ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 274 สาวใหญ่ตัวน้อยคนหนึ่ง
ตอนที่ 274 สาวใหญ่ตัวน้อยคนหนึ่ง
ตอนที่ 274 สาวใหญ่ตัวน้อยคนหนึ่ง
ความคาดหวังในดวงตาของคนตัวเล็กทำให้เฉียวเยี่ยนปวดใจ นี่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดไหนถึงได้ระมัดระวังเช่นนี้
นางอดกลั้นไม่ให้ร้องไห้ อุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา แล้วลูบหัวน้อยๆ อย่างอ่อนโยน “เด็กดี อันอันเก่งมาก เมื่อไปถึงบ้านน้าแล้ว อันอันแค่ต้องเล่น กินอย่างมีความสุข เติบใหญ่สูงขึ้นก็พอแล้ว ”
เสี่ยวอันอันตัวผอมกะหร่องเบาราวก้อนสำลีนุ่ม เมื่ออุ้มขึ้นมาไม่ได้รู้สึกว่าหนักอะไร ภายใต้เสื้อบางๆ นั้นเห็นกระดูกได้อย่างชัดเจน พอสัมผัสก็รู้สึกว่ามันนูนๆ เมื่อเทียบน้ำหนักกับเด็กทั่วไปแล้ว ค่อนข้างเบามากจริงๆ
ภายใต้การเกลี้ยกล่อมอันอ่อนโยนของเฉียวเยี่ยน เสี่ยวอันอันก็กล้าขึ้นมาก ยกมือขึ้นเบาๆ โอบแขนรอบคอเฉียวเยี่ยนอย่างหยั่งเชิง
ในตอนแรกนางกล้าแค่เพียงประคองไว้เบาๆ แต่เมื่อเห็นว่าเฉียวเยี่ยนไม่ดุด่า และไม่โยนนางลงบนพื้น จึงออกแรงกอดนาง
เฉียวเยี่ยนอุ้มคนตัวเล็กเดินไปขึ้นรถม้า “กลับกันเถิด น้าจะพาอันอันกลับบ้าน”
เสี่ยวอันอันฟุบอยู่บนลาดไหล่ของเฉียวเยี่ยน ดวงตากลมโตอย่างเห็นได้ชัดของร่างเล็กผอมคู่นั้นมองไปที่มู่ฉินเจินเงียบๆ
มู่ฉินเจินสัมผัสได้ถึงสายตาของคนตัวเล็ก ก็พยายามยิ้มให้นางอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าเสี่ยวอันอันกลับหดหัวด้วยความตกใจกลัว ประหนึ่งกระต่ายน้อยน่ารักที่ตื่นกลัว
มู่ฉินเจินเกาศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นนะ?
เฉียวเยี่ยนอุ้มเสี่ยวอันอันเข้าไปในรถม้า เห็นนางจ้องมองมู่ฉินเจินอย่างระแวดระวัง จึงเอ่ยกล่อมด้วยรอยยิ้ม ” อันอันไม่ต้องกลัว ท่านลุงคนที่ดูเย็นชาหน้าเหม็นผู้นี้ไม่ใช่คนไม่ดี เขาคือบิดาของพวกพี่ๆ ที่เจ้าจะได้เจอเร็วๆ นี้”
มู่ฉินเจินรู้สึกจนใจอย่างสุดซึ้งเมื่อภรรยาบรรยายถึงเขา จึงเคลื่อนใบหน้าไปหานาง และถามอย่างจริงจัง “ข้าหน้าเหม็นตรงไหน?”
เห็นๆ อยู่ว่าชอบมากกว่าอะไร ทุกเช้าต้องกอดหอมฟัดแก้มเขา แต่ตอนนี้กลับบอกว่าเขาหน้าเหม็น!
เฉียวเยี่ยนผลักใบหน้าของเขาออกพร้อมหัวเราะ ก่อนเหลือบมองเขา “โตปานนี้แล้ว ฟังไม่ออกหรือว่าข้ากำลังกล่อมเด็กอยู่? ท่านหน้าหอมมาก หอมสุดๆ ตอนนี้พอใจแล้วนะ?”
มู่ฉินเจินเคลื่อนใบหน้าอออก และส่งสายตาภูมิใจให้นาง “ก็พอได้”
การพูดคุยหัวเราะของทั้งสองคลายบรรยากาศรอบด้านลงไม่น้อย ทำให้เสี่ยวอันอันผ่อนคลายลงเช่นกันประมาณว่ารู้สึกน่าสนใจ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มบางเบา แต่พริบตาเดียวก็หายวับไป
เหมือนท่านลุงคนนี้ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไร
รถม้าเดินทางกลับไปตำหนักอ๋องซู่ เมื่อเข้าตำหนักไปได้ไม่ทันไร ลูกน้อยทั้งสองก็วิ่งออกมาต้อนรับมารดากับบิดา
วันนี้พวกเขาไม่ได้ไปสำนักศึกษา มู่ฉินเจินกังวลว่าในสำนักศึกษาจะมีข่าวลือเกี่ยวกับเฉียวเยี่ยน จึงให้เด็กทั้งสองขอลาหยุดกับอาจารย์
เด็กทั้งสองตื่นขึ้นมาไม่เห็นพ่อ ฮุ่ยเซียงจึงเอ่ยกล่อมพวกเขาว่าท่านพ่อไปรับท่านแม่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรออย่างใจจดใจจ่อตลอดเช้า
“ท่านแม่ ลูกของท่านมาหาแล้ว!”
