ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 66 ลอบโจมตีตอนกลางคืน
ตอนที่ 66 ลอบโจมตีตอนกลางคืน
มาเจอกันในที่แบบนี้? กวนเสี่ยวไป๋แอบรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย
หลินยวนเดินเข้ามาใกล้ เหลือบมองดูกระเป๋าที่อยู่ในมือเขา “ของที่ฉันต้องการ เอามาหมดไหม?”
กวนเสี่ยวไป๋ส่งกระเป๋าให้เขา “ของที่แกต้องการอยู่ในนี้”
หลินยวนรับเอากระเป๋าไปแล้วเปิดออกดูทันที หลังตรวจสอบแล้วก็พบว่าพอใช้ จึงกล่าวถามว่า “ตอนออกมาไม่มีใครเห็นใช่ไหม?”
กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “เด็กสองคนที่อยู่ในร้านเห็น ถามฉันว่ากลางดึกจะออกไปไหน ฉันบอกว่าอยากดื่มหน่อย เดี๋ยวออกมาแล้วจะซื้อของกินนิดหน่อยไปให้พวกเขา พวกเขาดีใจมาก น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
หลินยวนพยักหน้าพลางกล่าว “แกไปเถอะ อยู่ข้างนอกนานไปเดี๋ยวจะมีคนสงสัยเอาได้”
กวนเสี่ยวไป๋กล่าวถามอย่างลังเลเล็กน้อย “หลินจึ แกเอาของพวกนี้ไปทำอะไร?”
หลินยวนสบตาเขา “อย่าถาม ทำเหมือนว่าไม่รู้เรื่องอะไร กลับไปเถอะ”
“เฮ้อ!” กวนเสี่ยวไป๋ยิ้มเจื่อนพลางส่ายศีรษะ “เรื่องของแกฉันเองก็ไม่สะดวกที่จะถาม เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่าแกคิดอะไรอยู่ ได้ แกระวังตัวหน่อยแล้วกัน ฉันไปก่อนล่ะ” กล่าวจบก็เปิดประตูมุดเข้าไปนั่งในรถ เลี้ยวรถแล้วขับแล่นออกไป
หลินยวนหิ้วกระเป๋า พุ่งตัวกลับลงไปในหลุม เปิดกระเป๋าเทเอาอุปกรณ์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนหนึ่งออกมา ก่อนจะเอาชิ้นส่วนเหล่านั้นมาต่อเข้าด้วยกันภายใต้แสงดาว คล้ายกำลังประกอบอะไรบางอย่างอยู่
สุดท้ายก็ประกอบออกมาเป็นของอย่างหนึ่งที่มีขนาดประมาณกำปั้น จากนั้นเอาหินวิญญาณพลังงานใส่เข้าไปข้างในเม็ดหนึ่ง ปิดฝา เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เขาเก็บของ กระโดดขึ้นมาบนหลุม กวาดตาสำรวจรอบด้าน ก่อนจะพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว หายไปในความมืดมิด…
……..
รถคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง ผู้พิทักษ์เมืองสวมชุดเกราะสองนายที่กำลังเข้าเวรลงมาจากรถ พวกเขาลาดตระเวนอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย รู้สึกเบื่อๆ จึงลงจากรถมาขยับเนื้อขยับตัวเล็กน้อย
ทั้งสองกระโดดขึ้นไปบนต้นหญ้ายักษ์กอหนึ่ง นอนอยู่บนใบหญ้า คล้ายนอนอยู่บนแทรมโพลีนอย่างไรอย่างนั้น ร่างกายโยกไหวขึ้นลงตามใบหญ้า มองดูดวงดาวที่พร่างพรายอยู่บนท้องฟ้าอย่างผ่อนคลายพลางพูดคุยกัน
จู่ๆ รอบด้านพลันมีเสียงฟิ้วๆ ดังขึ้นมา ทั้งสองคนได้ยินเสียงจึงลุกขึ้นนั่ง กวาดตาสำรวจรอบด้าน
จากนั้นพลันมีเสียง ‘ฉัวะๆ’ ดังขึ้น ศีรษะของทั้งสองคนกระเด็นออกจากลำคอ โลหิตสดๆ สาดกระจาย
ร่างของทั้งสองคนเองก็พลิกตกลงมาจากใบหญ้า กระแทกลงกับพื้น ร่างที่ไร้ศีรษะนอนชักกระตุกไปมา
ครึก! อะไรบางอย่างบินกลับเข้าไปในพุ่มหญ้าที่อยู่ด้านหลัง หญ้ากอหนึ่งถูกแหวกออก หลินยวนเดินออกมา
เขาเดินมาริมถนน รถที่จอดอยู่ริมทางถูกเขาคว้าจับแล้วโยนเข้าไปในพุ่มหญ้า ก่อนจะมีเสียงโครมครามดังตามมา
เขากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในพุ่มหญ้า แล้วก็พาศพสองศพกลับไปด้วย…
…..
