลไม้อย่างมากก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปีละหนึ่งครั้ง แต่ถ้าเป็นผักกลับไม่เหมือนกัน อย่างเช่นแตงกวา ถ้าหากมีการเพาะปลูกแตงกวาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เมื่อเป็นแบบนั้นเขาก็จะสามารถทำเงินได้อย่างไม่หยุด
“พี่เฟิง รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะเลยใช่หรือเปล่า?”
“เสี่ยวกัง มันสุดยอดไปเลย ก่อนหน้านี้ฉันยังรู้สึกมึนเมาเล็กน้อยอยู่เลย แต่แค่ครึ่งชั่วโมงฉันกลับหายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกสบายตัวด้วย”
“แหะแหะ พี่เฟิงงั้นตามผมไปเดินดูที่ทุ่งบนภูเขาหน่อยเป็นไง? หรือจะไปดูเขตภูเขาทางด้านทิศตะวันตก?”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจ้าวเสี่ยวกัง เฟิงเซียนหรุหันไปมองพระอาทิตย์ที่อยู่ด้านนอก เขายิ้มแล้วพูด “ไม่ล่ะ อากาศมันร้อนเกินไป ถ้าหากนายมีที่ที่พักผ่อนแบบเย็นสบายฉันถึงจะยอมไป ฉันไม่อยากไปทรมานตัวเองบนภูเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังพาอาซ้อของนายไปด้วย”
เฟิงเซียนหรุพูดแบบนี้ จ้าวเสี่ยวกังลองคิดดูแล้วมันก็ถูก
“ก็ได้ ผมขอเก็บโต๊ะก่อน เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปที่หุบเขาบางจื่อ ที่นั่นมีน้ำพุที่ไหลลงมาจากบนภูเขา อาบน้ำแล้วรู้สึกเย็นสบายตัวมาก”
เมื่อพูดถึงหุบเขาบางจื่อ จ้าวเสี่ยวกังอดไม่ได้ที่จะนึกถึงพวกซุนหรานหราน คิดว่าตอนนี้พวกเธอน่าจะกำลังอาบน้ำอยู่ที่นั่นมั้ง?
“ได้ มีที่ดีๆแบบนี้สิฉันถึงจะไป ฉันไปหาอาซ้อของนายก่อน นายยุ่งของนายไปก่อนละกัน”
“ไม่ต้องหาฉันแล้ว ฉันกลับมาแล้ว ไม่อย่างนั้นเหล้าไหนี้คงจะไม่เหลือแน่”
เสียงของเจียงจิ่วเตี๋ยดังขึ้นอย่างกะทันหันจากหน้าประตู ทำให้เฟิงเซียนหรุอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึ้ง
“เหอเหอ เสี่ยวเตี๋ย นี่ก็ได้มาถึงมือแล้วไม่ใช่เหรอ ผมไม่เชื่อหรอกว่าเสี่ยวกังจะกล้าขอเอาคืน”
“ฮืม? คุณกำลังสงสัยในคำพูดของฉันเหรอ?”
มองดูคิ้วที่ขมวดเจียงจิ่วเตี๋ย เฟิงเซียนหรุรีบยอมจำนนทันที
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง คุณเป็นนางฟ้าในใจของผม ผมจะไปสังสายคุณได้ยังไง เพียงแต่ว่าผมไม่เข้าใจก็เท่านั้น
“ในเมื่อคุณไม่เชื่อ ถึงเวลาอย่าเสียใจก็แล้วกัน”
จ้าวเสี่ยวกังที่อยู่ด้านข้างพูดให้กำลังใจเฟิงเซียนหรุพร้อมกับเก็บโต๊ะไปด้วย “วางใจเถอะพี่เฟิง ในเมื่อผมให้ไปแล้วไม่มีทางเอาคืนแน่นอน”
“เห็นไหม ผมบอกแล้วว่าเสี่ยวกังเป็นคนใจถึงพอ ต่อไปนายคิดจะทำอะไรก็ทำให้เต็มที่เลย ฉันจะสนับสนุนนายเอง แน่นอนถ้านายทำออกมาได้ไม่ดี กำลังสนับสนุนของฉันก็จะลดลงไปด้วย”
“เหล่าเฟิง เพิ่งจะไม่ได้เจอกันวันเดียวเอง ความสัมพันธ์ของคุณกับเสี่ยวกังแน่นแฟ้นถึงขนาดนี้แล้วเหรอ มันไม่เหมือนคุณเลย ”
เฟิงเซียนหรุเพิ่งจะพูดจบ ที่ด้านนอกมีเสียงพูดดังขึ้น
หลังจากที่ได้ยินเจ้าของเสียง สีหน้าของเฟิงเซียนหรุดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจคำพูดของเจียงจิ่วเตี๋ยแล้ว
“เหล่าเจิ้ง ทำไมคุณถึงมาเร็วขนาดนี้? นี่มันเพิ่งจะชั่วโมงเดียวเองไม่ใช่เหรอ?”
