ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 95 งานเลี้ยงมีแต่คนไม่ปรารถนาดี
ตอนที่ 95 งานเลี้ยงมีแต่คนไม่ปรารถนาดี
เมื่อฉินอี๋กล่าวคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของพานชิ่งกับโจวหม่านเชาต่างก็ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร
พวกเขาไหนเลยจะมีการสนับสนุนอะไรได้ การสนับสนุนที่ว่าอย่างมากก็แค่ไม่ก่อความวุ่นวาย ไหนเลยจะมีกำลังไปสนับสนุนให้หอการค้าตระกูลฉินเอาชนะการประมูลได้
ยังไม่ต้องไปพูดถึงว่าจะสนับสนุนหรือไม่ ที่แน่ๆ คือใครมันจะกล้ารับรองได้ว่าหอการค้าตระกูลฉินจะต้องชนะการประมูลแน่นอน ทันทีที่แพ้การประมูล ทรัพย์สินหนึ่งในสามของหอการค้าทั้งสองจะต้องมอบให้หอการค้าตระกูลฉิน อย่างนั้นเมื่อทรัพย์สินที่หอการค้าตระกูลฉินได้ไปรวมกับทรัพย์สินที่หอการค้าตระกูลฉินมีอยู่แต่เดิม นั่นมิเท่ากับว่าหอการค้าตระกูลฉินจะใหญ่กว่าหอการค้าของพวกเขาทั้งสองคนหรอกหรือ?
แม้แต่เรื่องที่หอการค้าตระกูลฉินจะเติบโตขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา พวกเขายังไม่ยอมปล่อยให้เกิดขึ้นเลย แล้วพวกเขาจะปล่อยให้หอการค้าตระกูลฉินมายืนอยู่เหนือพวกเขาได้อย่างไร ที่พวกเขาพยายามทุกวิถีทางนั้นเพื่ออะไร? มิใช่เพื่อตัดโอกาสของหอการค้าตระกูลฉินหรอกหรือ?
ทั้งสองคนสบตากัน ภายในใจเริ่มนึกสงสัยแล้วว่าก่อนหน้านี้ล้วนแต่เป็นแผนที่หอการค้าตระกูลฉินวางขึ้นมาหรือเปล่า การประมูลคือเรื่องหลอก การหลอกเอาทรัพย์สินของพวกเขาสองคนต่างหากที่เป็นเรื่องจริง
พานชิ่งที่มีความโกรธแค้นที่สูญเสียลูกสาวไปเป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาก่อน “ประธานฉิน ไม่ต้องอ้อมค้อมพูดเรื่องเหล่านั้นแล้ว พวกเราถามเพียงแค่ประโยคเดียว หลังหอการค้าตระกูลฉินชนะการประมูลแล้ว พวกเราสามคนแบ่งผลประโยชน์กัน สัญญานี้คุณจะยินดีเซ็นหรือไม่?”
ฉินอี๋กล่าว “ประธานพาน ถ้าคุณพูดแบบนี้ล่ะก็ อย่างนั้นไม่ได้เรียกว่าเจรจาแล้วล่ะค่ะ แบบนั้นมันเรียกว่าปล้นกัน!”
โจวหม่านเชากล่าว “ปล้นเหรอ? ประธานฉิน คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ จะมากล่าวหากันส่งเดชไม่ได้ คุณต้องคิดดีๆ นะ ถ้าหากคุณไม่ตอบรับเงื่อนไขของพวกเรา อย่างนั้นพวกเราก็จะกลายเป็นคู่แข่งในการประมูลกัน แล้วก็จะเป็นการบีบให้พวกเราสองคนต้องร่วมมือกันเล่นงานหอการค้าตระกูลฉินจริงๆ นะ อย่างนั้นหอการค้าตระกูลฉินอาจจะรับผลที่ตามมาไม่ไหวนะ!”
