ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 99 หาเรื่องขายหน้าให้ตัวเอง
ตอนที่ 99 หาเรื่องขายหน้าให้ตัวเอง
ด้านหลังหนานหรูยังมีคนตามมาอีกกลุ่มหนึ่ง ทางสภาเซียนได้ส่งคนมาตรวจสอบการประมูลในครั้งนี้ด้วย หนานชีหรูอันเองก็อยู่ด้านหลังกลุ่มคน
เทพธิดาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งคล้องแขนหนานชีหรูอัน ยิ้มแย้มเดินตามออกมา ไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่นๆ ที่มองมาเลย กลับดูภาคภูมิใจเสียมากกว่า
หนานหรูเดินขึ้นบันไดด้านนอกตำหนัก หมุนตัวนั่งลงไปบนบัลลังก์ที่อยู่ใต้ชายคา ก้มลงมองทุกคน ยกมือขึ้นเพื่อบอกทุกคนว่าไม่ต้องมากพิธี
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจากทางสภาเซียนแยกย้ายกันนั่งลงทางด้านซ้ายและด้านขวาของเขา
ภายในงานที่เป็นทางการเช่นนี้ แม้นตระกูลของหนานชีหรูอันจะเป็นตระกูลใหญ่ที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก แต่ก็ยังไม่มีสิทธิจะขึ้นไปนั่งข้างกายเจ้าแคว้น หากแต่ต้องพาเทพธิดาที่เป็นผู้ติดตามไปนั่งในที่นั่งผู้ชมในฐานะแขกผู้เข้าร่วมงาน นั่งลงข้างกายประธานอู๋ที่เป็นคนของตระกูลหนานชี
เทพธิดาที่นั่งอยู่ข้างๆ ยิ้มทักทายประธานหอการค้าตระกูลฉินที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉินอี๋เองก็รู้จักเทพธิดาที่ชื่อฉิงชุ่ยคนนี้ เพียงแต่ไม่เคยพูดคุยกับอีกฝ่ายมาก่อน ครั้งที่แล้วเธอยังได้ดูการร้องเพลงเต้นรำของฉิงชุ่ยผู้นี้ในงานเลี้ยงของหนานชีหรูอันด้วย
ไม่ว่าใครต่างก็มองออกว่าเทพธิดาผู้นี้เป็นหญิงสาวข้างกายของหนานชีหรูอัน มีความสุขกับเกียรติยศชื่อเสียงของหนานชีหรูอัน อะไรที่ควรมีก็ล้วนแต่มีทั้งหมด ไม่ได้สนใจแล้วว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร
หนานชีหรูอันเหลือบมองฉินอี๋ ก่อนจะเหลียวหน้ากลับไปกระซิบถามประธานอู๋เบาๆ ว่า “สั่งไปเรียบร้อยหรือยัง?”
