ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 397 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ 5
ตอนที่ 397 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ 5
ตอนที่ 397 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ 5
เมื่อได้ยินคำว่า ‘สหายตัวน้อย’ อันคุ้นเคยอีกครั้ง ในใจข้านั้นรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ก็ยังเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ และเอ่ยอย่างหยิ่งยโส “เจ้ามาทำอะไร ที่ตรงนี้เป็นการประลองเลือกคู่ เจ้ามีหมั่นโถวใหญ่อยู่แล้ว ยังจะมาร่วมสนุกอะไรที่นี่อีก!”
คำตอบกลับที่ข้าได้รับนั้นคือเสียงหัวเราะเบาๆ “หึ นั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าไม่ได้ชอบหมั่นโถวใหญ่อะไรนั่น ต้องการเพียงแค่ซาลาเปาน้อยอย่างเจ้าเท่านั้น?”
ข้า ณ ตอนนั้นหน้าแดงเรื่อทันที คำพูดของเขาหมายความว่าอย่างไร? กำลังสารภาพรักกับข้าหรือ?
ความสัมพันธ์ของข้ากับเขาที่ผ่านมาเป็นเหมือนสหายแต่ก็ไม่ใช่สหาย ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดแบบนี้กับข้า
เราสองคนคุยกันราวกับว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างต่างก็สับสนงุนงง ไม่เข้าใจเรื่องหมั่นโถวกับซาลาเปาว่าเกี่ยวข้องอะไรในการประลองเลือกคู่
ทว่าเมื่อบิดากับพี่ชายข้าได้ยิน พวกเขาพลันโกรธเกรี้ยวขึ้นทันที ที่แท้ไอ้บ้าคนนี้ก็คือชายสำส่อนชาติชั่วที่หยอกล้อกับลูกสาว/น้องสาวเขา!
ผู้เป็นพ่อตบโต๊ะลุกขึ้นยืน แล้วพุ่งไปสั่งสอนเจ้าสระน้ำ ท่านพี่ก็ตามหลังมาติดๆ สุดท้ายงานที่ควรเป็นการประลองระหว่างข้ากับเจ้าสระน้ำ กลับกลายเป็นการปะทะระหว่างท่านพ่อ ท่านพี่กับเจ้าสระน้ำแทน
ท่านพ่อคือเทพเจ้าแห่งสงครามในตอนนั้น แค่ลงมือก็ทำให้ผู้คนหวาดผวา ส่วนพี่ชายเองก็เก่งวรยุทธ์ไม่แพ้กัน แม้เจ้าสระน้ำจะเป็นผู้นำยุทธภพ ทว่าเมื่อตกอยู่ในกำมือพวกเขาแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ข้านั่งอยู่ข้างท่านแม่ เห็นมารดากระสับกระส่ายอยากพุ่งเข้าไปร่วมด้วย ก็รู้สึกผวาจนต้องรีบกอดขานางไว้
แค่ลุงคนนั้นรับมือกับท่านพ่อและท่านพี่ก็ไม่น่าจะเหลือสภาพแล้ว หากเพิ่มท่านแม่ไปอีกคน คาดว่าคงโดนทุบจนตายเป็นแน่?
ทั้งสามคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนลานประลองแทบพัง และในที่สุดผู้ชมก็ได้เห็นการต่อสู้ระหว่างผู้มีฝีมือกับตาตัวเอง
ใช้เวลาไปสองชั่วยามเต็มในการต่อสู้ ตั้งแต่ตะวันขึ้นจนถึงพลบค่ำ ในที่สุดเจ้าสระน้ำก็ถูกฝ่ามือของท่านพ่อซัดหมอบลงกับพื้น
การต่อสู้จบลง แต่ผู้ชมยังไม่ได้สติกลับมา แม้แต่ท่านพ่อกับพี่ชายยังเหนื่อยหอบ แม้ไม่อยากยอมรับ แต่วรยุทธ์ของเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ !
