ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 56 ทิวทัศน์สวนผักในสี่ฤดู (รีไรท์)
ตอนที่ 56 ทิวทัศน์สวนผักในสี่ฤดู (รีไรท์)
ตอนที่ 56 ทิวทัศน์สวนผักในสี่ฤดู (รีไรท์)
เฉียวเยี่ยนแสร้งยิ้มการทูตต่อสู้กับเหล่าฮูหยินคุณหนู ส่วนระบบตัวน้อยเฝ้ามองอยู่ในห้องเล็กจนสัปหงก
คนเหล่านี้ไม่เหนื่อยหรือ? พูดจาทีอ้อมโลกเสียไกล เคี้ยวคดวกวนไปมาเฉกเช่นลำไส้ที่อยู่ในท้องเลยทีเดียว
ทว่าในหมู่ฮูหยินเหล่านี้ก็พอมีคนที่คุยกับเฉียวเยี่ยนได้ อย่างเช่นอันซีโหวฮูหยินที่เคยไปเฝ้าเขตชายแดนกับท่านอันซีโหวหลายปี นางเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา ไม่ได้มากจริตเหมือนเหล่าฮูหยินคุณหนูที่อ้างว่ามาจากตระกูลมีชื่อเสียงคนอื่น ๆ
เมื่อก่อนอันซีโหวเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่ฉินเจิน ดังนั้นอันซีโหวฮูหยินจึงนับว่ามีความจริงใจต่อเฉียวเยี่ยนเล็กน้อย เมื่อเห็นทุกคนไม่สนใจเฉียวเยี่ยน นางจึงเริ่มหาหัวข้อมาสนทนากับเฉียวเยี่ยนก่อน
เฉียวเยี่ยนมองออกว่าอีกฝ่ายอยากคลายบรรยากาศลง ช่วยนางแก้ไขความอึดอัด จึงยิ้มอย่างจริงใจต่ออีกฝ่าย
ขณะคุยกันอยู่นั้น อันซีโหวฮูหยินก็เอ่ยถามเรื่องแปลงผักในตำหนักขึ้นมา ซึ่งความจริงแล้วหากไม่ถามยังจะดีเสียกว่า พอถามออกมาแล้วเฉียวเยี่ยนก็เกิดความสนใจในทันใด พูดบรรยายกับอีกฝ่ายอย่างน้ำไหลไฟดับ จนเหล่าฮูหยินคุณหนูที่เหลือต่างรับฟังด้วยสีหน้ามึนงง
คิดอย่างไรถึงปลูกผักไว้ในตำหนักน่ะหรือ?
เฮ้อ ก็เพราะเห็นว่าดอกไม้เหล่านั้นดูไร้ประโยชน์ มิสู้รื้อถอนออกปลูกผักจะดีกว่า อย่ามองว่าในตำหนักนางตอนนี้ดูโล่งเตียนว่างเปล่า รอหว่านเมล็ดและต้นกล้างอกออกมาเมื่อใด ก็จะเห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างกันสี่ฤดูในหนึ่งปี ซึ่งน่าสนใจกว่าดอกไม้พืชพรรณโด่งดังประจำสี่ฤดูที่ซ้ำซากจำเจเหล่านั้นเสียอีก
ปลูกผักมีทิวทัศน์อะไรให้ดูกัน? คงไม่ใช่การคุยโวหรอกใช่ไหม!
