ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 94 ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอคุณ
ตอนที่ 94 ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอคุณ
ภายในหอมีแขกทยอยเดินทางมาถึง ต่างจับกลุ่มพูดคุยกัน ฉินอี๋ที่มาถึงงานรู้จักคนส่วนใหญ่ในนี้ แต่คนเหล่านี้กลับไม่รู้จักเธอ
เหตุผลนั้นง่ายมาก คนที่มาอยู่ในนี้ล้วนแต่เป็นหอการค้าที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทพมหาวิญญาณ ส่วนใหญ่ล้วนไม่ใช่คนในแคว้นเซียนคุนกว่าง ทั้งอำนาจและอิทธิพลล้วนเหนือกว่าหอการค้าตระกูลฉิน ก่อนหน้านี้ไม่เคยคบค้าสมาคมกับหอการค้าตระกูลฉินมาก่อน
และคนที่มาส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นประธานของหอการค้าต่างๆ กลับเป็นพนักงานของหอการค้าของพวกเขาบางส่วนที่เคยพบฉินอี๋
ไป๋หลิงหลงที่เดินอยู่ด้านหลังเพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นพวกผู้ช่วย
จู่ๆ ก็มีหญิงงามที่ยังดูอายุน้อยปรากฏตัวขึ้น ท่าทางสง่างามภูมิฐาน เพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่พวกผู้หญิงที่ทำงานอยู่ที่นี่ แล้วก็ไม่ใช่หญิงสาวผู้มอบความบันเทิงในงานเลี้ยงที่เข้ามาในงานเพื่อยั่วยวนหว่านเสน่ห์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนนำทางให้เช่นนี้ การที่มีผู้หญิงแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นในงานเลี้ยงแบบนี้ออกจะค่อนข้างสะดุดตาไปเสียหน่อย คนจำนวนหนึ่งพากันจ้องมองมาที่เธอ ต่างจับตามองฉินอี๋
ระหว่างที่เดินเข้ามา ฉินอี๋พยักหน้าทักทายคนอื่นๆ มาตลอดทาง
กลับเป็นคนที่ถูกเธอทักทายที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่พวกเขาก็ยังพยักหน้าตอบกลับอย่างเกรงใจเช่นเดียวกัน
ภายในศาลาหลังหนึ่ง มีคนจำนวนหนึ่งกำลังยืนห้อมล้อมชายคนหนึ่งอยู่
ชายผู้นั้นรูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายดูโบราณ ชุดคลุมยาวสีขาวดุจหิมะ บนผมปักปิ่นหยก ริมฝีปากแดงฉ่ำ ฟันขาวสะอาด ภายในดวงตาแฝงรอยยิ้มเอาไว้ตลอดเวลา
ใบหน้าหล่อเหลา บุคลิกสง่างาม การพูดจาและกิริยาท่าทางล้วนสุขุมนุ่มนวล ดูเป็นผู้ชายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น แล้วก็เป็นจุดศูนย์กลางที่เป็นจุดสนใจของทุกคนในงาน เขาก็คือหนานชีหรูอันผู้เป็นเจ้าของงานเลี้ยงในครั้งนี้
“คุณชาย ประธานฉินแห่งหอการค้าตระกูลฉินมาถึงแล้วครับ” ลูกน้องที่เป็นคนนำทางเข้ามากล่าวรายงาน
หนานชีหรูอันหยุดการสนทนากับคนอื่นๆ หมุนตัวมองไป คนอื่นๆ ที่สนทนาอยู่กับเขาก็พากันหันมองไปเช่นกัน
ฉินอี๋รีบเดินเข้ามา “คุณชายหรูอัน” ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไป
“ประธานฉิน” หนานชีหรูอันยิ้มพลางประสานมือ
ทั้งสองคนตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนทันที คนหนึ่งยื่นมือออกมา คนหนึ่งประสานมือเอาไว้
หนานชีหรูอันเคยชินกับการทักทายแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะตระกูลเก่าแก่อย่างพวกเขา แต่ฉินอี๋กลับไม่ชอบมารยาทพิธีการแบบโบราณของผู้หญิง เธอไม่ชอบพวกการถอนสายบัวอะไรแบบนั้น ทำไมผู้หญิงต้องอยู่ต่ำกว่าผู้ชายด้วย? โดยเฉพาะในงานแบบนี้ เธอชอบจับมือกับคนอื่นมากกว่า หรือผู้หญิงผู้ชายจะถูกเนื้อต้องตัวกันไม่ได้เลย?
