ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 53 ฮองเฮาคิดว่าพระโอรสประชวร (รีไรท์)
ตอนที่ 53 ฮองเฮาคิดว่าพระโอรสประชวร (รีไรท์)
ตอนที่ 53 ฮองเฮาคิดว่าพระโอรสประชวร (รีไรท์)
ฮ่องเต้มองแผ่นหลังฮองเฮาที่จากไป ความขุ่นเคืองในพระทัยก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เขาเองก็อยากออกวังไปได้เลยเหมือนกันนะ แต่ติดที่ว่าเขายังต้องอ่านราชสาส์นอีกนี่สิ!
เมื่อฮองเฮามาถึงตำหนักอ๋องซู่ก็ไม่ให้ข้ารับใช้ไปรายงาน รีบเดินตรงไปยังเรือนจิ่งเสวียน พอเข้าไปในลานบ้านก็ร้องเรียกพระนัดดาทันที “หลานรัก ย่ามาหาพวกเจ้าแล้ว”
เฉียวเยี่ยนกำลังทำอาหารกลางวันอยู่ในห้องเครื่องเล็ก ส่วนมู่ฉินเจินกำลังอ่านตำราอยู่ในห้องหนังสือ ครั้นได้ยินเสียงฮองเฮา ทั้งสองต่างก็ชะงักไปพร้อมกันและโผล่ออกมาดู
เฉียวเยี่ยนเห็นฮองเฮาแบกสัมภาระพร้อมกับมีแม่นมนางข้าหลวงแบกสัมภาระใหญ่น้อยตามมาอยู่ด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้ม นี่คือหนีออกจากบ้านมาหรือ?
นางก้าวไปข้างหน้า รับสัมภาระบนพระอังสาของฮองเฮา “เสด็จแม่ ท่านมาได้อย่างไรเพคะ?”
ฮองเฮาดึงมือหญิงสาวมาจับไว้ กระวนกระวายใจเล็กน้อย “เช้านี้ได้ฟังหมอหลวงรายงานว่าเมื่อคืนอวี๋เอ๋อร์ป่วย ข้ารู้สึกไม่สบายใจถึงได้ออกมาดูนี่แหละ”
เฉียวเยี่ยนซาบซึ้งใจ พาพระนางเข้าไปในเรือนฝั่งตะวันตก โดยมีมู่ฉินเจินตามหลังไปด้วย
เด็กทั้งสองยังคงอยู่บนเตียง เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์สวมชุดนอนลายการ์ตูนขนยาวนอนอยู่บนเตียงอย่างเชื่อฟัง ห่มผ้าห่มอย่างแน่นหนา ส่วนเสี่ยวฉวนเอ๋อร์นั่งอยู่ริมเตียง ใช้เสียงเด็กเล็กของตัวเองเล่านิทานให้น้องสาว
ครั้นเห็นฮองเฮาเข้ามา เด็กทั้งสองก็รีบลุกขึ้น อยากจะลงจากเตียงไปหาเสด็จย่า แต่ฮองเฮารีบเดินเข้าไปข้างเตียงและห้ามพวกเขาไว้
“ไอ้หยา หลานน้อยของย่า นอนอยู่บนเตียงนะ ย่ามาหาแล้ว”
นางยัดเสี่ยวฉวนเอ๋อร์เข้าไปในผ้าห่มและห่มสูงถึงคอ คลุมตัวไว้อย่างแน่นหนา “พวกหลานนอนลงดี ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ จะได้ดีวันดีคืน”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่ร่างกายแข็งแรงถูกบังคับให้พักฟื้นกับน้องสาวเช่นกัน แม้จะรู้สึกจำใจ แต่ก็นอนอยู่กับน้องสาวอย่างเชื่อฟัง