ฉินอี๋กวาดมองทั้งสองคนด้วยสายตาเฉียบคม ภายในริมฝีปากสีแดงพ่นควันออกมาเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวก็รังแกหอการค้าตระกูลฉินมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอคะ? หลายปีมานี้ หอการค้าตระกูลฉินชินแล้วล่ะค่ะ ถ้าจะคุยกัน เอาความจริงใจมาคุยกันค่ะ แต่ถ้าจะบีบบังคับกันแบบนี้ ก็ถือเสียว่าไม่เคยคุยกัน ทำแบบเดิมไปก็ได้ มันจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านั้นได้อีกล่ะคะ?”
เฮ้อ! เผิงซีลอบถอนใจ ช่างเป็นผู้หญิงที่ร้ายลึกจริงๆ ดูคล้ายอดทนยอมถอย แต่ความจริงแล้วกลับเป็นการถอยเพื่อก้าวไปข้างหน้า บีบให้ทั้งสองตระกูลต้องฉีกหน้ากากของตัวเองออกมา ทำให้ทั้งสองตระกูลไม่อาจใช้เหตุผลได้อีก
พานชิ่งแค่นหัวเราะเหอะๆ “พูดดีๆ ไม่ชอบ คุณเป็นคนเลือกเองนะ!” กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป พานหลิงเยวี่ย เดินตามออกไป
เมื่อพูดกันถึงขนาดนี้แล้ว โจวหม่านเชาก็ไม่มีอะไรให้พูดอีก ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ว่าไม่มีแผนสำรอง เพียงแต่อยากมาลองดูอีกสักครั้ง ในเมื่อหมดหวัง อย่างนั้นก็ได้แต่ต้องใช้แผนสำรองมาทำลายแผนการของหอการค้าตระกูลฉิน จึงก้าวอาดๆ เดินออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึงเช่นกัน
เผิงซีมองดูพวกน้าชายเดินออกไป ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกลังเล คล้ายอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดเอาไว้ ถ้าหากเป็นเขา เขาจะตอบตกลงเซ็นสัญญากับฉินอี๋ ลองพนันกับฉินอี๋ดูสักตั้ง
อาศัยเพียงแค่เรื่องที่จนถึงตอนนี้ฉินอี๋ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้ มันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหอการค้าตระกูลฉินมีความมั่นใจในการประมูลครั้งนี้อย่างมาก
ยิ่งเมื่ออาศัยความสามารถของฉินอี๋ที่แสดงออกมาให้เห็นในตอนนี้ มันก็คู่ควรกับการที่เขาจะลองพนันดูสักตั้ง แล้วยิ่งถ้ามีความช่วยเหลือจากคนที่ดูแลเรื่องการประมูลของทั้งสองตระกูล โอกาสที่จะเอาชนะการประมูลได้มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี
แต่หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวมีวิธีที่ปลอดภัยมากกว่า พวกเขาไม่มีทางมาเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้ อีกทั้งหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานก็ไม่ใช่ของตัวเขา เขาจึงไม่มีสิทธิ์ทำการตัดสินใจแทนหอการค้าทั้งสองได้
เมื่อเห็นเผิงซียังคงยืนอยู่ที่เดิม ฉินอี๋จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “คุณเผิงยังมีอะไรจะชี้แนะอีกไหมคะ?”