ฉินอี๋วางมือทันที ค้อมกายเล็กน้อย
หนานชีหรูอันแย้มยิ้มเล็กน้อย วางมือลงเช่นเดียวกัน พร้อมกับค้อมกายเช่นเดียวกัน “ได้ยินชื่อเสียงของประธานฉินมานาน วันนี้มีโอกาสได้พบ สง่างามสมคำร่ำลือจริงๆ”
ฉินอี๋กล่าว “คุณชายหรูอันกล่าวชมเกินไปแล้ว คุณชายต่างหากที่หล่อเหลาสง่างาม สมกับเป็นบุรุษในตระกูลสูงศักดิ์อย่างแท้จริงค่ะ”
สายตาของไป๋หลิงหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ เผยให้เห็นถึงความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หากเธอจำไม่ผิดล่ะก็ ในงานสักงานเมื่อในอดีต ฉินอี๋น่าจะเคยพบกับหนานชีหรูอันมาแล้ว ถึงจะไม่สนิทสนม แต่ก็น่าจะถือว่ารู้จัก แต่ทำไมคำพูดของเธอฟังดูเหมือนเพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกเลยล่ะ หรือว่าเธอจะลืมไปแล้ว?
แต่เธอทราบดีว่าความจำของฉินอี๋เป็นอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนที่สูงศักดิ์เช่นนี้ด้วย ฉินอี๋ไม่มีทางลืมอย่างเด็ดขาด
ไป๋หลิงหลงคล้ายรับรู้ได้ถึงปัญหาอะไรบางอย่าง
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?” แขกที่อยู่ไกลออกไปสอบถามกันขึ้นมา
“คนที่ได้รับบัตรเชิญมางานเลี้ยงนี้ ในบรรดาหอการค้าทั้งยี่สิบสี่แห่ง เหมือนจะมีเพียงประธานของหอการค้าตระกูลฉินอะไรนั่นที่เป็นผู้หญิงหรือเปล่า?”
“เคยเห็นรูปมาเหมือนกัน น่าจะเป็นเธอนั่นแหละ ตัวจริงดูดีกว่าในรูปเสียอีก แล้วก็ดูมีชีวิตชีวากว่าด้วย”
“ฉันเคยเจอฉินเต้าเปียนที่เป็นพ่อของเธอ”
ขณะที่ฉินอี๋กำลังพูดคุยอยู่กับหนานชีหรูอัน ด้านนอกก็มีแขกมาถึงอีก หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวมาถึงแล้ว ทั้งสองต่างเข้ามาหนานชีหรูอันผู้เป็นเจ้าของงาน
ขณะที่พานชิ่งกับโจวหม่านเชากำลังพูดคุยกับเจ้าของงานอยู่ ความสนใจของเผิงซีกลับไปอยู่ที่ฉินอี๋ที่เดินถอยไปอยู่อีกด้านหนึ่ง เขาพบว่าตัวจริงของเธอดูดีกว่าในรูปภาพ หลังพินิจมองอยู่ครู่ใหญ่ อย่างไรเสียตรงนี้ตนก็เป็นเพียงไม้ประดับเท่านั้น จึงเดินตรงเข้าไปทางฉินอี๋
“จะไปทำความรู้จักกับคนอื่นหน่อยไหม?” ไป๋หลิงหลงที่เดินตามฉินอี๋กล่าวถามขึ้นมา เพื่อบอกว่ารอบข้างยังมีประธานของหอการค้าอื่นๆ อยู่อีก
ฉินอี๋กล่าว “เธอคิดว่าปากของคนที่เข้าร่วมการประมูลจะพูดอะไรดีๆ ได้เหรอ? จะไปหาเรื่องขายหน้าให้ตัวเองเหรอ?”