จู่ๆ คนผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นตรงข้างรังนก นกยักษ์ที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ในรังพลันตกใจตื่น ขณะที่มันกำลังจะกระพือปีกส่งเสียงหวีดร้อง มือคนข้างหนึ่งก็ได้บีบคอของมันเอาไว้แล้วหิ้วมันออกไป…
…..
หลินยวนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีดำกลับมายังบนต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้หออวิ้นเสียกว่าจุดสังเกตการณ์ก่อนหน้านี้ สายตาจ้องมองดูหออวิ้นเสียอยู่พักหนึ่ง ผ้าคลุมขยับขยุกขยิก หยิบเอานกยักษ์ตัวนั้นออกมา
วัตถุทรงกระบอกอันหนึ่งถูกสวมไปบนหัวของนกยักษ์ วัตถุทรงกระบอกชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง สายตาของนกยักษ์เองก็ถูกบีบให้มองไปยังที่ที่หนึ่ง หออวิ้นเสีย!
มือที่คว้าจับลำคอของนกยักษ์มีหมอกสีดำหลั่งไหลออกมา หมอกสีดำไหลไปปกคลุมศีรษะของนกยักษ์เอาไว้
นกยักษ์ที่พยายามดิ้นรนค่อยๆ หยุดนิ่งลง คล้ายตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น ปล่อยให้มือข้างนั้นคว้าจับเอาไว้
หมอกสีดำที่ปกคลุมหัวของนกเอาไว้ไหลกลับเข้าไปในอุ้งมือ หลินยวนถอดเอาวัตถุทรงกระบอกที่อยู่บนหัวนกออก สังเกตดูนกยักษ์ที่สายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือแล้วคว้าจับขาทั้งสองข้างของนกยักษ์ขึ้นมา สะบัดเล็กน้อย นกยักษ์ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆ หลินยวนจึงจับปีกนกแล้วขยับขึ้นลงอยู่หลายที ช่วยมันทำท่ากระพือปีกบิน
หลังจากนั้นนกยักษ์ก็คล้ายจะมีการตอบสนองขึ้นมาตามสัญชาตญาณ มันเริ่มกระพือปีกทั้งสองข้าง
แรงยกตัวออกมาแล้ว หลินยวนประคองนกเอาไว้ ก่อนจะโยนให้มันบินออกไป
ท่าทางของนกยักษ์ที่กระพือปีกบินดูค่อนข้างโงนเงน ความเร็วในการโบยบินก็มิได้เร็วอะไรนัก แต่ว่ามันบินตรงไปยังหออวิ้นเสีย
หลินยวนพุ่งตัวออกไป อาศัยพุ่มไม้ที่เชื่อมติดกันบดบังอำพรางร่างกาย แล้วก็ค่อยๆ คืบเข้าไปใกล้หออวิ้นเสีย
หลังมาถึงจุดจุดหนึ่ง หลินยวนก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้อีก เนตรทิพย์คู่หนึ่งเองก็จ้องมองไปยังนกยักษ์ที่กำลังโบยบินเข้าไปทางหออวิ้นเสีย มือหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา กดเบอร์เบอร์หนึ่ง นิ้วมือรอคอยอยู่บนปุ่มโทรออก…
…..
“นกนี่มันออกมาตอนกลางคืนด้วยเหรอ?”
