ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 75 รังแกคนอ่อนแอ
ตอนที่ 75 รังแกคนอ่อนแอ
หลังวางโทรศัพท์ หลินยวนก็รออยู่ตรงทางแยก รออยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้นมา หลังรับสายเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาถึงจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปอีกครั้ง…
“พวกเขาหยุดรถกันหมดแล้ว” เซี่ยงเต๋อเฉิงที่ขับรถเหลียวหน้ากลับไปมองด้านหลังพลางกล่าว
รถที่ขับออกไปก่อนพวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนแต่ทยอยจอดลงในที่รกร้างระหว่างทาง เหยียนฝูเองก็สังเกตเห็นแล้ว “ดูจากสถานที่ที่พวกเขาจอดแล้ว เกรงว่าคงจะมีเป้าหมายเหมือนพวกเรา คงคิดจะลงมือแล้ว”
เซี่ยงเต๋อเฉิงกล่าวว่า “พวกเราจะทำยังไง?”
เหยียนฝูกล่าว “ปล่อยตาอินกับตานาแย่งกันไป พวกเรารอเป็นตาอยู่”
เซี่ยงเต๋อเฉิงกล่าว “ปราดเปรื่อง ฟังพี่”
ทั้งสองคนจึงหาที่จอดรถตรงด้านหน้า หลังจากซ่อนรถแล้วก็รีบเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มหญ้า ค่อยๆ เดินย้อนกลับไปตามทางที่มาก่อนหน้านี้โดยอาศัยพุ่มหญ้าคอยบดบังอำพราง
ในตอนที่เข้าไปใกล้สถานที่หนึ่ง เหยียนฝูยื่นมือออกมาขวางเอาไว้ เซี่ยงเต๋อเฉิงหยุดเดินตามอีกฝ่าย พวกเขาขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง หลังจากนั้นมองไปตามทิศทางที่เหยียนฝูชี้ออกไป เห็นว่าคล้ายมีคนซ่อนตัวอยู่ไกลๆ
เซี่ยงเต๋อเฉิงกล่าว “จะลงมือจริงๆ ด้วย”
เหยียนฝูกล่าว “รอดูเงียบๆ ก่อน”
เซี่ยงเต๋อเฉิงกล่าว “ปราดเปรื่อง ฟังพี่”
ทั้งสองคนรอคอยต่อไป ขณะที่กวาดตามองไปรอบๆ จู่ๆ ร่างกายพลันหดเกร็งขึ้นมา พวกเขาเห็นด้านหลังมีคนกระจายตัวเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ทางด้านนี้ หากแต่ดักซุ่มอยู่ไกลๆ
“พวกไหนกัน?” เซี่ยงเต๋อเฉิงกล่าวถามเสียงเบาๆ
เหยียนฝูทั้งตกใจระคนสงสัย
ตู้ม! จู่ๆ พลันมีเสียงระเบิดดังมาจากทางถนน ทั้งสองคนหันขวับกลับไปทันที พบว่าคนที่ดักซุ่มอยู่ก่อนหน้านี้พากันบินออกไป พุ่งเข้าไปยังที่ที่มีเสียงระเบิดดังขึ้นมา
จากนั้นทั้งสองคนเหลียวหน้ากลับไปมองด้านหลัง พบว่าคนที่ดักซุ่มอยู่ด้านหลังก็พุ่งตัวออกไปยังที่ที่มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาเช่นเดียวกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ม่านตาของทั้งสองคนหดเล็กลงคือบนท้องฟ้าทางด้านหลังคนเหล่านั้นพลันมีทหารสวมชุดเกราะกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา นั่นคือผู้พิทักษ์เมือง เมื่อดูจากภาพที่คนทั้งสองกลุ่มร่วมมือกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเดียวกัน
ทั้งสองคนตกใจเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่โชคดีคือทั้งสองคนอยู่ห่างจากสถานที่เกิดเหตุค่อนข้างไกล ไม่ว่าจะเป็นคนที่มาดักซุ่มในภายหลัง หรือว่าจะเป็นผู้พิทักษ์เมืองที่บินผ่านไปบนท้องฟ้าก็ล้วนแต่ไม่ได้ตรวจสอบดูสถานที่ที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่อย่างละเอียด
กระทั่งเหล่าผู้พิทักษ์เมืองผ่านไปแล้ว เหยียนฝูจึงกล่าวเสียงเบาๆ ขึ้นมาว่า “ที่นี่อยู่นานไม่ได้ ถอย!”