ผู้ชมข้างล่างเวทีรู้สึกเสียดายแทนเจ้าสระน้ำ เรื่องเก่งมันก็เก่ง แต่น่าเสียดายที่สู้ฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทไม่ได้ การประลองเลือกคู่นี้คงจบลงแล้ว
ข้ากัดเล็บอย่างกระวนกระวาย จะบอกท่านพ่อกับท่านพี่อย่างไรดีว่าข้าอยากได้ชายคนนี้
เมื่อท่านแม่เห็นท่าทางของข้า ก็หยอกล้ออย่างไม่ไว้หน้า
ขณะที่ข้ากำลังลังเล เจ้าสระน้ำที่ถูกซ้อมจนจมูกช้ำหน้าบวมหมอบอยู่กับพื้นก็ลุกขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าท่านพ่อ
“ข้าน้อยกู้หยวน อายุยี่สิบเจ็ดปี เป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว คนรุ่นก่อนไม่มี คนรุ่นหลังไร้แวว ครอบครัวร่ำรวย มีทรัพย์สินมากมาย หมายปององค์หญิงมู่มานาน จึงรวบรวมความกล้ามาสู่ขอองค์หญิงแต่งงาน จะถือไข่มุกไว้ในอุ้งมือ จะรักและปกป้องซึ่งกันและกัน จะร่วมเรียงเคียงหมอน ดูแลกันและกันตลอดไป”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ข้าก็ตกอยู่ในภวังค์ ลุงผู้นี้อายุเพียงยี่สิบเจ็ดปี? ไม่ใช่สามสิบห้าสามสิบหกสามสิบเจ็ดหรอกหรือ?
อีกทั้งชายผู้นี้เพิ่งสารภาพรักกับข้าเมื่อครู่มิใช่หรือ เหตุใดถึงขอแต่งงานแล้วล่ะ? ตรงกลางนี้มีอะไรที่ข้ายังไม่รู้อีกรึ?
สีหน้าท่านพ่อมืดดำอย่างกับก้นหม้อ ก่อนหันมามองข้าที่กำลังแคะเล็บอย่างตื่นเต้น
ความจริงข้าอยากแต่งกับเจ้าสระน้ำผู้นี้มาก แต่ข้ากังวลว่าตัวเองจะฝืนแต่งออกเรือนเร็วเกินไป ท่านพ่อจะเสียใจเอาได้
ว่ากันว่าแม่ยายดูลูกเขย ยิ่งมองยิ่งเอ็นดู ท่านแม่ดูพอใจกับเจ้าสระน้ำนี้อยู่ไม่น้อย หน้าตาดี มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ อีกทั้งยังสามารถเห็นได้จากแววตาของเขาว่า เขารักข้าจริงๆ
ส่วนเรื่องที่ข้าพูดถึงหมั่นโถวใหญ่กับซาลาเป่าเล็กนั้น เมื่อเห็นกู้หยวนแวบแรก นางก็เชื่อว่าต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่
วันนั้น การประลองเลือกคู่ได้สิ้นสุดลง เจ้าสระน้ำถูกบิดาพาเข้าไปในวัง ถูกสอบปากคำถึงสามครั้ง ในขณะที่ข้า แม้จะมีคำถามมากมายที่จะถาม แต่กลับถูกบังคับให้แยกตัวออกจากเจ้าสระน้ำ
หลังจากสอบปากคำครั้งที่สามเสร็จ สีหน้าของท่านพ่อก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แถมยังแฝงไปด้วยภูมิใจเล็กน้อย ในขณะที่พี่ชายเรียกเจ้าสระน้ำว่าเป็นพี่น้องกันแล้ว ท่านแม่กับพี่น้องทั้งสองก็ดูกระตือรือร้นกับเจ้าสระน้ำอย่างมาก
ระยะเวลาเพียงชั่วข้ามคืน เจ้าสระน้ำก็พิชิตใจคนทั้งครอบครัวของข้าได้แล้ว?
