ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 78 ชายไร้ความสามารถผู้ใช้ความรุนแรงในครอบครัว
- Home
- ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?
- ตอนที่ 78 ชายไร้ความสามารถผู้ใช้ความรุนแรงในครอบครัว
ตอนที่ 78 ชายไร้ความสามารถผู้ใช้ความรุนแรงในครอบครัว
ตอนที่ 78 ชายไร้ความสามารถผู้ใช้ความรุนแรงในครอบครัว
เด็กทั้งสองตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า จึงกำเสื้อของบิดาแน่น ซ่อนใบหน้าน้อยเอาไว้ ไม่กล้าเงยมามอง
เฉียวเยี่ยนพลันเดือดดาลขึ้นมา พลางเดินไปกระชากคอเสื้อชายผู้นั้นไว้และลากเขาออกมา ชายที่กำลังมึนเมายามถูกนางลากก็ล้มลงไปกับพื้นในทันใด
นางพยุงสตรีที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ก่อนจะเห็นว่าเด็กที่นางปกป้องอยู่เป็นเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่ง อายุน่าจะราว ๆ ลูกน้อยทั้งสองของนาง แต่กลับซูบผอมจนดูน่าสงสาร เหมือนดั่งลิงน้อยตัวหนึ่ง
สตรีนางนั้นรู้จักเฉียวเยี่ยน จึงคุกเข่าลงกับพื้นคำนับขอบคุณนาง “ขอบพระทัยหวางเฟยเหนียงเหนียงเพคะ ขอบพระทัย…”
เถาซานเหลียงชายเมามายที่ล้มอยู่พยุงกายลุกขึ้นจากพื้น อาจเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่ทำให้เส้นประสาทมึนชาและไม่รู้สึกรู้สาอะไร กลับมองเฉียวเยี่ยนด้วยรอยยิ้มหยาบโลน
“คนงามจากที่ใดกันหนอ มา มาให้พี่จูบเจ้าหน่อยเร็ว”
ชายเมามายที่ทั่วตัวมีแต่กลิ่นเหล้ายิ้มยิงฟันเหลืองใส่นางจนเฉียวเยี่ยนรู้สึกขยะแขยง ขณะกำลังจะลงมือสั่งสอนนั่นเองก็รู้สึกได้ถึงลมพัดมาจากด้านหลัง ท่านอ๋องปรากฏตัวพร้อมกับอุ้มลูกเอาไว้พลางใช้เท้าถีบเถาซานเหลียงอย่างรุนแรง ไอเยือกเย็นที่แผ่ซ่านทั่วร่างทำให้คนดูรู้สึกหนาวเยือก
“รนหาที่ตายนัก!”
สวะน่าขยะแขยงผู้นี้ ริอาจทำให้สตรีของข้าแปดเปื้อน!
เถาซานเหลียงถูกถีบกระเด็นล้มลงบนพื้นอย่างแรง ยังไม่ทันส่งเสียงแผดร้องก็กระอักเลือดออกมาและหมดสติไป
ตู้เยว่หงหญิงที่ถูกทุบตีเมื่อครู่เป็นภรรยาของเถาซานเหนียง ครั้นเห็นสามีถูกถีบกระเด็น นางไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเสียใจ กลับสะใจเล็กน้อย หากเขาตายไปก็คงจะดีมาก เขาตายแล้ว นางจะได้ใช้ชีวิตดี ๆ กับลูกเสียที!
เฉียวเยี่ยนไม่ได้ไปดูอาการของชายขยะแขยงคนนั้น หันไปถามตู้เยว่หง “เขาทุบตีเจ้าตลอดเลยหรือ?”
