ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 248 ปลาใหญ่ติดเบ็ด
ตอนที่ 248 ปลาใหญ่ติดเบ็ด
ตอนที่ 248 ปลาใหญ่ติดเบ็ด
ก่อนหน้านี้เรือนเพาะเห็ดหอมได้ถล่มลงมา ทำให้เห็ดหอมที่เติบโตได้ดีเสียหายหนักจนนางเห็นแล้วเจ็บปวดใจเลือดไหลซิบ ทว่าโชคดีที่ไม่เกิดเรื่องอะไรกับคนงาน
หิมะตกถือเป็นลางบอกว่าปีหน้าจะอุดมสมบูรณ์ ปีที่แล้วฝนตกซุก หิมะตกหนัก ผลผลิตที่ได้ไม่ค่อยดี แต่ปีนี้มีอากาศดีในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ
เดือนสองหิมะน้ำแข็งทยอยละลาย พวกชาวนาเริ่มไถดิน ต้อนรับการเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงในเดือนสามเดือนสี่นี้
แปลงในตำหนักอ๋องซู่ผลัดเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเล่า ตอนนี้เฉียวเยี่ยนได้กลายเป็นเถ้าแก่ชี้นิ้วสั่งโดยสมบูรณ์แล้ว จึงทิ้งแปลงผักทั้งหมดในตำหนักให้ข้ารับใช้ดูแล ในขณะที่นางวุ่นอยู่กับกิจการในมือตัวเอง
ช่วงเวลาออกดอกของสตรอเบอรี่ในเรือนสตรอเบอรี่ที่หมู่บ้านลวี่หลัวได้สิ้นสุดลงแล้ว ส่วนใหญ่ออกผลเรียบร้อย รอถึงเดือนสามเดือนสี่ก็เข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวแล้ว
ปีที่แล้วสตรอเบอรี่มีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ปีนี้ยังไม่ทันออกสู่ตลาด ก็มีฮูหยินของเหล่าขุนนางหลายคนได้ส่งข้อความมาว่าอยากสั่งซื้อสตรอเบอรี่
ปีที่แล้วสตรอเบอรี่มีชื่อเสียงมากขึ้น ดูท่าว่าปีนี้จะยิ่งขายได้มากโข แต่เฉียวเยี่ยนยังไม่อยากขยายการปลูกในตอนนี้ ของหายากมักมีราคาแพง ขายราคาสูงไปสักสองสามปีก่อนแล้วค่อยว่ากัน
รอจนกระทั่งสตรอเบอรี่ไม่ค่อยหายากแล้ว นางค่อยขยายการเพาะปลูก และขายในราคาถูก
ตอนนี้กิจการเพาะปลูกในมือนางมีมากขึ้นเรื่อยๆ จะอาศัยแค่เพียงโรงงานเฉียวจี้อย่างเดียวคงไม่พอ ปีนี้นางจึงคิดวางแผนจะขยายโรงงาน
ตอนนี้โรงงานเฉียวจี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวง หากต้องการซื้อที่ดินอีกผืนหนึ่งในเขตเมืองหลวง มิเพียงแต่ราคาแสนแพง แต่ที่ดินก็หาได้ยาก ดังนั้นนางจึงวางแผนจะซื้อที่ดินในเขตชานเมือง และสร้างโรงงานสาขาขึ้นมา
แถบชานเมืองส่วนมากจะเป็นภูเขาป่าไม้ผืนดิน นางหาที่ดินมากมาย สุดท้ายก็ซื้อหมู่บ้านหนึ่งมาจากขุนนางคนหนึ่ง
หมู่บ้านนี้ชื่อว่าหมู่บ้านสกุลอู๋ มีภูมิประเทศค่อนข้างราบเรียบ ถนนซ่อมแซมปรับปรุงอย่างดี รอโรงงานสร้างเสร็จเมื่อใดก็ขนสินค้าเข้าออกสะดวกมาก
เมื่อมีประสบการณ์ได้เห็นโรงงานเป็นครั้งแรกแล้ว ครั้งนี้เฉียวเยี่ยนจึงทำทุกอย่างได้ราบรื่นมากขึ้น และส่งมอบงานในมือให้ผู้ดูแลงานใต้บังคับบัญชาไปทำโดยตรง ส่วนนางแค่เจียดเวลาเล็กน้อยไปตรวจสอบดูสถานการณ์ก็พอแล้ว