ในคืนนั้น เจ้าสระน้ำพักอยู่ในวัง ดึกดื่นเที่ยงคืนข้าเตรียมตัวแอบเข้าไปหาเขาเพื่อถามให้กระจ่าง ทว่าพอก้าวข้ามประตูไปก็ถูกท่านแม่จับได้ ท่านแม่จึงบอกเรื่องทุกอย่างให้ข้าฟัง
ที่แท้เจ้าสระน้ำตกลงทำข้อตกลงที่ไม่เท่าเทียมกับท่านพ่อ หลังจากแต่งงานแล้ว ต้องแต่งเข้าตระกลูมู่ และย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงกับข้า
แม้ราชบุตรเขยขององค์หญิงจะถูกแต่งเข้าวัง แต่ก็ยังมีครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ดี และเขานั้นตัวคนเดียว เข้าวังถวายตัวให้ข้า ก็หมายความว่าเขาจะเป็นคนของข้าโดยสมบูรณ์
แต่สิ่งที่ทำให้ข้าตกใจยิ่งกว่าคือ แท้จริงแล้วเจ้าสระน้ำได้วางแผนต่อข้าไว้นานแล้ว
ตอนที่ข้าเข้าไปในยุทธภพครั้งแรก เขารู้จักข้าอยู่แล้ว แต่ไม่เคยปรากฏตัว ต่อมาแย่งตำแหน่งผู้นำของข้าในงานประลองยุทธ ก็เพื่อยั่วยุข้า ทำให้ข้าเกาะติดเขา
จากนั้น เขาก็ทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ของข้า แอบเด็ดดอกท้อเน่า*ของข้า เกลี้ยกล่อมให้ข้ากลับไปที่สำนักเขาจันทร์กระจ่าง ปกป้องข้าอยู่ในเขตอำนาจเขา เพื่อมิให้ผู้ที่มีเจตนาร้ายต่อข้านั้นเข้าใกล้
(*烂桃花 ดอกท้อเน่า หมายถึงชะตารักแย่ๆ )
เขาเข้าหาข้าทีละก้าว ทำให้ข้าขาดเขาไม่ได้ทีละนิด แต่ข้า กลับไม่รู้ตัวเลย
เขารู้มานานแล้วว่าข้าเป็นองค์หญิง และรู้ว่าตนที่เป็นคนท่องยุทธภพคนหนึ่งจะแต่งงานกับองค์หญิงมันไม่ง่ายเลย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยแสดงความในใจของเขาต่อข้า และแอบเก็บสินสอดอย่างเงียบๆ
ในบรรดาเงื่อนไขที่ท่านพ่อยื่นให้มี เมื่อแต่งงานกับข้าต้องรวย และเงินที่เขาเก็บออมมากหลายปีนี้ก็เพียงพอกับเงื่อนไขนี้ และคลังสมบัติส่วนตัวของเขาเปรียบได้กับคลังสมบัติของชาติ
ท่านพ่อยังมีเงื่อนไขว่าเขาต้องทำอาหารเป็น เย็บปักถักร้อยได้ และรู้จักดูแลคน เรื่องพวกนี้เขาทำได้ทั้งหมด ซึ่งข้าได้สัมผัสมาแล้ว
กู้หยวนก็อธิบายความเป็นมาเกี่ยวกับเรื่องหมั่นโถวใหญ่เช่นกัน หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวเจ้าสำนักแห่งหนึ่งในยุทธภพ และมีความรู้สึกดีต่อเขา จึงติดสินบนคนรับใช้ และเข้าไปในห้องนอนของเขาโดยพลการ
และตอนที่ข้ามุ่งเข้าไปในห้องเขา เขากำลังสั่งให้คนพาหญิงผู้นั้นโยนออกนอกห้อง
น่าเสียดายที่ข้าไม่เปิดโอกาสให้เขาได้อธิบาย หลังจากที่ข้าหนีไปแล้ว เขาก็ตามข้าออกมา เพียงแต่ไม่ได้รบกวนข้า แค่ตามข้าไปจนถึงเมืองหลวงอย่างเงียบๆ
หลังจากสอบถามสามรอบมาตลอดทั้งคืน แม้แแต่บิดาก็หาข้อผิดพลาดของเขาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงตกลงเขาอย่างไม่เต็มใจ
