ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 372 สั่งสอนด้วยไม้เรียว
ตอนที่ 372 สั่งสอนด้วยไม้เรียว
ตอนที่ 372 สั่งสอนด้วยไม้เรียว
ระบบตัวน้อยผู้มีริมฝีปากแดงปลั่งจากการกินหันศีรษะไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนพลันตะลึงเมื่อเห็นพ่อมู่ของนาง
ท่าทางอึ้งงันของคนโตและคนเล็กทำให้มู่ฉินเจินหัวเราะออกมาเบาๆ อารมณ์หลากหลายเมื่อครู่ก็หายไปไม่น้อย
ตอนนี้ฟ้ายังไม่สาง แต่แสงสลัวจากเตาแก๊สหน้าเฉียวเยี่ยนและระบบตัวน้อยได้สาดส่องให้เห็นสีหน้าของพวกนางอย่างชัดเจน
หลังจากนิ่งค้างเป็นเวลานาน คนโตกับคนเล็กก็ยิ้มแหยอย่างเอาอกเอาใจออกมาพร้อมกัน เผยให้เห็นฟันขาวเต็มปากและรอยยิ้มเก้อเขิน
เฉียวเยี่ยนยกมือขึ้นโบกทักทายเขาอย่างเขินอาย “เฮ้…”
ท่าทางประจบเอาใจและเขินอายนั้นเหมือนกับสุนัขเชื่องตัวใหญ่กำลังกระดิกหาง
มู่ฉินเจินถอนหายใจเบาๆ และเอ่ยอย่างจนใจ “เล่นพอหรือยัง?”
ความกังวลในหลายวันมานี้กลับกลายเป็นแค่การถอนหายใจเท่านั้น
เฉียวเยี่ยนเบะปากอย่างไม่พอใจ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแง่งอนก็ไม่ปาน “ข้าไม่ได้เล่นเสียหน่อย ที่ข้าทำน่ะคือเรื่องใหญ่!”
ระบบตัวน้อยรีบเอ่ยคล้อยตาม “ใช่ๆๆ สิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ดีมากๆๆ !”
มู่ฉินเจินจะทำอะไรกับพวกนางได้ เลยทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมพวกนาง และพาบรรพบุรุษตัวน้อยตัวใหญ่กลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ด้วยเหตุนี้ จากคำเชิญของเฉียวเยี่ยน มู่ฉินเจินจึงเข้าร่วมวงหม่าล่าทัง หลังจากจัดการอาหารในหม้อเสร็จ เฉียวเยี่ยนกับระบบตัวน้อยก็ถูกหิ้วกลับไปที่ด่านหลานเยว่
ในตอนฟ้าสาง ภายในค่ายผู้บัญชาการด่านหลานเยว่
เฉียวเยี่ยนกับระบบตัวน้อยยืนเรียงแถว ก้มหัวลงจ้องมองปลายเท้าตัวเอง ปากก็เบะจนสามารถแขวนขวดน้ำมันได้
มู่ฉินเจินยืนอยู่ข้างหน้าพวกนางพร้อมกับถือไม้บรรทัดไว้ในมือ ต้องสั่งสอนบทเรียนให้พวกนางเสียหน่อยแล้วกับพฤติกรรมวิ่งไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่สนความปลอดภัยของตัวเอง
“รู้ตัวไหมว่าผิด?”
เสียงองค์รัชทายาททุ้มต่ำ เคาะไม้บรรทัดขึ้นลงกับฝ่ามือเบาๆ ไม่รู้ว่าต้องการใช้ไม้บรรทัดนี้ลงโทษคน หรือกระตุ้นความกล้าของตัวเองกันแน่
เฉียวเยี่ยนกับระบบตัวน้อยปฏิเสธยอมรับความผิด เบือนหน้าหนีหันไปคนละทาง พลางเชิดคางขึ้น และพ่นเสียงออกมาพร้อมกัน “ฮึ่ม!”
ความไม่พอใจทั้งหมดแฝงอยู่ในคำว่า ‘ฮึ่ม’ นี้
ใบหน้าของทั้งคู่ยังคงเปรอะเปื้อนด้วยหมึกสีดำสนิท ทำให้ท่าทางดื้อรั้นที่ยอมตายดีกว่ายอมรับตอนนี้ดูตลกอย่างยิ่ง
มู่ฉินเจินแทบกลั้นสีหน้าจริงจังเอาไว้ไม่อยู่ มุมปากกระตุกครู่หนึ่งก่อนกลับมามีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
เขาเอ่ยกับคนโตคนเล็กที่ดื้อรั้น “ยื่นมือออกมา”
เฉียวเยี่ยนหันหน้าไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ระบบตัวน้อยก็ดูตกใจเช่นกัน องค์รัชทายาทจะตีพวกนางจริงๆ หรือ!