ไป๋หลิงหลงครุ่นคิดก็พบว่าจริงดั่งว่า
ฉินอี๋เจอพนักงานคนหนึ่ง จึงกล่าวถามว่าที่ไหนสูบบุหรี่ได้ พนักงานบอกว่าที่ไหนก็ได้ แต่สุดท้ายฉินอี๋ก็ยังเดินออกไป เดินไปยังริมราวกั้นของหอกุยโหลวแล้วจุดบุหรี่ขึ้นมา ควันที่พ่นออกมาจากปากถูกลมพัดจนสลายหายไป สายตาทอดมองไปยังส่วนลึกของทะเลสาบ ความคิดผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เผิงซีจ้องมองแผ่นหลังของฉินอี๋อยู่ครู่หนึ่ง หญิงงามที่เปี่ยมไปด้วยความกล้า มีความดื้อรั้นที่ไม่ยอมรับในชะตากรรม เพียงแต่เมื่อมาอยู่ในงานแบบนี้ สุดท้ายเธอก็ยังเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด ไม่ว่ามองอย่างไรก็มีความรู้สึกเหมือนถูกกีดกันและไร้ที่พึ่งพา
ในเวลานี้ยังมาหลบมุมสูบบุหรี่ จากการกระทำของเธอ เผิงซีมองออกว่าภายในใจฉินอี๋มีความรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อย
เพราะว่าสนใจ เขาถึงได้ไปหาข้อมูลในอดีตของฉินอี๋มา ก่อนที่ฉินอี๋จะเข้ามาเป็นประธานหอการค้าตระกูลฉิน เธอไม่เคยมีงานอดิเรกที่เสื่อมเสีย ไม่คบเพื่อนที่ไม่ดี เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงเรียบร้อยในตระกูลสูงศักดิ์ ภายหลังถึงจะเริ่มสูบบุหรี่
ขณะที่ไป๋หลิงหลงหมุนตัวกวาดมองไปรอบๆ เธอตกตะลึงไปทันทีที่มองเห็นเขา
เผิงซีที่ยืนอยู่พยักหน้าพลางยิ้มเล็กน้อย ก้าวเดินเข้ามา ไป๋หลิงหลงกระซิบกระซาบอะไรประโยคหนึ่ง ฉินอี๋เหลียวหน้ากลับมามอง ก่อนจะค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเช่นกัน
เผิงซีเดินไปตรงหน้าเธอ ยื่นมือออกไปพลางกล่าวว่า “ประธานฉิน ผมเผิงซีจากหอการค้าตระกูลโจวครับ”
ฉินอี๋เปลี่ยนมือที่คีบบุหรี่ ยื่นมือออกไปจับมือกับเขา กล่าวว่า “สวัสดีค่ะ”
เผิงซีชี้ไปที่บุหรี่ในมือของเธอ “ไม่ทราบว่า พอจะให้ผมสักมวนได้ไหมครับ?” ความจริงปกติแล้วเขาไม่แตะต้องของที่สร้างควันพิษแบบนี้
ฉินอี๋กล่าว “ขอโทษด้วยค่ะ พอดีไม่ชินกับการแบ่งของใช้ส่วนตัวกับเพศตรงข้ามน่ะค่ะ”
“เป็นผมที่ถือวิสาสะเอง” เผิงซีได้แต่ต้องยอมแพ้ จากนั้นยิ้มพลางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้อยากจะพบท่านประธานมาโดยตลอด เสียดายที่ไม่มีโอกาสที่เหมาะสมเลย วันนี้ได้พบ ถือว่าความปรารถนาเป็นจริงเสียที”
ฉินอี๋กล่าว “จริงหรือคะ?”
