ทันทีที่กลืนยาลงไป เฟิงเซียนหรุถึงกับรู้สึกอึ้ง ความรู้สึกเย็นของยาและความอุ่นของเหล้าเกิดการปะทะกันในกระเพาะอาหารของเขา
เพียงแค่ชั่วพริบตาราวกลับว่าความรู้สึกเย็นสายนั้นมันแผ่ซ่านกระจายไปทั่วกระเพาะอาหาร
“เสี่ยวกัง นายมั่นใจนะว่ายานี้ไม่มีปัญหาอะไร? ทำไมฉันถึงรู้สึกเย็นไปทั้งตัวเลย”
“ไม่หรอกมั้ง? นี่เป็นแค่ยาแก้สร่างเมา ตอนนี้คุณรู้สึกตื่นตัวมากขึ้นหรือยัง?”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจ้าวเสี่ยวกัง เฟิงเซียนหรุเพิ่งจะรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองตื่นตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ แต่ถ้าจะบอกว่าสร่างเมายังอยู่ห่างกันไกลเกิน
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน เจียงจิ่วเตี๋ยเดินกลับเข้ามาด้านในยังใจเย็น ทันทีที่สังเกตเห็นเหล้าไหที่วางอยู่บนโต๊ะ บนใบหน้าของเธอปรากฏให้เห็นรอยยิ้มทันที
“ดูเหมือนคุณเลือกที่จะประนีประนอม คิดไม่ถึงว่าจ้าวหวู่หมิงจะเปลี่ยนชื่อเเซ่ ไม่เข้าใจเอาซะเลย”
“อาซ้อ จ้าวหวู๋หมิงอะไรเหรอ? คุณกำลังพูดอะไร?”
จ้าวเสี่ยวกังได้ยินเจียงจิ่วเตี๋ยกำลังพูดพึมพำกับตัวเอง เขาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ฮืม? เสี่ยวกัง นายไม่รู้เหรอว่าจ้าวหวู่หมิงเป็นใคร?”
“เอ่อ ไม่รู้ ถึงแม้ในหมู่บ้านของเราจะมีคนแซ่จ้าวเยอะมาก แต่ผมไม่เคยได้ยินชื่อจ้าวหวู่หมิง ทำไมเหรอ? เขาร้ายกาจมากเลยเหรอ?”
เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของจ้าวเสี่ยวกัง เจียงจิ่วเตี๋ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ในขณะเดียวกันก็เข้าใจความคิดของจ้าวหวู่หมิงแล้ว เธอยิ้มแล้วพูด “อืม เขาเป็นคนที่เก่งมาก แต่ว่าฉันไม่ได้ยินชื่อของเขามานานมากแล้ว นายไม่รู้จักมันก็เป็นเรื่องปกติ”
หลังจากที่พูดจบ เจียงจิ่วเตี๋ยนั่งลงที่ด้านข้างของเฟิงเซียนหรุโดยตรง หลังจากนั้นรินชาให้กับเฟิงเซียนหรุหนึ่งแก้ว
“เอ่อ อาซ้อ พี่เฟิงดื่มชาไม่ได้ เขาไม่สามารถดื่มชาได้สักพัก พ่อของผมเป็นคนบอกเอาไว้ ถ้าหากเขาดื่มชาตอนนี้มันจะทำให้สรรพคุณของยาที่พึ่งกินลงไปมีผล”
“ยา? ยาอะไร?”
เจียงจิ่วเตี๋ยขมวดคิ้วแน่น เธอคิดไม่ถึงว่าจ้าวหวู่หมิงจะอาศัยโอกาสที่เธอไม่ทันระวังหลอกให้เฟิงเซียนหรุกินยา แต่เห็นได้ชัดว่าจ้าวเสี่ยวกังไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“อ๋อ พี่เฟิงกินยาแก้สร่างเมาของพ่อผม ยาเม็ดนั้นกับเหล้าหนี่เอ๋อหงสามารถเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย ถ้าหากพี่เฟิงดื่มชาตอนนี้มันจะไปแก้สรรพคุณของยา”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เจียงจิ่วหรุถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอเชื่อว่าจ้าวหวู่หมิงไม่มีทางทำร้ายลูกชายของตัวเอง และไม่มีทางโกหกลูกชายของตัวเอง
“ก็ได้ นายคุยกับพี่เฟิง่เล่นไปก่อน ฉันจะออกไปเดินเล่นที่ข้างนอก”
เจียงจิ่วเตี๋ยลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยไม่รอให้จ้าวเสี่ยวกังได้พูดอะไร
หลังจากที่เดินออกมาเธอเพิ่งจะนึกได้ว่าเธอก็ไม่รู้ควรจะไปที่ไหน สุดท้ายจึงไปยืนตากลมอยู่ที่ใต้ต้นไม้แทน
หลังจากที่จ้าวโหย่วเทียนมอบหมายทุกอย่างให้กับจ้าวเสี่ยวกังเรียบร้อยแล้ว เขาได้ปลูกต้นพุทราที่มีหนามเอาไว้หนึ่งต้นเพื่อกันไม่ให้คนอื่นรู้
แต่ตอนที่เขามาถึงตรงตำแหน่งที่ฝังเหล้าเอาไว้กลับสังเกตเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาขุดอะไรบางอย่างอย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าหาจุดที่เขาซ่อนเหล้าเจอแล้ว
“หนิวเกิงซึง คุณมาแอบขโมยเหล้าของผมอีกแล้วเหรอ ผมเคยบอกคุณกี่ครั้งแล้ว คุณห้ามแตะต้องเหล้าพรุ่งนี้เด็ดขาด ทุกตรุษจีนผมจะสั่งให้เสี่ยวกังเอาไปให้คุณเอง หรือว่าคุณยังดื่มไม่พออีกเหรอ?”