ผู้คุ้มกันที่อยู่ภายในหออวิ้นเสียเองก็เห็นนกที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้าแล้ว หนึ่งในนั้นมองดูนกยักษ์ที่กำลังโบยบินพลางกล่าวถามอย่างประหลาดใจ คนที่อยู่ข้างๆ จ้องมองท้องฟ้า ภายในใจก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเช่นกัน
นกยักษ์ที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าไม่มีความลังเล คล้ายในใจรู้ว่าต้องมุ่งหน้าไปยังหออวิ้นเสีย หลังไปถึงก็พุ่งโฉบลงไป
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังคล้ายรู้ว่าต้องพุ่งตัวลงไปยังจุดที่ที่มีแสงไฟสว่างที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นสถานที่ที่พานหลิงอวิ๋นพักอาศัยอยู่ ภายในตึกที่เจ้าหยวนเฉินถูกแขวนคอตายมืดสนิท เผิงซีไม่อยู่ ไม่มีคนอยู่
“ไม่น่าใช่แล้ว!” ผู้คุ้มกันพบเห็นถึงความผิดปกติของนกยักษ์ แต่จนปัญญาที่ไม่สามารถออกไปขัดขวางได้
ที่พักของพวกเขาถูก ‘ข่ายพลังสัตว์เทวะจตุรทิศ’ ขังเอาไว้ คนด้านนอกไม่สามารถบุกเข้ามาได้ง่ายๆ แต่คนด้านในก็ไม่สามารถออกไปได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน
หลินยวนที่ใช้เนตรทิพย์จ้องมองดูก็เหมือนจะเห็นว่านกบินโฉบลงไปแล้ว นิ้วมือจึงกดลงไปบนปุ่มโทรออกบนโทรศัพท์มือถือ
ผู้คุ้มกันที่แหงนหน้าจ้องมองเห็นร่างของนกยักษ์ที่พุ่งลงมาแหลกเป็นชิ้นๆ เกิดเป็นแสงสว่างที่เจิดจ้าเป็นอย่างมากเบ่งบานออกมา
ตู้ม! มีเสียงระเบิดดังกัมปนาทขึ้นมากลางอากาศ
ภายใต้อานุภาพของแรงระเบิด เกราะแสงที่ปกคลุมที่แห่งนี้เอาไว้ปรากฏตัวขึ้นมาให้เห็น ลำแสงไหลเวียนไปรอบทิศภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สกัดกั้นการทำลายล้างของระเบิดเอาไว้ ภายในเกราะแสงเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ มีเพียงคนด้านในที่รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยเท่านั้น
คนที่อยู่ภายในที่พักพากันวิ่งออกมาด้วยความตกใจ พานหลิงอวิ๋นที่นอนหลับไปแล้วก็สวมชุดนอนวิ่งออกมา โกวซิงตะโกนว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เจ้าหน้าที่เซียนสองคนที่เมืองเทียนกู่ส่งมาก็พุ่งตัวออกมาด้วยความตกใจปนสงสัยเช่นเดียวกัน
ผู้คุ้มกันรีบรายงานสถานการณ์กับทางโกวซิงทันที
…….
เหิงเทาที่อยู่ในภูเขาละแวกใกล้ๆ หันขวับกลับมาทันที พุ่งตัวมาตรงหน้ารู ได้ยินเสียงระเบิดกัมปนาท แล้วก็เห็นภาพที่ข่ายพลังสัตว์เทวะจตุรทิศปรากฏกาย
หออวิ้นเสียถูกลอบโจมตี ฆาตกรมาแล้ว! หงเทิงเหลียวหน้าไปตะคอกสั่งการ “ไป!”
ตู้มๆๆ ผู้พิทักษ์เมืองหุ้มเกราะกลุ่มหนึ่งบินทะลุชิ้นดินของภูเขาออกไป
ร่างกายของมังกรดินตัวนั้นก็เลื้อยวนขึ้นมา พุ่งตัวมุดลงไปใต้ดิน สะบัดศีรษะส่ายหางหายตัวไป
ไม่ใช่แค่ที่นี่เท่านั้น บริเวณรอบๆ ก็มีผู้พิทักษ์เมืองหุ้มเกราะจำนวนมากปรากฏตัวออกมาเช่นเดียวกัน พุ่งทะยานออกไปทางหออวิ้นเสีย
