เจิ้งจื่อหรุคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเสี่ยวกังพูดเพียงไม่กี่คำง่ายๆแล้วปล่อยอีกฝ่ายไป เดิมทีคิดว่าอย่างน้อยๆจ้าวเสี่ยวกังจะตัดแขนของอีกฝ่ายทิ้งหนึ่งข้างหรือไม่ก็ให้อีกฝ่ายฟันแขนของตัวเองหนึ่งที
"เสี่ยวกัง ทำไหมนายถึงปล่อยเขาไปง่ายขนาดนั้นล่ะ? นี่ถ้าหากเป็นฉันตอนหนุ่มๆจะต้องตัดแขนของเขาทิ้งหนึ่งข้างแล้วค่อยว่ากัน"
"ฮ่าๆๆ พี่เจิ้ง คุณก็บอกแล้วว่าให้อภัยกับคนอื่นสะ ฉันยังจะไปยึดติดกับเขาแบบนั้นทำไหมอีก? นอกจากนี้ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ของฉันเลยด้วยซ้ำ และไม่คิดว่าเขาเป็นศัตรู เป็นเพียงแค่โจรธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากยังพบเจออีก ส่งให้กับตำรวจโดยตรงก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ"
คำพูดของจ้าวเสี่ยวกังทำให้เจิ้งจื่อหรุระลึกความหลังเป็นเวลานาน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเสี่ยวกังจะมีทัศนคติที่ดีขนาดนี้
"ฮ่าๆๆๆ…….ดูเหมือนว่าฉันอยู่อย่างเปล่าประโยชน์มาหลายปีแล้ว ทัศนคติของเด็กอย่างนายทำให้พี่ชายอย่างฉันชื่นชมจริงๆ พวกเราไปกินอาหารสักมื้อที่ร้านอาหารหลักของฉัน หลังจากนั้นพี่ชายจะพานายไปพบกับคนอื่นๆอีกสามคน เข้ามาในเมืองแล้วถ้าหากไม่ไปพบกับพวกเขาหน่อยมันก็ไม่ใช่เรื่อง"
จ้าวเสี่ยวกังมองหวังลี่ที่อยู่ข้างๆ ครุ่นคิดสักพักและพูด :"พี่ชายเจิ้ง วันนี้ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำ ไว้เป็นวันอื่นดีกว่านะ นอกจากนี้การแต่งตัวของฉันถ้าหากไปเจอกับพี่ชายคนอื่นๆจะต้องทำให้พวกคุณขายหน้าอย่างแน่นอน"
"นายพูดแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้ดูจากภายนอก ส่งที่มองคือบุคลิก แน่นอนฉันจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับจั่วจวินซั่ง"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จ้าวเสี่ยวกังรู้ดีในสายตาของจั่วจวินซั่งแล้วเจิ้งจื่อหรุเป็นคนแบบไหน เพียงแต่เขากลับไมได้แสดงความคิดเห็นอะไร ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ
ในไม่ช้า เจิ้งจื่อหรุพาจ้าวเสี่ยวกังไปที่ร้านอาหารหลักที่มีชื่อ’ยี่โบหยวนเทียน’
ทันทีที่เข้าไป จ้าวเสี่ยวกังอึ้งอยู่กับที่ เพราะสไตล์การตกแต่งภายในเป็นแบบชนบทโดยสิ้นเชิง ภาพจิตรกรรมฝาผนังบนผนังเป็นเหมือนทุ่งนาข้าวโพดที่บ้าน ดินแดนแห่งขุนเขา โต๊ะและเก้าอี้ล้วนแล้วเป็นเหมือนกับไม้สารในชนบท
เดิมทีจ้าวเสี่ยวกังคิดว่าร้านยี่โบหยวนเทียนเป็นแนวเอาใจใส่ความเป็นพี่น้องกันหรืออะไรสักอย่าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสไตล์ชนบท
หลังจากเดินตามเจิ้งจื่อหรุมาถึงชั้นสอง จ้าวเสี่ยวกังเริ่มมีความเคยชินแล้ว
เจิ้งจื่อหรุพาจ้าวเสี่ยวกังไปที่ห้องเดี่ยวห้องหนึ่ง หลังจากนั้นให้คนมาเสิร์ฟอาหารและไวน์โดยตรง
เมื่อเห็นอาหารมาเสิร์ฟเป็นจานๆ จ้าวเสี่ยวกังอึ้งอยู่กับที่อีกครั้ง
"พี่เจิ้ง ร้านอาหารหลักของคุณเป็นอาหารชนบททั้งหมดเหรอ?"
"ใช่แล้ว นายรู้สึกว่าชื่อมันไม่สมมาตรกับอาหารใช่ไหม? ชื่ออาหารเหล่านี้ไม่ใช่ฉันเป็นคนตั้งเอง เป็นคนอื่นตั้งให้ฉัน ใช่แล้ว ทำไหมจู่ๆนายถึงเข้ามาในเมืองล่ะ?"