“ฮึ่ม นายนี่มันน่ารำคาญกว่าลูกชายของนายเสียอีก ถึงแม้เสี่ยวกังจะเป็นคนฉลาดแต่ก็ไม่ได้ทำตัวมีเล่ห์เหลี่ยมมากเหมือนนาย นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ นายอยากใช้เหล้าไม่กี่ไหเพื่อแลกกับให้ลูกชายสุดที่รักของนายได้เรียนทักษะการแพทย์กับฉัน ฝันไปเถอะ”
หนิวเกิงซึงพูดพร้อมกับขุดไปด้วยโดยไม่ไว้หน้าจ้าวโหย่วเทียนแม้แต่นิดเดียว
“แหะแหะ ปู่หนิว เรามาปรึกษาหารือเรื่องนี้ก่อนกันดีกว่า คุณก็รู้ว่าเหล้าของผมมันไม่สามารถวัดค่าเป็นเงิน คนทั่วไปอยากดื่มก็ไม่มีวันได้ดื่ม ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ผมไม่มีทางให้เสี่ยวกังไปเรียนกับคุณแน่นอน แต่คุณก็เห็นแล้ว ลูกชายคนโตของผมก็ตายไปทั้งแบบนั้น คุณคิดว่าผมจะรู้สึกเสียใจหรือเปล่า ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก ผมคงจะสอนอะไรเขาหรือไม่ก็ให้เขาไปเรียนรู้อะไรบ้างแล้ว”
“พูดตามตรง คนที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดก็คือเสี่ยวกัง เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน ทำงานไม่รู้จักใจเย็น เพราะแบบนี้ผมจึงไม่อยากสอนวิชาหมักเหล้าให้กับเขา แต่อยากจะสอนลูกชาย……..”
จ้าวโหย่วเทียนพูดยังไม่ทันจบ หนืวเกิงซึงพูดขัดขึ้นเสียก่อน
“ดังนั้นนายก็เลยอยากจะให้ลูกชายของนายมาแอบเรียนรู้ทักษะการแพทย์ของฉัน? ฉันว่าแล้วนายมันไม่เคยมีจุดประสงค์ที่ดี”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหนิวเกิงซึง จ้าวโหย่วเทียนรีบพูดอธิบายทันที “คุณพูดถูกต้องแล้ว และผมก็รู้จักฝีมือการแพทย์ของคุณเป็นอย่างดี ขอเพียงแค่เสี่ยวกังสามารถเรียนรู้เสี้ยวหนึ่งของคุณผมก็พอใจมากแล้ว ส่วนเส้นทางและโลกของเรา ผมไม่อยากให้เสี่ยวกังเดินเข้าไปยุ่ง ดังนั้นถ้าหากคุณยอมตอบตกลงสอนเขา เหล้าทั้งหมดที่อยู่ในหลุมผมจะให้คุณทั้งหมด นี่เป็นถึงครึ่งชีวิตของผมเลยทีเดียว”
หลังจากที่พูดจบ จ้าวโหย่วเทียนมองไปทางหนิวเกิงซึงด้วยความหม่าเล็กน้อย
“ได้ พูดได้ดี ฉันรับเอาไว้แล้ว”
ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่จ้าวโหย่วเทียนได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้วเขาถึงรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที เขารู้สึกเหมือนกับว่าโดนตาแก่ที่อยู่ตรงหน้าปั่นหัว แต่โดนปั่นหัวยังไงเขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“คุณตอบตกลงง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?”
