ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 309 เตรียมตัวกลับเมืองหลวง
ตอนที่ 309 เตรียมตัวกลับเมืองหลวง
ตอนที่ 309 เตรียมตัวกลับเมืองหลวง
การเก็บเกี่ยวอันน่าตื่นเต้นกินเวลานานกว่าหนึ่งเดือนถึงเก็บเกี่ยวข้าวในนาเสร็จ ทำให้ลานตากข้าวเต็มไปด้วยกองฟาง และกองฟางก็กลายเป็นสถานที่สนุกๆ ให้เด็กๆ ได้เล่น
เมื่อได้เข้าไปก็ใช้เป็นที่เล่นซ่อนหาได้ หรือไม่ก็ซ่อนแอบกินของอยู่ด้านใน เพียงแค่ได้เล่นก็สามารถเล่นได้ตลอดทั้งวัน
ทุกวันเด็กๆ ทั้งสี่จะถูกปล่อยออกไป เมื่อกลับมาเสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยฟางข้าวติดเต็มตัว พวกเขาเล่นอย่างอิสระเหมือนลิงป่าตัวน้อย
ข้าวที่ผ่านการนวดและตากแห้งแล้วจะถูกนำไปบรรจุลงถุงกระสอบทีละใบ เฉียวเยี่ยนส่งคนนำข้าวเหล่านี้ไปส่งที่โกดังร้านขายของชำ และแบ่งออกมาขายในร้านขายของชำได้ ส่วนที่เหลือเก็บไว้ทำเป็นเมล็ดพันธุ์
ข้าวที่ทำเป็นเมล็ดพันธุ์ต้องผ่านการเลือกอย่างพิถีพิถัน หลังจากการเก็บเกี่ยวสิ้นสุดลง พวกชาวบ้านในหมู่บ้านหูซีก็มีเวลาว่าง เฉียวเยี่ยนจึงจ้างคนกลุ่มหนึ่งช่วยคัดเลือกเมล็ดพันธุ์
เมล็ดพันธุ์ที่คัดเลือกเสร็จแล้วจะนำมาคลุกกับสารไล่แมลง ใส่ถุงกระดาษตามปริมาณและเก็บไว้ในที่แห้งเพื่อรอปลูกในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
ส่วนจะเผยแพร่ข้าวพันธุ์ผสมออกไปอย่างไร เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินคิดได้วิธีหนึ่ง โดยให้ราชสำนักออกหน้า สร้างสถานีเมล็ดพันธุ์ในแต่ละพื้นที่ โดยที่เฉียวเยี่ยนรับผิดชอบในการจัดหาเมล็ดพันธุ์ ให้ทางราชสำนักซื้อกับนางตามราคาตลาด
เป็นแบบนี้ การเผยแพร่เมล็ดพันธุ์ก็จะถูกส่งมอบให้กับราชสำนัก ทำให้เฉียวเยี่ยนมีเวลาว่างมากมาย และยังมีรายได้เข้ามาด้วย
หลังอยู่ในหมู่บ้านหูซีจนเข้าสู่เดือนสิบสอง เหลือเพียงเดือนเดียวก็ปีใหม่แล้ว พวกเฉียวเยี่ยนจึงต้องรีบกลับเมืองหลวง หลังบวกความล่าช้าระหว่างเดินทางแล้ว เมื่อไปถึงเมืองหลวงก็จะเป็นช่วงสิ้นปีพอดี
ทว่าตอนนี้ยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้แก้ไข
พวกองครักษ์ล้วนได้คู่ครองที่หมายจะใช้ชีวิตร่วมกันจากหมู่บ้านหูซี ทว่าหมู่บ้านหูซีอยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก อีกทั้งตอนนี้พวกหญิงสาวก็ยังไม่มีสถานะชัดเจน ย่อมจากไปพร้อมกับพวกเขาด้วยไม่ได้
แต่มันโหดร้ายเกินไปที่จะให้พวกเขามีความรักทางไกล ดังนั้นเฉียวเยี่ยนจึงคิดวิธีหนึ่งขึ้นมา คือจัดงานแต่งงานให้พวกเขาสองรอบ
จัดงานในหมู่บ้านหูซีครั้งหนึ่ง สร้างความสัมพันธ์ที่ชัดเจน รอกลับถึงเมืองหลวงแล้วก็จัดอีกครั้งหนึ่ง ก็สามารถบอกสหายญาติมิตรได้
พวกองครักษ์ไม่มีความเห็นกับเรื่องนี้ ฝ่ายหญิงสาวกับผู้ปกครองเองก็ไม่คัดค้าน
ในสายตาของพวกเขา การให้ลูกสาวแต่งงานไปอยู่เมืองหลวงได้นับเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงมากแล้ว ทั้งยังได้แต่งงานกับองครักษ์ตำหนักอ๋องซู่ นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องอีกต่อไป
ที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากผ่านการติดต่อกันมาไม่กี่เดือน พวกเขาก็รู้สึกวางใจลูกเขยในอนาคตมาก มีเจ้านายผู้ซื่อตรงอย่างท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟยเป็นเยี่ยงอย่างเช่นนี้ ลูกน้องที่พวกเขาผลิตออกมาต้องไม่แย่เหลือคณาแน่นอน