ปากเล็กๆ ของระบบตัวน้อยเบะขึ้นมา ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ทำท่าจะร้องก็ไม่ร้อง
เฉียวเยี่ยนชำเลืองมองระบบตัวน้อย ก่อนอุทานว่าเก่งโคตร เด็กน้อยฝึกทักษะเสแสร้งน่าสงสารนี้ไปถึงระดับสุดยอดแล้ว
นางเองก็กลั่นกรองอารมณ์ ครุ่นคิดว่าควรแสร้งทำเป็นน่าสงสารเหมือนระบบตัวน้อยดีหรือไม่
แต่หลังจากกลั่นกรองแล้ว นางพบว่าตัวเองไม่สามารถแสร้งบีบน้ำตาเช่นนั้นออกมาได้จริงๆ จึงทำได้เพียงล้มเลิกด้วยความเสียใจ และเริ่มหาเหตุผลมาคุยกับองค์รัชทายาทบางคน
นางสูดหายใจเข้าลึก และเอ่ยอย่างฉะฉาน “การสั่งสอนด้วยไม้เรียวไม่มีเหตุผล มีแต่จะกระตุ้นจิตวิญญาณที่ดื้อรั้นของเด็กๆ เท่านั้น”
“อีกอย่าง เราเป็นสามีภรรยากัน ท่านลงโทษข้าทางร่างกาย นับเป็นความรุนแรงในครอบครัวอย่างหนึ่ง ข้าจะต่อต้าน!”
มู่ฉินเจินมองนางอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไร แต่ในสายตานั้นมีความสงสัยแฝงอยู่
เมื่อก่อนตอนลงโทษเขาให้คุกเข่าบนกระดานซักผ้า นางไม่ได้เอ่ยเช่นนี้นี่!
เฉียวเยี่ยนรับรู้ถึงความผิดปกติในดวงตาของเขา จึงหลบสายตา และทำปากแข็ง
“ข้าทำแบบนั้นมันสมเหตุสมผลแล้ว แต่ท่านทำเช่นนี้มันไม่สมเหตุสมผล ทั้งๆ ที่ข้าทำคุณงามความดี ท่านไม่เพียงแต่ไม่ให้รางวัลข้า แต่กลับสั่งสอนบทเรียนให้ข้า ข้าไม่ยอม”
ปากบอกไม่ยอม ทว่าน้ำเสียงอ่อนลงมาก มู่ฉินเจินจนปัญญากับนางจริงๆ
เขาเก็บไม้บรรทัด ดวงตาของเฉียวเยี่ยนเผยความปิติยินดีออกมา คิดว่าครั้งนี้หลบเลี่ยงได้แล้ว กลับไม่คิดเลยว่าเขาจะเปลี่ยนวิธี ‘ตี’ แบบอื่น
ระบบตัวน้อยดูความสนุกสนานด้วยความเพลิดเพลิน จู่ๆ ก็ถูกหิ้วคอเสื้อด้านหลัง จากนั้นก็ถูกหิ้วออกไปนอกกระโจม วินาทีต่อมาก็มาซุกอยู่ในอ้อมแขนเกาจัวหยวน
เกาจัวหยวนอุ้มเด็กน้อยไว้ในมือด้วยความงุนงงเหมือนกัน และได้ยินเพียงน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกขององค์รัชทายาท “ดูแลนางให้ดีๆ ”
เขาพลันเข้าใจในทันทีด้วยเป็นบุรุษเหมือนกัน ไม่เจอภรรยามานาน จะโหยหากันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่มันยังเช้าอยู่เลย เจ้านายเขาทำเช่นนั้นมันไม่ค่อยดีหรือเปล่า?
ระบบตัวน้อยที่เป็นผู้แทะเมล็ดแตงแนวหน้าเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ปากน้อยฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย พร้อมเผยฟันขาวซี่น้อยออกมา
เกาจัวหยวนไม่อยากให้การเคลื่อนไหวจากนี้ไปในกระโจมมาแปดเปื้อนดอกไม้น้อยในอนาคต จึงอุ้มระบบตัวน้อยไปเล่น
เฉียวเยี่ยนมองชายที่เดินเข้ามาหานางทีละก้าว สัญชาตญาณบอกนางว่ามันผิดปกติมาก
นางถอยหลังออกไปอย่างขลาดกลัว พลางยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ “พี่ชาย ใจเย็นๆ ก่อน ไม่จำเป็นต้องลงไม้ลงมือกันก็ได้”
มู่ฉินเจินทำเป็นหูทวนลม ยิ้มบางเบา ก่อนยกมือขึ้นปลดเสื้อคลุมบนไหล่ออก
เสื้อคลุมตัวใหญ่ตกลงพื้น ทว่ามือของเขากลับไม่หยุด เอื้อมไปปลดเข็มขัดทิ้ง
เฉียวเยี่ยนมองแววตาอันคุ้นเคยในดวงตาของเขาแล้วก็ขาอ่อนแรงเล็กน้อย เสร็จแน่ วันนี้ต้องถูกสั่งสอนด้วยไม้เรียวจริงๆ แน่!