ทั้งสองคนรีบหลบออกมาอย่างรวดเร็ว หนีออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ….
……
มอเตอร์ไซค์กลายเป็นเศษเหล็กผุพังไปแล้ว หลินยวนยืนอยู่ข้างๆ
ผู้พิทักษ์เมืองและผู้พิทักษ์เมืองนอกเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนหลายร้อยคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แล้วก็ยังมีคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปที่ยืนหน้าเศร้าคอตกอยู่อีกสิบกว่าคน พวกเขาถูกจับตัวเอาไว้
เรียกได้ว่าไม่กล้าขัดขืน
คนเหล่านั้นเพิ่งจะร่วมมือกันลงมือ ต้องการจะจับตัวหลินยวนไป แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ จะมีผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่งบินออกมาล้อมพวกเขาเอาไว้ ตะโกนบอกให้พวกเขายอมจำนน
แผนการไม่สำเร็จ ยอมจำนนโทษไม่ถึงตาย แต่ถ้าขัดขืนคิดจะหลบหนีล่ะก็ นั่นคือการรนหาที่ตาย
หลังจากนั้นยังมีผู้พิทักษ์เมืองทยอยตามมา สถานที่ที่ผู้พิทักษ์เมืองดักซุ่มไม่ได้มีแค่ที่นี่ที่เดียว ระหว่างทางที่หลินยวนใช้เดินทางกลับไปยังโรงอีหลิว ในทุกตำแหน่งที่มีโอกาสจะเป็นสถานที่ที่ใช้ลงมือ ผู้พิทักษ์เมืองจะไปทำการดักซุ่มเอาไว้
ในบางครั้งแล้ว ผู้พิทักษ์เมืองนั้นมีประสบการณ์ในเรื่องการจับคนเช่นนี้อย่างมากทีเดียว
หลินยวนขมวดคิ้ว จ้องมองดูมอเตอร์ไซค์ที่แทบจะแหลกเป็นชิ้นๆ อยู่ตรงเท้า ก่อนจะเหลียวหน้ากลับไปดูรอบๆ ไม่รู้ว่าเป็นมือสมัครเล่นจากไหนกันถึงได้ถูกจับตัวได้ง่ายๆ เช่นนี้ มีปัญหาแค่นี้ยังกล้ามาทำเรื่องแบบนี้อีก
มอเตอร์ไซค์ถูกคนเหล่านั้นทำลายเสียหายในตอนที่ลอบโจมตี
“พาตัวไปให้หมด!” ผู้พิทักษ์เมืองที่เป็นหัวหน้าตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะสั่งการให้คนตรวจสอบบริเวณโดยรอบ
สุดท้ายผู้พิทักษ์เมืองที่เป็นหัวหน้าก็เดินมาตรงหน้าหลินยวน กล่าวปลอบว่า “ต้องขอโทษด้วยที่ให้คุณมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้”
หลินยวนกล่าว “ไม่เป็นไรครับ มีเจ้าหน้าที่เซียนคอยดูแลอยู่ ผมเลยยังพอมีเวลาหลบนิดหน่อย”
ผู้พิทักษ์เมืองที่เป็นหัวหน้ากล่าวว่า “เดี๋ยวตามพวกเราไปหน่อยนะครับ วางใจได้ ไม่มีอะไร แค่ไปให้ปากคำนิดหน่อยเท่านั้น”
หลินยวนพยักหน้า ตามผู้พิทักษ์เมืองออกไป…
……
หลังไป๋หลิงหลงที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับรับโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยก็หันขวับมารายงานฉินอี๋ที่นั่งอยู่ด้านหลังทันที “ท่านประธานคะ หลินยวนถูกลอบโจมตีระหว่างที่กลับบ้านหลังเลิกงานค่ะ”
ฉินอี๋หน้าเปลี่ยนสีทันที โน้มตัวมาข้างหน้า “แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง?”