มีคนซุ่มอยู่! หลินยวนที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ดวงตาทั้งสองหรี่เล็กลงทันที พบว่าผู้พิทักษ์เมืองไม่ใช่แค่จับตาดูอยู่เท่านั้น แต่ถึงขนาดจัดวางกองทหารติดอาวุธหนักคอยซุ่มโจมตีเอาไว้ด้วย โชคดีที่ตัวเองไม่ได้บุ่มบ่ามผลีผลามเข้าไป
เขาดึงผ้าคลุมที่อยู่บนตัวออก เผยให้เห็นชุดเกราะของผู้พิทักษ์เมืองที่อยู่บนตัว แล้วก็ดึงเอาหน้ากากที่อยู่บนหน้าออก กลายเป็นชายที่มีหนวดเคราคนหนึ่ง เขาพุ่งตัวออกไป อาศัยพุ่มไม้บดบังร่างกาย เคลื่อนไหวออกไปอย่างรวดเร็ว ไล่ตามกองกำลังของทางผู้พิทักษ์เมืองที่มุ่งหน้าไปทางหออวิ้นเสีย รั้งอยู่ด้านท้ายของกองกำลัง
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นรอบด้านทำให้พวกพานหลิงอวิ๋นตกใจเป็นอย่างมาก กระทั่งพบว่าคนของผู้พิทักษ์เมืองกรูกันเข้ามาแล้วถึงได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่การที่จู่ๆ ก็มีกองทัพผู้พิทักษ์เมืองจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้ ดูแล้วไม่มีทางเป็นการรวมตัวขึ้นมาอย่างปุบปับกะทันหันได้ เรื่องนี้ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน
กองกำลังผู้พิทักษ์เมืองที่บุกเข้าไปในหออวิ้นเสียพบว่าไม่สามารถเข้าไปใกล้ที่พักของพานหลิงอวิ๋นได้ พวกเขาถูกม่านพลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากแถบหนึ่งขวางกั้นเอาไว้
ฝืนใช้พลังโจมตีก็ไร้ผล จุดที่ถูกโจมตีลงไปจะมีเงาร่างของสัตว์สี่ตัววิ่งออกมา สลายพลังโจมตีไป
เมื่อยังไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของผู้ที่รุมล้อมโจมตีคืออะไร คนที่หลบอยู่ในข่ายพลังป้องกันก็ไม่กล้าคลายข่ายพลังเช่นเดียวกัน
เหิงเทาที่บินลงมาบนพื้นเห็นภาพนี้ จึงกล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า ‘ข่ายพลังสัตว์เทวะจตุรทิศ! หยุดโจมตี พานหลิงอวิ๋น รีบคลายข่ายพลังเดี๋ยวนี้”
เหลียนเซี่ยวและว่านเฉาจื่อที่มาจากเมืองเทียนกู่เดินเข้ามา ว่านเฉาจื่อกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “หัวหน้าเหิง คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
เหิงเทากล่าว “เห็นพวกคุณถูกโจมตี ก็เลยมาช่วย ยังไม่ดีใจอีกเหรอ?”
เหลียนเซี่ยวกล่าว “หัวหน้าเหิง มาช่วยกันเร็วขนาดนี้ หลอกเด็กอยู่หรือไง? เห็นๆ อยู่ว่ามีการวางแผนเอาไว้แล้ว นี่คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เหิงเทาเองก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ตนเองได้รับจดหมายไม่ระบุชื่อออกไป “ผมกลัวว่าพวกคุณจะมีอันตราย กลัวว่าฆาตกรจะปรากฏตัว จึงจับตาดูที่นี่เอาไว้แต่แรกแล้ว”
เหลียนเซี่ยวกล่าวว่า “อย่างนั้นเหรอ?”
เหิงเทาโมโหขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าไม่เป็นเพราะหากเกิดเรื่องขึ้นอีกจะทำให้อธิบายกับทางท่านเจ้าเมืองได้ลำบาก แกคิดว่าพวกฉันอยากจะมารอคุ้มครองพวกแกทั้งคืนเหรอ? เขาตะคอกกลับไปทันทีว่า “สมองมีปัญหาเหรอไง? คนตั้งเยอะตั้งแยะแบบนี้ยังจะทำอะไรได้? พวกคุณคิดจะคุยกันโดยให้ผมอยู่ข้างนอกอย่างนี้เหรอ? รีบคลายข่ายพลังป้องกันซะ รับการตรวจสอบ ขัดขืนจะมีโทษหนัก!”