เผิงซีหันหน้ากลับมา จ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า “ประธานฉิน หากวันหน้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ติดต่อผมได้เลยนะครับ ผมจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด”
ไม่ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาจะเป็นความจริงหรือไม่ ฉินอี๋ก็กล่าวตอบไปตามมารยาทว่า “ขอบคุณมากค่ะ”
เผิงซียิ้มพลางประสานมือ จากนั้นหมุนตัวเดินออกไปอย่างไม่เร่งร้อน ระหว่างที่เดินออกไปยังหยุดฝีเท้าเหลียวหน้ากลับมา มองเห็นฉินอี๋หันหน้าออกไปทางทะเลสาบ ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังที่งามสง่า เขาต้องยอมรับเลยว่าตนเองชื่นชมผู้หญิงคนนี้อย่างมาก แล้วก็ยากนักที่จะมีผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกชื่นชมเช่นนี้ได้
มีคนเดินผ่านข้างกายเข้าไป รบกวนสายตาของเขา เขาถึงจะเดินจากไปจริงๆ
มีคนเดินเข้ามาหาฉินอี๋ กล่าวเชิญว่า “ประธานฉินครับ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้วครับ”
ฉินอี๋กล่าวขอบคุณ เดินตามพนักงานเข้าไปพร้อมกับไป๋หลิงหลง
ภายในโถงหลักของหอกุยโหลว แขกที่มาร่วมงานแยกกันนั่งสองฝั่งซ้ายขวา ฝั่งละสองแถว ตรงกลางเว้นว่าง เจ้าของงานเลี้ยงนั่งอยู่ด้านหน้าตรงตำแหน่งกึ่งกลาง
ในตอนที่ฉินอี๋เดินมายังที่นั่งของตน เธอพบว่าตำแหน่งที่นั่งของตนนั้นอยู่ตรงมุมด้านหลังสุด ใบหน้าของไป๋หลิงหลงมีความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่แขกที่มาร่วมงานเหล่านั้นล้วนแต่มีอิทธิพลอำนาจเหนือกว่าหอการค้าตระกูลฉินทั้งสิ้น เธอจึงพูดอะไรไม่ได้เช่นกัน
กระทั่งแขกมากันครบหมดแล้ว เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้นมา เทพธิดาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในดินแดนเซียนคนหนึ่งเริ่มทำการขับร้อง ข้างกายมีนักเต้นกลุ่มหนึ่งคอยเริงระบำคลอเคลียไปกับเสียงเพลง
หลังบทเพลงจบลง นักเต้นแยกย้ายกันออกไป เทพธิดาคนนั้นก็เดินยิ้มแย้มมานั่งลงข้างกายหนานชีหรูอันที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน มานั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้านข้างและค่อยรินสุราให้แก่หนานชีหรูอันด้วยตนเอง
“ทุกท่านให้เกียรติมาร่วมงานเลี้ยง หรูอันของคารวะทุกท่านหนึ่งจอก” หนานชีหรูอันยืนขึ้นชูจอกสุรา
ทุกคนพากันลุกขึ้นยืนพร้อมชูจอกสุรา หลังดื่มเสร็จแล้วก็นั่งกลับลงไป
ครั้งนี้ที่ทุกคนมาร่วมงานเลี้ยง นอกจากเป็นเพราะให้เกียรติตระกูลหนานชีแล้ว เหตุผลหลักๆ แล้วเป็นเพราะอยากมาดูว่าหนานชีหรูอันจะทำอะไร
“ประธานอู๋ คุณควรจะคารวะทุกคนหนึ่งจอกไม่ใช่หรือ?” หลังหนานชีหรูอันนั่งลงก็ยิ้มพลางกล่าวถามคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านล่าง
อู๋ซีที่เป็นประธานของหอการค้าตระกูลอู๋ยืนขึ้นมา ชูจอกสุราไปทางทุกคน “แซ่อู๋ขอคารวะทุกท่าน”
ทุกคนทราบดีว่าหอการค้าตระกูลพานนั้นเป็นคนของตระกูลหนานชี เพียงแต่การคารวะด้วยสุราจอกนี้ทำให้ทุกคนค่อนข้างประหลาดใจ ฉวี่ซานจวีที่เป็นประธานของหอการค้าตระกูลฉวี่เอ่ยขึ้นมาว่า “คุณชายหรูอัน ไม่ทราบว่าสุราของประธานอู๋จอกนี้หมายความว่าอย่างไรหรือครับ?”
หนานชีหรูอันยิ้มพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “งานเลี้ยงในครั้งนี้จัดขึ้นมาเพื่อประธานอู๋ ประธานอู๋เพิ่งจะก้าวเข้ามาในธุรกิจเทพมหาวิญญาณเป็นครั้งแรก ครั้งนี้เข้าร่วมการประมูลด้วย ก็หวังว่าทุกท่านจะเห็นแก่หน้าผม ช่วยออมมือให้ประธานอู๋ด้วย”
ทุกคนมองหน้ากันเหรอหรา ก็นึกสงสัยอยู่ว่างานเลี้ยงนี้มันหมายความว่าอย่างไร ก็นึกสงสัยอยู่ว่าทำไมคนที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยอย่างหนานชีหรูอันถึงได้เชิญพวกเขามา ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง
ภายนอกทุกคนต่างยกจอกเหล้าตอบกลับไปตามมารยาท แต่ภายในใจกลับกำลังลอบดูแคลน ออมมือให้? นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่า!