เมื่อเห็นว่าเจิ้งจื่อหรุไม่ต้องการพูดชื่อของอาหารเหล่านั้นและพูดหัวข้ออื่น จ้าวเสี่ยวกังก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
"ฮ่าๆๆ พี่ชายเจิ้งเคยเตือนฉันหลายครั้งแล้วว่าให้ฉันซื่อโทรศัพท์ ฉันก็เคยเข้ามาในเมืองซื้อเลยไง? พร้อมกับอยากถามพี่ชายเจิ้งว่ารับซื้อกุ้งมังกรไหม" ระหว่างที่จ้าวเสี่ยวกังพูดไปด้วย พร้อมกับเอากุ้งมังกรที่อยู่ในขวดออกมาจากกระสอบด้านหลัง แต่ว่าสัมผัสไปหลายครั้งกลับพบว่าสัมผัสไม่โดน ทันใดนั้นรู้ว่าจะต้องตกระหว่างทางแน่นอน
"กุ้งมังกร? นายมีเหรอ?"
เจิ้งจื่อหรุมองไปที่จ้าวเสี่ยวกังด้วยความอยากรู้อยากเห็น กุ้งมังกรของเขาที่นี่ล้วนแล้วนำเข้ามาจากต่างมณฑล แน่นอนว่าราคาย่อมสูงกว่าราคาเดิมอย่างมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แม้ว่ากุ้งมังกรที่นี่จะฮิตอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ระดับการบริโภคของเขตเมืองนั้นด้อยกว่าการบริโภคในเมืองโดยสิ้นเชิง ดังนั้นสำหรับกุ้งมังกรแล้วเขาเตรียมตัวที่จะยอมแพ้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเสี่ยวกังจะพูดถึงคำถามนี้
"อืม เมื่อก่อนฉันก็เคยลองเลี้ยงดูแล้ว รู้สึกว่าเลี้ยงได้ไม่เลวเลย ก็เลยอยากแวะมาถามพี่เจิ้งว่าต้องการไหม ถ้าหากพี่เจิ้งสามารถรับซื้อล่ะก็ ฉันเตรียมจะขยายเนื้อที่จำนวนมาก"
เมื่อได้ยินจ้าวเสี่ยวกังพูดแบบนี้ เจิ้งจื่อหรุมีความลำบากใจเล็กน้อย
"นายสามารถเลี้ยงได้มากแค่ไหน? ร้านอาหารอย่างฉันมีไม่เยอะ วันหนึ่งสามารถกินได้เพียงแค่ไม่กี่ร้อยกิโล ถ้าหากบวกกับร้านอื่นๆอีกสามร้านและบวกร้านอาหารของประธานหยวนของนาย ฉันรู้สึกว่ากุ้งมังกรหนึ่งหมื่นกิโลก็ไม่ใช่ปัญหา"
จ้าวเสี่ยวกังก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเจิ้งจื่อหรุจะรับสินค้าได้ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ เพียงแต่โชคดีที่เจิ้งจื่อหรุยังมีการดึงสายหลักมาให้เขา กรอบที่มีขนาดใหญ่
"ฉันมีสระบัวสามสิบไร่ ฉันรู้สึกว่าทุกไร่น่าจะมีหกพันกิโล สามสิบไร่สองแสนกิโลน่าจะมีแล้วนะ"
"ใช้ได้เลยนะน้องชาย กล้าที่จะทำสัญญากับสระบัวมากมาย ได้เลย ดูเหมือนว่านายอยากจะทำธุรกิจใหญ่จริงๆ นายรอฉันก่อนนะ ฉันจะโทรศัพท์หาคนอื่นๆ ให้พวกเขามาประชุมด้วยกัน"
หลังจากพูดจบ เจิ้งจื่อหรุโทรศัพท์หาคนอื่นๆโดยตรง ภายในใจของจ้าวเสี่ยวกังกระวนกระวายอย่างมาก เขาไม่รู้ว่ากุ้งมังกรที่ตัวเองเลี้ยงเอาไว้จะเข้าตาคนไม่กี่คนได้หรือไม่
ในไม่ช้าเจิ้งจื่อหรุก็โทรศัพท์เสร็จแล้ว และเดินเข้ามา
"เสี่ยวกัง พวกเรารอก่อนนะ ในไม่ช้าพวกเขาอีกสามคนก็จะมา ประธานหยวนของนายเข้าไปในเมืองแล้ว ไม่มาแล้ว เพียงแต่ให้ฉันบอกกับนายว่าจะต้องเก็บเอาไว้ให้เธอหนึ่งส่วน มีเท่าไหร่เอาเท่านั้น"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จ้าวเสี่ยวกังตื่นเต้นอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหยวนเซียงหลิงจะเชื่อใจเขามากขนาดนี้ นอกจากนี้ยังอยู่ภายใต้ของการไม่ได้ดูสินค้าแต่กล้าจองลงมาโดยตรง
