เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งยวี่ชิง ภายในใจของจ้าวเสี่ยวกังรู้สึกตื่นเต้น กอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ความรู้สึกที่เป็นเหมือนกับว่ากลัวอีกฝ่ายจะวิ่งไปอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อรู้สึกถึงความร้อนและความชื้นในอก เขาก็รู้ว่าพี่สะใภ้กำลังร้องไห้
"พี่สะใภ้ นี่คุณเป็นอะไรเหรอ? ถ้าหากคุณรู้สึกลำบากใจก็ช่างมันเถอะ ฉันชอบคุณอยากอยู่กับคุณด้วยกัน แต่ฉันไม่อยากให้พี่สะใภ้ร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า ถ้าหากเป็นแบบนี้ฉันขออยู่คนเดียวตลอดชีวิตดีกว่า"
"พูดไร้สาระอะไรอยู่ พี่สะใภ้ดีใจจนน้ำตาตกต่างหาก พี่สะใภ้คิดไม่ถึงเลยว่านายจะไม่รังเกียจผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เพียงแต่นายอยากอยู่กับพี่สะใภ้ด้วยกันก็ได้ แต่ว่าพี่สะใภ้มีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง ถ้าหากนายสัญญากับพี่สะใภ้ก็จะอยู่กับนาย ถ้าหากนายไม่สามารถสัญญาได้หลังจากนี้พวกเราแยกทางกันดีกว่า ดีกับตัวนายและดีกับฉันด้วย"
เนื้อถึงปากแล้ว จ้าวเสี่ยวกังจะไม่สัญญาได้อย่างไร พูดด้วยความจริงจังอย่างมากทันที :"พี่สะใภ้ คุณพูดมาได้เลย ต่อให้คุณให้ฉันไปบุกน้ำลุยไฟฉันก็จะสัญญากับคุณ"
"พี่สะใภ้ไม่จำเป็นต้องให้นายไปบุกน้ำลุยไฟ เพียงแค่นายสามารถทำให้พ่อและแม่ของพวกเราเห็นด้วยฉันก็จะตอบตกลงอยู่กับนาย ต่อให้มีอะไรกับนายพี่สะใภ้ก็ยินยอม"
หลังจากพูดเช่นนี้ ซ่งยวี่ชิงก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ไม่กล้าเงยหน้ามองจ้าวเสี่ยวกังแม้แต่นิดเดียว
จ้าวเสี่ยวกังก็ตะลึงกับคำพูดของซ่งยวี่ชิงเช่นกัน เขาอยากจะแต่งงานกับซ่งยวี่ชิงจริงๆ แต่ว่าคิดไม่ถึงเลยว่าซ่งยวี่ชิงจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา ความหมายในคำพูดนั้นหมายความว่าต่อให้แต่งงานกับพี่สะใภ้แล้ว หลังจากนั้นยังสามารถไปยุ่งกับผู้หญิงอื่นได้? นี่มันเป็นโชคลาภจริงๆ โชคลาภนั้นไม่ได้ใกล้กับเรื่องของการบุกน้ำลุยไฟอะไรนั่นเลย
จ้าวเสี่ยวกังสูดกลิ่นหอมบนผมของซ่งยวี่ชิงหนึ่งที พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความตื่นเต้น :"พี่สะใภ้ ฉันไม่อยากจะให้คุณได้รับความกดดันขนาดนั้น ฉันก็ไม่สนใจการมองของคนอื่น ฉันเพียงแค่ต้องการแต่งงานกับคุณมาเป็นภรรยาของฉัน นอกจากนี้หัวใจของฉันมีแต่คุณ และไม่มีคนอื่น แม้ว่าฉันจะอายุน้อยกว่าคุณ แต่ว่าฉันเข้าใจดีว่าความรักคืออะไร"