หอการค้าที่มาเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ บางส่วนนั้นได้มีการปรับปรุงข่ายพลังที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อต่อของเทพมหาวิญญาณมาแล้วจริงๆ แล้วก็หวังว่าตัวเองจะชนะการประมูลจริงๆ
แต่ก็มีหอการค้าบางส่วนที่เป็นผู้ที่มีผลประโยชน์อยู่แต่เดิม ครั้งนี้ที่มาร่วมการประมูลก็เพื่อจะขัดขวางไม่ให้หอการค้าอื่นๆ เอาชนะการประมูลได้
เบื้องหลังหอการค้าแต่ละแห่งล้วนมีตระกูลใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ ถึงแม้ตระกูลหนานชีจะมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ถึงกับทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนต้องยอมถอยได้ ภายในใจย่อมมีความรู้สึกเย้ยหยันดูแคลน
แต่ในขณะที่ทุกคนวางจอกสุราลง กลับมีคนคนหนึ่งลุกขึ้นยืน เป็นพานชิ่งที่ลุกขึ้นยืนพลางกล่าวเสียงดัง “คุณชายหรูอัน เกรงว่าครั้งนี้คุณชายคงต้องผิดหวังแล้วล่ะครับ”
ฉินอี๋ที่นั่งอยู่มุมในสุดได้ยินเช่นนี้ สายตาพลันกวาดมองไป ทราบทันทีว่าปัญหามาเยือนแล้ว
สายตาของทุกคนมองไป ไม่รู้ว่าเหตุใดพานชิ่งจึงกล่าวเช่นนี้ ไม่สนใจคำพูดของหนานชีหรูอันก็ว่าไปอย่าง แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดจาไม่ไว้หน้าหนานชีหรูอันเช่นนี้เลย
พานชิ่งยกมือชี้ไปทางฉินอี๋ “หอการค้าตระกูลฉินตั้งใจที่จะเอาชนะการประมูลครั้งนี้ให้ได้! ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบ หอการค้าตระกูลฉินนั่นร่ำรวยขึ้นมาจากการทำเหมืองหินวิญญาณ ไม่เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับเทพมหาวิญญาณมาก่อน แต่กลับแอบวางแผนเงียบๆ มาเป็นเวลานานแล้ว..” เขาสาธยายเรื่องราวที่หอการค้าตระกูลฉินเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ออกมาอย่างละเอียด
กระทั่งเรื่องที่หอการค้าตระกูลฉินพาตัวหลัวคังอันที่เคยประมือกับป้าหวังมาจากเมืองหลวงก็เล่าออกมาจนหมด
ไป๋หลิงหลงเม้มปากแน่น แต่ฉินอี๋กลับมีใบหน้าเรียบเฉย เธอย่อมต้องรู้ถึงจุดประสงค์ของพานชิ่ง เขาต้องการที่จะแฉเรื่องของหอการค้าตระกูลฉินออกมา ทำให้หอการค้าตระกูลฉินกลายเป็นศัตรูของทุกคน กลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคนในการประมูลครั้งนี้
คนที่จะเข้าร่วมการประมูลของหอการค้าตระกูลฉินเป็นคนที่เคยประมือกับป้าหวังอย่างนั้นเหรอนี่?
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ทุกคนต่างจ้องมองไปทางฉินอี๋ บางคนที่ก่อนการประมูลครั้งนี้ไม่ได้มองหอการค้าตระกูลฉินอยู่ในสายตา เพราะคิดว่าเป็นแค่เพียงไม้ประดับ ภายในใจพวกเขาเหล่านั้นยิ่งรู้สึกตกใจ
เผิงซีที่อยู่ในงานเลี้ยงมองไปทางพานชิ่ง จากนั้นมองไปทางฉินอี๋ที่นั่งอยู่เงียบๆ แล้วก็มองดูท่าทีของทุกคนที่จ้องมองไปทางฉินอี๋ด้วยสายตาดุดัน ต้องยอมรับเลยว่าครั้งนี้พานชิ่งลงมือได้โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะมีแผนสำรองเก็บเอาไว้ แต่ยังเตรียมตะปูไว้ตอกปิดฝาโลงอีก!
