ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 154 เด็กก่อนวัยเรียน
ตอนที่ 154 เด็กก่อนวัยเรียน
ตอนที่ 154 เด็กก่อนวัยเรียน
หลังจากเด็กโข่งกินบ๊ะจ่างที่ภรรยาแกะให้เรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอีกครั้ง และมองลูกทั้งสองด้วยความหงุดหงิดและเย่อหยิ่งเล็กน้อย ซึ่งเฉียวเยี่ยนเห็นแล้วก็จนใจจริงๆ
ที่บอกว่าผู้ชายเป็นเด็กหนุ่มจนตัวตายนั่นจริงหรอกหรือ! ท่านอ๋องของนางนี่ไม่ถือว่าเป็นเด็กหนุ่มสักนิด แต่เรียกว่าเป็นเด็กก่อนวัยเรียนจะเหมาะที่สุด!
ส่วนเด็กทั้งสองกำลังจัดการกับบ๊ะจ่างไส้เนื้ออยู่ จึงไม่มีเวลาคุยกับบิดาผู้ไร้เดียงสาของพวกเขา
“เอาล่ะ รีบกินบ๊ะจ่างของท่านเร็วเข้า ยิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่ไปใหญ่”
เฉียวเยี่ยนส่งตะเกียบคู่หนึ่งให้เขา ก่อนจะยิ้มอย่างเสียไม่ได้พลางบ่นเขา มู่ฉินเจินกลับมาทำสีหน้าจริงจัง ราวกับว่าเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ทำอะไรผิด
บ๊ะจ่างหมูกับไข่แดงเค็มมีกลิ่นหอมมาก เฉียวเยี่ยนชอบกินไข่แดงเค็มเป็นพิเศษ หากกินไข่แดงเค็มเปล่า ๆ ก็จะเค็มหน่อย แต่กินคู่กับข้าวเหนียวก็จะพอดี
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ฉินเจินกินบ๊ะจ่างไส้เค็ม เขาคิดว่ารสชาติน่าจะแปลก ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะอร่อย เขาจึงกินไส้เค็มสองอันและไส้หวานหนึ่งอัน
หลังจากที่เด็กทั้งสองกินเสร็จแล้ว พวกเขาก็เลียปากด้วยความพึงพอใจ และอยากกินมากกว่านี้ แต่เฉียวเยี่ยนไม่ยอม การกินบ๊ะจ่างมากเกินไปจะทำให้ย่อยยาก เด็ก ๆ มีกระเพาะที่อ่อนแออยู่แล้ว จึงมีแนวโน้มที่จะท้องอืด
หลังจากไปซื้อของและกินบ๊ะจ่างแล้ว ก็ถือว่าผ่านเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างไปแล้วอย่างเรียบง่าย
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทหารเยวี่ยโจวต่างรู้สึกประหลาดใจ ที่วันนี้พวกเขาไม่ได้ถูกสั่งให้ขึ้นไปฝึกซ้อมบนภูเขา แต่กลับถูกสั่งให้ไปวิ่งรอบสนามฝึกแทน หลังจากวิ่งเสร็จก็ให้ไปปีนตาข่าย ปีนเขาและข้ามกำแพงสิ่งกีดขวาง
พวกเขาฝึกฝนด้วยความกลัวเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม เพราะคิดว่าอ๋องซู่จะออกอุบายใหม่ ๆ มาใช้ทรมานพวกเขา แต่เมื่อถึงเวลา พวกเขาก็เห็นอ๋องซู่และซู่หวางเฟยเดินมาจากระยะไกล และทั้งคู่กำลังถือ… จอบงั้นหรือ?
ใช่แล้ว มันคือจอบ!
ทหารเยวี่ยโจวตกตะลึงพร้อมกัน วิธีสังหารอันโหดเหี้ยมอำมหิตทุกรูปแบบพลันผุดขึ้นในใจ อ๋องซู่และซู่หวางเฟยคงจะไม่ใช้จอบสับพวกเขาให้ตายใช่หรือไม่?
พวกคนที่ลวนลามหวางเฟยในวันนั้นถูกจับขังคุกใต้ดินและไม่ปรากฏตัวอีกเลย จนพวกเขาแอบเดากันว่าคงจะถูกท่านอ๋องประหารไปแล้ว ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาพวกเขาจึงฝึกฝนอย่างหนัก เพราะกลัวว่าจะเผลอไปขัดใจพญามัจจุราชโดยไม่รู้ตัว
ทั้งคู่ถือจอบมาที่สนามฝึก พูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกัน ส่วนเด็กสองคนที่อยู่ด้านข้างก็กระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ว่าทหารเยวี่ยโจวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ทำให้พวกเขากลายเป็นฆาตกรจอมโหดในความคิดไปแล้ว
เมื่อเขามาถึงหน้ากองทัพ มู่ฉินเจินก็เลิกยิ้มอ่อนโยนแบบเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นก็กลับมาทำสีหน้าจริงจังและเย็นชาตามปกติ และโยนจอบลงบนพื้นเสียงดังโครม
ทันทีที่สิ้นเสียง ทหารเยวี่ยโจวก็ยืดตัวตรงขึ้น จ้องมองไปข้างหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา
แย่แล้ว! ดูจากท่าทางของท่านอ๋อง ถือจอบก็ไม่ต่างจากถือดาบเล่มใหญ่เลย!
