ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 229 ส่งข้าว เช็ดเท้า
ตอนที่ 229 ส่งข้าว เช็ดเท้า
ตอนที่ 229 ส่งข้าว เช็ดเท้า
ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้ภัยพิบัติ หลังจากฮ่องเต้เฒ่าทราบเรื่องนี้ก็ซาบซึ้งจนขอบพระเนตรแดงก่ำ ตราบใดที่มีพลังเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจว่าจะบรรเทาภัยพิบัติไม่ทั่วถึง
เขาตรัสชมเฉียวเยี่ยนต่อหน้าพวกขุนนางบุ๋นบู๊ยกใหญ่ บอกว่านางเป็นคนแรกที่บริจาคเสบียงอาหารเมื่อผู้ประสบภัยเข้าเมืองมา และก็เป็นนางที่ทำให้เกิดกระแสการบริจาคเช่นนี้ขึ้นมา
ชายชราซาบซึ้งใจเหลือคณา จึงนำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของตัวเองออกไปบริจาค พวกราษฎรยากจนยังทำเช่นนี้ เขาที่เป็นโอรสสวรรค์ จะเอาตัวออกห่างได้อย่างไร?
พวกขุนนางตกใจอย่างมาก ขุนนางที่ร่วมบริจาคเสบียงอาหารต่างอุทานว่าฝ่าบาทสูงส่งนัก ส่วนคนที่ปวดใจกับถุงเงินข้างเอวของตัวเองรู้สึกเพียงหน้าชา กลับไปแล้วจึงจำต้องรีบไปบริจาคเสบียง ไม่เช่นนั้นคงเป็นการยั่วยุจนฝ่าบาทไม่พอพระทัยแน่
ฮองเฮาเองก็ไม่ว่าง เรียกพวกนางสนมวังหลังต่างๆ มาช่วยผู้ประสบภัยตามกำลังที่ตัวเองมี
บางคนบริจาคคลังส่วนตัวของตัวเอง บางคนก็บริจาคเสื้อผ้าเก่าของตัวเองออกไป
เหล่าเหนียงเหนียงพวกนี้ตัดเย็บอาภรณ์กันนับไม่ถ้วนตลอดทั้งปี แต่หลังจากสวมชุดหนึ่งไปสองสามครั้งก็พับเก็บไว้ในหีบ ตอนนี้จัดการนำออกมาแล้วก็ยัดได้เต็มสองคันรถ
พวกผู้ประสบภัยต่างคิดไม่ถึง ผ้าแพรต่วนที่ทั้งชีวิตพวกเขามิอาจจินตนาการถึง พวกตนกลับได้สวมใส่ในยามที่หลบภัย แถมยังเป็นเสื้อผ้าที่พวกเหนียงเหนียงในวังเคยใส่ด้วย
วันนี้ฝนก็ยังตกเช่นเคย สองสามวันนี้มู่ฉินเจินนำกองกำลังไปช่วยเหลือที่จุดช่วยเหลือด้วยตัวเอง ออกบ้านเช้ากลับบ้านดึก ข้าวสามมื้อก็กินแบบลวกๆ อยู่ที่จุดช่วยเหลือ ซึ่งอาหารที่กินคือข้าวต้มกับผักดองเค็มเหมือนพวกผู้ประสบภัย
ตอนนี้อาหารหลักที่พวกผู้ประสบภัยรับประทานก็คือข้าวต้ม บางครั้งกินอาหารที่ทำจากแป้งมันเทศเพื่อปรับเปลี่ยนรสชาติ ในฐานะมู่ฉินเจินเป็นผู้นำ เขาก็ควรทำตัวเป็นตัวอย่าง ดังนั้นอาหารที่รับประทานจึงล้วนเหมือนกับอาหารของผู้ประสบภัยทั้งสิ้น
ตกดึกกลับมาตำหนัก เฉียวเยี่ยนจะทำอาหารว่างตอนกลางคืนไว้ให้เขา เห็นท่าทางเขากินเอาๆ ก็สงสารจับใจ
ด้วยเหตุนี้ เฉียวเยี่ยนจึงอยากทำกับข้าวไปส่งที่จุดช่วยเหลือ ยุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็น ของที่กินก็เป็นอาหารที่มีน้ำมากๆ ร่างกายจะรับไหวได้อย่างไร!