เมื่อพูดถึงคำพูดนี้ ภายในใจของจ้าวเสี่ยวกังคิดไปต่างๆนาๆ แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็พูดความในใจของตัวเองออกมาจริงๆ
ซ่งยวี่ชิงมองดูสายตาของจ้าวเสี่ยวกังด้วยความเขินอายหนึ่งที บังเอิญถูกจ้าวเสี่ยวกังเห็นเข้า จับใบหน้าที่สวยงามนั้นโดยตรงและจูบริมฝีปากสีแดงอันละเอียดอ่อนอย่างอ่อนโยน
หืมอืม……
เสียงหืมอืมดังออกมาจากภายในจมูกของซ่งยวี่ชิง ลมหายใจอุ่น ๆ นั้นทำให้จ้าวเสี่ยวกังตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นที่ร้อนเป็นไฟทันที ในขณะเดียวกันก็ยังแง้มเปลือกฟันของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ค่อยๆดันลิ้นเข้าไปข้างใน
ถูกจ้าวเสี่ยวกังทำแบบนี้ ร่างกายของซ่งยวี่ชิงอ่อนลงทันที ในขณะเดียวกันร่างกายก็ตอบสนองด้วยคลื่น สิ่งนี้ยิ่งทำให้เธอมีความเขินอายมากยิ่งขึ้น
บ้าเอ้ย……
จ้าวเสี่ยวกังดูดกลิ่นอันหอมนั้นอย่างแรง ซ่งยวี่ชิงเหล่ตามองอย่างช้าๆ แต่ว่ากลับสามารถมองเห็นท่าทางที่จริงจังอย่างมากของจ้าวเสี่ยวกัง ภายในใจก็ค่อยๆยอมรับเด็กผู้ชายคนนี้ขึ้นมา
เมื่อเวลาที่จ้าวเสี่ยวกังเริ่มยื่นมือล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของเธอ ซ่งยวี่ชิงกลับมีการปฏิเสธ
"เสี่ยวกัง…..เสี่ยวกัง…..ตอนนี้พวกเรายังทำแบบนี้ไม่ได้ รอให้พ่อและแม่ของพวกเรายอมรับให้ฉันกับนายอยู่ด้วยกัน พี่สะใภ้ให้นายทุกวัน……ให้นายเล่นสนุกทุกวัน"
หลังจากพูดแบบนี้ ซ่งยวี่ชิงก็ผลักจ้าวเสี่ยวกังออกไป ใบหน้าแดงเต็มไปด้วยความเขินอายและรีบแบกตะกล้ายาวิ่งไปที่ไกลหาเห็นสนป่าต่อ
มองไปร่างที่มีเสน่ห์ของซ่งยวี่ชิงจากด้านหลัง คิดถึงสิ่งที่ฉันทำกับซ่งยวี่ชิงในเมื่อกี้ จ้าวเสี่ยวกังอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก ยังสามารถลิ้มรสความหอมได้ ก็อย่างที่อาจารย์ว่านั่นแหละ หลังจากลิ้มรสเสร็จแล้วฟันยังมีความหอมอยู่ เพียงแต่สิ่งที่อาจารย์พูดนั้นเป็นไวท์ แต่ว่าสิ่งที่เขาเจอคือน้ำผึ้ง
กำลังคิดอยู่ว่าตัวเองจะทำให้พ่อและแม่ของตัวเองเห็นด้วยกับเรื่องนี้ยังไง จ้าวเสี่ยวกังก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วซ่งยวี่ชิงถือได้ว่าให้ความหวังกับเขาแล้ว ทำให้เขารู้ว่าเขายังมีความหมายต่อซ่งยวี่ชิงอยู่