แผนผังโครงร่างของโรงงานใหม่คล้ายกับโรงงานเก่า ยังคงใช้รูปแบบของสายการผลิตเหมือนเดิม เพียงแต่มีพื้นที่ใหญ่กว่าโรงงานเก่าอยู่มาก
ในระหว่างการก่อสร้างใหม่ เฉียวเยี่ยนก็วิ่งไปมาระหว่างกิจการหลักต่างๆ ยุ่งมากจนเท้าไม่อยู่กับที่ ทว่ามีเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องให้นางไปจัดการ
ก่อนหน้านี้หลันหนิงสวมบทบาทเป็นหมอเทวดาเพื่อจับปลาตัวใหญ่ และทิ้งป้ายไม้แผ่นหนึ่งไว้ให้ปลาตัวใหญ่ ตอนนี้ปลาตัวใหญ่ได้ติดเบ็ดและนำป้ายไม้มาตามหาคนแล้ว
ผู้แจ้งข่าวยื่นป้ายไม้ในมือให้เฉียวเยี่ยน นางรีบสั่งทันที “บอกคนที่ติดต่อกับเจ้าว่าหมอเทวดาจะกลับเมืองหลวงอีกประมาณครึ่งเดือน หลังครึ่งเดือนผ่านไปให้พวกเขาไปเชิญคนในกระท่อมโอสถบนยอดเขาหัวอวิ๋น ”
ในเมื่อสวมบทเป็นผู้เก่งกาจครองสันโดษแล้ว จะต้องไม่ให้ถูกเชิญไปได้ง่ายๆ ต้องเสแสร้งให้ถึงที่สุด แม้แต่สถานที่พักก็ต้องไม่ใช่เส้นทางปกติ
ในตอนที่นางเดินหมากตานี้ นางได้ส่งคนไปสร้างกระท่อมบนยอดเขาหัวอวิ๋นแล้ว รอบกระท่อมเต็มไปด้วยพืชสมุนไพร กระทั่งในกระท่อมก็มีสมุนไพรวางตากไว้มากมาย เครื่องมือวินิจฉัยจ่ายยาของพวกหมอตรวจอาการก็ไม่ขาด เปลี่ยนกระท่อมธรรมดาๆ ให้กลายเป็นกระท่อมโอสถอันสง่างาม
กระท่อมถูกสร้างทิ้งไว้เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว รอบๆ กระท่อมจึงถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำและวัชพืช ไม่น่ามีร่องรอยของการก่อสร้างใหม่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นบนยอดเขาหัวอวิ๋นยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ทว่าเงียบสงบและไม่เป็นที่รู้จักในหมู่ภูเขาในเมืองหลวง บริเวณใกล้เคียงก็ไม่มีหมู่บ้านคน ภูเขาป่าไม้หนาทึบ ประชากรเบาบาง สัตว์ป่าเที่ยวอาละวาด ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครค้นพบ สถานที่เช่นนี้มีผู้เก่งกาจสันโดษอาศัยอยู่ ก็จะยิ่งทำให้คนเลื่อมใสศรัทธามากขึ้น
ผู้แจ้งข่าวไปทำภารกิจตามที่ได้รับสั่ง และเฉียวเยี่ยนก็เรียกหลันหนิงไปที่ห้องหนังสือ
หลันหนิงเข้ามาในห้องเห็นผู้แจ้งข่าวหมุนตัวกำลังจะออกไป ก็รู้แล้วว่ามีภารกิจต้องทำ สีหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึกมาตลอดก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อย
ตั้งแต่เข้ามาในตำหนักอ๋องซู่ เหมือนกับว่านางใช้ชีวิตแบบหลังเกษียณ วันๆ ทำแต่งานเล็กๆ น้อยๆ แถมยังได้เล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ สงบสุขสุดๆ
แต่มันสงบสุขนานเกินไปแล้ว เลยอยากหาเรื่องตื่นเต้นเร้าใจทำบ้าง!