เฉียวเยี่ยนเห็นทุกคนไม่เชื่อก็นั่งยืดตัวตรง ก่อนจะอธิบายแจกแจงให้พวกนางฟัง
ในวสันตฤดูปลูกผักส่วนใหญ่ได้หมด เพียงแบ่งแปลงผักออกเป็นแปลง ๆ ปลูกผักต่างชนิดกัน ผักต่างชนิดกันก็สร้างทิวทัศน์ที่แตกต่างขึ้นมาได้ โดยเฉพาะผักที่มีสีสันเป็นของตัวเอง เช่น จื่อซู(ชิโสะใบแดง) กะหล่ำปลีม่วง ผักขมใบแดง เมื่อเติบโตเต็มที่ก็จะแลคล้ายกับดอกไม้สีม่วงสีแดงเป็นทิวแถว
ส่วนบริเวณรั้วข้างแปลงผักก็ปลูกถั่วฝักยาว ฟักทอง แตงกวา ให้เถาของพืชเหล่านี้เลื้อยปีนขึ้นไป ผ่านไปไม่นานพวกมันจะเริ่มผลิดอกเล็ก ๆ สีเหลืองสีขาวออกมา ซึ่งงดงามไม่แพ้ดอกว่านผักบุ้งหรือดอกผักบุ้งรั้ว และที่สำคัญที่สุดคือพวกมันล้วนกินได้
ในช่วงฤดูคิมหันต์ ดอกบัวในบึงจะบานสะพรั่ง ใบบัวก็งอกงามเขียวชอุ่ม ซึ่งช่วงนี้สามารถเก็บดอกบัวมาหมักเป็นสุราบงกชได้ ส่วนใบบัวนำมาหั่นต้มน้ำแกง หรือห่อไก่ทำเป็นไก่อบใบบัวได้ และช่วงฤดูนี้มะเขือเทศกับพริกที่หว่านเมล็ดไว้ก่อนหน้านี้ก็น่าจะออกผลแล้ว ก็จะแลเห็นเป็นผลสีแดงสลับเขียว เห็นแล้วรู้สึกสดชื่นจำเริญตายิ่งนัก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฤดูสารทที่มีทั้งผลแตงหอมกรุ่น ฟักทองสีเหลืองที่ห้อยระย้าอยู่บนเถา แต่ละผลแลเหมือนโคมไฟ อยากกินเมื่อใดก็เก็บมานึ่ง ทั้งหวานทั้งหนึบ
เหล่าฮูหยินคุณหนูฟังเฉียวเยี่ยนพูดยืดยาวก็เหมือนถูกเกทับจนมึนงง แต่เมื่อฟังนางอธิบายถึงของกินก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้
ฤดูหนาวเล่า! ฤดูหนาวเจ้าคงปลูกอะไรไม่ได้ ถึงเวลานั้นทั้งตำหนักก็จะโล้นว่างเป็นวงกว้าง จะมีอะไรให้น่าดูน่าชมกัน?
เฉียวเยี่ยนแย้มยิ้ม ในฤดูเหมันต์นางสามารถปลูกหัวไชเท้าและผักกาดขาวได้ เจ้าผักพวกนี้ทนทานต่ออากาศหนาวเป็นเลิศ แม้หิมะที่ตกหนักจะทำให้ใบแห้งเหี่ยว ทว่าหัวไชเท้าที่อยู่ข้างใต้ก็ยังเติบโตได้อวบอ้วนฉ่ำน้ำ
พวกท่านเคยกินหัวไชเท้าที่ถูกแช่แข็งด้วยหิมะหรือไม่? ต้องไม่เคยกินแน่ ๆ เลย
หัวไชเท้าแช่แข็งทั้งเย็นทั้งกรอบ มีน้ำมากเป็นพิเศษ รสชาติหวานมาก อีกทั้งกินแล้วยังป้องกันอาการป่วยได้!
หากมีอาการไอ ให้กินหัวไชเท้าแช่น้ำผึ้ง ของสิ่งนั้นมีสรรพคุณดีกว่ายาเสียอีก
รอหัวไชเท้าและผักกาดขาวถึงอายุเก็บเกี่ยวแล้วจึงขุดออกมา หัวไชเท้าจะเอามาหั่นเป็นเต๋าหรือหั่นเล็ก ๆ ตากแห้ง หมักเป็นผักดองเล็ก ๆ ส่วนผักกาดขาวก็หมักเป็นผักกาดดองเค็ม ผักกาดดองเผ็ด และยังเอาไปตุ๋นในหม้อได้ สรุปแล้วมีวิธีรับประทานได้มากมาย!!
เพียงแค่ประเด็นหัวไชเท้าและผักกาดขาวข้อเดียว เฉียวเยี่ยนก็บอกวิธีการรับประทานหลายวิธีให้แก่เหล่าฮูหยิน จนฮูหยินที่มาฟังแบบท้องว่างเหล่านั้นหิวจนท้องร้อง
อันซีโหวฮูหยินฟังเฉียวเยี่ยนพูดจบก็รู้สึกตื่นเต้น และอยากกลับบ้านไปพูดคุยกับนายท่านของบ้าน เพื่อรื้อไถแปลงดอกไม้ไร้ประโยชน์เหล่านั้นทิ้ง
หากได้ปลูกผักสักเล็กน้อยก็คงจะดีมากเลย!