ประธานอู๋รีบตอบเสียงเบาๆ ทันที “คุณชายวางใจได้ สั่งการไปเรียบร้อยแล้วครับ”
หนานชีหรูอันพยักหน้าเล็กน้อย มองดูภาพเทพมหาวิญญาณทั้งยี่สิบสี่ตัวที่เดินทางไปยังอุโมงค์เคลื่อนย้ายบนฉากแสงอย่างผ่อนคลาย
โจวหม่านเชากับพานชิ่งเองก็เหลือบมองไปทางฉินอี๋เป็นระยะ พวกเขาต่างมองเห็นถึงความซีดเซียวและอ่อนล้าที่ยากจะปกปิดเอาไว้ได้บนใบหน้าของฉินอี๋
เผิงซีที่ยืนอยู่ด้านหลังโจวหม่านเชาเองก็มองไปทางฉินอี๋ที่นั่งตัวตรงเป็นระยะ
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนบินเข้ามา หยุดลงตรงใต้บัลลังก์ของหนานหรู ประสานมือกล่าวรายงานว่า “เรียนท่านเจ้าแคว้น ทางหอการค้าตระกูลผางได้ทำการตรวจสอบข่ายพลังสื่อสารที่ติดตั้งเอาไว้ในแดนแมงมุมสวรรค์เรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างเรียบร้อย สามารถเริ่มการประมูลได้ทุกเมื่อครับ”
ข่ายพลังสื่อสารคือหัวใจสำคัญที่ทำให้แต่ละเมืองสามารถใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อหากันได้ ทันทีที่ออกไปนอกพื้นที่การส่งสัญญาณของข่ายพลังสื่อสาร พวกอุปกรณ์สื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือก็จะไม่สามารถใช้การได้
ปกติข่ายพลังสื่อสารมักจะติดตั้งอยู่ในเมืองที่มีมนุษย์อยู่อาศัยก่อน การจะไปติดตั้งข่ายพลังสื่อสารเอาไว้ในพื้นที่ด้านนอกนั้นไม่คุ้มค่า เพราะมีสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายเพ่นพ่านอยู่เป็นจำนวนมาก ข่ายพลังเสียหายจะถูกทำให้เสียหายได้ง่าย อีกทั้งดินแดนเซียนกว้างใหญ่ไพศาลเป็นอย่างมาก การทำให้ทุกๆ พื้นที่สามารถติดต่อหากันได้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ในพื้นที่อันตรายที่อยู่ด้านนอกเขตที่มีประชากรอยู่อาศัย คนที่จะติดต่อสื่อสารกันมีจำนวนไม่มาก การจะลงทุนเป็นเงินจำนวนมหาศาลเพื่อติดตั้งข่ายพลังสื่อสารนั้นเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่าจริงๆ การค้าที่ขาดทุนไม่มีใครเขาทำกัน
แต่ครั้งนี้เพื่อให้การประมูลมีความยุติธรรม แล้วก็เพื่อให้กรรมการสามารถรับชมการประมูลได้อย่างสะดวก จึงได้ให้ทางหอการค้าตระกูลผางที่ทำธุรกิจทางด้านข่ายพลังสื่อสารโดยเฉพาะมาทำการติดตั้งข่ายพลังสื่อสารภายในแดนแมงมุมสวรรค์ นอกจากนี้ทางแคว้นเซียนคุนกว่างยังส่งคนไปป้องกันข่ายพลังสื่อสารแห่งนั้นเป็นจำนวนมากด้วย
แต่แน่นอน หอการค้าที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการสื่อสารภายในดินแดนเซียนไม่ได้มีแค่หอการค้าตระกูลผางเท่านั้น หากแต่ยังมีหอการค้าอื่นๆ ด้วย
มันก็คล้ายๆ กับธุรกิจเทพมหาวิญญาณ อย่างเช่นหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับข่ายพลังบางส่วนที่อยู่ภายในเทพมหาวิญญาณ ซึ่งก็มีหอการค้าอื่นๆ ที่ดำเนินธุรกิจคล้ายๆ กัน ขอเพียงข่ายพลังของทุกคนไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก สุดท้ายมันก็ย่อมต้องมีการแข่งขันเพื่อแบ่งผลประโยชน์
หนานหรูโบกมือบอกให้เจ้าหน้าที่ที่เข้ามารายงานถอยออกไป จากนั้นกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า “ประธานหอการค้าตระกูลฉินมาหรือยัง?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลั่วเทียนเหอที่นั่งอยู่พลันตกตะลึงไปเล็กน้อย เขารีบมองไปทางฉินอี๋ ไม่รู้ว่านังเด็กคนนี้ไปทำก่อเรื่องอะไรเอาไว้อีก ถึงได้ทำให้หนานหรูเรียกชื่อเธอด้วยตัวเองเช่นนี้