เฉียวเยี่ยนมองท่าทางของนาง พลางกล่าวติดตลกด้วยรอยยิ้ม “ดูท่างานที่ข้าให้เจ้าทำคงสบายเกินไป ต่อไปต้องเพิ่มระดับความยากกับจำนวนแล้วล่ะ”
หลันหนิงหาที่นั่งลงนั่งเอง สีหน้าดูเบื่อหน่าย และทำท่าทางเหมือนรอเฉียวเยี่ยนลงโทษเสียเต็มประดา
ความสัมพันธ์ของนางกับเฉียวเยี่ยนไม่ถือว่าเป็นนายบ่าว แต่กลับเหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า เมื่อนางอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายจึงไม่ได้แสดงความเคารพมากเท่าใดนัก และสื่อสารกันอย่างธรรมดามาก
และเฉียวเยี่ยนเองก็ชอบวิธีคบหาติดต่อกันกับนางเช่นนี้ แม้จะมาอยู่ในยุคโบราณหลายปี คนที่เห็นนางส่วนใหญ่ล้วนประจบประแจงอย่างไม่รู้สึกละอาย ทว่าในใจนางยังคงเป็นจิตใจของคนสมัยใหม่ ชอบความเท่าเทียมกัน
นางยื่นยาสองสามเม็ดในมือส่งให้ตรงหน้าหลันหนิง “พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางไปยอดเขาหัวอวิ๋นเถิด ข้าเดาว่าด้วยนิสัยระแวดระวังของอีกฝ่าย จะต้องส่งคนไปค้นหากระท่อมโอสถล่วงหน้าแน่นอน ในช่วงไม่กี่วันนี้เจ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวของพวกเขา และระวังตัวด้วย ”
หลันหนิงรับยามา แล้วลุกขึ้นเอ่ยเงื่อนไข “งานสำเร็จ เหล้าหนึ่งไห”
เฉียวเยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ ผลเฉ่าเหมยใกล้จะสุกแล้วพอดี ปีนี้จะดองให้เจ้าใหม่”
หลันหนิงชอบดื่มเหล้า เหล้าฤทธิ์แรงหรือเหล้าผลไม้นางล้วนดื่มหมด ขอเพียงแค่รสชาติดีเท่านั้น
นางดองเหล้าผลไม้ไว้มากมาย หลังจากชวนนางมาดื่มหนึ่งครั้งก็ตกหลุมรักเข้า จากนั้นออกไปทำภารกิจไม่ต้องให้เงิน แค่เหล้าหนึ่งไหก็พอ
ปีที่แล้วที่ดองเหล้าสตรอเบอรีไว้สองสามไห นอกจากครอบครัวตัวเองกับส่งให้คนอื่นดื่มแล้ว ที่เหลือส่วนใหญ่ล้วนลงกระเพาะนาง
……
หลันหนิงกับฮุ่ยเซียงพักอยู่ห้องเดียวกัน เมื่อฮุ่ยเซียงรู้ว่านางจะออกไปข้างนอก ก็เก็บสัมภาระให้นางอย่างรวดเร็ว
หากถามว่าเหตุใดฮุ่ยเซียงถึงช่วยนางเก็บ?