เมื่อเปิดปากคุย บรรยากาศในบริเวณนั้นก็พลันผ่อนคลายลงมาก ยกเว้นพวกที่มีความขัดแย้งกับตำหนักอ๋องซู่ ที่เหลือก็พูดคุยกันมากน้อยบ้าง
ฮูหยินบางคนรู้สึกแปลกใหม่กับความคิดปลูกผักของเฉียวเยี่ยน แต่ก็ทำเป็นเหมือนฟังเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง พวกนางมีฐานะไม่ค่อยสูงนักในจวน อย่าว่าแต่เอ่ยถึงรื้อไถที่ดินเพื่อปลูกผักเลย แค่เอ่ยความคิดนี้ขึ้นมา ตาเฒ่าบ้านตนคงขุดนางทิ้งก่อนเป็นแน่
ในระหว่างที่คุยกัน อาหารในห้องเครื่องก็พร้อมแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงสั่งฮุ่ยเซียงให้พาเหล่าหัวไชเท้าน้อยกลับมา
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และเสี่ยวฉวนเอ๋อร์พาเหล่าสหายไปดูเรือนกระจก แม้ที่ดินในตำหนักยังไม่ได้หว่านเมล็ด แต่ผักในเรือนกระจกกลับปลูกไว้ไม่มีขาดช่วง ยังคงเขียวขจีทั้งผืน และมีพริกสีแดงสดกับมะเขือเทศลูกเล็ก
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เดินอยู่หน้าสุดดั่งผู้นำเที่ยวตัวน้อย ส่วนเสี่ยวฉวนเอ๋อร์อยู่ข้าง ๆ เป็นองครักษ์พิทักษ์นาง
“ตามข้ามาเลย ผลไม้สีแดงแหลมด้านข้างก็คือพริก กินดิบ ๆ ปากจะเจ็บแสบ ห้ามแอบขโมยนะ”
เหล่าหัวไชเท้าน้อยกำลังจะเอื้อมมือไปเก็บพริกขี้หนู พอได้ยินคำพูดของเจ้าปลาอ้วนก็รีบหดมือกลับทันที
พวกเขาไม่เพียงแต่กลัวปากเจ็บแสบ แต่ยังกลัวพี่ใหญ่อย่างลูกพี่อวี๋โกรธ แรงหมัดของลูกพี่อวี๋ไม่ใช่น้อย ๆ เลย
เมื่อเดินไปถึงแปลงมะเขือเทศน้อยถัดไป เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็หยุดเดิน ให้เหล่าคนงานในเรือนกระจกเก็บมะเขือเทศลูกเล็กให้พวกเขากิน
มะเขือเทศลูกเล็กมีขนาดเท่าไข่นกกระทา มีสีแดงสด มองไกล ๆ ก็ดูเหมือนกับโคมไฟดวงน้อย และตอนนี้เหลือผลไม่มากแล้ว ผลระลอกนี้เป็นรอบสุดท้ายที่จะเก็บเกี่ยวได้ ก่อนหน้านี้ถูกเก็บไปกินหมดแล้ว แถมเฉียวเยี่ยนยังเอาไปทำเป็นซอสมะเขือเทศไม่น้อยเลย
เหล่าหัวไชเท้าน้อยต่อแถวเสร็จก็มองมะเขือเทศเล็กสีแดงสดตาปริบ ๆ ขณะที่เหล่าคนงานเก็บมันมาจำนวนหนึ่งก่อนจะล้างน้ำแล้วยื่นให้พวกเขากิน
ผลไม้เล็ก ๆ เปลือกบางมาก อุดมไปด้วยน้ำ มีรสหวานอมเปรี้ยว เหล่าหัวไชเท้าน้อยล้วนชอบกินยิ่งนัก
ยังไม่ทันได้สำรวจเรือนกระจกทั้งหมด ฮุ่ยเซียงก็มาพาพวกเขากลับไปรับประทานอาหาร ครั้นได้ยินว่าจะได้กินข้าวแล้ว เหล่าหัวไชเท้าน้อยต่างก็กระโดดโลดเต้น เพราะเรื่องสำคัญที่พวกเขามาเล่นที่นี่ก็เพื่อมากินอาหาร!