ฮองเฮาที่เจอเด็กทั้งสองได้ยากก็เอาแต่มองดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด ส่วนคนที่ตนให้กำเนิดมานั้นพระนางกลับไม่ชายตาแลเลยตั้งแต่เข้ามา
มู่ฉินเจินยังเป็นคนไร้ตัวตนมาตลอด เขายืนอยู่ด้านข้างไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
หลังจากทักทายฮองเฮาแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงกลับไปทำอาหารในห้องเครื่องต่อ ส่วนมู่ฉินเจินเองก็กลับไปห้องหนังสือ
เช้านี้เฉียวเยี่ยนทำผัดสามเซียนและหมูผัดพริก พริกต่าง ๆ ในเรือนกระจกเริ่มสุกแล้ว ซึ่งพริกสีเขียวเหมาะที่จะเอามาผัดกับหมูที่สุด
นางหั่นหมูสามชั้นเป็นแผ่น เพิ่มเครื่องปรุงรสและหมักไว้ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใส่ลงในหม้อผัดให้น้ำมันออก แล้วใส่กระเทียมแผ่นและพริกที่หั่นเสร็จแล้วลงไปผัดให้สุก ปรุงรสชาติอีกเล็กน้อยก็เสร็จแล้ว
ชิ้นเนื้อหมูที่ผัดเสร็จแล้วมีสีน้ำตาลเกรียมเล็กน้อย ซึมซับรสเผ็ดของพริกและความหอมของกระเทียม น้ำมันก็ถูกเจียวออกมาเกือบหมด ให้รสชาติอร่อยแต่ไม่เลี่ยน
การทำผัดสามเซียนยิ่งง่ายเป็นพิเศษ นำมันฝรั่ง พริก และมะเขือยาวหั่นเป็นลูกเต๋า จากนั้นเอาลงทอดในน้ำมัน ผัดกระเทียมสับ เทผักที่ทอดเสร็จแล้วใส่กลับเข้าไป เพิ่มซีอิ๊วกับแป้งลงไปเคี่ยวจนนิ่มก็เป็นอันเสร็จแล้ว เหมาะที่จะรับประทานกับข้าวสวยเป็นพิเศษ
ฮองเฮาทรงเล่นเป็นเพื่อนเด็กทั้งสอง ทันใดนั้นก็พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เหตุใดเฉียวเยี่ยนถึงพาเด็ก ๆ มาพักอยู่ที่เรือนปีกตะวันตก? นางจำได้ชัดเจนว่าโอรสของนางพักอยู่ที่ปีกตะวันออก!
หรือคู่สามีภรรยาทะเลาะกันอยู่?
จะเป็นไปได้อย่างไร นางยังรอหลานคนที่สามและคนที่สี่อยู่นะ!
ฮองเฮามองไปทางหน้าประตูเหมือนหัวขโมยที่กำลังร้อนรน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครก็ลดเสียงถามหลานทั้งสอง “หลานรัก แม่พวกเจ้าทะเลาะกับพ่อพวกเจ้าอยู่ใช่หรือไม่?”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่นอนเล่นเท้าตัวเองอยู่นั้นเอียงศีรษะอย่างงงงวย “ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ทะเลาะกัน พวกท่านดีกันนะเจ้าคะ”
ฮองเฮาได้ยินก็รู้สึกเย็นวาบในพระทัย ในเมื่อไม่ได้ทะเลาะกัน หรือเป็นเพราะว่าร่างกายของโอรสนางมีปัญหา?
มิฉะนั้นจะไม่ได้หลับนอนกับภรรยาที่ทั้งงดงามและมีความสามารถได้อย่างไร ผิดปกตินัก!