ไป๋หลิงหลงกล่าว “จากที่คนของผู้พิทักษ์เมืองว่ามา หลินยวนไม่เป็นอะไรค่ะ ถูกพาตัวกลับไปยังที่ทำการผู้พิทักษ์เมืองเพื่อให้ปากคำ แต่ว่าโชคดีที่หลินยวนรู้ตัวเร็ว พบเห็นความผิดปกติระหวางทางจึงโทรแจ้งความทางผู้พิทักษ์เมืองทันที จากนั้นก็ร่วมมือกับผู้พิทักษ์เมืองวางกับดักขึ้นมาจนจับตัวคนร้ายเอาไว้ได้ค่ะ”
สีหน้าของฉินอี๋ผ่อนคลายลง แล้วก็เผยให้เห็นถึงความรู้สึกชื่นชมเล็กน้อย ร่างกายเอนกลับไปด้านหลัง “ยังถือว่ามีความสามารถในการสังเกตอยู่ อยู่หลิงซานมานานขนาดนั้นไม่ถือว่าสูญเปล่า ทางผู้พิทักษ์เมืองเองก็ถือว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ลงมือรวดเร็วทันเวลา”
แต่ไป๋หลิงหลงกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ที่ผู้พิทักษ์เมืองลงมือเร็วขนาดนี้ เกรงว่าคงเป็นเพราะสาเหตุบางอย่างค่ะ”
สายตาของฉินอี๋วูบไหว “หมายความว่ายังไง?”
ไป๋หลิงหลงถอนใจ กล่าวว่า “ตอนที่หลินยวนแจ้งความ เขาบอกตัวเองเป็นคนของหอการค้าตระกูลฉิน…”
ฉินอี๋แค่นเสียงเหอะออกมา “เขาอยากจะออกไปจากหอการค้าตระกูลฉินไม่ใช่เหรอ ตอนนี้รู้จักเอาหอการค้ามาใช้แล้ว?”
ไป๋หลิงหลงกล่าว “ท่านประธาน ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ที่เขาบอกว่าตัวเองเป็นพนักงานของหอการค้าตระกูลฉิน นั่นเป็นเพียงการบอกต่อผู้พิทักษ์เมืองว่าตัวเองเป็นใคร แต่จุดสำคัญที่แท้จริงคือเขาบอกว่าตัวเองเป็นนักเรียนของหลิงซาน บอกว่าถ้าตัวเองแจ้งความแล้วยังเกิดเรื่อง หลิงซานจะต้องทำการสืบสวนแน่นอนว่าเมืองปู๋เชวี่ยละเลยต่อหน้าที่หรือเปล่า เขาต้องการให้ผู้พิทักษ์เมืองมาคอยคุ้มครองเขานับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คล้ายๆ กับหลัวคังอันน่ะค่ะ”
สีหน้าของฉินอี๋เรียบเฉย เธอหันหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง คล้ายกล่าวพึมพำกับตัวเองว่า “เอาอย่างหลัวคังอัน หวังว่าจะไม่เรียนรู้เรื่องเหลวไหลพวกนั้นมาจากหลัวคังอันด้วยนะ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็คล้ายจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเหลียวหน้ากลับมาถามทันที “แล้วทำไมถึงเป็นทางผู้พิทักษ์เมืองเป็นคนมาแจ้งข่าว ฉันให้เธอส่งคนไปคอยคุ้มครองเขาแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคนที่ไปคุ้มครองเขาจะเกิดเรื่องด้วย?”