กลุ่มคนที่อยู่ด้านในสบตากัน คิดๆ ดูก็พบว่าเป็นจริงดั่งว่า คนมากมายขนาดนี้มองดูอยู่ เหิงเทาไม่กล้าทำอะไรเหลวไหลแน่ หอการค้าตระกูลพานเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่มีทางปล่อยให้ใครมารังแกได้
พานหลิงอวิ๋นที่ถูกเหิงเทาจ้องมองรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เรื่องราวในครั้งนั้นโกรธแค้นมันก็ส่วนโกรธแค้น ภายในใจยังคงมีเงามืดหลงเหลืออยู่ แต่ที่นี่เป็นอาณาเขตของเหิงเทา จึงไม่กล้าขัดขืน เอียงศีรษะส่งสัญญาณเล็กน้อย “ทำตามที่ท่านหัวหน้าบอก คลายข่ายพลังซะ”
“ครับ!” โกวซิงรับคำสั่ง รีบทำตามทันที
กระทั่งตอนที่เขากลับมาอีกครั้ง ข่ายพลังสัตว์เทวะจตุรทิศก็ถูกยกเลิกไปแล้ว การป้องกันถูกคลายออก ทั้งสองฝั่งเองก็ได้เผชิญหน้ากันอย่างเป็นทางการ
เหิงเทาโบกมือเล็กน้อย ผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าไปค้นตามที่ต่างๆ ส่วนตัวเขาเองก็มองไปรอบๆ รู้สึกไม่คล้ายว่าจะถูกโจมตีเลย จึงกล่าวถามด้วยความสงสัยทันทีว่า “เมื่อกี้นี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเห็นว่าไม่คล้ายจะถูกลอบโจมตี ทางด้านนี้ก็เบาใจขึ้นเช่นกัน เหลียนเซี่ยวยิ้มพลางกล่าวว่า “เกิดเรื่องผิดปกติขึ้นนิดหน่อยจริงๆ นกตัวหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้า นกตัวนี้น่าจะถูกคนทำอะไรกับมัน บนตัวน่าจะมีระเบิดติดตั้งเอาไว้อยู่ หลังจากนั้น ก็เป็นอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ”
“นก?” เหิงเทาขมวดคิ้ว
ว่านเฉาจื่อกล่าว “หัวหน้าเหิง คนที่ทำอะไรกับนกจะต้องเป็นคนบังคับนกแน่นอน เกรงว่านี่จะเป็นเบาะแสเดียวที่จะใช้สืบได้”
“คุณไม่ต้องมาสอนหรอกว่าผมต้องทำยังไง” เหิงเทากล่าวอย่างไม่เกรงใจ ตอนนี้เขารู้แล้วว่านี่เป็นเพียงการหยั่งเชิง ผลสุดท้ายคือล่อให้พวกเขาที่ซุ่มโจมตีโผล่หน้าออกมาจนหมด
ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว นี่ก็เท่ากับเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว เกรงว่าฆาตกรคงจะไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีก
และนี่ก็หมายความว่าจดหมายไม่ระบุชื่อฉบับนั้นเป็นของจริง ฆาตกรจับตาดูที่นี่อยู่จริงๆ แล้วก็มาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะคอยจับตาดูอยู่ในละแวกใกล้ๆ ก็เป็นได้
เขารีบหมุนตัวมองไปรอบๆ ทันที สายตาวูบไหวไม่นิ่ง ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย ใครเป็นคนส่งจดหมายไม่ระบุชื่อนี่มานะ? แล้วรู้ได้ยังไงว่าฆาตกรจะมา?
นี่จะบอกว่าขอเพียงหาตัวคนส่งจดหมายได้ ก็จะหาตัวฆาตกรได้หรือเปล่า?
แล้วต้องทำยังไงถึงจะหาตัวคนส่งจดหมายได้?
ผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่งที่บุกเข้าไปในที่พักทยอยเดินออกมารายงาน ต่างบอกว่าไม่พบความผิดปกติใดๆ
เหิงเทาใบหน้าคร่ำเคร่ง รู้ว่าตนเองแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว ยกโขยงกันมาแบบนี้ คนตาบอดยังมองเห็นเลย ขอเพียงฆาตกรไม่ใช่คนโง่ เขาก็ไม่มีทางจะปรากฏตัวขึ้นอีก จึงออกคำสั่งเสียงขรึมว่า “ถอนกำลัง!”
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบนับจำนวนคนแล้วถอนกำลังออกไปทันที กำลังพลอยู่ครบ ทยอยถอนกำลังออกไป
เหิงเทาเหลือบมองพวกพานหลิงอวิ๋นเล็กน้อย รู้ว่าคนเหล่านี้นำเอาข่ายพลังป้องกันสัตว์เทวะจตุรทิศมาด้วย จึงมิได้รู้สึกกังวลใจอะไรนัก หมุนตัวจากไป
โกวซิง เหลียนเซี่ยว ว่านเฉาจื่อเขยิบเข้ามาใกล้พานหลิงอวิ๋น
พานหลิงอวิ๋นรู้ว่าพวกเขามีอะไรจะพูดด้วย แต่เมื่อมองดูชุดนอนที่อยู่บนตัวแล้ว การปรากฏตัวเช่นนี้ต่อหน้าทุกคนดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร เมื่อกี้ที่วิ่งออกมาก็เป็นเพราะเหตุการณ์เร่งด่วน “คืนนี้อย่าได้คิดจะนอนหลับกันให้สบายเลย รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยว่ากัน โกวซิง วางข่ายพลังใหม่” กล่าวจบก็เดินจากไป กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
โกวซิงตะโกนบอกทุกคน “เฝ้าระวังเต็มที่ ห้ามประมาทเด็ดขาด”
…………………………………………………………..