จ้าวโหย่วเทียนมองไปทางหนิวเกิงซึงอย่างไม่กล้าเชื่อเท่าไหร่ ต้องบอกก่อนว่าเพื่อเรื่องนี้แล้วเขาอุตส่าห์ขอร้องหนิวเกิงซึงมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว แต่ทุกครั้งก็โดนหนิวเกิงซึงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล แน่นอนว่าทุกครั้งที่เขาเอาเหล้าไปให้หยิวเกิงซึง หนิวเกิงซึงถึงจะมีท่าทีที่ใจอ่อนลง เพราะแบบนี้เขาจึงมีความหวังขึ้นมาบ้าง ก็เลยส่งเหล้าไปให้ทุกปี
แต่เขาตอบตกลงอย่างกะทันหันแบบนี้ จ้าวโหย่วเทียนรู้สึกว่ามันกะทันหันเกินไป ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่ใช่ดีใจแต่เป็นกลัวแทน
“หรือว่านายไม่อยากให้ฉันตอบตกลง? เสี่ยวกังเป็นคนมีไหวพริบและความจำก็ดีจนน่าตกใจ เหมาะกับทักษะทางด้านนี้ และอีกอย่างในใจของนายก็น่าจะรู้ดีที่สุด ก่อนหน้านี้ฉันเคยให้ตำรายาเปิ่นเฉาจิงกับเสี่ยวกังไปแล้วหนึ่งเล่ม หรือว่านายไม่รู้เรื่อง?”
คำพูดประโยคนี้ของหนิวเกิงซึงยิ่งทำให้จ้าวโหย่วเทียนรู้สึกปวดใจ
ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ หนิวเกิงซึงได้พูดต่อแล้ว “เรื่องนี้นายไม่รู้ก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ในมือของฉันยังมีตำราตำราเซินหนงจิง ตำราหวงตี้เน่ยจิง ตำราเหย้าหว่าน ล้วนแต่เตรียมเอาไว้เพื่อจะถ่ายทอดให้กับเขา เรื่องพวกนี้นายน่าจะรู้แล้วมั้ง? เรื่องฝีมือการนวดของเด็กคนนั้น แล้วก็เรื่องที่สามารถบอกจุดชีพจรได้อย่างแม่นยำนายน่าจะรู้แล้วใช่หรือเปล่า? ถ้าหากไม่อยากถ่ายทอดให้เขา เขาไม่มีทางรู้เรื่องพวกนี้อย่างแน่นอน”
“โดยเฉพาะเทคนิคการนวด ฉันจะบอกเอาไว้นั่นไม่ใช่เทคนิคการนวดทั่วไป ไอ้เด็กคนนั้นยังไม่เคยแสดงให้นายเห็นเหรอ?”
เผชิญหน้ากับคำพูดของหนิวเกิงซึง จ้าวโหย่วเทียนรู้สึกว่าในหัวใจของเขาเริ่มมีเลือดไหลออกมาแล้ว ที่แท้เขาประสบความสำเร็จตั้งนานแล้ว แต่ว่าถึงแม้เขาจะสำเร็จแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังยกเหล้าที่เขาหมักเอาไว้ครึ่งค่อนชีวิตให้กับตาแก่ที่อยู่ตรงหน้าจนหมด เขารู้สึกเสียใจมาก
“ไอ้ตัวเหม็นคนนั้นไม่เคยอยู่บ้านสักวัน ผมรู้น่ะสิถึงจะแปลก เหล่าหนิว พวกเรามาคุยกันหน่อยดีกว่า หรือไม่เอาแบบนี้ เหล้าที่อยู่ในหลุมพวกเราสองคนมาแบ่งกันคนละครึ่ง หรือไม่ใครอยากดื่มก็มาหยิบเอาเอง แบบนี้เป็นยังไง?”
หนิวเกิงซึงมองท่าทางของจ้าวโหยวเทียนแล้วพ่นลมออกจากจมูกทันที “ทำไม? นายก็เป็นคนที่อายุตั้งสี่ห้าสิบแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่รักษาคำพูดเหรอ? เหล้าพวกนี้เป็นของฉัน นายอยากได้ก็ไปหมักเอาเอง ต่อไปที่นี่เป็นที่ของฉัน แล้วก็ฉันจะวางยาไว้แถวนี้ด้วย ถ้าอยากตายก็มาขุดเอาได้เลย”
หลังจากที่พูดจบ หนิวเกิงซึงหยิบขวดยาขนาดเล็กสี่ถึงห้าขวดออกมา หลังจากนั้นเทลงไปในหลุมอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่กี่นาที มีตะขาบและมดจำนวนมากไม่ถ้วนออกมาจากหลุมฝังเหล้า
“เหอเหอ ถ้าอยากตายก็ลองดู”
MANGA DISCUSSION