ขอบตาของตู้เยว่หงพลันแดงก่ำ ร่างอันสั่นเทาพยักหน้า ไอ้ชั่วนั่นแค่เหล้าเข้าปากก็ลงมือทุบตีนางแล้ว แถมยังทุบตีลูกด้วย ลูกสาวนางเพิ่งอายุได้สี่ขวบ กลับถูกทุบตีหลายครั้งหลายคราจนนับไม่ถ้วน
คลอดลูกสาวออกมาแล้วถูกพ่อแม่สามีกับสามีไม่ชอบไม่พอ พวกเขายังเอะอะก็ทุบตีดุด่านาง ต่อมาพ่อแม่สามีเสียชีวิต นางก็คิดว่าชีวิตจะง่ายขึ้น ทว่าคนที่นางเรียกว่าสามีหรือเพื่อนร่วมเตียงกลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น พอดื่มเหล้าแล้วก็ลงไม้ลงมือกับนาง
วันนี้ลูกตัวเองเล่นอยู่ในลานบ้านดี ๆ ไอ้ชั่วที่ไม่กลับบ้านมาทั้งคืนก็ดื่มจนเมามายมาอีก และใช้เท้าถีบลูกจนล้มลง โชคดีที่นางอยู่ที่บ้านด้วย ไม่เช่นนั้นชีวิตของลูกคงหาไม่!
เฉียวเยี่ยนได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของนาง ในใจพลันทวีความเย็นชามากขึ้น อยากจะต่อยไอ้เถาซานเหลียงนั่นให้ตายไปเลยจริง ๆ
ชายที่ไร้ประโยชน์ ไร้อนาคตมักจะชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัว เพราะพวกเขาไม่ได้รับการยอมรับและการเติมเต็มในด้านอื่น ๆ จึงอาศัยการทุบตีภรรยากับลูกเพื่อหาข้ออ้างในการอยู่ต่อ
“เช่นนั้นเจ้าเคยคิดอยากจะหย่า*หรือไม่?”
(*和离 หย่า คำนี้จะเป็นการหย่าที่ทั้งสองฝ่าย (สามีภรรยา) ยินยอมกัน)
ตู้เยว่หงได้ยินคำพูดของเฉียวเยี่ยนก็พลันเลื่อนลอยไปครู่หนึ่ง หย่ารึ?
หลังจากหย่าแล้วนางจะไปไหนได้อีก สตรีที่แต่งงานออกไปเสมือนน้ำที่ถูกสาดทิ้ง ครอบครัวนางไม่มีทางช่วยเหลือนาง ถึงครานั้นนางไม่มีบ้าน ระเหเร่ร่อนไปทั่วสารทิศ โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง แล้วจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร อีกอย่างนางก็มีลูกอยู่ด้วย!
เฉียวเยี่ยนเห็นนางจิตใจเลื่อนลอยก็พลันตระหนักได้ทันที ความคิดของสตรีในยุคนี้ไม่ได้ทันสมัยเหมือนอย่างนาง
พวกนางถูกสอนให้ทำตามหลักสามเชื่อฟังสี่จรรยามาตั้งแต่ยังเยาว์ ก่อนแต่งเชื่อฟังบิดา หลังแต่งเชื่อฟังสามี คนที่แต่งงานแล้ว ต้องบูชาสามีไว้เหนือหัว หากถูกฟ้องหย่าหรือหย่าขาดกันล้วนเป็นเรื่องที่อัปยศอดสู
เฉียวเยี่ยนก็มีช่วงที่จิตใจเลื่อนลอยอยู่ช่วงหนึ่ง นางเป็นสตรีที่เติบโตในยุคสมัยใหม่ ที่มีอิสระและมีความคิดอ่านของตัวเอง นางไม่มีทางพึ่งพาผู้ชายในการดำรงชีวิต แม้จะมาอยู่ในยุคโบราณ นางก็ยังคงรักษาความคิดนี้ไว้
ทว่ายามนี้ จู่ ๆ นางก็เริ่มคิด หากพ่อของเด็กทั้งสองไม่ใช่มู่ฉินเจิน แต่เป็นชายไร้ความสามารถผู้ใช้ความรุนแรงในครอบครัวอย่างเถาซานเหลียง ชีวิตนางจะเป็นอย่างไร?