ขณะห่างไปอยู่ระยะหนึ่ง เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็อ้าแขนพุ่งเข้ามาหาเฉียวเยี่ยน ในขณะที่เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ดูสงบกว่าเล็กน้อย ไม่ได้ดีอกดีใจออกนอกหน้าเหมือนอย่างน้องสาว ทว่าขาสั้นๆ นั้นกลับไม่มีช้าเลยแม้แต่น้อย
มู่ฉินเจินอุ้มเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมแขนก่อนเฉียวเยี่ยนไปก้าวหนึ่ง เด็กทั้งสองชะงักไปพริบตาเดียว ถึงได้สังเกตเห็นว่ามารดาจูงมือน้องน้อยคนหนึ่งอยู่
อยู่ในคุกมาสองวัน เฉียวเยี่ยนเองก็คิดถึงลูกทั้งสองเช่นกัน แต่เสี่ยวอันอันขาดความรู้สึกปลอดภัย นางจึงมิอาจชักมือออกไปกอดเด็กทั้งสองได้ ทำได้แค่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พวกเขา แล้วหอมแก้มนุ่มของเด็กน้อยทั้งคู่
“แม่คิดถึงพวกลูกๆ จะแย่แล้ว มา แม่จะแนะนำเด็กน้อยใหม่ให้ นี่คืออันอัน ชื่อจริงคือหวังหนิงอัน อายุน้อยกว่าพวกลูกหนึ่งปี เป็นน้องเล็ก นับแต่วันนี้ไป อันอันจะเป็นสมาชิกคนใหม่ของครอบครัวเรา”
เด็กน้อยทั้งสองสำรวจอันอันอย่างใคร่รู้ อันอันถูกพวกเขาจ้องมองจนเขินอาย จึงหลบตัวอยู่ด้านหลังเฉียวเยี่ยน
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มองจนมีสีหน้าประหลาดใจ น้องสาวคนนี้ตัวเล็กมาก และน่ารักมากๆ
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ตีหน้าขรึมเช่นเคย หลังจากมองอันอันแล้วก็แอบจดจำไว้เงียบๆ ผอมเกินไปแล้ว ต่อไปต้องให้ของอร่อยๆ ให้นางมากหน่อยแล้ว
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เจ้าเด็กเป็นมิตรชอบน้องสาวคนนี้มาก จึงสะบัดสองขาน้อยๆ ดิ้นออกจากอ้อมแขนบิดา พลางกระพริบตาโตปริบๆ แนะนำตัวเองกับเสี่ยวอันอัน
“ข้าชื่อเฉียวจืออวี๋ จากนี้ไปข้าคือพี่สาวเจ้าแล้ว หากมีใครมารังแกเจ้า มาหาข้าได้เลย ข้าจะช่วยเจ้าตีสวนกลับไป!”
ขณะกล่าวนางก็กวัดแกว่งกำปั้นน้อยขาวนวลของตัวเอง และมีท่าทางเหมือนพี่สาวเก่งกาจที่พร้อมจะปกป้องน้อง
เฉียวเยี่ยนดูจนต้องกุมหน้าผาก ก่อนลูบหัวลูกสาวคนโตของตัวเอง และเอ่ยอย่างจนใจ “ลูกรัก พวกเราคืออารยชน เมื่อเจอปัญหาต้องหาวิธีก่อน ไม่ควรคิดแต่จะใช้กำลัง”
แต่มู่ฉินเจินกลับเห็นด้วยกับคำพูดของลูกสาวมาก ใครกล้ามารังแก ชกต่อยให้หมอบก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กำหมัดน้อยของตัวเองแน่น ก่อนเชิดหน้าน้อยเอ่ยหลักการของตัวเอง “สาวใหญ่ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ข้าชกต่อยให้พวกเขาล้มลงก่อน ค่อยเอ่ยเหตุผลกับพวกเขาก็จะยิ่งง่ายขึ้น”
เฉียวเยี่ยนจ้อง ‘สาวใหญ่’ ตัวน้อย พลางส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา “จ้ะ สาวใหญ่ของเรา ลูกยังมีอะไรแปลกๆ ที่แม่ไม่รู้อีกเท่าไหร่กัน”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แนะนำตัวเสร็จ เสี่ยวฉวนเอ๋อร์แค่บอกชื่อตัวเองออกมา “เฉียวสิงโจว”
ท่าทางเย็นชามีเสน่ห์นี้ทำให้เฉียวเยี่ยนผู้เป็นแม่ทำอะไรไม่ถูก ทำไมนางถึงรู้สึกว่าเขาดูเหมือนพระเอกนิยายผู้ทรงอำนาจอย่างไรอย่างนั้นล่ะ
