ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 50 จับมาก่อนค่อยว่ากัน
ตอนที่ 50 จับมาก่อนค่อยว่ากัน
“ไม่ใช่พวกเราทำ แล้วใครทำ?” ฉินอี๋เดินกลับไปกลับมาพลางครุ่นคิด จากนั้นหมุนตัวรีบเดินออกไปพลางกล่าวว่า “ไป ไปดูหน่อยว่าทางพ่อมีข่าวอะไรบ้างหรือเปล่า”
ในมือเธอมีคนกลุ่มหนึ่งเอาไว้ใช้งานอย่างลับๆ พ่อของเธอเองก็มีกลุ่มหนึ่งเช่นกัน ปกติจะต่างคนต่างใช้คนของตัวเอง ในเวลานี้ย่อมต้องเอาข้อมูลมาแบ่งปันกัน
ทั้งสองคนสวมชุดนอนรีบเดินออกไป ไม่มีเวลามานั่งสนใจภาพลักษณ์ ร้อนใจที่จะรู้ให้ได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังมาถึงจะพบว่าฉินเต้าเปียนกับหลิ่วจวินจวินก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน ทั้งคู่สวมชุดนอนเหมือนกัน กำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้านนอกห้องนอนด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง
ไป๋ซานเป้าเองก็อยู่ด้วย สีหน้ายิ่งดูแย่
พอเข้ามาแล้วกวาดตามอง ฉินอี๋กล่าวถามทันทีว่า “เรื่องที่เจ้าหยวนเฉินถูกฆ่า พวกพ่อรู้แล้วเหรอคะ?”
“เอ่อ…” ไป๋ซานเป้าเหลียวหน้ากลับมาด้วยความงุนงง
ฉินเต้าเปียนลุกขึ้นยืน “เจ้าหยวนเฉินก็ถูกฆ่าด้วยเหรอ?”
ก็? แววตาของฉินอี๋วูบไหว กล่าวถามเสียงขรึมว่า “ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ?”
ไป๋ซานเป้ากล่าวอย่างลำบากใจ “ทางกระผมทำพลาดนิดหน่อย เกรงว่าจะทำให้ตระกูลฉินต้องเดือดร้อนแล้วครับ”
ไป๋หลิงหลงตกใจ กล่าวว่า “ปู่ มันเกิดอะไรขึ้น?”
สายตาของฉินอี๋เองก็จ้องมองไปที่เขา
ไป๋ซานเป้าทำท่าทางเหมือนไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี สีหน้ากระอักกระอ่วน “วันนี้ผมไปเตือนไอหัวล้านเฉามา ให้มันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร บีบให้มันตัดสินใจเลือก เพื่อที่จะได้รู้ว่าตระกูลโจวกำลังวางแผนอะไรมาเล่นงานพวกเรา ผมเห็นไอหัวล้านเฉามันเหมือนจะคิดไม่เป็น กลัวว่ามันจะหนี ก็เลยส่งคนไปคอยจับตาดูมันไว้ แต่ใครจะไปรู้ว่าพอคนของเราไปถึง ก็เห็นว่าบนถนนด้านนอกรังของหัวล้านเฉามีผู้พิทักษ์เมืองนอนตายอยู่สองคน คนของพวกเราก็เลยเข้าไปดูด้านในบ้านทันที ถึงได้พบว่าพวกหัวล้านเฉาถูกคนฆ่าตายจนหมดเลยครับ”
ไป๋หลิงหลงไม่เข้าใจ ฉินอี๋เองก็ไม่เข้าใจ จึงกล่าวว่า “ต่อให้เป็นแบบนี้ แล้วมันทำให้ตระกูลเราเกิดปัญหายังไง?”