สำหรับความคิดเห็นของข้านั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องถามเลย เพราะหากพวกเขาไม่หยุดข้าไว้ล่ะก็ เกรงว่าคงก่อเรื่องวุ่นวายจะแต่งงานไปแล้ว
วันรุ่งขึ้น ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะไปหาเจ้าสระน้ำ รอยฟกช้ำบนใบหน้าของเขายังคงชัดเจนมาก
ข้ามีเรื่องอยากจะถามเขามากมาย แต่เมื่อเราพบกัน เขากลับปิดปากข้าด้วยริมฝีปากของเขาทันที
ข้าเคลิบเคลิ้มไปกับจูบของเขา เขากระซิบข้างหูข้า บอกว่าเขาอยากจูบข้ามานานแล้ว แต่ยังเก็บเงินสินสอดไม่พอ จึงยังสารภาพรักไม่ได้
เขาบอกว่า เหตุใดข้าถึงได้โง่เช่นนี้ เวลานานขนาดนั้นยังไม่รู้ว่าเขาชอบข้า
นั่นสิ พอกลับมานึกย้อนตอนนี้ ตอนนั้นข้าทำไมโง่นัก ทุกคำพูดและการกระทำของเขาบ่งบอกว่าเขาชอบข้า เหตุใดข้าถึงไม่รู้ตัว
ข้าถามเขา เหตุใดต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา เขาบอกว่า เขาหน้าตาดีเกินไป การสวมหน้ากากจะช่วยให้ชีวิตเขาไม่ยุ่งยากขึ้น
ตอนนั้นข้าเชื่อไปแล้ว แต่มารู้ทีหลังว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลัง
แท้จริงแล้วเจ้าสำนักเขาจันทร์กระจ่างคนแรกคือบิดาของเขา แต่บิดาเขาจากไปตอนเขาอายุได้สิบเก้าปี
ในเวลานั้นสำนักเขาจันทร์กระจ่างมีชื่อเสียงมาก และกลายเป็นหนามยอกอกในสายตาของสำนักอื่นในยุทธภพอยู่ไม่น้อย หากข่าวการตายของพ่อเขาแพร่ออกไป ต้องมีคนใช้ประโยชน์จากเขาอย่างแน่นอน
เพื่อปกป้องสำนักเขาจันทร์กระจ่าง เขาได้ปกปิดเรื่องการตายของพ่อเขาเอาไว้ ใส่หน้ากาก ปลอมเป็นบิดาตน และปลอมตัวแบบนี้มาแปดปีแล้ว
หลังจากยืนยันความสัมพันธ์ของเราแล้ว เราก็แต่งงานกันอย่างรวดเร็ว ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะแต่งงานกับลุงคนนี้ ไม่ใช่สิ เป็นข้าที่สู่ขอลุงผู้นี้แต่งเข้าบ้าน
ในวันแต่งงาน เขานำ ‘สินสอด’ ที่เปรียบได้กับเงินในคลังของเขามาสู่ขอข้าแต่งงาน ฉากนั้นยิ่งใหญ่อลังการมาก แม้ผ่านมาสิบปีก็ยังมีผู้คนพูดถึงเรื่องนี้อยู่
ข้าสวมชุดแต่งงาน และแต่งงานกับเขาอย่างมีความสุข ท่านแม่มีความสุขมาก ท่านพ่อแสดงออกว่าดีใจเช่นกัน แต่ท่านแม่กล่าวว่า เขาแอบเช็ดน้ำตาลับหลัง
ข้าจนปัญญากับท่านพ่อผู้ไร้เดียงสาคนนี้จริงๆ เจ้าสระน้ำแต่งเข้าวังถวายตัวให้ข้า หลังแต่งงานเราก็อาศัยอยู่ในวัง เพียงแค่ว่าอยู่คนละตำหนักกับท่านพ่อท่านแม่
ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ท่านพ่อยังคงกังวลราวกับว่าข้าจะแต่งงานออกไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวก็มิปาน
องค์หญิงกับราชบุตรเขยควรพักอยู่ในตำหนักองค์หญิงหลังแต่งงาน แต่หลังจากบิดาตนได้เป็นฮ่องเต้ กฎเหล่านี้จึงถูกยกเลิกไปนานแล้ว พระราชวังเป็นเพียงบ้านที่ขยายใหญ่ขึ้น เข้าออกได้อย่างอิสระ ข้าชอบอยู่ที่ใดก็อยู่ที่นั่น
