ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 360 วัฒนธรรมยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเรียนรู้
- Home
- ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?
- ตอนที่ 360 วัฒนธรรมยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเรียนรู้
ตอนที่ 360 วัฒนธรรมยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเรียนรู้
ตอนที่ 360 วัฒนธรรมยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเรียนรู้
พวกเด็กหนุ่มเด็กสาวที่เพิ่งรู้จักอารมณ์รักใคร่และกำลังจะจบการศึกษามองการกระทำลึกซึ้งระหว่างองค์รัชทายาทกับผู้อำนวยการโรงเรียน ในใจก็เต็มไปด้วยความปรารถนาไม่สิ้นสุด ชีวิตแต่งงานในอนาคตของพวกเขาจะเป็นเหมือนทั้งสองหรือเปล่านะ?
งานพิธีสำเร็จการศึกษาจบลง พวกนักเรียนก็ร่ำลาเพื่อนร่วมชั้นกับอาจารย์ แต่ละคนร้องไห้จนกลายเป็นคนขี้แย หลังจากร้องไห้เสร็จ พวกเขาก็จะไปมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
เมื่อเรื่องของทางโรงเรียนสิ้นสุดลง เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินก็ขี่ม้าตัวเดียวกันกลับเข้าไปในเมืองอย่างสบายๆ
ว่ากันว่ารักเจ็ดปีมีอาถรรพ์ แต่พวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานถึงเก้าปีแล้วก็ยังคงรักกันเหมือนเดิม เขาทำงานหนักเพื่อประเทศและประชาชน ส่วนนางปกป้องครอบครัวเล็กๆ ของพวกเขา ต่อสู้ดิ้นรนไปกับงานของตัวเอง
เขาจะสนับสนุนนาง เชื่อใจนางอย่างไร้เงื่อนไขตลอดไป ในบางครั้งนางถูกคนอื่นเกลียด เขาก็จะช่วยนางแก้ปัญหาอย่างเงียบๆ
ส่วนนาง หลังจากที่เขาเลิกว่าราชกิจหรือจัดการงานราชการเสร็จก็ทำอาหารจานร้อนให้เขาโต๊ะหนึ่ง ซึ่งทำให้ใจของเขาอบอุ่นขึ้น
บางครั้งพวกเขาก็ทะเลาะกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่โกรธได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ก็จะหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ นี้ก็ได้รับการแก้ไขไป
เฉียวเยี่ยนนั่งอยู่บนหลังม้า โดยมีมู่ฉินเจินโอบอยู่ข้างหลัง หลังนึกถึงสายตาขององค์รัชทายาทที่ส่งมาให้นางตอนกล่าวสุนทรพจน์ นางก็หันหน้าไปจูบเขาที่คางอย่างขบขัน
มู่ฉินเจินวัยสามสิบสี่ปียังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม เทียบกับเมื่อก่อนแล้วเขาดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมมากขึ้น แถมยังคงหลงใหลเฉียวเยี่ยนจนหัวหมุนเช่นเคย
“ท่านสามี ครั้งต่อไปเราต้องควบคุมตัวเองหน่อยแล้ว เดี๋ยวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่นักเรียนเอาได้”
มู่ฉินเจินถือบังเหียน เมื่อถูกนางจูบ มุมปากก็เอาแต่ยกยิ้มไม่หุบ “นี่เป็นวัฒนธรรมอันยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเรียน”
เฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันกับเขา จึงถูไถศีรษะไปกับแผ่นอกกว้าง ก่อนเอ่ยด้วยความตระหนักในตนเองยิ่ง “ข้าคิดว่าวันนี้เราสองคนต้องสร้างคนที่เกลียดชังเพิ่มขึ้นแน่”
จะไม่ให้สร้างคนเกลียดเพิ่มขึ้นได้อย่างไร?
มีขุนนางในราชสำนักบางคนเห็นองค์รัชทายาทไม่คิดจะรับอนุภรรยามาเสียที ก็ได้เสนอความเห็นแก่ฮ่องเต้เฒ่าหลายครั้งในท้องพระโรงนานแล้ว ว่าให้องค์รัชทายาทรีบแต่งตั้งนางสนมข้างเคียงและรับอนุเข้ามา
ความคิดเล็กๆ น้อยๆ นั้นของพวกเขาจะซ่อนจากฮ่องเต้เฒ่ากับมู่ฉินเจินไปได้อย่างไร ไม่ใช่เพราะพวกเขามีลูกสาวอยู่ที่บ้านหรอกหรือ ทั้งยังเห็นว่ามู่ฉินเจินเป็นองค์รัชทายาท จึงอยากส่งลูกสาวมา ภายภาคหน้าจะได้รุ่งโรจน์!