ฉินเต้าเปียนกล่าวด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง “มันบังเอิญน่ะสิ คนของผู้พิทักษ์เมืองเดินทางมาถึงพอดี เลยเจอคนของเราอยู่ในบ้านหัวล้านเฉาพอดี พวกเขาเลยล้อมจับคนของเราเอาไว้ในฐานะฆาตกร นี่เท่ากับว่าพวกเราถูกจับได้คาหนังคาเขา ถ้าไม่เป็นเพราะด้านนอกมีคนคอยดูต้นทางอยู่ ก็เลยค่อยๆ หลบออกมาส่งข่าวได้ เกรงว่าตอนนี้พวกเราก็คงจะยังไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
หลิ่วจวินจวินถอนใจพลางกล่าว “ถูกเจอในสถานที่เกิดเหตุ ทั้งยังฆ่าผู้พิทักษ์เมืองอีก เกรงว่าคงยากจะอธิบายให้ชัดเจนได้ในระยะเวลาสั้นๆ”
ฉินเต้าเปียนกล่าว “ฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมในเมืองปู๋เชวี่ย นี่มันทำผิดข้อห้ามของลั่วเทียนเหอไปแล้ว อีกทั้งยังฆ่าผู้พิทักษ์เมืองอีก เกรงว่าลั่วเทียนเหอจะต้องโกรธอย่างมากแน่ ไปล้ำเส้นเขาเข้าแบบนี้ ด้วยนิสัยของเขาเกรงว่าคงไม่มีทางไว้หน้าพวกเราแน่”
ฉินอี๋กล่าว “ไม่ต้องร้อนใจ ไม่ใช่พวกเราทำ ถ้าคิดหาวิธีจะต้องอธิบายได้แน่”
หลิ่วจวินจวินกล่าวถาม “เออใช่ แล้วเรื่องเจ้าหยวนเฉินนี่มันยังไงกัน?”
“เจ้าหยวนเฉินถูกคนจับแขวนคอตายอยู่ในห้องของตัวเอง คนในหออวิ้นเสียเองก็ถูกฆ่าตายจนหมด…” ฉินอี๋บอกเล่าเรื่องราวที่รู้มา
“ซี๊ด!” ฉินเต้าเปียนสูดปากด้วยความตกใจ “นี่มันฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมจริงๆ ด้วย! ไม่ใช่พวกเราทำ แล้วใครเป็นคนทำกันแน่? เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นพร้อมกันในสองที่ นี่จะต้องเป็นฝีมือพวกเดียวกันแน่”
หลิ่วจวินจวินหรี่ตาเล็กน้อย “คนของหัวล้านเฉาก็มีอยู่ไม่น้อย ทางเจ้าหยวนเฉินเองก็มีคนคุ้มกันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ใครกันที่มีความสามารถขนาดนี้ ถึงขนาดเข้าไปฆ่าคนทั้งสองที่อย่างเงียบๆ ได้?”
ฉินเต้าเปียนหัวเราะหึหึ “เจ้าหยวนเฉินก็ตายไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าเกี่ยวข้องกับการประมูลเทพมหาวิญญาณทั้งนั้น ตระกูลฉินลงมือโหดเหี้ยมเพราะจะช่วงชิงผลประโยชน์ ตอนนี้พวกเราก็มีคำอธิบายแล้ว หรือว่าไม่ใช่ตระกูลพานกับตระกูลโจวจงใจมาใส่ร้ายตระกูลฉินล่ะ?”
ฉินอี๋ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเงียบๆ
ฉินเต้าเปียนพลันทำการตัดสินใจออกมา “จะชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าขืนช้าต่อไปจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ถ้ารอให้คนของผู้พิทักษ์เมืองมาจับตัวไปมันจะส่งผลกระทบที่ไม่ดี ตอนนี้ทุกคนรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แล้วตามฉันไปที่สำนักงานเจ้าเมือง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ถ้าเขาถามอะไรก็ตอบไปตามตรง อย่าได้ปิดบัง ต้องทำให้เรื่องนี้มันกระจ่างให้ได้”
ฉินอี๋พลันเหลียวหน้าไปพูดกับไป๋หลิงหลง “เธอไม่ต้องไป อยู่ที่นี่”
ฉินเต้าเปียนกล่าวเสียงขรึม “ตอนนี้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีไม่สามารถปิดบังต่อไปได้อีก หลิงหลงเองก็ต้องไปรับการสอบสวนด้วย”