ขณะที่ทุกคนกำลังไม่สบายใจและกระวนกระวาย ในที่สุดท่านอ๋องก็พูดออกมา แต่เมื่อเขาพูด ทุกคนก็ตะลึง
“รายละเอียดของการฝึกวันนี้คือการบุกเบิกพื้นที่รกร้างเพื่อทำสวน ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่งของหวางเฟยอย่างเชื่อฟัง ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษด้วยกฎทหาร!”
เสียงทรงอำนาจและหนักแน่นดังก้องไปทั่วบริเวณ หัวใจของทหารเยวี่ยโจวเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมา แต่ไม่มีใครกล้าแสดงออก
ทำสวนหรือ? ต้องทำสวนในค่ายทหารจริง ๆ!
เคยได้ยินมาว่าซู่หวางเฟยสร้างรายได้มหาศาลจากการทำสวน ดังนั้นนางจึงทำสวนทุกที่ที่นางไปงั้นหรือ?
ทำสวนก็ดี การทำสวนนั้นง่ายกว่าการฝึกรบมากอยู่แล้ว
ทหารเยวี่ยโจวมีความคิดทุกรูปแบบ บางคนดูถูกเหยียดหยาม บางคนแอบดีใจที่รอดพ้นจากการฝึก แต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา และพวกเขายังคงยืนเชิดหน้านิ่ง
เฉียวเยี่ยนให้คำแนะนำพื้นฐาน แล้วปล่อยให้พวกเขาเริ่มทำงาน พื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยวัชพืชและกิ่งไม้แห้ง ซึ่งต้องถางออกก่อนจึงจะสามารถเริ่มทำสวนได้
หลังจากถูกลงโทษสองสามครั้ง ทหารเยวี่ยโจวก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี แต่ละคนทำงานหนัก ถอนวัชพืช เก็บหิน ขุดดิน แบ่งงานแบบร่วมมือร่วมใจกันสามัคคี การปรับหน้าดินจึงคืบหน้ารวดเร็วมาก
ทหารรักษาพระองค์ก็เข้าร่วมถอนวัชพืชเช่นกัน หวังสยงอันและแม่ทัพเล็ก ๆ อีกหลายคน ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชา แต่ละคนมีแส้อยู่ในมือเพื่อใช้เฆี่ยนตีคนขี้เกียจ
สมาชิกทั้งสี่ในครอบครัวของเฉียวเยี่ยนเป็นผู้บังคับบัญชา องครักษ์นำเก้าอี้มาให้เจ้านาย และนำโต๊ะที่เต็มไปด้วยผลไม้และเครื่องดื่มต่าง ๆ มาให้ด้วย
เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินนั่งบนเก้าอี้ แล้วดื่มชากินผลไม้กันแบบเจ้าป้อนข้าข้าป้อนเจ้า ทำให้คนที่กำลังทำงานทุกคนหมั่นไส้
หากจะสั่งให้พวกเขาถอนวัชพืชเพื่อบุกเบิกพื้นที่รกร้าง พวกเขาก็ยังทนได้ แต่การแสดงความรักอย่างไร้ยางอายต่อหน้าพวกเขาตอนนี้ มันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?
ทว่าคู่สามีภรรยาที่โปรยอาหารสุนัขตลอดเวลากลับไม่รู้สึกตัวเลย ยังคงพูดคุยกันกระหนุงกระหนิงขณะรับประทานอาหารต่อไป
เฉียวเยี่ยนมองไปยังทหารเยวี่ยโจวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “สมรรถภาพทางกายของทหารเยวี่ยโจวบางคนแย่เกินกว่าจะเป็นทหาร ท่านเคยคิดจะคัดพวกเขาออกบ้างหรือไม่?”
ตอนนี้นางเห็นว่าหลายคนเพียงแค่ถอนวัชพืชก็หอบเหนื่อย บางคนไร้เรี่ยวแรงและผอมแห้งแรงน้อย คนประเภทนี้ไม่สามารถฝึกทหารได้สำเร็จ และไม่เหมาะที่จะเป็นทหาร
มู่ฉินเจินตกตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาไม่ได้เคยคิดเรื่องนี้จริง ๆ สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อเข้ายึดค่ายทหารเยวี่ยโจวคือฝึกฝนพวกเขาให้ดี เพราะหวังจะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ว่าบางคนไม่เหมาะจะเป็นทหารจริงๆ และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึก
เขาหันหน้าไปมองเฉียวเยี่ยนด้วยสายตาจริงใจ “เจ้าคิดเห็นอย่างไรหรืออาเยี่ยน?”