เนื่องจากคนกลุ่มหนึ่งต้องรีบกลับไปเมืองหลวง งานแต่งจึงจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ แต่สิ่งที่ควรมี สิ่งที่ควรเตรียมไว้ พวกองครักษ์ล้วนไม่ให้ฝ่ายหญิงเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
เฉียวเยี่ยน ยังแจกจ่ายเงินจำนวนหนึ่งและของขวัญให้กับองครักษ์แต่ละคนในฐานะสินสอดภรรยาของพวกเขา
วันที่สองในเดือนสิบสองนับเป็นวันมงคล เหมาะสมต่อการแต่งงาน
ในหมู่บ้านหูซี มีคู่รักใหม่หกคู่แต่งงานพร้อมกัน และทั้งหมู่บ้านก็มีชีวิตชีวามาก
เกาจัวหยวนยังเป็นโสด ส่วนครอบครัวของฮุ่ยเซียงกับเฟิงหยางต่างก็อยู่ในเมืองหลวง และพวกเขายังวางแผนจะกลับไปแต่งงานที่เมืองหลวงเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ได้ร่วมสนุกกับคนอื่น
งานแต่งงานหมู่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่บนลานตากข้าว คนทั้งหมู่บ้านมากันทั้งเด็กและแก่ ช่วยกันจัดงานเลี้ยงและจัดสถานที่ ทุกคนล้วนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำในสิ่งที่เขาสามารถช่วยได้
แม้แต่เด็ก ๆ ก็หยุดสร้างปัญหาและทำตัวเป็นเด็กโปรยดอกไม้พร้อมตะกร้าดอกไม้เล็ก ๆ เมื่อคู่แต่งงานใหม่มาถึงงาน พวกเขาก็มีหน้าที่โปรยดอกไม้ต้อนรับ
เฉียวเยี่ยนเป็นผู้อำนวยการจัดงานแต่งงานหมู่นี้ ตัวอักษรมงคล (喜) สีแดงถูกวาดบนลานตากเมล็ดพืช ทั่วบริเวณมีโคมไฟสีแดงประดับประดา และมีการจุดประทัดเฉลิมฉลอง
พรมแดงผืนยาวถูกปูไว้บนพื้น และที่ปลายพรมคือพ่อแม่ของเจ้าสาวทั้งหกซึ่งนั่งอยู่
พูดตามเหตุผล ตำแหน่งสูงเช่นนี้ควรเป็นพ่อแม่ของฝ่ายชาย แต่ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ จึงถือว่าเป็นการบอกลาพ่อแม่ของฝ่ายหญิง
กล่าวอีกทางหนึ่ง สถานการณ์นี้ช่างเหมือนกับเจ้าบ่าวที่กำลังลาพ่อแม่ไปแต่งงาน
แม้มันจะผิดขนบสักเล็กน้อย แต่เฉียวเยี่ยนก็คิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้ อีกทั้งองครักษ์และครอบครัวของเจ้าสาวก็ไม่คัดค้าน ตราบใดที่คู่หนุ่มสาวยังอยู่ดีกินดี ก็ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะแต่งเข้าบ้านใคร
งานแต่งงานแปลกใหม่แบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนในหมู่บ้าน ผู้คนต่างทยอยเข้ามาห้อมล้อมลานตากข้าวทีละคนจนแน่นขนัด รอให้คู่บ่าวสาวทั้งหกออกมา ส่วนชาวบ้านจากหมู่บ้านข้างเคียงได้ยินข่าวแล้วก็มาเข้าร่วมชมความตื่นเต้นนี้ด้วย
เมื่อถึงฤกษ์งามยามดี พิธีกรก็ร้องเพลงดังลั่น จากนั้นคู่บ่าวสาวทั้งหกคู่ก็ค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนพรมแดง จับมือกันผ่านผ้าไหมสีแดงที่ประดิษฐ์เป็นดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่
เจ้าสาวสวมผ้าคลุมหน้าสีแดง เจ้าบ่าวสวมชุดแต่งงานสีแดง เรือนผมถูกหวีเกล้าอย่างประณีต ดูสง่างามและมีพลังเป็นพิเศษ มุมปากของเขาโค้งขึ้นจนแค่ชำเลืองมองก็บอกได้ว่าพวกเขามีความสุขมากเพียงใด
เหล่าญาติเดินไปหาพ่อแม่ของพวกเขาอย่างช้า ๆ ขณะเด็ก ๆ ที่ยืนอยู่ทั้งสองด้านของพรมแดงถือตะกร้าเล็ก ๆ และโปรยดอกไม้ เมื่อกลีบดอกไม้กระจัดกระจายพวกเขาก็เข้าแถวอย่างเชื่อฟังเพื่อรับลูกกวาดงานแต่งจากเฉียวเยี่ยน
เป็นเพราะมีสิ่งล่อใจอย่างลูกกวาด กลุ่มหัวไชเท้าน้อยที่มักจะซุกซนก็ดูสงบเสงี่ยมเป็นพิเศษในวันนี้
หลังจากคำนับฟ้าดิน คำนับบิดามารดา คำนับซึ่งกันและกันแล้ว พิธีก็เสร็จสมบูรณ์จากนี้ไปองครักษ์ทั้งหกก็กลายเป็นคนในครอบครัวของฝ่ายหญิงแล้ว
ในวันนี้เกาจัวหยวนรู้สึกเศร้าใจเหลือแสน ยามพวกเขาออกเดินทางจากเมืองหลวง พวกเขาล้วนเป็นโสด แต่เมื่อกลับมา พวกเขาก็ล้วนมีภรรยาแล้ว เหลือแต่เขาที่ยังโสด!