หนานชีหรูอันร้องโอ้ ยิ้มพลางกล่าวถามว่า “ประธานฉิน จริงเหรอครับ?”
ฉินอี๋ลุกขึ้นยืน เผชิญหน้ากับผู้ชายที่จับจ้องมาด้วยสายตาดุดัน กล่าวเสียงใสว่า “ประธานพานกล่าวชมเกินไปแล้วค่ะ หอการค้าตระกูลฉินไม่กล้ารับไว้ ในเมื่อคุณชายหรูอันเอ่ยปากแล้ว มีหรือที่หอการค้าตระกูลฉินจะไม่กล้าเชื่อฟัง”
คำพูดนี้ไม่มีใครเชื่อ
ทว่าหนานชีหรูอันกลับยิ้มพลางพยักหน้า กล่าวว่า “ดี ผมจะจำคำพูดของคุณเอาไว้ หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง” ก่อนจะยกจอกสุราขึ้นมาอีกครั้ง “ทุกท่าน เชิญ!”
ขณะที่ทุกคนชนแก้วพูดคุยกันอย่างรื่นเริง ฉินอี๋ได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ถูกคนเข้ามาห้อมล้อมสอบถามหรือไม่ก็หยอกล้อ
คำพูดของคนบางคนไม่น่าฟัง ฉินอี๋ที่เป็นผู้หญิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เรียกได้ว่าถูกดูหมิ่นเหยียดหนาม ไป๋หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ รู้สึกโกรธเกรี้ยว แต่กลับทำอะไรไม่ได้
หนานชีหรูอันที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งประธานพูดคุยดื่มสุราอย่างสนุกสนานกับเทพธิดา แต่สายตากลับคอยมองดูปฏิกิริยาของฉินอี๋อยู่เป็นระยะ
งานเลี้ยงจบลง เป็นเวลาดึกมากแล้ว ในตอนที่ออกมาจากงาน ฉินอี๋รีบออกไปเป็นคนแรก
…….
ณ เมืองคุนกว่าง หอการค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมการประมูลต่างกำลังรอคอยกันอย่างร้อนใจ เหลือเวลาอีกเพียงวันเดียวการประมูลก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่เจ้าแคว้นหนานหรูยังไม่ประกาศวิธีการประมูลออกมาเลย นี่ทำให้หอการค้าที่เข้าร่วมการประมูลต่างพากันหวั่นใจ
ในช่วงบ่ายของวันสุดท้ายก่อนที่การประมูลจะเริ่มขึ้น อุโมงค์เคลื่อนย้ายของเมืองคุนกว่างได้ส่องแสงขึ้นมา ลั่วเทียนเหอมาแล้ว!