ขณะที่คิดเช่นนี้ เฉียวเยี่ยนก็รู้สึกปรีดาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และยิ่งรู้สึกว่าท่านอ๋องเป็นบุรุษที่ดีมาก ๆ คนหนึ่ง
หากมู่ฉินเจินรู้ความคิดนางในยามนี้ เขาก็อาจจะดีใจจนยกหางขึ้นมา เจ้าท่อนไม้เริ่มยอมรับเขาแล้ว เช่นนั้นการชอบเขามันจะยังอยู่ห่างไกลอีกหรือ?
เฉียวเยี่ยนไม่พูดอะไรกับตู้เยว่หงให้มากความต่ออีก หากนางเจอบุรุษเฉกเช่นเถาซานเหลียง นางไม่มีทางให้เขาใช้ชีวิตดี ๆ อย่างแน่นอน และไม่มีทางอยู่ข้างกายเขาเกินหนึ่งในสี่ชั่วยามเด็ดขาด ทว่าตู้เยว่หงหาใช่นางซึ่งมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นพูดมากแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์
นางบอกกล่าวจุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้ ตู้เยว่หงรีบพานางไปดูต้นท้อใหญ่บ้านตัวเองทันที ต้นท้อบ้านนางค่อนข้างเก่าแก่ และเพราะปลูกอยู่ข้างส้วม มันจึงอุดมสมบูรณ์ดี ทั้งยังเจริญเติบโตได้อย่างงอกงาม
เฉียวเยี่ยนรู้สึกว่าต้นท้อมีลักษณะใช้ได้ จึงจ่ายเงินให้กับตู้เยว่หงก่อน แล้วค่อยส่งคนมาตัดในวันพรุ่งนี้
เด็กน้อยทั้งสองอยู่เล่นเป็นเพื่อนสาวน้อยของบ้านตู้เยว่หง สาวน้อยอายุสี่ขวบ โตกว่าลูกทั้งสองของนางไปไม่กี่เดือน ทว่าผมเผ้าเหลืองกรอบ รูปร่างผอมกระหร่อง เห็นได้ชัดว่าขาดสารอาหารมาอย่างยาวนาน
เด็กทั้งสามนั่งยอง ๆ อยู่ข้างเถาซานเหลียงที่สลบเหมือดอยู่บนพื้น ซึ่งอยู่ห่างไปช่วงหนึ่งก่อนจะใช้ไม้พลองจิ้ม ๆ เขา ประหนึ่งจิ้มศพ
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ชาย และถามด้วยเสียงเด็กเล็ก “ท่านพี่ คนผู้นี้ตายม่องเท่งไปแล้วหรือ?”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์หยิบไม้พลองมาจิ้มเช่นกันด้วยท่าทางทั้งเคร่งขรึมทั้งจริงจัง “ยังไม่ตาย เพียงสลบไป”
“อ๋อ เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เจ้าปลาอ้วนมีความเสียใจเล็กน้อย เหตุใดคนเลวจึงไม่ตายม่องเท่งไปเสียนะ?
สาวน้อยเองก็เสียใจเช่นกัน จึงเคาะไม้ลงบนท้องบิดาตัวเอง นางรู้ว่าการตายไปแล้วคือการไม่เจอกันไปตลอดชีวิต หากไม่เจอบิดาตัวเองแล้ว นางกับแม่ก็จะไม่ถูกทุบตี
หลังจากออกมาจากบ้านตู้เยว่หง เฉียวเยี่ยนรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย นางจึงถามมู่ฉินเจิน “หากมีวันหนึ่งข้ายั่วยุให้ท่านโมโห ท่านจะทุบตีข้าไหม?”