ไม่เพียงแต่เขา แต่สายตาของคนทุกคนต่างมองไปทางฉินอี๋ มีคนตกตะลึงและประหลาดใจเป็นจำนวนมาก โจวหม่านเชาและพานชิ่งต่างตื่นเต้นขึ้นมาทันที กังวลว่าฉินอี๋จะมีแผนโจมตีกลับอะไร
โดยเฉพาะเผิงซีที่จับตามองดูปฏิกิริยาของฉินอี๋แบบไม่คลาดสายตา เขาไม่รู้สึกสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียวหากฉินอี๋สามารถหาวิธีมาพลิกสถานการณ์ได้
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมา ฉินอี๋ลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปยังตำหนักอย่างผ่าเผย เดินไปตรงด้านล่างบันไดพร้อมทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ฉินอี๋คารวะท่านเจ้าแคว้นค่ะ”
หนานหรูก้มลงมองดูด้วยสายตาเฉยชา กล่าวอย่างเนิบช้าว่า “เมื่อคืนได้รับจดหมายจากทางหอการค้าตระกูลฉิน ทางหอการค้าตระกูลฉินแสดงข้อสงสัยต่อขั้นตอนการประมูลในครั้งนี้ ไม่ทราบว่าทุกท่านคิดเห็นประการใดบ้าง” ขณะกล่าวพลางโบกมือ ด้านข้างซ้ายขวามีคนถือสำเนาจดหมายออกมาส่งให้เจ้าเมืองทั้งสามสิบหกคน
ลั่วเทียนเหอที่ได้รับสำเนาจดหมายไปรีบเปิดออกดู
ก่อนการประมูลจะเริ่มขึ้น จู่ๆ ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น โจวหม่านเชาและพานชิ่งต่างรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก คิดอยากจะดูว่าภายในจดหมายเขียนอะไรเอาไว้
แต่กระทั่งเลขาธิการใหญ่ทั้งห้าก็ยังไม่ได้อ่านสำเนาจดหมายฉบับนั้น พวกเขาย่อมไม่มีทางได้ดู
ภายในดวงตาของห้าเลขาธิการใหญ่เองก็เผยให้เห็นถึงความรู้สึกประหลาดใจระคนสงสัย โดยเฉพาะเลขาธิการกลางซุนฉีซั่งที่จ้องมองฉินอี๋ด้วยสายตาโกรธเคือง เขาคิดไม่ถึงว่าฉินอี๋จะส่งจดหมายไปหาท่านเจ้าแคว้นโดยไม่แจ้งเขาก่อน ทำเอาตัวเขาที่ตอนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ห้าเลขาธิการใหญ่เองก็ไม่รู้การที่ท่านเจ้าแคว้นเอาจดหมายให้เจ้าเมืองทั้งสามสิบหกคนดู แต่กลับไม่ให้พวกเขาดูมันหมายความว่าอย่างไร
จูลี่ที่อยู่ใกล้ๆ ฉากแสงและนักข่าวจากที่ต่างๆ เองก็มองมาทางนี้เช่นกัน แต่พวกเขาอยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกล ไม่ได้ยินว่าทางนี้กำลังคุยอะไรกัน จึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา ฉินอี๋ยืนอยู่ด้านล่างบันไดอย่างโดดเดี่ยว นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
หลังจากลั่วเทียนเหอและคนอื่นๆ ได้อ่านจดหมาย ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าฉินอี๋กำลังสงสัยอะไร
ฉินอี๋กำลังแสดงความสงสัยว่าการเข้าไปใน ‘แดนแมงมุมสวรรค์’ นั้นไม่มีความจำเป็น เธอคิดว่าการทดสอบข่ายพลังที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อของข้อต่อของเทพมหาวิญญาณ เพียงแค่ด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ กับ ‘ข่ายพลังหมื่นฤทธา’ ก็เพียงพอแล้ว ส่วนการเข้าไปใน ‘แดนแมงมุมสวรรค์’ จะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่หอการค้าทั้งยี่สิบสี่แห่งฆ่ากันเองได้ง่าย
การประมูลในวันนี้จะเป็นการทดสอบเกี่ยวกับความทนทานและความสามารถในการรองรับแรงของข้อต่อ ไม่ใช่การทดสอบสมรรถภาพในภาพรวมของเทพมหาวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปในแดนแมงมุมสวรรค์ หากมีหอการค้าไหนที่เห็นๆ อยู่ว่ามีข่ายพลังเชื่อมข้อต่อที่ดีที่สุด แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับการเข่นฆ่ากันเอง แบบนั้นการประมูลจะมีความหมายอะไร?