แน่นอนว่าเป็นเพราะหลันหนิงขี้เกียจเกินไป นางคือหญิงห้าวหยาบกระด้างทำเรื่องทุกอย่างง่ายๆ แค่สามารถมีชีวิตอยู่ มีข้าวให้กิน มีเหล้าให้ดื่มก็เพียงพอแล้ว ส่วนอย่างอื่นล้วนไม่อยู่ในขอบเขตความคิดของนาง
ฮุ่ยเซียงพูดพล่ามไปพลาง เก็บของไปพลาง “เสื้อผ้าข้าเตรียมไว้ให้เจ้าสามชุด เมื่อไปถึงที่หมายแล้วอย่าลืมคลี่ออกแขวนไว้ อย่าม้วนไว้ในถุงผ้า ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นรอยยับ ”
“แล้วก็ ข้าเอาผ้าระดูที่เย็บใหม่ยัดใส่ไว้ข้างในแล้ว วันนั้นของเจ้าจะมาในอีกไม่กี่วัน และไม่กี่วันนั้นห้ามดื่มเหล้า”
……
นางพูดจ้อ เหมือนดั่งมารดากำชับลูกที่เดินทางไกล อย่างไรก็ไม่วางใจ อยากเอาตัวเองยัดเข้าถุงผ้าไปด้วยแทบขาดใจ
ครั้นนึกถึงฝีมือการทำอาหารที่ผีเห็นแล้วยังกลุ้มของหลันหนิง นางก็คุยจ้อขึ้นมาอีกครั้ง “หากไม่ไหวจริงๆ เจ้าพาข้าไปด้วยเถิด เกิดว่าเจ้าไม่ระวังทำอาหารให้ตัวเองกินจนสิ้นชีพไป แล้วจะทำอย่างไร?”
นางยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม บนยอดเขาหัวอวิ๋นที่ไม่มีคน หากนางกินแล้วเป็นอะไรขึ้นมาจริง คงตกที่นั่งลำบากแล้ว
หลันหนิงนั่งดื่มเหล้าอยู่บนม้านั่งเหมือนกับเจ้าใหญ่นายโต ฟังฮุ่ยเซียงน้อยช่างจ้อ แบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา นางได้ฝึกวิชาปลีกตัวออกห่างนานแล้ว
นางพูดของนางเอง ดื่มก็ดื่มของนางเอง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
ทางด้านฮุ่ยเซียงยังไม่ทันคุยจ้อจบ นอกห้องก็มีเสียงเกาจัวหยวนดังเข้ามา
“หลันหนิง เจ้าอยู่หรือเปล่า? ข้ามีของจะให้เจ้า เจ้าออกมาหน่อย”
หลันหนิงกระดกเหล้าในมือขึ้นดื่มจนหมด และมุมปากก็กระตุกอย่างช่วยไม่ได้
ตัวน่ารำคาญมาอีกคนหนึ่งแล้ว!
ยังไม่ทันให้นางได้ตอบ ฮุ่ยเซียงก็ตอบแทนนางไปก่อนแล้ว
“อยู่ อยู่ เดี๋ยวออกไป!”
ตอนนี้หลันหนิงยิ่งระอา เดิมทีอยากแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ตอนนี้แม้แต่โอกาสจะเสแสร้งก็ไม่มีแล้ว
นางวางแก้วเหล้าลง เมื่อออกไปข้างนอกก็เห็นเกาจัวหยวนหิ้วสัมภาระน้อยใหญ่อยู่หน้าประตู
ครั้นเกาจัวหยวนเห็นนาง เขาก็ยิ้มหน้าบานเหมือนดอกไม้ ทั้งดูโง่และขบขัน “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังจะออกไปทำภารกิจ จึงตั้งใจไปซื้อของกินมาให้เจ้า มีไก่ย่างที่เจ้าชอบกิน ขนมต่างๆ เนื้อแห้ง เหมาะกินแกล้มกับเหล้ามาก”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ฮุ่ยเซียงเป็นมัมหมีของหลันหนิงไปซะแล้ว นึกสภาพเหมือนแม่มาแงะลูกออกจากที่นอนให้เตรียมตัวไปโรงเรียนเลย
ไหหม่า(海馬)