ฮองเฮารู้สึกสับสนวุ่นวายพระทัยขึ้นมาทันใด และจำเรื่องนี้เอาไว้ว่าจะต้องหาโอกาสเหมาะสมถามมู่ฉินเจินเจ้าเด็กคนนั้นดี ๆ
เมื่อถึงมื้ออาหาร เฉียวเยี่ยนก็ยกถาดอาหารเข้าไปป้อนลูกทั้งสองในห้อง ดังนั้นในห้องโถงหลักจึงมีเพียงมู่ฉินเจินและฮองเฮาที่กินข้าวด้วยกัน
หลังจากฮองเฮาแน่ใจว่าเฉียวเยี่ยนจากไปไกลแล้ว ก็ถามพระโอรสด้วยสีหน้าจริงจัง “มู่ฉินเจิน เจ้าบอกกับแม่มาตรง ๆ ร่างกายเจ้ามีปัญหาใช่หรือไม่?”
มู่ฉินเจินถือถ้วยข้าวไว้ในมือหนึ่ง ส่วนอีกมือคีบผัดสามเซียนและกำลังจะเอาเข้าปาก ครั้นได้ยินคำถามที่ดังขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของฮองเฮา แววตาก็แฝงไปด้วยความสงสัย
ฮองเฮามองท่าทางนั้นของเขาและเอ่ยต่อ “แม่เพิ่งถามพวกเด็ก ๆ มา เจ้ากับเสี่ยวเยี่ยนก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ไฉนถึงได้นอนแยกห้องกัน?”
“เสี่ยวเยี่ยนทั้งงดงามทั้งมีความสามารถ ไยเจ้าถึงทนนอนแยกห้องได้?”
คำพูดนั้นของฮองเฮาแทบจะเป็นการถามมู่ฉินเจินว่ามีปัญหาในด้านนั้นหรือไม่
มู่ฉินเจินแทบพ่นข้าวที่คีบใส่ปากออกมา ต่อให้เขาสงบนิ่งแค่ไหน แต่เมื่อถูกมารดาตัวเองเค้นถามว่าส่วนนั้นผิดปกติหรือไม่ก็รู้สึกอับอายอย่างหาที่เปรียบมิได้
ถามว่าเขาไม่อยากนอนร่วมห้องอย่างนั้นรึ?
เป็นเจ้าท่อนไม้นั่นต่างหากที่ไม่นอนร่วมห้องกับเขาเอง
ฮองเฮามองอีกฝ่ายที่ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดก็ปักใจในสิ่งที่ตัวเองคาดเดา จึงถอนพระปัสสาสะออกมาอย่างหนัก ทอดพระเนตรอาหารหอมกรุ่นที่อยู่บนโต๊ะก็รู้สึกว่าเสวยไม่ลงแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน พระนางก็จ้องมองลูกชายอย่างไม่สบอารมณ์ “มีปัญหาก็ต้องรักษาสิ ปล่อยเอาไว้จะยิ่งหนักขึ้น!”
“นับแต่บัดนี้ เจ้าไม่ต้องไปค่ายทหาร ว่าราชการตอนเช้าก็ไม่ต้องไป แม่จะคุยกับบิดาเจ้าเอง เจ้าอยู่ที่บ้านรักษาตัวอย่างสบายใจก็พอ ส่วนแม่จะส่งหมอหลวงสองสามคนมาตรวจชีพจรให้เจ้า”
มู่ฉินเจิน “…”
เขารู้สึกว่าตัวเขายังพอฟื้นฟูได้ ไม่ได้หนักหนาถึงขั้นนั้น
ขณะที่เขากำลังจะเปิดปากอธิบาย ฮองเฮาก็ขัดคำพูดเขาเสียก่อน “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องอาย หากไม่รักษาแล้วภรรยาเจ้าหนีไป เจ้าต้องเสียใจแน่!”
ฮองเฮาเดือดดาลจนเสวยไม่ลงแล้ว นางนึกไม่ออกเลยว่าพระโอรสและพระสุณิสาจะกลับมาสนิทสนมกลมเกลียวกันได้อย่างไร แถมพระโอรสก็มามีปัญหาใหญ่หลวงในตอนนี้อีก!