หวังลี่ที่อยู่ข้างๆได้ยินการสนทนาระหว่างจ้าวเสี่ยวกังและเจิ้งจื่อหรุ ภายในใจก็ตกตะลึงอย่างลับๆเช่นกัน
เมื่อก่อนเธอคิดมาโดยตลอดว่าจ้าวเสี่ยวกังไม่ต่างอะไรจากน้องชายของตัวเองมาก ต่อให้สามารถพลิกผันได้แต่ก็ไม่สามารถทำธุรกิจใหญ่ๆอะไรได้ แต่ว่ากลับคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเสี่ยวกังจะมาถึงจุดดังกล่าวโดยไม่ส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว
ในขณะเดียวกันเธอก็ภูมิใจเล็กน้อย ภูมิใจผู้ชายที่ตัวเองชอบมีความสามารถขนาดนี้
"เสี่ยวกัง มานิ ลองมาชิมชาจากทางตะวันตกดูสิ นี่เป็นของดีเลยนะ"
เจิ้งจื่อหรุรินน้ำชาให้จ้าวเสี่ยวกังเป็นการส่วนตัวหนึ่งแก้ว หลังจากนั้นรินให้หวังลี่หนึ่งแก้ว
"พี่เจิ้ง ฉันรินเองก็ได้ คุณทำแบบนี้ฉันรับไม่ไหวเล็กน้อย"
ระหว่างที่พูด จ้าวเสี่ยวกังรับหม้อดินสีม่วงในมือของเจิ้งจื่อหรุแล้ววางไว้ตรงหน้าตัวเอง หลังจากนั้นเป็นฝ่ายริเริ่มรินชาให้เจิ้งจื่อหรุ
เมื่อเห็นท่าทางที่มีมารยาทของจ้าวเสี่ยวกัง เจิ้งจื่อหรุยิ้มออกมา
"อยู่กับฉันไม่ต้องสุภาพอะไรขนาดนั้น ฉันเป็นเพียงแค่คนหยาบคายคนหนึ่ง อีกสักพักรอให้พวกเขามาแล้วลองดูความคิดของพวกเขา ถ้าหากสามารถรับซื้อได้ พวกเราจะเป็นสปอนเซอร์ให้กับนาย เป็นยังไง?"
"อ้อ พี่เจิ้ง ไม่ต้องเป็นสปอนเซอร์ก็ได้ ฉันมีเงินของตัวเอง นอกจากนี้ในครั้งนี้ฉันเตรียมจะทำมันด้วยตัวเอง ไม่อยากให้คนมายุ่งเรื่องการเพาะเลี้ยง"
คำพูดของจ้าวเสี่ยวกังทำให้เจิ้งจื่อหรุอึ้งไปชั่วขณะ ต่อจากนั้นหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง
"ไม่เลวเลยนะ มีพลัง มีความกล้าหาญ ได้ อีกสักพักรอให้พวกเขามาแล้วฉันจะบอกความคิดของนายให้กับพวกเขา พวกเราไม่มีทางเข้าไปยุ่งแน่นอน เพียงแต่มีคำพูดบางอย่างต้องพูดกับนาย นายต้องมีการเตรียมใจเอาไว้หน่อยนะ นั่นก็คือถ้าหากกุ้งมังกรของนายไม่ดี พวกเขาหลายคนไม่มีทางเอาแน่นอน นอกจากนี้ราคาก็จะต่ำอย่างมากเช่นกัน"
สำหรับคำถามนี้จ้าวเสี่ยวกังเคยพิจารณามานานแล้ว ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา ทันใดนั้นพยักหน้าอย่างไม่ลังเลและตอบตกลง
"พี่เจิ้ง เนื่องจากฉันกล้าพูดแบบนั้น ฉันก็กล้ายอมรับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน ถ้าหากสินค้าไม่ดี ที่นี่ของพี่เจิ้งฉันก็ไม่มีทางมาส่งอย่างแน่นอน"
มองดูท่าทางที่มั่นใจของจ้าวเสี่ยวกัง ใบหน้าของเจิ้งจื่อหรุมีความสงสัยอย่างมาก
แม้ว่ากุ้งมังกรจะเลี้ยงง่ายมาก แต่ยาฆ่าแมลงและสารเคมีเหล่านั้นในชนบท แม้กระทั่งสิ่งของอื่นๆทั้งหมดที่มีความเสี่ยงและอันตรายต่อชีวิตกุ้งมังกร บางทีโชคไม่ดีอาจจะหายไปทั้งหมดเลย เขาไม่เข้าใจว่าจ้าวเสี่ยวกังเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน
"ฮ่าๆๆ…..พวกคุณคุยกันได้สนุกมากเลยนะ เอ๊ะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีสาวสวยอยู่ด้วย "
MANGA DISCUSSION