ฉินอี๋ทำเหมือนไม่ได้ยิน เธอหันหน้าไปหาไป๋หลิงหลง กล่าวสั่งการอย่างใจเย็นว่า “เธอมีสามเรื่องที่ต้องไปจัดการทันที แล้วก็ต้องเร็วด้วย”
เรื่องแรก เธอต้องรีบไปแจ้งความเรื่องการตายของเจ้าหยวนเฉิน
เรื่องที่สอง เธอรีบไปหาจูลี่ที่ปู๋เชวี่ยวีดีโอ ต้องขอร้องให้จูลี่ช่วยพูดให้เรา เรากับเธอทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี จูลี่ได้รับน้ำใจจากเรา แล้วก็เป็นเพราะความร่วมมือกันระหว่างเธอกับเรา ถึงแม้เธอจะต้องเข้าข้างปู๋เชวี่ยวีดีโอ แต่เธอก็คงไม่อยากให้ตระกูลฉินต้องพังพินาศไป ขอเพียงหาวิธีพูดได้ เธอก็น่าจะพยายามลองดู ตอนนี้ลั่วเทียนเหอกำลังโมโหอย่างมาก เนื่องจากตอนนี้ลั่วเทียนเหอกำลังให้ความสำคัญกับปู๋เชวี่ยวีดีโอ การที่จูลี่ออกหน้าช่วยพูดให้จึงเหมาะสมที่สุด แต่ต้องจำเอาไว้ คืนนี้จูลี่ห้ามโผล่หน้าออกไป ให้เธอไปหาลั่วเทียนเหอพรุ่งนี้เช้า เธอน่าจะเข้าใจว่าฉันหมายความว่าอย่างไร”
เรื่องที่สาม เธอแอบไปพบหัวหน้าเหิงเทา พวกเราไปอธิบายกับทางลั่วเทียนเหอ ส่วนเธอก็แอบไปอธิบายกับทางเหิงเทาหน่อย ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เพียงแค่อธิบายให้ชัดเจนก็พอว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหิงเทาคิดเองได้ จากนั้นถ้าเหิงเทาให้เธออยู่ เธอก็อยู่ ถ้าเหิงเทาให้เธอกลับ เธอค่อยมาที่สำนักงานเจ้าเมืองก็ยังไม่สาย”
ไป๋หลิงหลงจำคำสั่งเอาไว้แล้ว แต่เธอยังคงอดเหลือบมองไปทางฉินเต้าเปียนไม่ได้ ฉินอี๋สามารถทำเป็นเมินฉินเต้าเปียนได้เพราะเป็นลูกสาว แต่เธอไม่สะดวกที่จะทำเป็นไม่สนใจฉินเต้าเปียนต่อหน้าฉินเต้าเปียน
ไป๋ซานเป้าได้ยินเช่นนั้นจึงพยักหน้าหงึกๆ พลางกล่าวว่า “นายท่าน คุณหนูพูดมีเหตุผลครับ แผนการของคุณหนูเหมาะสมอย่างมากครับ”
หลิ่วจวินจวินเองก็พยักหน้าช่วยพูด “ฟังอี๋เอ๋อร์เถอะค่ะ”
ฉินเต้าเปียนได้ฟังแผนการของลูกสาว ภายในใจก็รู้สึกเห็นด้วยเช่นเดียวกัน จึงส่งเสียงอืมพลางกล่าวว่า “หลิงหลง ไปจัดการตามนี้แล้วกัน”
“ค่ะ ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ค่ะ” ไป๋หลิงหลงรับคำแล้วรีบออกไปทันที เรื่องราวเร่งด่วนเช่นนี้ ไม่อาจชักช้าได้
ส่วนคนอื่นๆ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉินอี๋เองก็ไม่กล้าแต่งตัวในแบบสมัยใหม่อีก รู้ว่าลั่วเทียนเหอเป็นคนหัวโบราณ ในเวลานี้ไม่ควรทำให้ลั่วเทียนเหอรู้สึกเกะกะลูกตาอีก จึงหาชุดที่ดูโบราณมาสวมใส่
ความจริงเธอไม่ชอบชุดโบราณแบบนี้ เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่คุณหนูหรือคุณนายผู้สูงศักดิ์อะไรอีก หากแต่ต้องออกไปร่วมงานต่างๆ เป็นประจำ ชุดโบราณแบบนี้พอสวมใส่ หากเร่งร้อนรีบเดินเพียงนิดเดียว ชายกระโปรงก็จะสะบัดหน้าสะบัดหลังขึ้นมาทันที หากไม่ระวังก็จะทำให้ดูไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไร
หลังแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วมาเจอกัน ฉินอี๋สังเกตเห็นว่าหลิ่วจวินจวินเองก็เปลี่ยนเป็นชุดแบบโบราณเช่นเดียวกัน