เผิงซีกล่าว “แน่นอนครับ” ก่อนจะหยิบเอานามบัตรใบหนึ่งออกมา ประคองสองมือส่งให้ “หากต้องการอะไรก็ติดต่อผมมาได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”
ฉินอี๋ยื่นมือข้างเดียวออกไปรับ ก่อนจะส่งให้ไป๋หลิงหลงเก็บเอาไว้
เผิงซีกล่าว “ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ท่านประธานเข้าใจอะไรผมผิดหรือเปล่าครับ?”
ฉินอี๋กล่าว “ไม่ได้คิดไปเองค่ะ แล้วก็ไม่ได้เข้าใจผิดค่ะ พวกเราเจอหน้ากันครั้งแรก ไม่มีอะไรให้เข้าใจผิดอยู่แล้ว”
เผิงซีกล่าว “หากมีโอกาสได้พบบ่อยๆ ผมอยากให้พวกเราเป็นเพื่อนกันนะครับ”
ฉินอี๋กล่าว “เพื่อน? ขอโทษค่ะ ฉันไม่เคยคบเพื่อนต่างเพศ”
เผิงซียิ้มเจื่อนพลางกล่าว “ทำไมท่านประธานถึงเย็นชาห่างเหินขนาดนี้ล่ะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ”
ฉินอี๋กล่าว “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่มีเพื่อนต่างเพศ ฉันสนใจเพียงเรื่องการค้า” ก่อนจะเน้นย้ำอีกครั้ง “ฉันไม่เคยคบเพื่อนต่างเพศมาก่อน เพราะว่าไม่จำเป็น หลังจากนี้ก็ไม่มีทางด้วยค่ะ”
สายตาเธอเหลือบมองไป ก่อนจะพยักเพยิดหน้า “เพื่อนของคุณมาแล้วค่ะ”
เผิงซีเหลียวหน้ากลับไปมอง มองเห็นพานหลิงเยวี่ยเดินเข้ามา จึงหันกลับมาพูดกับฉินอี๋ว่า “ผมกับเธอเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอกครับ”
ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์ ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะได้เจอหน้าฉินอี๋ เรื่องราวยังไม่คืบหน้าไปไหน ผู้หญิงคนนี้จะเข้ามาวุ่นวายทำไม
พานหลิงเยวี่ยสังเกตเห็นเขาเดินมาหาฉินอี๋ จึงตามเข้ามาด้วย ด้วยกลัวว่าจะพลาดอะไรไป เธอเดินเข้ามาตรงหน้าพวกเขาพลางร้องโอ้ จากนั้นกล่าวว่า “ทั้งสองคนกำลังคุยอะไรกันอยู่เงียบๆ เหรอคะ?” ระหว่างที่ทักทายก็มองข้ามไป๋หลิงหลงไป
จากนั้นยื่นมือออกมา “ประธานฉิน ชื่นชมมานานแล้วค่ะ พานหลิงเยวี่ยจากหอการค้าตระกูลพานค่ะ”
ฉินอี๋จับมือกับเธอ “เช่นกันค่ะ”
หลังพานหลิงเยวี่ยปล่อยมือก็กล่าวหยอกล้อเล็กน้อยว่า “ไม่ง่ายเลยนะคะกว่าจะได้เจอหน้าคุณ!”