ฮือๆๆ เขาเองก็อยากแต่งสาวน้อยมาเป็นภรรยาเหมือนบุรุษคนอื่นๆ นะ!
เขาจิบสุรา ยิ้มน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ และปรบมือให้กับบรรดาพี่น้องที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเขา
เมื่อหันไปมองหลันหนิง เขาก็เห็นว่านางได้กระโดดขึ้นไปบนต้นเจดีย์เก่าแก่ในลานตากข้าวพร้อมกับกอดเหยือกสุราไว้ในอ้อมแขน สีหน้ายังคงเฉยเมยเช่นเคย ไม่สุขและไม่เศร้า
เมื่อมองแบบนี้ หัวใจของเขาก็ยิ่งหนาวเหน็บขึ้นเรื่อย ๆ สตรีที่เขาตกหลุมรักช่างเป็นภูเขาน้ำแข็งโดยแท้ ต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะทลายกำแพงในใจนางลงได้!
ภูเขาน้ำแข็งหลันหนิงสังเกตเห็นเกาจัวหยวนมองมาที่นางแล้ว แต่นางกลับไม่สนใจ เงยหน้าขึ้นและดื่มต่อด้วยความรู้สึกขบขันเล็กน้อยในใจ
ดูท่าทางของเขาสิ ทำอย่างกับว่าเสียตำลึงทองก้อนโตไปได้
หลังงานแต่งงานที่มีชีวิตชีวาถูกจัดขึ้น สามวันต่อมาเฉียวเยี่ยนก็พาครอบครัวของนางเตรียมตัวกลับเมืองหลวง
เหล่าสตรีที่แต่งงานหมาดๆ กล่าวอำลาพ่อแม่ด้วยน้ำตา และติดตามสามีไปที่เมืองหลวงด้วยความคาดหวังและความหวาดหวั่น
เกวียนที่เคยเต็มตั้งแต่มาจากเมืองหลวงยังคงเต็มเหมือนเดิม เนื่องจากบรรทุกสินค้าจากหางโจวกลับไป มีทั้งข้าวที่ปลูกที่นี่ และของขวัญจากเหล่าชาวบ้านบรรทุกไว้เต็มอัตรา
ร้านขายสินค้าเฉียวจี้ถูกส่งมอบให้โจวผิงฟานเป็นผู้บริหารจัดการ ในวันที่ออกจาก อำเภอชิงผิง โจวผิงฟานก็มาหา
เมื่อมองเห็นเด็กๆ ที่กำลังจะจากไป เขาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตานองหน้า
เด็กน้อยน่ารักที่หอมและนุ่มขนาดนี้ ในอนาคตคงจะไม่ได้กอดไม่ได้หอมแล้ว และคงจะไม่มีวันได้กินอาหารเลิศรสฝีมือของเฉียวเยี่ยนอีก
ส่วนบุรุษสุนัขที่เคยเป็นสหายพี่น้องกับเขาน่ะเหรอ จะไปไหนก็ไปเถอะ!
เด็กๆ อำลาท่านลุงโจวอย่างไม่เต็มใจด้วยอาการน้ำตาคลอเบ้าและปากที่สั่นระริกน้อยๆ ดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่บิดาบังเกิดเกล้าผู้ยืนอยู่ข้าง ๆ กำลังซดน้ำส้มไหใหญ่ ส่งสายตาขุ่นเคืองมาทางโจวผิงฟานราวกับจะทิ่มแทงให้เป็นรูพรุน
โจวผิงฟานกลอกตาใส่อย่างเหลืออดไปสองสามครั้ง ในตอนนี้เรือแห่งมิตรภาพของบุรุษทั้งสองได้อับปางลงแล้ว ทั้งยังจมสู่ก้นทะเลสาบจนไม่อาจงมขึ้นมาได้อีก
พวกเขารีบออกเดินทางอย่างไม่พัก ในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวงในวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนสิบสอง ก่อนวันปีใหม่เพียงสามวันเท่านั้น
ในตอนเช้า ลุงฉูได้รออยู่หน้าประตูตำหนักอ๋องซู่พร้อมกับบรรดาคนรับใช้ท่ามกลางลมหนาว รอให้บรรดาเจ้านายของตำหนักกลับมา
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สงสารเกาจัวหยวนกับโจวผิงฟานจริงๆ ขอให้ได้แต่งภรรยาสักทีนะคะ เข้าใจค่ะว่าความโสดมันหนาว
ไหหม่า(海馬)