“ฮื่ม ไม่ใช่แค่เถ้าแก่เจิ้ง พวกเราก็มาด้วย”
หลังจากที่เจิ้งจื่อหรุปรากฏตัว จั่วจวินซั่งและหลิวหรุยี่ก็เดินตรงเข้าบ้านจ้าวเสี่ยวกังด้วย
เนื่องจากก่อนหน้านี้เจิ้งจื่อหรุเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับเส้นทางแล้ว
จ้าวเสี่ยวกังก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าพวกเจิ้งจื่อหรุจะมา เขารีบต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นทันที
“พี่เจิ้ง มาลองชิมชาของบ้านเราก่อน รสชาติไม่แพ้ของคนอื่นอย่างแน่นอน”
ไม่นาน จ้าวเสี่ยวกังก็เช็ดตัวจนสะอาด หลังจากนั้นรินน้ำชาให้กับทุกคน
เจิ้งจื่อหรุสังเกตเห็นเฟิงเซียนหรุส่งซิกทางสายตาไปให้กับจ้าวเสี่ยวกังไม่หยุด เขารู้ได้ในทันทีว่าก่อนที่พวกเขาจะมาจะต้องมีการตกลงอะไรกันแน่นอน
แต่ทันใดนั้นสายตาของเขาเหลือบไปเห็นไหเหล้าที่วางอยู่ด้านข้างของกาน้ำชา ตรงปากของไหเหล้าใช้ดินโคลนปิดผนึกอย่างเห็นได้ชัด และด้านในของดินโคลนยังถูกปิดผนึกด้วยขี้ผึ้งอีกชั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีแต่เหล้าที่มีอายุนานมากถึงจะทำแบบนี้ สำหรับคนที่ชอบดื่มเหล้าอย่างเขามีเหรอจะพลาดเรื่องแบบนี้
“จ้าวเสี่ยวกัง ไอ้ของที่อยู่ตรงหน้าไหนคือ?”
“อ๋อ นี่เป็นเหล้าที่บ้านของเราหมักเอง เหล้าไหนี้ให้พี่เฟิงไปแล้ว”
จั่วจวินซั่งและหลิวหรุยี่ที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของจ้าวเสี่ยวกัง ตาลุกวาวเป็นประกายขึ้นมาทันที
เหล้าที่หมักเองบวกกับเป็นไหสุดท้าย มันย่อมทำให้พวกเขาต้องรู้สึกสงสัยอยู่แล้วว่ามันคือเหล้าอะไรกันแน่ถึงทำให้เฟิงเซียนหรุคิดจะปิดบัง เมื่อกี้พวกเขาทุกคนย่อมสังเกตเห็นสายตาของเฟิงเซียนหรุ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นเรื่องของเหล้า
“เสี่ยวกัง เหล้าไหนี้อย่างน้อยก็ต้องมีห้าลิตรอยู่มั้ง หรือไม่นายแบ่งให้พวกเราคนละลิตรเป็นยังไง? พวกเราก็อยากลองชิมดูเหมือนกันว่ามันเป็นรสชาติยังไง”
ก่อนที่จ้าวเสี่ยวกังจะได้พูดอะไร เฟิงเซียนหรุรีบแย่งเหล้าไปก่อน
“พวกคุณฝันไปเถอะ นี่มันไหสุดท้ายแล้ว แบ่งไม่ได้ ถ้าหากพวกคุณต้องการ เหล้าที่เก็บสะสมอยู่ในบ้านของผมพวกคุณไปเอาได้เต็มที่เลยเป็นไง?”
มองดูท่าทางของเฟิงเซียนหรุ มันยิ่งทำให้เจิ้งจื่อหรุอยากรู้มากขึ้น
เรื่องที่จะสามารถทำให้เจิ้งจื่อหรุดูร้อนรนแบบนี้หาได้ยากมาก แม้แต่ตอนที่เฟิงเซียนหรุเผชิญหน้ากับความตายเขายังไม่ดูประหม่าขนาดนี้เลย
“แหะแหะ เหล้าเฟิง ในเมื่อคุณไม่ยอมแบ่งพวกเราก็ไม่บังคับ แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะให้พวกเราได้ลองดมกลิ่นหน่อยมั้ง?”
“ไม่ได้ ได้กลิ่นแล้วพวกคุณต้องมาแย่งกับผมแน่นอน นอกเสียจากพวกคนสามคนจะรับประกันกับเสี่ยวเตี๋ย ผมถึงจะตอบตกลง”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเฟิงเซียนหรุ ทั้งสามคนถึงกับอึ้ง มองดูสีหน้าที่ไม่ใส่ใจของเจียงจิ่วเตี๋ย พวกเขาถึงกับรู้สึกโล่งอก
“ได้ พวกเราไม่แย่ง อีกอย่างเสี่ยวเตี๋ยก็อยู่ที่นี่คุณจะกลัวอะไร รีบเปิดให้พวกเราดมกลิ่นได้แล้ว”