ฉินอี๋กล่าว “ทุกคนล้วนแต่ยุ่งกับงาน คิดว่าคุณพานน่าจะเข้าใจ”
เมื่อมีพานหลิงเยวี่ยเข้ามาร่วมวง เผิงซีก็ไม่สามารถเอ่ยคำพูดทำนองว่าเป็นเพื่อนกันอะไรนั่นออกมาได้อีก การสนทนาของทั้งสามคนกลายเป็นการพูดคุยเรื่อยเปื่อยที่กระอักกระอ่วน
ผ่านไปไม่นาน พานชิ่งกับโจวหม่านเชาก็เดินเข้ามา โจวหม่านเชาส่งสายตาสอบถามไปทางเผิงซี
พานหลิงเยวี่ยเข้ามาทำให้เสียแผน ภายในใจเผิงซีรู้สึกจนปัญญา ส่ายศีรษะเล็กน้อยไปทางน้าชาย
เมื่อไม่บรรลุเป้าหมาย โจวหม่านเชาก็รู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไร เขาเดินเข้ามา เป็นฝ่ายยื่นมือมาจับกับฉินอี๋ “ประธานฉิน”
“ประธานโจว” ฉินอี๋จับมือ จากนั้นก็จับมือกับพานชิ่ง “ประธานพาน”
พานชิ่งยังคงกล่าวหยอกล้อเหมือนลูกสาวของเขา “ประธานฉิน คงจะงานยุ่งมากสินะครับ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พบคุณ”
ฉินอี๋กล่าว “หอการค้าตระกูลฉินเล็กเกินไป ไม่คู่ควรไปพบท่านประธานหรอกค่ะ”
โจวหม่านเชากล่าว “งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว ในเมื่อทุกคนได้พบกันแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมกันอีก ประธานฉิน ผมกับพานซยงยินดีสนับสนุนหอการค้าตระกูลฉินในการเข้าร่วมการประมูลเทพมหาวิญญาณในครั้งนี้อย่างเต็มที่ครับ”
ฉินอี๋กล่าว “น้ำใจของทั้งสองท่าน ฉันรับเอาไว้แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”
พานชิ่งหัวเราะหึหึ “แค่ขอบคุณเหรอครับ? ประธานฉินจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับ?”
ฉินอี๋กล่าว “ไม่ทราบว่าอยากให้ฉันพูดอะไรเหรอคะ?”
พานชิ่งกล่าว “โลกนี้ไม่มีความช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน พวกเราต่างเป็นนักธุรกิจ พวกเราสองตระกูลสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่ หากช่วยให้หอการค้าตระกูลฉินชนะการประมูลครั้งนี้ได้ ทุกคนก็แบ่งผลประโยชน์เท่าๆ กัน ยุติธรรมสมเหตุสมผล คุณคิดว่าไงครับ?”
นี่เท่ากับว่าแค่เอ่ยปากก็จะแบ่งผลประโยชน์ไปสองในสาม หอการค้าตระกูลฉินทุ่มเททุกอย่างมาตั้งนานขนาดนี้ แต่กลับได้แค่หนึ่งในสาม
ทั้งสองตระกูลไม่ได้ทำอะไร เพียงเอ่ยปากบอกว่าจะสนับสนุนก็เอาผลประโยชน์ไปสองในสาม แล้วฉินอี๋จะตอบตกลงได้อย่างไร ทว่าเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธไปตรงๆ “แต่ฉันกลับมีความคิดที่จะร่วมมือกันอีกแบบ ไม่ทราบว่าท่านประธานทั้งสองจะยินดีรับฟังหรือไม่”
พานชิ่งกับโจวหม่านเชาสบตากัน โจวหม่านเชากล่าวว่า “ไหนลองว่ามาสิครับ”
ฉินอี๋กล่าว “การประมูลครั้งนี้ช่างมันไปก่อนแล้วกันค่ะ แต่หลังจบการประมูลครั้งนี้แล้ว พวกเรานำเอาทรัพย์สินของหอการค้าของพวกเรามาประเมินมูลค่าแล้วร่วมหุ้นกัน ร่วมมือกันจัดตั้งหอการค้าร่วมขึ้นมา แบ่งปันผลประโยชน์หลังจากนี้ร่วมกันตามสัดส่วนหุ้น ทุกท่านคิดว่ายังไงคะ?” กล่าวจบก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ขณะที่พ่นควันก็สังเกตดูท่าทีของทั้งสองคน