นางเตรียมจะทำข้าวหมูตุ๋น เลือกหมู่สามชั้นมาหนึ่งชิ้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตั้งน้ำมันในหม้อให้ร้อน ใส่ต้นหอมหั่น ขิงแผ่นทอดให้แห้ง หลังจากทอดแห้งแล้วก็ตักสิ่งที่ตกค้างออก แล้วนำหมูสามชั้นลงไปผัด
จวบจนหมูสามชั้นกลายเป็นสีเหลืองทองแล้ว ก็ใส่ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ เหล้าปรุงอาหาร น้ำตาลกรวดลงไปคลุกเคล้า แล้วเติมน้ำลงไปเล็กน้อยค่อยๆ ตุ๋น ตอนตุ๋นเนื้อให้เพิ่มไข่ต้มลงไปสองลูก และใช้ไม้ไผ่เจาะเป็นรูเล็กๆ ตรงไข่ไก่เพื่อให้มันซึมซับรสชาติ
เมื่อหมูสามชั้นอ่อนนุ่มแล้วก็เปิดฝาหม้อออก และใช้ไฟแรงให้น้ำซอสข้นหนืด จากนั้นก็ตักน้ำซอสข้นหนืดกับเนื้อหมูอ่อนนุ่มเข้ารสชาติราดลงบนข้าวสวย ให้ข้าวซึมซับเต็มไปด้วยรสเนื้อ
เลือกชามใบใหญ่ชามหนึ่ง ตักข้าวใส่จนพูนชาม ราดเนื้อหมูลงบนข้าว ไข่ที่นำไปตุ๋นด้วยสองฟองก็นำมาหั่นแบ่งครึ่ง
ชามใบใหญ่ปิดด้วยจานใบหนึ่งจะได้รักษาความอุ่นได้ และนางยังทำเครื่องเคียงแก้เลี่ยนอีกสองอย่าง นำอาหารใส่ในกล่องอาหาร นั่งรถม้ามุ่งตรงไปยังจุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แถบชานเมือง ห้องพักล้วนสร้างเป็นเพิงหญ้าขึ้นมาชั่วคราว แล้วก็ห่างไปอีกช่วงหนึ่งก็จะเห็นทหารป้องกันอย่างแน่นหนา
เฉียวเยี่ยนไม่ได้เข้าไป จอดรถม้าไว้ด้านนอก และสั่งฮุ่ยเซียงที่ติดตามมาเข้าไปแจ้งมู่ฉินเจิน
เมื่อมู่ฉินเจินได้รับแจ้ง เขาก็สาวเท้าไปที่รถม้าเร็วกว่าฮุ่ยเซียง เฉียวเยี่ยนเห็นไรผมเขายังมีน้ำเกาะอยู่ เสื้อผ้าก็เปียกชื้น ก็เริ่มคัดจมูกอยากร้องไห้ขึ้นมา
มู่ฉินเจินกลับมีสีหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นนาง เมื่อไปถึงแล้วก็อยากเอื้อมมือไปกอดนาง แต่นึกได้ว่าตัวเองกำลังเปียก จึงละมือลง
เฉียวเยี่ยนกลั้นน้ำตาเอาไว้ ดึงเขาขึ้นรถม้า และคุ้ยหาเสื้อผ้าในห่อผ้าที่พกมาด้วยให้แก่เขาหนึ่งชุด
“ข้าเดาว่าฝนตกหนักเช่นนี้ เสื้อผ้าของท่านคงเปียก จึงนำมาด้วยชุดหนึ่ง ท่านรีบเปลี่ยนเถอะ เดี๋ยวจะป่วยเอา”
มู่ฉินเจินรู้สึกอบอุ่นอย่างเปี่ยมล้นเมื่อเห็นว่าเฉียวเยี่ยนเป็นห่วง ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างว่าง่าย
มิเพียงแต่ชุดคลุมด้านนอกที่เปียก แม้แต่เสื้อกางเกงที่อยู่ด้านในของเขาก็เปียกไปด้วย โชคดีที่เฉียวเยี่ยนพกมาทั้งสองอย่าง แม้แต่กางเกงชั้นในก็ไม่ลืม
ทั้งสองจริงใจต่อกันนานแล้ว ดังนั้นตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าอีกฝ่าย ก็ไม่รู้สึกว่าแปลกอะไร
จนกระทั่งมู่ฉินเจินเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็ค้นรองเท้ากันฝนสีดำหนึ่งคู่ออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ
พื้นรองเท้าสมัยโบราณล้วนใช้ผ้ามาทำ ไม่กันน้ำเลยแม้แต่น้อย สภาพอากาศเช่นนี้เดินด้านนอกไปทั่ว เพียงเดินไปไม่กี่ก้าวรองเท้าก็เปียกแล้ว
สวมรองเท้าเปียกชื้นมาทั้งวัน พอถึงตอนเย็นทั้งเท้าก็ถูกแช่จนขาวซีด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบนเท้ามีบาดแผลก็จะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก
รองเท้ากันฝนไม่แตกต่างจากรองเท้าบูทสีดำที่พวกเขาใส่มากนัก สวมออกไปไม่ดูสะดุดตาเกินไป ดังนั้นก่อนเฉียวเยี่ยนออกมาจึงซื้อกับระบบมาคู่หนึ่ง แม้แต่เท้าของตัวนางเองก็สวมรองเท้ากันฝนเช่นกัน