เส้นเลือดบนขมับมู่ฉินเจินปูดโปน สีหน้าก็มืดครึ้มลง พลางคิดว่าหากตนยังไม่อธิบายอะไรให้กระจ่างอีก พระมารดาจะต้องเอาโรคที่รักษาไม่หายหลายสิบโรคมาลงที่เขาเป็นแน่
เขาวางชามในมือลง และเอ่ยอุบอิบด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน “เสด็จแม่ ร่างกายลูกแข็งแรงดี ท่านอย่าคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
ฮองเฮาไม่ยอมเชื่อ หากไม่มีปัญหาอะไรแล้วทำไมถึงนอนแยกห้อง?
เหล่าบุรุษช่างวางศักดิ์ศรีของตัวเองลงไม่ได้จริง ๆ!
มู่ฉินเจินขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ และรายงานตามความเป็นจริง “ใช่ว่าลูกจะไม่อยาก เป็นอาเยี่ยนเองที่ไม่ยอม”
เขาเองก็โกรธเคืองมากเช่นกัน เจ้าท่อนไม้นั่นไม่สนใจเขาเลย หรือนางจะใจแข็งกับเขาแล้ว?
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนชื่อระบบที่ยังไม่เคยเห็นหน้าและมาแทรกกลางระหว่างพวกเขาในตอนนี้!
ฮองเฮาฟังจบก็ไร้เสียงไปนาน สีหน้าตกใจแปรเปลี่ยนเป็นเหลือเชื่อ และในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นขัดใจ
“เหตุใดเจ้าถึงไม่เอาไหนขนาดนี้!”
พระนางคิดถึงความเป็นไปได้สองสามอย่าง ไม่คิดเลยว่าโอรสตัวเองจะไร้ความสามารถกระทั่งไม่อาจครองใจภรรยาของตัวเองได้ มันน่าโมโหนัก!
มู่ฉินเจินที่โดนตำหนิว่าไม่ได้ความถึงกับนิ่งเงียบ ปล่อยให้ฮองเฮาต่อว่าต่อไป เขาเองก็รู้ว่าตนไร้ประโยชน์เช่นกัน
เฉียวเยี่ยนที่กลับมาห้องโถงหลักหลังจากป้อนอาหารลูกทั้งสองเห็นฮองเฮาพุ้ยข้าวด้วยความโมโห เสวยไปด้วยจ้องมู่ฉินเจินไปด้วย ในขณะที่มู่ฉินเจินก้มหน้าเหมือนสะใภ้ตัวน้อยที่กำลังถูกดุ
นี่มันอะไรกัน?
ในหัวของเฉียวเยี่ยนมีแต่คำถาม ครั้นเห็นมู่ฉินเจินเงยหน้ามองนางด้วยสายตาทั้งน้อยใจทั้งโกรธเคืองก็รู้สึกว่าเหมือนกับสายตาเจ้าหมาน้อยที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เลี้ยงไว้ในตอนที่หิวเล็กน้อย และรู้สึกว่าน่ารักอย่างน่าประหลาด
ฮองเฮาถลึงพระเนตรใส่มู่ฉินเจินอีกครั้ง และดึงเฉียวเยี่ยนนั่งลงข้างตัวเองอย่างกระตือรือร้น “เสี่ยวเยี่ยน ให้เจ้าดูแลลูกชายที่เป็นท่อนไม้คนนี้ช่างลำบากเจ้าแล้วจริง ๆ”
เฉียวเยี่ยนยิ่งมึนงง มองมู่ฉินเจินอย่างฉงนเพื่อขอคำตอบ แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ก้ากกกกกก โดนแม่คิดว่านกเขาไม่ขันเสียแล้วอ๋องโบ้เอ๊ย ๕๕๕๕+ ไหนจะหึงระบบอีก โดนรุมหลายทางเลย
ท่านอ๋องโบ้หนักมาก โบ้ของแท้ กลายเป็นหมาน้อยของเฉียวเยี่ยนไปแล้ว
ไหหม่า(海馬)