แต่มู่ฉินเจินจะเอาใจพวกเขาได้อย่างไร เลยส่งคนไปรวบรวมข้อมูลไม่ดีทุกประเภทที่คนเหล่านี้ทำ และจัดการกับพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม ความวุ่นวายเกี่ยวกับการตั้งนางสนมและรับอนุภรรยาถึงได้เงียบลง
บังเอิญว่ามีขุนนางบางคนที่มาในวันนี้ถูกจัดการไปแล้วพอดี เมื่อเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆ พวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจประหนึ่งกินแมลงวันเข้าไป
เจ้านายทั้งสองขี่ม้ากันอยู่ข้างหน้าอย่างช้าๆ เกาจัวหยวนขี่ตามหลังอยู่ไกลๆ อย่างรู้งาน
เฮ้อ! คิดถึงภรรยาแล้วทำอย่างไรดี?
หลังจากความพยายามอันไม่ลดละของเขา ในที่สุดปีที่แล้ว เขาก็ได้รับการยินยอมแต่งงานกับหลันหนิง
เดิมทีคิดว่าหลังจากแต่งงานแล้ว เขาจะได้กอดภรรยาหอมนุ่มทุกวัน แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าภรรยาเขากลับไปท่องยุทธภพเป็นครั้งคราว ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว สิบวันครึ่งเดือนถึงจะได้เห็นหน้ากัน
ขมขื่นเสียจริง! หัวใจของเขาขมขื่นมาก! แต่ขมขื่นแล้วจะทำอย่างไรได้ ภรรยาก็เป็นตัวเองหามา แม้ร้องไห้ก็ต้องเอาอกเอาใจต่อไป และได้เพียงแต่หวังว่าคราวนี้ภรรยาจะใช้เวลาน้อยลงสักสองสามวัน กลับมาให้เร็วกว่านี้หน่อย
เมื่อกลับไปถึงบ้าน ก็ไม่มีลูกๆ อยู่บ้านกันสักคน เสี่ยวฉวนเอ๋อร์วัยสิบสองปีถูกฮ่องเต้เฒ่าพาไปเรียนรู้วิธีปกครองประเทศ
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไปที่ค่ายทหาร นอกจากถูกมู่ฉินเจินสอนศิลปะการต่อสู้เป็นปกติแล้ว นางยังเรียนกับนายพลเก่าแก่หลายคนในราชสำนัก ราวกับว่าต้องการปั้นให้ตัวเองเป็นแม่ทัพหญิง
เสี่ยวอันอันเข้าไปเรียนเย็บปักถักร้อยในโรงเรียนอาชีวะ นางสุภาพเรียบร้อยมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเก่งด้านงานเย็บปักถักร้อยมาก เมื่อโรงเรียนรับสมัครนักเรียนในเดือนสี่ปีนี้ เฉียวเยี่ยนจึงส่งนางเข้าไปในนั้น
ส่วนระบบตัวน้อยยังคงเป็นปลาเค็มตัวน้อย ไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็รู้จักกับสหายมากมาย ถ้าไม่เล่นกับพี่น้องทั้งวันก็วิ่งออกไปเล่นข้างนอก จนแทบจะเหมือนหลันหนิงแล้ว
เสี่ยวอวี่เป่าน้องคนสุดท้องก็เข้าสำนักศึกษาเช่นกัน เด็กน้อยวัยสี่ขวบยังคงอวบอ้วนเป็นเจ้าก้อนแป้งสีขาวนุ่ม ทำให้คนหลงใหลเป็นพิเศษ และมักจะถูกเสด็จปู่ เสด็จย่าพาเข้าไปเล่นในวัง
เด็กๆ โตกันหมดแล้ว เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินจึงรู้สึกผ่อนคลาย เวลาของเราสองคนก็มีเพิ่มขึ้นมา
……
สามปีผ่านมานี้ เฉียวเยี่ยนยังรับลูกศิษย์มาด้วย นั่นคือเจ้าเด็กอ้วนเถียนเฮ่าเฉิน บุตรชายของอวิ๋นหยางปั๋วคนนั้น
เจ้าอ้วนมีพรสวรรค์ทางด้านการเกษตรมาก หลังจากเรียนในโรงเรียนมาหนึ่งปี การสอนของอาจารย์ไม่สามารถสนองความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ของเขาได้อีกต่อไป เฉียวเยี่ยนที่สังเกตเขามานาน จึงรับเขามาเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง
นางทำแปลงเพาะพันธุ์พื้นฐานบนแปลงนาทดลองของโรงเรียนผืนหนึ่ง และพยายามผสมข้ามเมล็ดพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงอย่างเป็นระบบกับเมล็ดพันธุ์ของยุคนี้ เพื่อเพาะพืชพรรณชนิดใหม่ที่ให้ผลผลิตสูงและอร่อย