มู่ฉินเจินไม่รู้สึกแปลกกับรองเท้ากันฝนเท่าใดนัก เมื่อถึงวันฝนตกหรือวันหิมะตกพวกเด็กๆ มักจะสวมใส่
เขาถอดรองเท้าออก เฉียวเยี่ยนจึงได้เห็นเท้าของเขาซีดขาวเพราะแช่อยู่ในน้ำนานเกินไป มู่ฉินเจินรู้สึกอายเล็กน้อย อย่างไรเสียเท้าคู่หนึ่ง เขาดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าเกลียดอยู่
แต่เฉียวเยี่ยนกลับไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย หาผ้าเช็ดหน้ามาผืนหนึ่ง ดึงเท้าเขาเข้ามาแล้วเช็ดให้เขาเบาๆ เมื่อเช็ดน้ำออกจนแห้งก็สวมถุงเท้าใหม่ให้
ใบหน้ามู่ฉินเจินพลันแดงขึ้นทันใด ก่อนรีบหดเท้ากลับทันที “รีบปล่อยเร็ว ข้าทำเองดีกว่า มันสกปรก”
แต่เฉียวเยี่ยนกลับออกแรงจับเท้าเขาไว้ ไม่ให้เขาดิ้น “ท่านอยู่นิ่งๆ หน่อย รีบกินข้าวเถอะ วันนี้ข้าทำข้าวหมูตุ๋นมาให้ท่าน ไม่เช่นนั้นอีกเดี๋ยวจะเย็นเอา”
มู่ฉินเจินเถียงสู้นางไม่ได้ ทำได้แค่มองนางเช็ดเท้าให้ตัวเองอย่างปิติและชื่นใจ เขาเปิดกล่องอาหารออก หยิบอาหารในนั้นออกมา
จานที่ครอบไว้บนชามใบใหญ่ถูกเปิดออก กลิ่นหอมของข้าวหมูตุ๋นโชยออกมาทันใด กระเพาะที่กินแค่ข้าวต้มในตอนเช้าไปเล็กน้อยเริ่มส่งเสียงร้อง ในปากก็หลั่งน้ำลายออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาพุ้ยข้าวเข้าปาก เนื้อในปากอ่อนนุ่มหอมซอส และข้าวสวยที่คลุมด้วยน้ำซอสก็อร่อยมากเป็นพิเศษ
เฉียวเยี่ยนมองเขากินเอาๆ คำโต ก็รู้สึกพอใจมาก คนทุกคนที่ชอบทำอาหาร เวลาที่ชอบที่สุดคงไม่พ้นการเห็นคนอื่นชอบอาหารที่เราทำ
หลังจากเช็ดเท้าให้เขาเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็นั่งมองเขากินข้าวอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ทว่าจู่ๆ มู่ฉินเจินกลับวางถ้วยตะเกียบลง ล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากอก เทน้ำจากถุงน้ำลงบนผ้าเช็ดหน้า ให้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำ จากนั้นก็จับมือนางมา และช่วยเช็ดให้นางดุจสมบัติที่ต้องปกป้อง
เฉียวเยี่ยนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้านนอกยังคงฝนตกอยู่ นางแค่ยื่นมือออกไปนอกรถม้าก็ล้างมือได้แล้ว ไยต้องทำอะไรยุ่งยากเช่นนี้ด้วย?
แต่กระนั้นนางก็ไม่ปฏิเสธ ปล่อยให้เขาบริการตัวเองไป
ข้าวหมูตุ๋นชามใหญ่ถูกมู่ฉินเจินกินจนหมด แม้แต่เครื่องเคียงแก้เลี่ยนสองอย่างก็พร่องจนเห็นด้านล่าง
เมื่อกินข้าวเสร็จ เขาก็บอกลาเฉียวเยี่ยนอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะรีบกลับไปวุ่นที่จุดช่วยเหลือต่อ
เฉียวเยี่ยนส่งเขาจนลับตา ก็ขึ้นรถม้ากลับไปตำหนักอ๋อง
เหตุที่นางไม่เข้าไปในวันนี้ เพราะกังวลว่าการที่ตัวเองไปส่งข้าวให้มู่ฉินเจิน จะก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดี
นางในตอนนี้ยังไม่มีกำลังพอจะให้ผู้ประสบภัยทุกคนได้กินข้าวอิ่มได้ เมื่อบรรลุผล อย่าหลงลืมส่งผ่านความดีงามสู่แผ่นดิน ยามยากเฝ้ารักษาคุณความดีเฉพาะตน แม้นางในตอนนี้จะยังมีความสามารถไม่พอ เช่นนั้นนางก็จะพยายามดูแลครอบครัวเล็กๆ ของตัวเองให้ดีที่สุด ส่วนคนอื่นๆ ช่วยได้เท่าไรก็ได้เท่านั้น พยายามอย่างเต็มที่ก็เพียงพอแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความจริงใจในยามยากนี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตคู่ยืนยาว โอ๊ย น้ำฝนช่างหวานอะไรอย่างนี้ ฝนกลายเป็นน้ำเชื่อมไปแล้ว
ไหหม่า(海馬)