นางยังคงถอยหลังอยู่ แต่มู่ฉินเจินก้าวเข้ามาก้าวเดียวก็มาถึงนาง พลางยื่นมือรวบเอวนาง ไม่เอ่ยอธิบายใดๆ และก้มลงจูบริมฝีปากนาง
สองคนที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เมื่อได้มาใกล้ชิดกันก็เหมือนไม้แห้งปะทะกับไฟที่โหมรุนแรง จูบนัวเนียจนยากจะถอนออกจากกัน
เฉียวเยี่ยนที่ต่อต้านเมื่อสักครู่ ในตอนนี้ตอบรับเขาอย่างกระตือรือร้น ลมหายใจประสานกัน ยากจะแยกออกจากกัน
เนื่องจากอากาศหนาวเกินไป นางจึงสวมเสื้อผ้าหลายชั้น มู่ฉินเจินปลดออกทีละชั้น และอดหัวเราะออกมาไม่ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังปอกหน่อไม้อยู่
เฉียวเยี่ยนอับอายกับเสียงหัวเราะของเขา จึงเงยหน้าขึ้นกัดลาดไหล่เขาไปทีหนึ่ง ก่อนขู่อย่างดุดัน “ห้ามหัวเราะ!”
มู่ฉินเจินเอ่ยให้ความร่วมมือ “ได้ ไม่หัวเราะ”
ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากลับไม่ลดลงเลย
เฉียวเยี่ยนรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย จึงยกมือขึ้นผลักเขาออกจากร่างตัวเอง แต่มู่ฉินเจินกลับกอดนางแน่น ฝังใบหน้าแนบชิดกับใบหน้านาง จมูกแตะจมูก รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปแล้ว แทนที่ด้วยเสียงกระซิบต่ำ
“ข้าเป็นห่วงมาก”
ประโยคนี้ดังแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทว่าเฉียวเยี่ยนกลับเข้าใจ หลายวันมานี้เขาเป็นห่วงนางมาก
นางโอบรอบคอเขา ก่อนจูบริมฝีปากเขาเบาๆ แล้วผละจากไปทันที “ขอโทษ”
นางรู้ว่าตัวเองเอาแต่ใจเล็กน้อย แต่นางแค่อยากจะวิ่งไปหาเขา ช่วยเหลือเขา
มู่ฉินเจินยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง และเอ่ยแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นเดิม “เจ้าท่อนไม้ของข้าเก่งมาก”
เผาเสบียง ขโมยแกะ ขโมยม้า เรื่องเหล่านี้ปล่อยให้เขาจัดการ เกรงว่าเขาคงทำไม่ได้ แต่เจ้าท่อนไม้ของเขาทำได้
เฉียวเยี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย นางเก่งที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าตัวโกงอย่างระบบตัวน้อยเก่งกว่า
ทั้งสองคลอเคลียกัน พลันมู่ฉินเจินยื่นมือไปบีบหน้านาง ราวกับกำลังเช็ดอะไรบางอย่าง น้ำเสียงสงสัยของเขาค่อยๆ ดังขึ้น “เหตุใดถึงเช็ดไม่ออก?”
ฉับพลันนั้นเฉียวเยี่ยนก็ตระหนักได้ว่าหมึกกันน้ำบนใบหน้านางยังไม่ถูกล้างออก และนางก็จูบกับเขาอย่างดุเดือดทั้งที่ใบหน้ายังดำเป็นปื้น
นางอายมากจนนิ้วเท้าแทบจะจิกดินเป็นห้องสามห้องได้ ก่อนผลักเขาออกไปล้างหน้า แต่มู่ฉินเจินกลับกดนางไว้ไม่ยอมปล่อย
“ไม่ต้องล้างหรอก แบบนี้น่ารักมาก”
เฉียวเยี่ยนกลอกตาใส่เขา หากท่านพูดโดยไม่ยิ้ม บางทีคำพูดนี้อาจจะจริงใจอยู่หน่อย
“ลุกขึ้น ข้าจะไปอาบน้ำ ไม่ได้อาบมาหลายวันแล้ว ท่านไม่รู้สึกสกปรกหรือ!”
มู่ฉินเจินไม่ตอบ แต่บอกนางด้วยการกระทำว่าเขาไม่ได้รังเกียจนาง
เสื้อผ้าอาภรณ์ปลิวกระจาย จากนั้นสายฝนก็เทกระหน่ำในที่แห้งแล้ง จนกระทั่งตอนเที่ยง องค์รัชทายาทถึงลุกขึ้นออกจากกระโจมไปอย่างพึงพอใจ ในขณะที่เฉียวเยี่ยนนอนหลับไปจนถึงตอนเย็น
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตายแน่เฉียวเยี่ยน ไม้เรียวพี่มู่ก็ไม่ใช่อันเล็กๆ เลยนะ แถมโดนสั่งสอนนานขนาดนั้นอีก
ว่าแต่พี่มู่คะ ปล่อยอาเยี่ยนให้ไปอาบน้ำก่อนสั่งสอนก็ได้มั้ง นึกภาพตามแล้วมันขัดมู้ดมากเลยนะ
ไหหม่า(海馬)