มู่ฉินเจินยกมือขึ้นดีดหน้าผากนาง และเอ่ยอย่างจนใจ “คิดอะไรน่ะ ชายที่ไร้ความสามารถต่างหากที่มักจะทุบตีสตรี อีกอย่างข้าก็ทุบตีเจ้าไม่ลงหรอก”
เจ้าท่อนไม้ของเขาไม่ทันได้เจ็บปวดหรอก จะทุบตีได้อย่างไร หากจะตีก็มีแค่ตีกันบนเตียง…
เฉียวเยี่ยนหน้าแดงเรื่อไปกับคำพูด ‘ทำไม่ลง’ ของเขา จากนั้นก็เชิดหน้าเอ่ย “หากอยากจะตีก็ไม่มีโอกาสหรอก เพราะคนทั่วไปสู้ข้าไม่ได้!”
มู่ฉินเจินหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยชมประหนึ่งชมเด็กน้อย “ใช่แล้ว ฮูหยินของข้าเก่งที่สุด!”
เฉียวเยี่ยนยิ่งหน้าแดงขึ้น และบ่นพึมพำเสียงเบาเป็นพิเศษ “ใครเป็นฮูหยินของท่านกัน?”
เด็กทั้งสองที่ไม่รู้เรื่องอะไร ก็เอ่ยชมเหมือนอย่างบิดา “ท่านแม่เก่งที่สุด!”
เฉียวเยี่ยนมีจิตใจเบิกบาน จึงหอมแก้มเด็กน้อยทั้งสอง มู่ฉินเจินเองก็ยื่นหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ “ข้าล่ะ?”
“คนบ้า ท่านก็หอมตัวเองไปสิ!”
เฉียวเยี่ยนใช้มือผลักหน้าเขาออก และย่างสามขุมเดินไปข้างหน้าอย่างอับอาย ทว่ามุมปากกลับยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
มู่ฉินเจินส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ และอุ้มลูกก้าวตามนางไป
ความโมโหและความรู้สึกหนักอึ้งก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดแล้ว ทั้งสี่คนเดินเที่ยวชมหมู่บ้านอย่างมีความสุขต่อ
…..
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉียวเยี่ยนได้ส่งรถสองคันไปตัดกิ่งต้นท้อที่นางไปสำรวจเมื่อวาน ส่วนนางก็อยู่บ้านเป็นเพื่อนลูก ๆ
เอ่อ อยู่เป็นเพื่อนมู่ฉินเจินด้วย…
เมื่อวานนางนอนร่วมเตียงเดียวกันกับมู่ฉินเจินอีกแล้ว ข้าง ๆ ยังมีห้องอยู่ แต่พูดให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ไป เอาแต่อยู่บนเตียงนางอย่างหน้าด้าน ผนวกกับคำขอร้องของเด็กทั้งสอง นางจึงต้องจำใจตกลง
เหน็ดเหนื่อยมากว่าครึ่งเดือน ทาบกิ่งต้นท้อมาพอประมาณ พวกคนงานก็ชำนาญฝีมือแล้ว นางจึงมอบหมายที่เหลือให้พวกเขา ตัวนางเองก็วางใจ ด้วยเหตุนี้นางจึงนอนตื่นสายจนตะวันโด่ง
สามแม่ลูกหยอกล้อกันอยู่บนเตียง มู่ฉินเจินเองก็อยากเล่นด้วย แต่เขากลับถูกเฉียวเยี่ยนไล่ออกมาทำอาหาร
ให้เขาทำอาหาร? ตลกแล้ว นอกจากต้มบะหมี่น้ำใส เขาจะทำอะไรเป็นอีก?
แต่เมื่อสามแม่ลูกมองเขาด้วยสีหน้ามั่นใจ ความภูมิใจในตนเองก็เปี่ยมล้นขึ้นมา แค่ทำกับข้าวเอง ก็ทำไปสิ!
มาดูกันว่าเขาจะไม่ทำอาหารเต็มโต๊ะหรือไม่!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ล่วงเกินหวางเฟยเหรอ แกไม่ตายดีแน่ อย่ามายุ่งกับคนของอ๋องโบ้นะ เขาก็รักของเขา
มาลุ้นกันนะคะว่าอาหารฝีมือท่านอ๋องจะชนะแคมเปญนี้หรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)