ด้วยความพยายามอย่างหนัก พวกเขาก็ได้ผักสายพันธุ์ใหม่หลายสายพันธุ์ เช่น ข้าวโพดพันธุ์ใหม่ ข้าวโพดของสมัยใหม่มีกิ่งก้านสูง ซังข้าวโพดทั้งมากทั้งใหญ่ แต่ทางด้านรสชาติกลับด้อยกว่าพันธุ์พื้นเมืองของเทียนลี่
ข้าวโพดพันธุ์พื้นเมืองของเทียนลี่มีกิ่งก้านสั้นบาง ซังข้าวโพดเล็ก และเม็ดข้าวโพดไม่อวบอ้วนพอ ทว่ารสชาติหวานล้ำ และรสสัมผัสดีกว่าพันธุ์ของสมัยใหม่เยอะมาก
หลังจากผสมข้าวโพดทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน และผ่านการคัดเลือกพันธุ์แล้ว ก็เกิดเป็นข้าวโพดสายพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูงและมีรสชาติอร่อย
เถียนเฮ่าเฉินสนใจการปรับปรุงพันธุ์พืชเป็นอย่างมากจนแทบอยากใช้เวลาอยู่ในแปลงนาทดลอง ศึกษาพืชผลอันมีค่าของเขาทั้งวัน
วันนี้เสี่ยวอวี่เป่าได้หยุดพักผ่อน เฉียวเยี่ยนจึงพาไปที่แปลงนาทดลองเพาะพันธุ์ในโรงเรียนด้วย และสอนเถียนเฮ่าเฉินเพาะพันธุ์พืชไปพลาง ดูแลลูกไปพลาง
เจ้าก้อนแป้งสมกับเป็นเด็กที่จับจอบได้ตอนทำพิธีจวาโจว ทันทีที่เข้าไปในแปลงนาทดลองก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ ก่อนคุ้ยหาจอบน้อยของเขาออกมา ส่ายก้นดุ๊กดิ๊กเข้าไปเริ่มขุด จนดินกระเด็นมาถึงหัวตัวเอง
เมื่อเห็นว่าแม่กำลังอธิบายให้พี่ชายที่อ้วนพอๆ กับเขา เจ้าก้อนแป้งก็เข้าไปใกล้ด้วยความอยากรู้ และสนใจคำว่าพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ผสมพันธุ์ชุดแรกชุดสองจากปากมารดามาก
เฉียวเยี่ยนมองหัวน้อยที่จู่ๆ ก็แทรกเข้ามา ท่าทางฟังอย่างตั้งใจนั้นน่ารักมาก จึงไม่ได้รบกวนเขา และอธิบายให้ศิษย์ต่อไป ทั้งยังดูสถานการณ์ของเด็กชายตัวน้อยด้วย เมื่อเห็นเขาขมวดคิ้วน้อยขึ้นมา ก็จะพูดช้าๆ อธิบายใหม่อีกครั้ง
ในที่สุดเถียนเฮ่าเฉินก็เข้าใจ ส่วนเด็กน้อยเข้าใจเพียงครึ่งเดียว และนั่งยองๆ ดูมารดากับพี่ชายทำงานอย่างตั้งใจต่อ
ดูเหมือนเสี่ยวอวี่เป่าจะสนใจการเกษตรอย่างมาก เฉียวเยี่ยนเองก็ตั้งใจจะฝึกสอนเขาเช่นกัน ตอนนี้ลูกๆ ของพวกเขามีความเชี่ยวชาญทั้งบุ๋นทั้งบู๊แล้ว หากมีสักคนหนึ่งมาเรียนการทำไร่ทำนากับนาง มันคงดีอย่างยิ่ง
พืชผลที่ปลูกในแปลงนาทดลองเพาะพันธุ์จำเป็นต้องได้รับการใส่ปุ๋ยและพรวนดิน เถียนเฮ่าเฉินเป็นคนดูแลพื้นที่ทดลองนี้ เขาจึงเป็นคนใส่ปุ๋ย พรวนดิน และรดน้ำทั้งหมด
เฉียวเยี่ยนว่างไม่มีอะไรทำ จึงพรวนดินใส่ปุ๋ยด้วยกันกับเขา
กลิ่นของมูลสัตว์ที่หมักเสร็จแล้วโดยทั่วไปมันจะสลายหายไป เมื่อกำมันไว้ในมือก็ไม่รู้สึกว่ามันน่าขยะแขยง หลังจากใช้จอบพรวนดินรอบโคนต้นพืชแล้วก็โรยปุ๋ยคอกลงไป ให้พืชค่อยๆ ดูดซับมัน
เสี่ยวอวี่เป่าก็แบกจอบน้อยของตัวเองมาช่วยด้วยเช่นกัน เด็กน้อยนั่งแปะลงบนพื้น ใช้จอบน้อยค่อยๆ พรวนดินอย่างระมัดระวัง จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกสองกำมือ เมื่อทำต้นหนึ่งเสร็จ ทั้งตัวเขากลายเป็นเจ้าก้อนโคลนไปแล้ว
………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
องค์รัชทายาทยังคงคลั่งรักไม่เปลี่ยนแปลง เฮ้อออ
ยินดีกับเกาจัวหยวนด้วยนะคะ จีบสาวมานานสมหวังสักที
เด็กๆ ดูมีอนาคตกันทุกคน เป็นชีวิตครอบครัวที่สุขสันต์กันจริงๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)