ลั่วเทียนเหอมองไปทางหญิงสาวที่ห้าวหาญและงดงามที่ยืนหยัดอยู่เพียงลำพัง คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย วิธีการประมูลในครั้งนี้ ท่านเจ้าแคว้นหนานหรูเป็นคนกำหนดขึ้นมา ความสงสัยของฉินอี๋ในครั้งนี้เท่ากับเป็นการแสดงความสงสัยว่าวิธีการประมูลของหนานหรูไม่เหมาะสม
ส่วนเขาเองก็รู้ว่าเพราะอะไรหนานหรูถึงใช้วิธีการประมูลแบบนี้ นี่แทบจะเหมือนกับวิธีการทดสอบเต็มระบบที่ทางสภาเซียนใช้ทดสอบเทพมหาวิญญาณหลังจากที่สร้างเสร็จเรียบร้อยเลย ที่หนานหรูใช้วิธีการประมูลเช่นนี้ก็เพียงเพื่อให้การประมูลสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่ได้ต้องการสร้างผลงานอะไร เพราะการทำตามสิ่งที่เคยทำมาตลอดย่อมไม่มีทางเกิดความผิดพลาดอะไร ทุกคนต่างก็ทำกันแบบนี้
ช่วยไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ดันมาตกอยู่ที่แคว้นเซียนคุนกว่าง
ความจริงภายในใจฉินอี๋ที่กำลังยืนหยัดอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในเวลานี้ก็รู้สึกหวั่นใจอยู่เช่นกัน เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าแคว้นหนานหรูจะเอาจดหมายที่แสดงความสงสัยของเธอออกมาให้ทุกคนดู
ส่วนเหตุผลที่เธอส่งจดหมายให้หนานหรูก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะว่าเธอถูกหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานแทงข้างหลัง ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนคนได้ เธอไม่มั่นใจในฝีมือการควบคุมเทพมหาวิญญาณของหลัวคังอัน โอกาสที่จะล้มเหลวมีสูงมาก
เธอเองก็มองออกว่าแดนแมงมุมสวรรค์ที่เป็นด่านแรกในการประมูลคือจุดที่อันตรายที่สุด
เธอไม่รู้ว่าจดหมายของตัวเองฉบับนี้มีประโยชน์หรือไม่ เพียงแค่อยากจะลองเสี่ยงดูเท่านั้น พยายามจะทำให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินได้ประมูลภายใต้เงื่อนไขที่ดีที่สุด หากจดหมายของเธอสามารถทำให้หนานหรูยกเลิกด่านแดนแมงมุมสวรรค์ไปได้ และเหลือเพียงด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ กับ ‘ข่ายพลังหมื่นฤทธา’ แบบนั้นเธอก็จะไม่รู้สึกกังวลใจ เพราะหอการค้าตระกูลฉินมีของดีที่แท้จริงอยู่ในมือ
หรือต่อให้แค่ปรับลำดับในการประมูลเล็กน้อยก็ยังดี เอาด่านแดนแมงมุมสวรรค์ไปไว้ท้ายสุด ให้ด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ และด่าน ‘ข่ายพลังหมื่นฤทธา’ กำจัดคู่แข่งออกไปจำนวนหนึ่งก็ยังดี
หรืออย่างน้อยที่สุด หากสามารถทำให้หนานหรูออกคำสั่งอย่างเคร่งครัดว่าไม่ให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าทั้งยี่สิบสี่แห่งโจมตีกันเองได้ก็ยังดี
เธอเคยคิดว่าจดหมายฉบับนี้จะหายไปเงียบๆ เหมือนก้อนหินที่จมลงไปในทะเล แต่เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้
และสาเหตุที่เธอไม่ส่งจดหมายผ่านทางซุนฉีซั่ง นั่นก็เป็นเพราะเธอรู้ว่าถ้าให้ซุนฉีซั่งรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องหยุดเธออย่างแน่นอน
เมื่อทุกคนอ่านจดหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนานหรูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยขึ้นมา “ทุกท่านมีความเห็นอย่างไรต่อข้อสงสัยของท่านประธานฉินบ้าง?”