เผิงซีขมวดคิ้ว เข้าใจความคิดของฉินอี๋ทันที หากหอการค้าตระกูลฉินแพ้การการประมูล หอการค้าของเธอก็จะไม่มีค่าอะไร แต่ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่สาม เธอจะกลายเป็นตัวถ่วงดุลอำนาจระหว่างหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจว ได้ประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย รักษาทางรอดให้แก่หอการค้าตระกูลฉิน
แต่ถ้าหากเธอชนะการประมูล มูลค่าของหอการค้าของเธอจะมากมายมหาศาลแค่ไหน เพียงแค่คิดดูก็คงจะรู้ เธอคิดจะกลืนกินหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพาน
ผู้หญิงคนนี้…เผิงซีกล่าวพึมพำอยู่ในใจ จ้องมองดูใบหน้างดงามที่อยู่เบื้องหลังควันบุหรี่ที่กำลังลอยวนของฉินอี๋
พานชิ่งและโจวหม่านเชาขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่ ไม่นานทั้งสองคนก็เข้าใจเช่นเดียวกัน
พานชิ่งกล่าว “แบบนี้จะเป็นทางไหนประธานฉินก็ไม่เสียเปรียบเลยนะครับ”
ฉินอี๋กล่าว “ทั้งสองท่านก็ไม่เสียเปรียบเหมือนกันนะคะ ถ้าหนึ่งในพวกเรามีใครสักคนชนะการประมูล ประโยชน์หลังจากที่ร่วมมือกันแล้วย่อมไม่ใช่น้อยๆ หลังจากนี้พวกเราทั้งสามคนไม่ต้องทะเลาะกันเองอีก จับมือก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ผลประโยชน์ก็จะยิ่งมากขึ้น แบบนั้นไม่ดีเหรอคะ?”
แม้นฟังดูจะเป็นเช่นนั้น แต่ทั้งสองคนไม่มีทางรับปาก เพราะพวกเขาไม่สามารถปล่อยให้หอการค้าตระกูลฉินมาอยู่ขี่อยู่บนหัวพวกเขาได้
โจวหม่านเชากล่าวว่า “เรื่องที่จะร่วมมือกันเอาไว้ค่อยว่ากันแล้วกันครับ ตอนนี้เรื่องสำคัญที่อยู่ตรงหน้าคือเรื่องการประมูล พวกเรามาคุยเรื่องนี้กันให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า”
ฉินอี๋กล่าว “ได้ค่ะ! ไม่ทราบหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวมีอะไรหรือจะอาศัยอะไรมาช่วยให้หอการค้าตระกูลฉินของฉันชนะการประมูลในครั้งนี้หรือคะ? ฉันอยากเห็นของที่พวกคุณเอาออกมาให้ดูได้ จะอาศัยเพียงการพูดปากเปล่าแล้วมาแบ่งผลประโยชน์ มันไม่มีใครทำแบบนั้นกันหรอกค่ะ”
พานชิ่งกล่าว “เอาออกมาให้ดู? ของที่มองไม่เห็นบางอย่างจะเอาออกมาให้ดูยังไง? เส้นสายความสัมพันธ์นับหรือเปล่า?”
ฉินอี๋กล่าว “ได้ค่ะ! อย่างนั้นพวกเรามาเซ็นสัญญากันก่อน ถ้าทั้งสองท่านสามารถช่วยให้หอการค้าตระกูลฉินเอาชนะการประมูลได้ ฉันก็จะรับปากเงื่อนไขของพวกคุณ แต่ถ้าพวกคุณทำไม่ได้ อย่างนั้นพวกคุณก็ต้องเอาทรัพย์สินหนึ่งในสามของหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวมาให้หอการค้าตระกูลฉินของฉัน!”
……………………………………………………………