ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 247 หนึ่งกิ่งสาลี่กดไห่ถัง
ตอนที่ 247 หนึ่งกิ่งสาลี่กดไห่ถัง
ตอนที่ 247 หนึ่งกิ่งสาลี่กดไห่ถัง
แม้พวกเขาจะสำรวจร่างกายกันและกันอย่างลึกซึ่งมาหลายคืนนับไม่ถ้วนแล้ว กระนั้นนางก็ยังอดประหม่าไม่ได้
ความคิดของนางล่องลอยไปไกล นางสั่งให้สมองหยุดคิดเกี่ยวกับด้านนี้ และพยายามสงบสติอารมณ์
เสียงน้ำค่อยๆ หยุดลง และมีเสียงสลัดเสื้อผ้าเบาๆ ดังออกมา จากนั้นก็เห็นมู่ฉินเจินเดินออกมาพร้อมกับผมที่ปล่อยสยาย
เขาสวมเสื้อผ้าหลวมสบาย บริเวณคอเสื้อเปิดกว้างจนเปิดเผยเนื้อหนัง ในตอนนี้เขาปล่อยผมยาวสยายดูไม่ระเกะระกะ กลับกันมันดูมีเสน่ห์เล็กน้อย
เขาเดินเชื่องช้าไปที่ข้างเตียงด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เฉียวเยี่ยนมองรูปร่างน่ากินของเขา ก่อนกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
ที่แท้ไม่เพียงมีแต่สาวงามที่ดูดีหลังอาบน้ำ แต่ชายรูปงามคนนี้หลังอาบน้ำมาก็ดูเจริญตาเช่นกัน
มู่ฉินเจินนั่งลงข้างกายนาง จ้องหน้านางโดยไม่พูดอะไร ทำให้เฉียวเยี่ยนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อถูกมองจ้อง และลูบศีรษะตัวเองอย่างประหม่า
“ยะ…ไยท่านจึงมองข้าเช่นนี้?”
มู่ฉินเจินโน้มใบหน้าเข้าใกล้นาง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ “ข้าแค่กำลังมอง ที่แท้ฮูหยินก็รีบร้อนขนาดนี้เลย”
เฉียวเยี่ยนหน้าแดงปลั่ง และผลักหน้าเขาออก “ท่านน่ะสิรีบร้อน!”
มู่ฉินเจินล้มตัวลงบนเตียง และยอมรับอย่างหน้าไม่อาย “ข้ารีบร้อนมากๆ เลย”
รีบร้อนอยากจะกลืนกินนางไปทั้งตัวทันที
เฉียวเยี่ยนถูกเขาเอ่ยกลั่นแกล้งหยอกเย้าเช่นนี้ก็ลืมสิ้นความประหม่าไปชั่วขณะ พลางกัดฟันตัดสินใจพุ่งโถมใส่บนตัวเขา และกัดริมฝีปากเขาประหนึ่งกัดอาหาร
หลังจากกัดไปสองครั้งก็เงยหน้าขึ้น แววตาอ่อนโยนดุจน้ำ ใบหน้าแดงก่ำ “รีบร้อนมากขนาดนี้เลยหรือ?”
“หา…”
มู่ฉินเจินหัวเราะเบาๆ แล้วประคองท้ายทอยนางไว้ ดึงนางกลับมาหาตัวเอง จากนั้นก็พลิกตัวจากตำแหน่งล่างสุดสู่ตำแหน่งบนสุด พลางกระซิบข้างหูนาง “อีกเดี๋ยวเจ้าก็รู้”
ระบบตัวน้อยมองคู่รักแลกจุมพิตกันไปมาก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย โฮสต์ผู้นี้ดูแลยากจริงๆ ทำเรื่องน่าอายแล้วไม่ปิดกั้นนาง ช่างทำให้นางเป็นห่วงจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่จะตัดการเชื่อมต่อ นางจึงกล่าวคำอวยพรอย่างจริงใจกับโฮสต์ของนาง
[ท่านโฮสต์ ขอให้ท่านท้องไวๆ นะ]
เฉียวเยี่ยนที่กำลังจูบกับมู่ฉินเจินอย่างคลั่งไคล้ได้ยินคำพูดเช่นนี้ของระบบตัวน้อยก็แทบอยากขุดหลุมหนี ทว่าไม่นานท่านอ๋องผู้เร่าร้อนดั่งไฟก็รบกวนนางจนสติเลือนหายไปอีกครั้ง ปล่อยให้นางจมอยู่ในทะเลเสน่หา
ยวนยางคลอเคล้าเคียงคู่ หนึ่งกิ่งสาลี่กดไห่ถัง จันทร์กระจ่างเหนือตำหนักอ๋องซู่ที่ปกคลุมด้วยหิมะ โคมไฟสีแดงทะยานลอย ทุกที่เงียบสงัดไร้เสียง มีเพียงเสียงในเรือนจิ่งเสวียนเท่านั้น กลางดึกค่อนคืนกว่าจะหยุดลง