ด้านล่างไม่มีใครพูดอะไร ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ แล้ว ความจริงก็มีคนคิดเช่นกันว่าด่านแดนแมงมุมสวรรค์ไม่มีความจำเป็น ก็เหมือนอย่างที่ฉินอี๋ว่ามา เทพมหาวิญญาณที่เดิมทีสามารถเอาชนะการประมูลได้ อาจจะถูกคนทำลายอยู่ในแดนแมงมุมสวรรค์ก็เป็นได้ นี่เหมือนจะไม่เป็นผลดีต่อผลการประมูลที่ต้องการอย่างแท้จริงสักเท่าไร แล้วก็ไม่รู้ว่าหนานหรูทำเช่นนี้ด้วยจุดประสงค์อะไร
แต่เบื้องหลังทุกคนต่างก็มีคนมาสั่งการเอาไว้แล้ว พวกเขาจึงไม่สะดวกจะพูดอะไรมาก
โดยเฉพาะเมื่อเจ้าแคว้นหนานหรูเอาจดหมายที่แสดงความสงสัยมาเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ นี่ยิ่งทำให้ทุกคนไม่สะดวกที่จะพูดอะไร จะให้พวกเขาไปพูดว่าเจ้าแคว้นทำผิดพลาดต่อหน้าทุกคนอย่างนั้นหรือ?
โจวหม่านเชาและพานชิ่งไม่ทราบถึงเนื้อหาที่อยู่ในจดหมาย พวกเขาจึงทำได้เพียงส่งสายตาไปหาคนที่สามารถช่วยพวกเขาได้
มู่ชิงโหรวเจ้าเมืองเทียนกู่มองเห็นแล้ว เธอเหลือบมองไปทางลั่วเทียนเหอ ก่อนจะทำเหมือนว่าไม่เห็นอะไร
หลังจากซางเจ๋อเจ้าเมืองฝูปอมองเห็นสายตาของโจวหม่านเชา เขาก็มองไปยังทุกคน กล่าวขึ้นมาเป็นคนแรกว่า “ประธานฉิน จริงอยู่ที่ว่านี่เป็นการประมูลเกี่ยวกับข่ายพลังที่เชื่อมข้อต่อของเทพมหาวิญญาณ แต่มันไม่ได้เป็นแค่การทดสอบเฉพาะส่วนเท่านั้น ถ้าไม่ไปทำการทดสอบแบบครอบคลุมในทุกๆ ด้านในแดนแมงมุมสวรรค์ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสมรรถภาพโดยรวมทั้งหมดหลังทำการปรับปรุงแก้ไขแล้วเป็นอย่างไร?”
มีคนพูดเสริมขึ้นมา “ถูกต้อง หากไม่ทำการทดสอบความเข้ากันในทุกๆ ด้าน อย่างนั้นหอการค้าตระกูลฉินของเธอก็เอาเหล็กแข็งๆ สักก้อนมาทดสอบเสียเลยสิ”
“ประธานฉิน กฎการประมูลถูกกำหนดลงมาแล้ว หอการค้าอีกยี่สิบสามแห่งที่เหลือล้วนไม่มีปัญหา ทุกคนต่างมองว่าการประมูลมีความยุติธรรมเท่าเทียมกัน แล้วทำไมถึงมีแต่หอการค้าตระกูลฉินของคุณที่มองว่าไม่เหมาะสมล่ะ?”