หลังจากทักทายกันเสร็จ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็จูงมือเสี่ยวอันอัน และพานางเดินไปทั่วตำหนัก โดยมีเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ตามหลังพวกนางไปอย่างไม่เร็วไม่ช้านัก
อันอันที่ได้เล่นกับเพื่อนตัวน้อยเป็นครั้งแรกพบว่าตัวเองถูกยอมรับง่ายดายเช่นนี้ ก็ตื่นเต้นจนดวงหน้าแดงปลั่ง
นางถูกพี่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จูงมืออยู่ จึงพยายามก้าวขาสั้นของตัวเองวิ่งตามอีกฝ่ายไปทั่วตำหนัก
เด็กทั้งสองพาอันอันไปสำรวจตำหนักจนทั่ว และพานางไปเก็บผักและผลไม้ในเรือนกระจก
อันอันเห็นบ้านใหญ่โตเช่นนี้เป็นครั้งแรก ก็ประหลาดใจจนดวงหน้าสีน้ำผึ้งแดงปลั่งมีชีวิตชีวาขึ้นมา
โดยเฉพาะผักกับผลไม้ต่างๆ ในเรือนกระจกแปลกๆ เหล่านั้น พอมองแล้วดูน่ากินมาก
พวกเด็กๆ วิ่งออกไปเล่นแล้ว เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินก็เดินจูงมือกันกลับเรือนจิ่งเสวียน
ระบบตัวน้อยทอดมองไปทางที่เด็กน้อยทั้งสามวิ่งไปไกล ในดวงตากลมโตก็ฉายความอิจฉาออกมา และถอนหายใจออกมาเสียงเบาหวิว
เฉียวเยี่ยนรับรู้ถึงความรู้สึกของเด็กน้อย จึงเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยน “เด็กดี อีกไม่นานเจ้าก็ออกมาได้แล้ว ถึงครานั้นเจ้าพาพวกเขาทั้งสามไปเล่นหนำใจทั่วทุกที่ได้เลย”
ระบบตัวน้อยพยักหน้า แม้จะอิจฉาเพื่อนตัวน้อยคนอื่นๆ ที่สามารถเล่นไปทั่วทุกที่ได้ ทว่านางก็พอใจมากแล้ว เพราะนางมีโฮสต์ที่ดีมากๆ อยู่
ระบบคนอื่นๆ ไม่ได้รับการปฏิบัติดีขนาดนี้เหมือนนางหรอก
หลังจากกล่อมระบบตัวน้อยเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็อดคิดไม่ได้ เมื่อระบบตัวน้อยออกมา ในบ้านก็มีเด็กสี่คนแล้ว มีสาวน้อยสามคน และเด็กชายซึ่งเป็นลูกชายเพียงหนึ่งเดียวของนาง เห็นทีต้องคลอดผู้ชายออกมาอีกหนึ่งคน อย่างน้อยจะได้เป็นเพื่อนฉวนเอ๋อร์
จากนี้ไปครอบครัวจะถูกปกครองโดยเด็กๆ แม้พวกเขาซุกซน ดื้อรั้น นางกับมู่ฉินเจินก็ยังทั้งรักทั้งเกลียด ถือไม้กวาดไล่ตีพวกเขา
ภาพไก่บินเตลิดสุนัขกระโจนหนีนั้น คิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกน่าสนุกไม่น้อย
มู่ฉินเจินเห็นนางยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก็ถามอย่างใคร่รู้ “คิดเรื่องแสนสุขอะไรอยู่หรือ?”
เฉียวเยี่ยนบอกสิ่งที่นางคิดเมื่อครู่ให้เขาฟัง เขาก็ยิ้มขึ้นมา ภาพวุ่นวายนั้นเป็นสิ่งที่เขาโหยหาเช่นกัน
เฉียวเยี่ยนเอ่ยหยอกล้อ “เด็กเยอะขนาดนี้ รอวันหน้าพวกเขามีลูกเป็นของตัวเอง เราทั้งสองรับหน้าที่ดูแลหลานๆ ท่านว่าเมื่อเราผมขาวหมดแล้ว จะยังมีแรงค้ำไม้เท้าไล่ตีพวกลูกกระต่ายกลุ่มนั้นอยู่หรือเปล่า?”
มู่ฉินเจินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไม่หรอก ต่อให้พวกเราจะแก่แล้ว พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราหรอก”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นึกสภาพเวลาระบบได้ออกมาก็รู้สึกถึงความวุ่นวายแล้ว ระบบต้องสปอยล์น้องๆ หนักมากแน่นอน
ไหหม่า(海馬)