เมื่อเห็นว่าซ่งยวี่ชิงกำลังจะไปไกล ทันใดนั้นจ้าวเสี่ยวกังตามไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าอีกฝ่ายจะมีอันตราย ในเวลาเดียวกัน เขาชอบดูพี่สะใภ้นั่งลงไปเก็บเห็ดสนจากด้านหลังที่เผยให้เห็นแผ่นหลังที่ขาวนั้น แม้กระทั่งยังสามารถมองเห็นร่องก้นเส้นเล็กๆ
"พี่สะใภ้ คุณช้าลงหน่อย ฟาร์มบนภูเขานี้เป็นของบ้านฉัน คุณไม่ต้องรีบร้อน"
"นี่เป็นฟาร์มบนภูเขาของบ้านนาย เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย"
ซ่งยวี่ชิงพูดไปด้วยและยังมีการหาเห็ดสนด้วยความเขินอายเล็กน้อย เธอจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของจ้าวเสี่ยวกังได้อย่างไร? เธอไม่ใช่คนโง่
"ฮ่าๆๆ ฟาร์มบนภูเขานี้ไม่ช้าก็เร็วล้วนแล้วจะต้องเป็นของพวกเราไม่ใช่เหรอ? พี่สะใภ้อย่าลืมสิ่งที่สัญญากับฉันในเมื่อกี้นะ"
เมื่อเห็นท่าทางที่ได้ใจของจ้าวเสี่ยวกังนั้น ซ่งยวี่ชิงมองจ้าวเสี่ยวกังหนึ่งทีและพูด :"นายอย่าใส่ทองบนใบหน้าตัวเองเลย นายสามารถพูดให้พ่อแม่ของพวกเราใจอ่อนได้ก็แปลกแล้ว คนในหมู่บ้านมองฉันเหมือนโรคระบาดอย่างหนึ่ง ล้วนแล้วบอกว่าฉันเป็นตัวซวย ไม่ขับไล่ฉันออกจากหมู่บ้านก็ดีแค่ไหนแล้ว พ่อแม่ของพวกเรายิ่งร้ายกาจ ฉันขอแนะนำให้นายตายใจดีกว่า"
แม้ว่าซ่งยวี่ชิงจะพูดเช่นนี้ ภายในใจกลับมีความคาดหวังอย่างมาก คาดหวังที่จะได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ของจ้าวเสี่ยวกัง นับตั้งแต่ที่เห็นของเล่นอันใหญ่ของจ้าวเสี่ยวกังนั้น แม้ว่าเธอคิดว่าพ่อแม่ของจ้าวเสี่ยวกังจะไม่เห็นด้วย เพียงแค่จ้าวเสี่ยวกังต้องการ เธอก็ยินดีที่จะถูกอีกฝ่ายกระทำอย่างรุนแรงสักครั้ง
แน่นอน เธอทำได้เพียงเก็บคำเหล่านี้ไว้ในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกไป เพราะเพียงแค่เธอพูดออกไป เธอกลัวว่าจ้าวเสี่ยวกังจะไม่มองเธอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป จะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น
จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกมึนงงเล็กน้อยกับดวงตาที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลของซ่งยวี่ชิง เขาอยู่กับพี่สะใภ้มานานขนาดนี้แล้ว พี่สะใภ้เคยแสดงท่าทางขี้เล่นแบบนั้นกับเขาตอนไหนบ้าง?