……
โดยไม่ต้องบอก เช้าวันรุ่งขึ้น เฉียวเยี่ยนย่อมนอนตื่นสาย
ทันทีที่ตื่นขึ้นมาก็เห็นสองศีรษะน้อยหมอบอยู่ข้างเตียง เด็กน้อยทั้งสองกำลังหมอบอยู่หน้าเตียงนาง และจ้องมองนางด้วยดวงตากลมโต
เฉียวเยี่ยนได้สติกลับมา ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าน้อยของพวกเขา “เด็กๆ ตื่นเช้าจังเลย”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หันไปมองดวงตะวันที่ลอยสูงโด่งนอกหน้าต่าง ความจริงมันไม่เช้าแล้ว
แต่ตอนนี้ความสนใจของนางไม่ได้อยู่ที่เวลา แต่อยู่บนท้องของมารดา
นางมองไปที่หน้าท้องแบนราบของมารดา ก่อนถามด้วยความสงสัยระคนเหลือเชื่อ “ท่านแม่ น้องๆ มาอยู่ในท้องท่านหรือยัง? เมื่อไหร่พวกเขาจะออกมาเล่นกับพวกเราได้?”
น้องสาวถามออกมาเสียงดัง เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็มองมารดาอย่างอยากรู้ และรอคำตอบ
เมื่อวานพวกเขานอนกับท่านยาย และท่านยายบอกว่าเมื่อคืนท่านพ่อกับท่านแม่กำลังจะทำน้องๆ ให้พวกเขา เมื่อมีน้องๆ พวกเขาก็จะมีเพื่อนเล่นมากขึ้นแล้ว
เฉียวเยี่ยน “…”
คำถามน่าอายเช่นนี้จะให้นางตอบอย่างไร?
นางปิดหน้าด้วยความเขินอาย และมองลอดระหว่างนิ้วมือ เห็นดวงตากลมโตไร้เดียงสาของเด็กๆ ก็สงบสติลง
พวกเขาอายุหกขวบแล้ว ควรเริ่มเรียนเรื่องเพศศึกษาที่จำเป็นได้แล้ว
นางเรียบเรียงความคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะอุ้มเด็กทั้งสองขึ้นมาบนเตียง พลางโอบแขนรอบพวกเขาพร้อมอธิบายด้วยเสียงอ่อนโยน
“เด็กๆ เอ๋ย การมาของพวกน้องๆ ต้องใช้เวลานานสักช่วงหนึ่ง พวกเขาเปรียบเหมือนเมล็ดพืชเล็กๆ ที่ต้องงอกในท้องแม่ก่อน จากนั้นก็ดูดซับสารอาหาร เติบโตอย่างช้าๆ รอจนโตแล้วถึงจะออกมาดูโลกได้”
“เช่นเดียวกับลูกๆ ในตอนนั้น เป็นตัวอ่อนอยู่ในท้องของแม่ก่อน จากนั้นก็เติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย มีหัวเล็กๆ ออกมา มีจมูกและตา จากนั้นก็มีแขนขาน้อยงอกออกมา รอจนทุกส่วนของร่างกายเจริญเติบโตดีแล้ว ก็ออกมาจากท้องได้”
เด็กทั้งสองตั้งใจฟัง ประหนึ่งค้นพบโลกใหม่ ที่แท้พวกเขาเป็นเมล็ดพันธุ์เล็กๆ ที่เติบโตอยู่ในท้องแม่นี่เอง!
หลังจากเกลี้ยกล่อมเด็กเล็กเสร็จ นางก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าล้างหน้าบ้วนปาก ทั่วร่างปวดระบมยิ่งนัก แม้จะไม่ได้เกินจริงเหมือนในนิยายที่นางเคยอ่านที่ว่า ‘เมื่อยเอวเจ็บขาลุกจากเตียงไม่ได้ราวกับทั่วร่างเหมือนถูกรถทับ’ อะไรทำนองนั้น แต่กระนั้นก็เพลียจริงๆ
ทันทีที่นางจัดการตัวเองเสร็จ มู่ฉินเจินก็เข้ามาพร้อมกล่องอาหาร ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งทำให้เฉียวเยี่ยนนึกถึงคำหนึ่ง ‘ดุจดั่งอาบลมในฤดูใบไม้ผลิ’ (1)
ดูท่าทางอวดดีของเขาสิ มันไม่เหมือนต้นไม้ที่แห้งตายมานานโดนฝนหรอกหรือ?
มูฉินเจินวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ เดินไปหาเฉียวเยี่ยน พยุงนางไปที่โต๊ะ และถามอย่างอบอุ่น “มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า?”
เฉียวเยี่ยนหน้าแดงปลั่ง และกลอกตาใส่เขาหนึ่งที นางรู้สึกไม่สบายใจ และอึดอัดแปลกๆ !
มู่ฉินเจินดูออกว่านางเขินอาย ทว่าการแสดงออกบนใบหน้ากลับภาคภูมิใจอย่างมาก เหมือนกับนกยูงตัวผู้กำลังรำแพนหาง
เช้านี้ออกไปเดินเล่นมารอบหนึ่ง ดึงดูดความอิจฉาขององครักษ์หมาโสดหลายตัว อารมณ์ของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตสมบูรณ์แบบแล้ว!
พวกองครักษ์มีบางอย่างที่จะพูด ความจริงแล้วพวกเขาไม่ใช่รู้สึกอิจฉา แค่รู้สึกว่าท่าทางมีความสุขไร้ขอบเขตของท่านอ๋องนั้นดูน่าอิจฉาเกินไปก็เท่านั้น
ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุขผ่านไป เพิ่งเข้าสู่เดือนสอง เฉียวเยี่ยนก็ได้รับข่าวดีแรกของปีครั้งใหญ่
กองคาราวานเฉียวจี้กลับมาจากซีเป่ย พร้อมกับนำเงินจำนวนมากและของพิเศษหายากจากทางซีเป่ยมาด้วย
ผู้คุมกองคาราวานนำสมุดบัญชีมารายงานเฉียวเยี่ยน เฉียวเยี่ยนคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากหักเงินเดือนของคนงานกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้ว นางยังทำกำไรสุทธิได้มากกว่าแสนตำลึง!
ความนิยมของสินค้าเฉียวจี้ที่ซีเป่ยนั้นเกินกว่าที่นางจินตนาการไว้
นอกจากเงินก้อนนี้แล้ว ผู้คุมยังนำข่าวดีอีกอย่างหนึ่งมาให้นาง ความว่าเมืองเล็กทางเขตซีเป่ยอยากร่วมมือกับพวกเขาในการส่งสินค้ากลับไปขายยังดินแดนของตน
หากเป็นเช่นนี้พวกเขาก็จะมีลูกค้าประจำ และความผันผวนของรายได้ก็จะลดน้อยลง
ตั้งแต่เปิดปีใหม่มากิจการเฉียวจี้ก็เฟื่องฟูยิ่งขึ้น เพราะคาราวานหลายแห่งที่ร่วมมือกันกลับมารับสินค้าแล้ว
ตอนนี้สินค้าของพวกเขาได้จำหน่ายไปทั่วอาณาจักรแล้ว และตามร้านขายของชำใหญ่ๆ ทั่วอาณาจักรส่วนใหญ่ล้วนเห็นสินค้าของพวกเขาได้
ปีนี้โรงงานเฉียวจี้ก็ได้ผลิตสินค้าใหม่ออกมามากมาย โดยมีเห็ดเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารบรรจุไหต่างๆ
เช่น ซอสหมูสับเห็ดหอม ซอสเห็ดหอมพริกสับ เห็ดนางฟ้าทอดน้ำมัน…
แต่ละอย่างทำให้ต่อมรับรสของลูกค้าประหลาดใจมาก!
ต้มบะหมี่หนึ่งชามโดยไม่ใส่อะไรลงไป ตักซอสหมูสับเห็ดหอมใส่หนึ่งช้อน ยังอร่อยกว่าบะหมี่ที่ขายตามร้านอาหารอีก
นอกจากนี้มันยังเป็นที่นิยมของพ่อค้าบางคนที่เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ในห่อสัมภาระของพวกเขามักจะมีซอสต่างๆ เตรียมไว้ ระหว่างทางที่ต้องกินหมั่นโถวกับแป้งย่างเย็นชืด แค่ทาซอสลงไปเล็กน้อยก็ทำให้รสชาติดีขึ้นมาก
………………………………………………………………………………………………………………………….
(1)ดุจดั่งอาบลมในฤดูใบไม้ผลิ ใช้เมื่อรู้สึกฟิน สดชื่นรื่นอารมณ์สราญใจ เพลิดเพลินจำเริญใจ เหมือนกำลังล่องแล่นกลางสายลมโชยอ่อนๆเย็นๆสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิ
สารจากผู้แปล
ฟินล่ะสิท่านอ๋อง รอมานานแล้วนี่
หลังจากนี้ก็มารอลุ้นกันค่ะว่าท่านอ๋องยังมีน้ำยาอยู่หรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)