“ถ้าหอการค้าตระกูลฉินของคุณรับไม่ได้ จะถอนตัวไปตอนนี้ก็ยังทันนะ”
ในบรรดาเจ้าเมืองทั้งสามสิบหกคน มีคนต่อว่าเธอขึ้นมาไม่หยุด
ฉินอี๋เผชิญหน้ากับการโจมตีจากคนเหล่านี้อย่างเงียบๆ คนเดียว ไม่ต่อปากและไม่ต่อคำ ปล่อยให้พวกเขาต่อว่าและเสียดสี บางคนถึงขนาดด่าทอเธอ
ในเมื่อทำแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา หลายปีที่ผ่านมาเธอพาหอการค้าตระกูลฉินฝ่าฟันอุปสรรคมาแบบนี้
แต่เธอเองก็ทราบดีว่าการส่งจดหมายไปให้ท่านเจ้าแคว้นหนานหรูนั้นถือว่ามากเกินไปแล้ว ยิ่งถ้าเธอไปโต้เถียงกับทุกคนจนทุกคนหันมาเล่นงานเธอเพียงคนเดียว เช่นนั้นจุดจบของเธอจะต้องน่าเศร้าอย่างมากแน่
การที่เจ้าแคว้นหนานหรูทำแบบนี้นั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการทำให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินกลายเป็นศัตรูของทุกคนเลย เมื่อเปิดเผยจดหมายของเธอออกมา มันก็เท่ากับเป็นการบอกทุกคนแล้วว่าครั้งนี้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้มาเล่นๆ หากแต่มีเป้าหมาย ยิ่งเป็นการตอกย้ำคำพูดของพานชิ่งในงานเลี้ยงวันนั้น
ภายในใจฉินอี๋ยิ่งรู้สึกโศกเศร้า รู้สึกเหมือนเธอยกหินมาทับเท้าตัวเอง
หนานชีหรูอันค่อยๆ เอนกายพิงไปบนที่พักแขน ศอกตั้งขึ้นมา กำปั้นเท้าคาง จ้องมองฉินอี๋ที่กำลังถูกสั่งสอน ต่อว่า เสียดสีและด่าทอ สายตาประเดี๋ยวเปล่งประกาย ประเดี๋ยวคร่ำเคร่ง
เผิงซีเองก็จ้องมองดูเงาร่างอันโดดเดี่ยวของหญิงสาวผู้นั้นที่กำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างเงียบๆ บางครั้งก็จะเหลือบมองไปยังลั่วเทียนเหอที่นั่งเงียบๆ ยังไม่เห็นลั่วเทียนเหอจะช่วยฉินอี๋พูดอะไร
โจวหม่านเชากับพานชิ่งประเดี๋ยวก็แค่นหัวเราะ ประเดี๋ยวก็ยิ้มเย้ยหยัน
เมื่อฟังถึงตรงนี้ พวกเขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าฉินอี๋กำลังสงสัยอะไร พวกเขาพบว่าผู้หญิงคนนี้ใจกล้าไม่เบา นี่เป็นการหาเรื่องขายหน้าให้ตัวเองชัดๆ ขณะเดียวกันยังทำให้หอการค้าต่างๆ เกิดความหวาดกลัวและความเป็นปรปักษ์ต่อหอการค้าตระกูลฉินขึ้นมาด้วย ทันทีที่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเข้าไปในแดนแมงมุมสวรรค์ เกรงว่าคงจะไม่มีใครยั้งมือเป็นแน่
และในเวลานี้เอง เจ้าแคว้นหนานหรูก็ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อบอกให้ทุกคนหยุดพูด ภายในบริเวณนั้นเงียบลงทันที
……………………………………………………………….