เฉียวเยี่ยนกัดขนม แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “การเป็นทหารสำคัญอยู่ที่ประสิทธิภาพการต่อสู้หาใช่จำนวน คนที่มีสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าจะพยายามเคี่ยวเข็ญให้ฝึกฝนมากเพียงใด สุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจแข็งแกร่งขึ้นได้มากนัก เหตุใดท่านไม่คัดคนเช่นนี้ออกไป แล้วฝึกทหารที่แข็งแกร่งอย่างเข้มงวดขึ้นเล่า”
“ส่วนวิธีการคัดออกนั้น ข้าคิดเอาไว้แล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่…”
สิ่งที่เฉียวเยี่ยนกำลังพูดถึงคือวิธีทดสอบทักษะที่กองทัพสมัยใหม่ใช้ ผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้อยู่ในค่ายทหารต่อ ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบจะถูกคัดออกไป ผลลัพธ์ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง จึงเที่ยงตรงและยุติธรรม
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่ฉินเจินก็ตาสว่างและได้ความคิดทันที เขาสั่งให้เกาจัวหยวนกลับไปที่ค่าย เพื่อเอาพู่กันและหมึกมาให้เขาจดกลยุทธ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในใจ
เฉียวเยี่ยนมองลงไปยังกระดาษที่เขากำลังเขียน ลายมือของเขาช่างงดงามและเป็นระเบียบจนทำให้นางรู้สึกอิจฉา นางเองก็ฝึกคัดลายมือด้วยพู่กันมาเหมือนกัน แต่ลายมือกลับดูเหมือนไก่เขี่ย และอยู่ระดับเดียวกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์
ชายหนุ่มที่ตั้งใจทำงานช่างดูหล่อเหลามาก ดวงตาที่จดจ่อและทุกการแสดงออกบนใบหน้าของเขาได้ตราตรึงเข้าไปในหัวใจของเฉียวเยี่ยน
นางเอามือสองข้างเท้าคาง ขณะมองใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของผู้ชายของนางจนเผลอยิ้มออกมาอย่างโง่เขลาในบางครั้ง ท่าทางเช่นนี้เกิดขึ้นตอนนางจ้องมองแฟนหนุ่มผู้อ่อนโยน ก่อนจะปิดตาไม่มองอีก
ลูกทั้งสองติดตามหวังสยงอันไปเพื่อเป็นหัวหน้าผู้บังคับบัญชา หวังสยงอันให้แส้เล็ก ๆ สองอันกับเด็กทั้งสอง เด็กน้อยแต่ละคนจึงมีมือเหลือข้างเดียว มือเล็ก ๆ นั้นไพล่หลังขณะเดินตามท่านอาหวังไป และจ้องมองคนที่กำลังทำงานด้วยสายตาดุดัน
ทหารเยวี่ยโจวไม่กล้ารังแกผู้ยิ่งใหญ่ตัวน้อยทั้งสองนี้ มีคนเห็นเหตุการณ์ที่เด็กทั้งสองสั่งสอนคนลามกในวันนั้นแล้ว เมื่อพวกเขากลับมา ข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่วค่ายทหารว่าลูกทั้งสองของท่านอ๋องเป็นปีศาจตัวน้อยภายใต้รูปลักษณ์ไร้เดียงสาน่ารัก!
พื้นที่รกร้างมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่โชคดีที่มีคนจำนวนมากในค่ายทหาร มันจึงถูกปรับหน้าดินเสร็จเรียบร้อยภายในช่วงเช้า และที่ดินนั้นก็ถูกบุกเบิกสำเร็จ ก้อนหินและกิ่งไม้แห้งในดินถูกเก็บออกไปจนหมด เหลือแค่ขนปุ๋ยคอกไม่กี่ลำเกวียนมาปรับปรุงดิน ก็สามารถเพาะเมล็ดได้แล้ว
ปกติการหว่านเมล็ดพันธุ์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะสิ้นสุดในต้นเดือนห้า แต่สภาพอากาศในเยวี่ยโจวนั้นร้อนชื้นเพียงพอ ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้ปีละสองครั้ง จึงยังไม่สายเกินไปที่จะหว่านเมล็ดในตอนนี้
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ็นดูเด็กโข่งคนนี้ของเสี่ยวเยี่ยนจริงๆ เหนื่อยหน่อยนะคะเลี้ยงเด็กสามสี่คน
ไหหม่า(海馬)