หลังจากที่หอการค้าตระกูลพานประกาศจะให้เงินรางวัลก้อนใหญ่ เมืองปู๋เชวี่ยก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย
คำโบราณว่ากันว่าพวกผีเร่ร่อนจัดการยาก ในเรื่องบางเรื่องทางหอการค้าตระกูลฉินกลับไม่หวาดกลัวหอการค้าตระกูลพาน เพราะมีร่องรอยให้ติดตามได้ กลับเป็นพวกแมลงวันที่น่ารำคาญที่บินว่อนไปมา แมลงวันพวกนั้นไหนเลยจะสนใจกฎเกณฑ์ได้
ตอนที่เผชิญหน้ากับการร่วมมือกันของหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจว ฉินอี๋ไม่ได้ส่งคนไปคุ้มครองหลินยวนเลย แต่พอมีแมลงวันกลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึงเธอกลับกังวลใจขึ้นมา กลัวว่าแมลงวันเหล่านั้นจะหาช่องมุดเข้ามาได้
ไป๋หลิงหลงงุนงงเล็กน้อย นั่นสิ มันเกิดอะไรขึ้น?
“เดี๋ยวฉันลองถามดูค่ะ” เธอหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อทันที
หลังสอบถามไปพักหนึ่ง เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ค่อยๆ วางโทรศัพท์มือถือลง เหลียวหน้ากลับมามองฉินอี๋ ท่าทางคล้ายลังเลที่จะพูดอะไร
ฉินอี๋ได้ยินเธอเอ่ยถึงชื่อคนคนหนึ่งในตอนที่ทำการสอบถาม จึงกล่าวถามว่า “เป็นฝีมือคุณพ่อเหรอ?”
ไป๋หลิงหลงพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันส่งคนไป แต่หลังจากท่านประธานใหญ่ทราบก็สั่งให้คนเหล่านั้นหยุดคุ้มครองหลินยวน เมื่อท่านประธานใหญ่สั่งมา พวกเขาก็ปฏิเสธได้ลำบาก พูดอีกอย่างก็คือพวกเขาไม่ได้ทำการปกป้องใดๆ หลินยวนเลยค่ะ ร่วมมือกับท่านประธานใหญ่ปกปิดพวกเราเอาไว้”
พริบตานั้นเอง ดวงตาอันงดงามของฉินอี๋พลันเบิกกว้าง ในดวงตาฉายแววเย็นยะเยือกดุร้าย สองมือกำแน่น เธอรู้ดีว่าพ่อของเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ทรวงอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลง เธอพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เธอไม่สามารถต่อว่าอะไรพ่อของเธอต่อหน้าคนอื่นได้
เธอเอื้อมมือไปกดเลื่อนหน้าต่างลงครึ่งหนึ่ง หันมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ยกมือแกะกิ๊บติดผมออก ผมยาวสลวยปรกลงมาบนไหล่ เธอหยิบเอาบุหรี่ออกมาจุดมวนหนึ่ง สูดพ่นควันไปสองสามที จู่ๆ พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมา “จับตัวคนพวกนั้นออกมา ฉันไม่อยากเห็นหน้าพวกเขาอีก ส่งคนไปเก็บกวาดให้เรียบร้อย!”