ความน่ารักและขี้เล่นนั้นทำให้จ้าวเสี่ยวกังอดไม่ได้ที่อยากจะโยนตัวของซ่งยวี่ชิงลงบนพื้นโดยตรงและมีอะไรกับเธอสักรอบ
"ว้าว…..เสี่ยวกังรีบมานี่สิ ที่นี่มีเห็ดสนป่าเยอะมากเลย เต็มไปหมด"
เมื่อเวลาที่จ้าวเสี่ยวกังยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่ ซ่งยวี่ชิงกลับพบเห็ดสนป่ามากมายเต็มไปหมด นอกจากนี้ในครั้งนี้ขอบเขตใหญ่อย่างมาก
จ้าวเสี่ยวกังก้าวไปข้างหน้าและเห็นสนป่ามากมายที่อยู่ในทุ่งหญ้าก็ตะลึงเช่นกัน ขอบเขตนั้นใหญ่พอสำหรับเขาและซ่งยวี่ชิงเก็บได้สามวันเลย
"พี่สะใภ้ คุณช่างร้ายกาจจริงๆ มากมายขนาดนี้ก็ถูกคุณพบเข้าได้ง่ายๆแบบนี้"
"ไม่เลยสักนิด เพียงแค่โชคดีเท่านั้นเอง รีบมาเก็บกับฉันด้วยกันสิ เก็บเสร็จแล้วรีบนำไปขายกัน พี่สะใภ้ยังติดหนี้คนอื่นอยู่"
ซ่งยวี่ชิงพูดไปด้วยและเริ่มเก็บเห็ดสนขึ้นมา
จ้าวเสี่ยวกังก็ตามไปเก็บเห็ดสนที่อยู่ด้านหน้ากับซ่งยวี่ชิงอย่างไม่หยุดเช่นกัน ในเวลาเดียวกันก็ไม่ลืมแอบมองดูใบหน้าของซ่งยวี่ชิงหนึ่งที ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้นทำให้จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกสวยจนไม่รู้จะอธิบายยังไง
ในไม่ช้า ทั้งสองคนได้เก็บเห็ดสนป่าจนเต็มทั้งสองตะกล้าแล้ว ซ่งยวี่ชิงมองดูเห็ดสนป่าที่อยู่ด้านหลังตัวเองดีใจจนเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง ระหว่างทางเอาแต่พูดขอบคุณจ้าวเสี่ยวกังไม่หยุด
"เสี่ยวกัง ถ้าหากของเหล่านี้สามารถขายได้เงินมากขนาดนั้นจริงๆ พี่สะใภ้นั้นไม่รู้จะขอบคุณนายยังไงแล้วจริงๆ เอาแบบนี้ถ้าหากหลังจากขายได้เงินแล้วพี่สะใภ้จะไปซื้อปลาตัวใหญ่ทำเป็นอาหารมาบำรุงร่างกายนาย"
"บำรุงร่างกายอะไร? ฉันช่วยพี่สะใภ้เป็นเรื่องที่ควรทำ นอกจากนี้หลังจากนี้พวกเรายังสามารถทำกำไรจากเห็ดสนได้ไม่หยุด"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซ่งยวี่ชิงมองไปที่จ้าวเสี่ยวกังด้วยความสงสัยและพูด :"นอกจากเห็ดสนบนภูเขาที่สามารถขายได้เงินแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกไหม?"
"ฮ่าๆๆ หลังจากนี้คุณก็จะรู้เอง เพียงแต่จู่ๆฉันก็นึกถึงคำถามหนึ่ง"
"คำถามอะไรนายถามได้เลย ถ้าพี่สะใภ้รู้จะบอกนายเอง" ซ่งยวี่ชิงเก็บเห็ดสนได้เต็มตะกล้า อารมณ์ก็ดีเป็นพิเศษเช่นกัน
"พี่สะใภ้ ไม่ใช่ว่าคุณต้องการขอบคุณฉันเหรอ? คุณคิดว่าถ้าหากฉันต้องการให้พี่สะใภ้ขอบคุณฉันด้วยวิธีอื่น พี่สะใภ้คุณตอบตกลงฉันได้ไหม?"
คำพูดของจ้าวเสี่ยวกังทำให้ใบหน้าของซ่งยวี่ชิงแดงด้วยความเขินอาย เธอจะไม่รู้ความหมายของจ้าวเสี่ยวกังได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองดูไอ้นั่นของอีกฝ่ายที่ยังไม่ลุกขึ้นมาตั้งชี้ขึ้น แม้ว่าจะเป็นการเดินล้วนแล้วสามารถมองเห็นของเล่นอันใหญ่นั้นได้ ภายในใจของเธอยิ่งมีความคาดหวังและเขินอาย
"รอให้พ่อแม่ของพวกเราเห็นด้วยก่อน" หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยว่าจ้าวเสี่ยวกังจะได้รับผลกระทบ
"ถ้าหากนายต้องการจริงๆ พี่สะใภ้…..พี่สะใภ้……พี่สะใภ้ตอบตกลงนายให้นาย……ทำสักครั้ง"
MANGA DISCUSSION