ภายในห้องโถงหลัก เหล่าข้ารับใช้ต่างยกอาหารมาหมดแล้ว เนื่องจากมีคนจำนวนมากจึงต้องตั้งโต๊ะหลายตัว แค่พวกเด็ก ๆ ก็นั่งไปสองโต๊ะแล้ว
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์และเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กลับไปที่ห้อง หยิบเอี๊ยมน้อยของพวกเขามาใส่ จากนั้นก็จับตะเกียบคีบข้าวเข้าปากคำใหญ่ กินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ต้องให้เฉียวเยี่ยนมากังวลเลยแม้แต่น้อย
เหล่าหัวไชเท้าน้อยคนอื่น ๆ ที่อายุเจ็ดแปดปีก็ลงมือกินด้วยตัวเอง ส่วนหัวไชเท้าน้อยอายุห้าหกขวบส่วนใหญ่ยังรอให้แม่นมหรือบ่าวมาป้อนให้ตัวเอง ถึงขั้นมีบางคนอ้าปากรอมารดาและท่านยายตนเองมาคอยปรนนิบัติ
ครั้นเหล่าฮูหยินเห็นลูกทั้งสองของเฉียวเยี่ยนเชื่อฟังเช่นนี้ก็อดอิจฉาไม่ได้ ในตอนที่ลูกของพวกเขาอายุสามขวบ พวกเขายังอุ้มมาวางบนตักป้อนข้าวให้อยู่เลย จะเชื่อฟังเช่นนี้ที่ไหนกัน
อันซีโหวฮูหยินมาเป็นเพื่อนหลานชายตัวเอง ปีนี้หลานชายนางอายุหกขวบแล้ว ในบรรดาสหายวัยเดียวกันก็ถือว่ามีอิสระและเชื่อฟังแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเด็กทั้งสองในวันนี้ก็รู้สึกอิจฉาจนเข็ดฟันนัก จึงดึงตัวเฉียวเยี่ยนไปถามเคล็ดลับการเลี้ยงเด็กมากมาย
เมื่อเอ่ยถึงเด็ก ๆ บรรยากาศก็ร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง เหล่าคนเป็นแม่ส่วนใหญ่ต่างพากันพูดคุยถึงเด็ก ๆ ในหลายหัวข้อ ขณะที่อี้จื่อจิ้นตกอยู่ในความสับสนมึนงงจนเอ่ยแทรกไม่ได้แม้เพียงประโยคหนึ่ง
นางมองสำรวจไปรอบ ๆ ครั้นไม่เห็นร่างของมู่ฉินเจินก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย พลางกัดฟันกรอดยามเห็นเฉียวเยี่ยนหัวเราะกับหญิงขุนนางเหล่านั้น
เดิมทีฮูหยินเหล่านั้นคิดว่าเด็ก ๆ ชอบกินอาหารของตำหนักอ๋องซู่เพียงเพราะเห็นอาหารของคนอื่นน่ารับประทานและสดใหม่ก็เท่านั้น แต่หลังจากที่พวกนางได้ลองชิมจึงพบว่ามันอร่อยมาก!
ยกตัวอย่างเช่นไข่ตุ๋นหมูสับอันเรียบง่าย แต่รสชาติที่พ่อครัวในตำหนักอ๋องซู่ทำออกมากลับดีกว่าในจวนของตนมาก เนื้อไข่นุ่มลื่น น้ำปรุงรสหมูสับเข้มข้น เมื่อเอามารวมกันแล้วอร่อยยิ่งนัก
แท้จริงแล้วเคล็ดลับการทำไข่ตุ๋นหมูสับให้มีรสชาติดีนั้น ส่วนสำคัญอยู่ที่อัตราส่วนของไข่ไก่และน้ำ ตอกไข่ใส่เกลือตีให้แตก เติมน้ำสองเท่าในไข่เหลว จากนั้นกรองฟองในน้ำไข่ออกแล้วจึงค่อยเอาไปนึ่งในซึ้ง
และในตอนที่ผัดหมูสับ เฉียวเยี่ยนได้ใส่โต้วป้านเจี้ยงที่ตัวเองทำ รสชาติย่อมดีกว่าจวนของพวกเขาทำอยู่แล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รอดูตอนใบไม้ผลิเลยว่าเฉียวเยี่ยนจะดีไซน์สวนผักต้นแบบออกมายังไง จะใส่ลูกเล่นเข้าไปในภูมิทัศน์สวนยังไงบ้าง
มีคนโดนป้ายยาแล้วหนึ่งคน เดี๋ยวคงจะมีจวนขุนนางที่ไถสวนดอกไม้ทิ้งแล้วปลูกผักแทนขึ้นมาอีกหนึ่งจวน
คุณหนูอี้มาทำอะไรที่นี่คะ? รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางไหมคะ? ไม่เจอผู้แล้วยังต้องมาอยู่ท่ามกลางบรรดามนุษย์แม่อีก
ไหหม่า(海馬)