คนขับรถตกใจทันทีที่ได้ยิน เขาย่อมต้องรู้ว่า ‘เก็บกวาดให้เรียบร้อย’ มันหมายความว่าอะไร แต่เขาก็รู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด
เขาอยู่ข้างกายฉินอี๋มาเป็นเวลานาน จะมากจะน้อยก็พอจะรู้จักว่าฉินอี๋เป็นคนอย่างไร ในด้านการตัดสินใจกำจัดคน ผู้กุมหางเสือของหอการค้าตระกูลฉินผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย
เมื่อเห็นว่าจู่ๆ ฉินอี๋ก็เกิดความคิดสังหารคนขึ้นมา ไป๋หลิงหลงเองก็ตกใจเล็กน้อย เธอกล่าวด้วยความลังเลว่า “ท่านประธาน ทำแบบนี้มันจะไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่าคะ? อันที่จริงนี่เป็นคำสั่งจากท่านประธานใหญ่ พวกเขาเองก็ลำบากใจนะคะ”
ฉินอี๋จ้องมองดูควันที่ลอยออกไปด้านนอกหน้าต่างด้วยสายตาเย็นชา “ลำบากใจ? หนทางเบื้องหน้าขรุขระ หอการค้าตระกูลฉินจำเป็นต้องผนึกกำลังมุ่งหน้าไปในทางเดียวกัน ระหว่างที่เดินไปข้างหน้า บางปัญหานั้นสามารถประนีประนอมได้ แต่บางปัญหาจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะลำบากกันจริงๆ เอาได้ จะทำให้ทุกคนพลอยลำบากไปด้วย จะทำให้ทั้งหอการค้าตระกูลฉินลำบากไปด้วย! คนของฉัน ไม่ฟังคำสั่งของฉัน แต่กลับไปฟังคำสั่งของพ่อ แล้วต่อไปฉันจะกล้าสั่งการพวกเขาไปทำอะไรได้ยังไง? กำจัดทิ้งทั้งหมด เชือดไก่ให้ลิงดู!”
“ได้ค่ะ” ไป๋หลิงหลงรับคำสั่งอย่างจนปัญญา หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อ สั่งคนให้ไปปฏิบัติตาม
……
ด้านนอกห้องสืบสวน เหิงเทาเดินเข้ามา ได้ยินว่าจับคนมาได้ อีกทั้งยังพาหลินยวนกลับมาด้วย เขาจึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง
ขณะที่หยิบเอาคำให้การของหลินยวนขึ้นมาตรวจดู เหิงเทาก็ถามออกมาว่า “คนอื่นเป็นยังไงบ้าง?”
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านข้างตอบว่า “คนที่จับมาได้มีจำนวนเยอะ ยังสอบปากคำไม่หมดครับ แต่ว่าสถานการณ์ก็พอจะทราบคร่าวๆ แล้ว คล้ายกับคนที่จับมาก่อนหน้านี้ ต่างบอกว่าเป็นจอมยุทธ์พเนจรครับ”
เหิงเทากล่าว “มาเพราะเงินพันล้านมุกนั่นน่ะเหรอ?”
ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบ “จากที่พวกเขาสารภาพมา ใช่ครับ คนเหล่านี้พยายามตามหาเบาะแส พวกเขาสืบจนพบว่าหลินยวนเกี่ยวข้องกับเรื่องการประมูลเทพมหาวิญญาณ ก็เลยเอาหลินยวนเป็นจุดเริ่มต้นในการสืบครับ”
เหิงเทากล่าว “การประมูลเทพมหาวิญญาณ? เขาเป็นแค่ผู้ช่วยของหลัวคังอัน ทำไมถึงไม่ไปจับตาดูหลัวคังอันล่ะ?”
ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบ “พวกเขากลัวหลัวคังอันครับ”
“กลัวหลัวคังอัน?” เหิงเทาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจ
ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่รู้ข่าวลือแพร่มาจากไหน บอกว่าหลัวคังอันผู้นี้แข็งแกร่งไม่ธรรมดา เคยประมือกับป้าหวังที่เป็นหนึ่งในสิบสามมารสวรรค์ เคยช่วยท่านสองสู้ศึก ตอนอยู่ที่เมืองหลวงได้ทำให้ป้าหวังบาดเจ็บสาหัส พวกกระจอกเหล่านั้นเลยไม่กล้าทำอะไรหลัวคังอันครับ”
เหิงเทาหมดคำพูด ข่าวลือยังจะแพร่มาจากไหนได้อีกล่ะ ก็เป็นตัวหลัวคังอันที่ปากพล่อยพูดออกมาเองไงล่ะ คิดไม่ถึงว่าคำพูดเหลวไหลเหล่านี้จะข่มขู่คนพวกนี้ได้จริงๆ กระทั่งตัวเขาก็ยังรู้สึกขบขัน จนปัญญาที่เรื่องบางเรื่องเขาไม่สะดวกจะพูดออกมา จึงยิ้มเจื่อนพลางส่ายศีรษะ “ที่แท้ก็เลือกเล่นงานคนที่อ่อนแอ”
เขาส่งคำให้การที่อยู่ในมือคืนไปให้อีกฝ่าย เอียงศีรษะไปทางห้องสอบสวนเล็กน้อย “ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
“ครับ!” อีกฝ่ายรับคำสั่ง เดินเข้าไปในห้องสอบสวน
จากนั้นครู่หนึ่งหลินยวนก็ถูกพาตัวออกมา เผชิญหน้ากับเหิงเทาที่ยืนอยู่ด้านนอก ทั้งสองสบตากัน
เหิงเทากวาดตามองหลินยวน ภายในใจลอบทอดถอนใจ น่าเสียดายจริงๆ เหมือนดอกไม้ไปปักอยู่บนขี้ควาย ผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดเหมือนอย่างฉินอี๋กลับไปหลงกลคนแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะชอบคนแบบนี้ได้ ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
เหิงเทาทราบดี คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ยังไม่รู้ตัวว่าฉินอี๋ยังคงไม่ลืมความรักเมื่อในอดีต ยังคิดอยากจะรื้อฟื้นสัมพันธ์เมื่อในอดีตขึ้นมา
แล้วก็เป็นเพราะทราบถึงความรู้สึกที่ฉินอี๋มีต่อหลินยวน เขาถึงได้รีบเดินทางมาทันทีที่ทราบข่าว ด้วยกลัวว่าถ้าจัดการได้ไม่ดีจะไปอธิบายกับทางฉินอี๋ไม่ได้
หลินยวนเองก็กวาดตามองดูเขา
เหิงเทาเอียงศีรษะส่งสัญญาณ “กลับไปก่อนเถอะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวจะติดต่อนายไปอีกที”
หลินยวนกล่าว “รถถูกคนพวกนั้นพังไปแล้ว เป็นเพราะให้ความร่วมมือกับทางผู้พิทักษ์เมืองเลยถูกพัง รถไม่ใช่ของผม เป็นของโรงอีหลิว กลับไปแล้วผมไม่รู้จะไปตอบเขายังไง”
เหิงเทาลอบขบขัน ผู้ชายที่ฉินอี๋ชอบจะไม่มีเงินอย่างนั้นเหรอ แสดงละครทั้งนั้น จึงหันหน้ากลับไปถามผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “บนตัวคนเหล่านั้นมีเงินหรือเปล่า?”
ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าว “มีครับ”
เหิงเทากล่าว “ประเมินราคาแล้วชดใช้คืนไปสองเท่า”
ผู้ใต้บังคับบัญชาลังเลเล็กน้อย “สองเท่าหรือครับ?”
เหิงเทารู้ว่าลูกน้องกังวลอะไร ถ้าทำแบบนี้จะบันทึกบัญชีได้ลำบาก จึงกล่าวอธิบายว่า “ส่วนที่เกินก็ถือว่าเป็นเงินรางวัลที่เขาให้ความร่วมมือในการจับคนร้าย”
เมื่อมีคำอธิบายก็จัดการได้ง่าย “รับทราบ!” ผู้ใต้บังคับบัญชาหมุนตัวไปเอาเงิน
……………………………………………………………