ในคืนวันเข้าหอ กู้หยวนกับข้าก็ทะเลาะกันขึ้นมา
เหตุผลคือแย่งกันว่าใครจะอยู่บนอยู่ล่าง
ข้าเป็นภรรยาหัวหน้าครอบครัว ย่อมต้องอยู่ด้านบน แต่กู้หยวนสงสัยในทักษะของข้า เพื่อไม่ให้ต้องเสียใจในคืนวันแต่งงานแรก เขาจึงแย่งจะอยู่ด้านบน
ด้วยเหตุนี้เราสองคนจึงเริ่มต่อสู้กัน ทำให้ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านนอกตกใจคิดว่าเราคิดค้นท่าใหม่
สุดท้าย เพราะเราส่งเสียงดังเกินไป เตียงแต่งงานจึงพังลง ข่าวแพร่สะพัดราวกับไฟป่า ข่าวองค์หญิงกับราชบุตรเขย ‘ต่อสู้กันอย่างดุเดือด’ จนทำเตียงหักแพร่สะพัดไปทั่ววัง
ในที่สุด ข้าก็ได้รับชัยชนะครั้งนี้ และได้รับอำนาจเป็นผู้นำมา
เพราะเตียงหัก ข้าจึงทำได้แค่พาเขาย้ายไปที่ห้องหนังสือเพื่อใช้เวลาในคืนวันแต่งงานอันยอดเยี่ยมของเราด้วยกัน
ข้าหยิบหนังสือภาพมหารัญจวนออกมาจากตู้ลับในห้องหนังสือ ดึงเจ้าสระน้ำมาศึกษาด้วยกัน อีกทั้งให้เขาเลือกท่าทาง ข้าจะพยายามทำทำให้เขาพอใจ
เจ้าสระน้ำดูอย่างจริงจังมาก อีกทั้งยังเลือกอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่สายตาที่มองข้าเปลี่ยนไปจนแปลกไปเล็กน้อย
เพื่อเพิ่มบรรยากาศ ข้ายังจุดเทียนสีแดงในห้องหนังสือ ก่อนผลักกู้หยวนลงบนตั่งในห้องหนังสือ ฉีกเสื้อผ้าของเขาออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นแทะเล็มเขาเหมือนลูกสุนัขแทะอาหาร ทิ้งรอยไว้ทั่วร่างกาย
เมื่อรู้สึกว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ข้าจึงลุกขึ้นนั่งทับ แต่กลับต้องหยุดชะงักยิ้มแห้งออกมา
ตามคาด หนังสือภาพล้วนหลอกลวง ไหนว่ามีแต่ความปิติยินดี มีเพียงความเจ็บปวดจนใจสลาย
ก่อนเริ่มลงมือข้าก็สาบานไว้ แต่พอลองแล้วกลับต้องอึ้ง คิดว่าเกมนี้ไม่สนุกเลยแม้แต่น้อย จึงคิดเตรียมตัวไปอาบน้ำนอน
แต่กู้หยวนกลับได้อิสระเป็นไท กลายเป็นผู้คุมเกม นำข้าเข้าสู่โลกแห่งความสุข
แน่นอนว่า ความสามารถของบุรุษในด้านนี้ สตรีไม่สามารถเรียนรู้ได้จริงๆ
……
หลังจากแต่งงานชีวิตเราก็หวานชื่น และสื่อสารกันด้วยการต่อสู้กันทุกวัน ตอนนี้ไม่ใช่แค่ข้ากับกู้หยวนเท่านั้นที่ต่อสู้กัน แม้แต่ท่านพ่อกับพี่ชายข้าก็ยังเข้าร่วมด้วย และเจ้าสระน้ำก็มักจะเป็นผู้ที่ถูกเลือกเสมอ
เขาเจ็บปวดทว่ามีความสุข
ท่านพ่อมักไม่ชอบขี้หน้ากู้หยวน อยู่ดีๆ ก็มักจะแซะเขาสองสามประโยค ในขณะที่ท่านแม่คอยปกป้องเขาทุกวัน ทว่าสุดท้าย การต่อสู้ระหว่างลูกเขยกับพ่อตาก็เกิดจากพ่อตาอิจฉาเสมอ และมักลงเอยด้วยแม่ยายตามง้อ
หลังจากที่ข้าแต่งงาน ข้าก็ไม่ล้มเลิกความฝันที่จะท่องไปในยุทธภพ กู้หยวนพาข้าไปดูทะเล ทะเลทราย และภูเขา เราเดินทางไปทั่วทั่งอาณาจักร
เมื่อข้าอายุยี่สิบสามปี กู้หยวนอายุสามสิบปี ข้าจึงคิดอยากมีลูกชายให้เขา