อุโมงค์เคลื่อนย้ายแห่งอื่นๆ ในเมืองคุนกว่างทยอยเปล่งแสงขึ้นมา เจ้าเมืองของเมืองต่างๆ ในแคว้นเซียนคุนกว่างทยอยเดินทางมาถึง เมื่อได้รับการเรียกจากเจ้าแคว้นหนานหรู ทุกคนก็รีบเดินทางมา
ภายในตำหนักคุนกว่าง เลขาธิการใหญ่ทั้งห้า เจ้าเมืองทั้งสามสิบหกมารวมตัวกัน
เจ้าแคว้นหนานหรูปรากฏขึ้นมาจากด้านหลังตำหนัก เดินมานั่งลงที่บัลลังก์ ทุกคนต่างประสานมือคารวะ “คารวะท่านเจ้าแคว้น”
หนานหรูยกมือบอกว่าไม่ต้องมากพิธี แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เขาโบกมืออีกครั้ง มีคนรีบยกเอาเอกสารออกมาแจกให้เลขาธิการใหญ่และเจ้าเมืองทุกคน
หนานหรูกล่าวว่า “วันเวลาในการประมูลที่ทางสภาเซียนกำหนดลงมาคือวันพรุ่งนี้ ตอนนี้จะทำการประกาศวิธีการประมูลอย่างเป็นทางการ ทุกท่านลองดูเอกสารที่อยู่ในมือ หากมีความเห็นอะไรก็เสนอออกมาได้เลย จะได้อุดช่องโหว่ไม่ให้เกิดความผิดพลาด”
ทุกคนรีบเปิดเอกสารที่อยู่ในมือทันที หลังอ่านเสร็จแล้วพบว่าเรื่องส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับตน ส่วนใหญ่จึงไม่มีความเห็นอะไร
เลขาธิการตะวันออกฮั่นซาปิดเอกสาร เหลือบมองดูท่าทีของทุกคน จากนั้นพลันประสานมือไปทางหรูหนานแล้วกล่าวว่า “กระผมมีความเห็นเล็กน้อยขอรับ ในวิธีการประมูลนี้คล้ายจะมีช่องโหว่อยู่นิดหน่อย ไม่ทราบเช่นกันว่าถ้าพูดไปจะเหมาะสมหรือไม่”
หนานหรูกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันบอกแล้วว่าพูดมาได้เลย เสนอมาได้เต็มที่”
“ครับ” ฮั่นซาตอบรับ กล่าวเสียงดังฟังชัดว่า “อันที่จริงแล้วทุกคนต่างทราบดีว่าการประมูลในครั้งนี้เป็นผลประโยชน์ก้อนใหญ่สำหรับหอการค้าบางแห่ง เรื่องที่จะมีการทำทุกวิธีทางเพื่อผลประโยชน์นั้น เกรงว่าคงยากจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อจะทำให้การประมูลมีความโปร่งใสยุติธรรม จะได้ไม่มีใครตำหนิได้ในภายหลัง ผมคิดว่าควรจะทำการจำกัดผู้เข้าร่วมการประมูล ไม่ให้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เทพมหาวิญญาณของแต่ละหอการค้าที่เข้าร่วมการประมูลก็ควรจะถูกควบคุมเช่นเดียวกัน ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา”
หนานหรูไม่เข้าใจ “เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหรอ?”
เลขาธิการตะวันตกคุนไหลกล่าวว่า “ท่านเจ้าแคว้น คำพูดของฮั่นซามีเหตุผลครับ หากไม่ทำการควบคุมคนและเทพมหาวิญญาณที่จะใช้ในการประมูลเอาไว้อย่างเคร่งครัด นั่นจะกลายเป็นช่องโหว่ได้ครับ หากมีคนใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ล่ะก็ บอกว่านี่มีปัญหา นั่นมีปัญหา ประเดี๋ยวก็ขอเวลานอกเพื่อทำการเปลี่ยนคน ประเดี๋ยวก็ขอเวลานอกเพื่อตัวเปลี่ยนเทพมหาวิญญาณที่จะเข้าร่วมการประมูล ไม่ยอมรับว่าตนเองไม่มีความสามารถมากพอ เกรงว่ามันจะเป็นการรบกวนการประมูลอย่างมากได้ครับ หากถึงเวลานั้นพวกเราไม่อนุญาต แม้พวกเขาจะไม่กล้าคัดค้าน แต่มันกลับจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเราจัดการประมูลได้ไม่ยุติธรรม แล้วก็จะแสดงให้เห็นว่าพวกเราจัดการประมูลโดยไม่มีการคิดให้รอบคอบครับ”
เลขาธิการเหนือเชียงเหยาเองก็ประสานมือพลางกล่าวเช่นกัน “ถูกต้อง การประมูลครั้งนี้อาจจะมีคนเล่นลูกไม้สกปรกโดยไม่เลือกวิธี หากไม่ทำการควบคุม ถ้าปล่อยให้หอการค้าแต่ละแห่งส่งคนเข้าๆ ออกๆ ในค่ายผู้พิทักษ์เทพ แบบนั้นจะทำการป้องกันไม่ได้ แล้วก็จะถูกคนเล่นลูกไม้สกปรกที่คาดไม่ถึงได้ง่ายๆ ครับ”
…………………………………………………………………