กู้หยวนคิดเสมอว่าข้ายังเด็ก จึงไม่อยากให้ข้าคลอดลูก ดังนั้นเราจึงใช้ถุงยางกันมาตลอด
ท่านพี่ถงเป็นผู้จัดหาถุงยางให้ครอบครัวเรา ความลับของนางไม่เป็นความลับในครอบครัวของเราอีกต่อไป แต่เราได้ปกป้องความลับนี้ไว้เสมอ
กู้หยวนไม่ยอมให้ข้ามีลูกเสียที ข้าเลยแอบเอาเข็มปักผ้ามาเจาะถุงยางสองสามครั้ง จากนั้นก็ขโมยลูกอ๊อดไปจากเขา
ข้ายังจำสีหน้าตกใจของเขาตอนที่เขารู้ว่าข้าตั้งครรภ์ได้ ข้าจึงเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเอาถุงยางที่เหลือไปตรวจด้วยใบหน้ามืดมน เป็นไปอย่างที่คิดไว้เจอรอยเข็มเจาะผิดปกติอยู่หลายอัน
ต่อมา เนื่องจากข้ามีประวัติทำผิดมาก่อน ทุกครั้งที่จะใส่ถุงยาง เขาจึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
ในชีวิตนี้ข้าให้กำเนิดลูกเพียงคนเดียว เพราะข้าตั้งท้องลูกแฝด คลอดยาก ทำให้กู้หยวนตกใจกลัวแทบแย่ เขาจึงไม่กล้าปล่อยให้ข้ามีลูกอีก
ฝาแฝดเป็นเด็กชายและเด็กหญิง คนโตเป็นพี่ชาย คนเล็กเป็นน้องสาว เหมือนข้ากับพี่ชายของข้า
ในเวลานี้ ท่านพี่กับพี่สะใภ้ก็มีลูกสองคนเหมือนกัน เชื่อฟังน่าเอ็นดูอย่างมาก ทว่าลูกสองคนของข้านั้นเหมือนลิงสองตัวอย่างไรอย่างนั้น
เจ้าตัวเล็กทั้งสองเหมือนการรวมกันของพันธุกรรมนักสู้อันยอดเยี่ยมของข้ากับเจ้าสระน้ำ ส่งเสียงดังโวยวายดื้อซนไม่ไหว หากสามวันไม่ทะเลาะกัน ก็อยู่ไม่เป็นสุข
แม้ข้ากับพ่อของลูกจะสู้กัน ก็ยังคงหยุดเด็กทั้งสองไม่ได้
ต่อมา ท่านพี่กับพี่สะใภ้มีฝาแฝดมาอีกคู่หนึ่ง ซึ่งแข็งแรงพอๆ กับเจ้าตัวน้อยทั้งสองของข้า ดังนั้นข้าจึงยึดหลักการศึกษาตั้งแต่ยังเป็นทารก พาพวกเขาขึ้นเหนือลงใต้
ตั้งแต่นั้นมา จำนวนบรรพชนตัวน้อยในวังก็เปลี่ยนจากสองเป็นสี่
กู้หยวนบอกว่าข้าช่างดื้อรั้น เป็นแม่ของลูกแล้วยังซนมากอีก แต่ก็บอกว่าชอบที่ข้าเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ดังนั้นเพื่อให้เขาชอบมากยิ่งขึ้น แม้อายุจะมากขึ้นจนกลายเป็ยหญิงชรา ข้าก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัยบ้าๆ บอๆ นี้
ในชีวิตนี้ข้าไม่ได้ทำเรื่องใหญ่เรื่องโตอันใด เพราะพ่อแม่ พี่ชาย และกู้หยวน ได้ทำเรื่องใหญ่ทั้งหมดแล้ว ข้าแค่ต้องรับผิดชอบในเรื่องอาหารการกิน ดื่ม เที่ยวเล่น และหยอกล้อก็พอแล้ว
ข้าเหมือนหมูน้อยแสนสุขที่ถูกตามใจมาทั้งชีวิต จนมักสงสัยว่าในโลกนี้มีใครมีความสุขกว่าข้าอีกไหม คาดว่าคงไม่มีอีกแล้ว
จบตอนของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ขำเจ้าปลาอ้วนจัง ทฤษฎีเต็มร้อยแต่ปฏิบัติเป็นศูนย์ ครั้งแรกมันเจ็บอยู่แล้วล่ะ มันต้องค่อยๆ ทำเน้อ
ตอนหน้าจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้วนะคะ จะเป็นเรื่องของใครมาปิดท้ายกันหนอ
ไหหม่า(海馬)