จากนั้นทำการเรียกตัวผู้คุ้มกัน ก่อนจะออกเดินทางไปด้วยกัน
……
ณ หออวิ้นเสีย เหิงเทาบินลงมาจากฟ้า ก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบนภายใต้การนำของลูกน้อง เมื่อมาถึงชั้นบนก็มองเห็นศพของเจ้าหยวนเฉินที่กำลังถูกตรวจสอบนอนอยู่บนพื้น
เหิงเทาเดินสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง ขณะเดียวกันก็สอบถามสถานการณ์จากเจ้าหน้านี้สืบสวน จากนั้นเดินออกไปดูที่ด้านนอกอีกครั้ง
ภายในสวนของหออวิ้นเสีย ร่องรอยการทำลายศพเหมือนกับวิธีการทำลายศพที่รังของเฉาลู่ผิง
เหิงเทาที่อยู่ภายในสวนเหลียวหน้ามองกลับไปยังห้องที่ถูกแขวนศพเอาไว้ ภายในใจเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา คนอื่นๆ ตายแบบไม่เหลือซาก แต่เจ้าหยวนเฉินกลับถูกแขวนคอตาย นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
แล้วก็ยังมีชายหญิงที่บ้านของเฉาลู่ผิงคู่นั้น ฆ่าคนอื่นจนหมด แต่กลับเหลือชายหญิงคู่หนึ่งเอาไว้
ปล่อยคนคู่หนึ่งเอาไว้ที่บ้านเฉาลู่ผิง แล้วยังทิ้งศพที่สมบูรณ์เอาไว้ที่นี่อีกศพหนึ่ง ฆาตรกรที่โหดเหี้ยมคนนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่?
ไม่ว่ามองอย่างไรก็รู้สึกแปลก แต่เขากลับคิดไม่ออก แล้วก็หาเบาะแสร่องรอยอะไรไม่เจอ รู้สึกว่านี่เป็นฆาตกรที่แปลกประหลาดอย่างมาก
หลังเดินสอบถามจากรอบด้าน เขาก็บินขึ้นฟ้าไปอีกครั้ง ตรงไปยังสำนักงานเจ้าเมือง
ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปอาคารหลักของสำนักงานเจ้าเมือง ทหารนายหนึ่งก็วิ่งเข้ามาเรียกเขา ก่อนจะกระซิบข้างหูเขาเบาๆ “ไป๋หลิงหลงจากตระกูลฉินอยากขอพบท่านเป็นการส่วนตัวครับ”
เหิงเทาเอียงศีรษะเล็กน้อย เมื่อคิดถึงว่าคดียังไม่ได้ข้อสรุป การตายของเจ้าหยวนเฉินเองก็เป็นทางตระกูลฉินที่แจ้งความ ไป๋หลิงหลงที่ตอนนี้เป็นคนสำคัญอันดับสองของตระกูลฉินคนนั้น เขาครุ่นคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็หมุนตัวเดินไปพบอีกฝ่าย….
…….
ภายในสำนักงานเจ้าเมืองมีทางเส้นหนึ่งที่ตรงไปยังถ้ำที่อยู่ใจกลางภูเขา
ในพื้นที่ใจกลางภูเขามีสถานที่ที่ดูเหมือนตำหนักน้ำแข็งแห่งหนึ่ง แผ่กระจายไอเย็นออกมาท่ามกลางความมืด ลั่วเทียนเหอกำลังนั่งทำสมาธิอยู่ในนั้น
จู่ๆ พลันมีแสงสว่างสาดส่องขึ้นมาตรงหน้าลั่วเทียนเหอ ผลึกน้ำแข็งรอบด้านเปล่งประกายระยิบระยับทันที ภายในห้องสว่างไสวขึ้นมา
ลั่วเทียนเหอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา รู้ว่าทางสำนักงานเจ้าเมืองมีเรื่องด่วนต้องการพบเขา มิเช่นนั้นไม่มีทางมารบกวนในตอนที่เขาทำการบำเพ็ญเพียรอยู่แน่ จึงค่อยๆ ถอนพลังทันที จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วบินมายังปากทางออก ผลักประตูหินแล้วเดินออกไป
ภายในโถงหลักของสำนักงานเจ้าเมือง ลั่วเทียนเหอเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น บนร่างยังมีไอความเย็นจางๆ ลอยออกมา
เหิงเทาเดินเข้าไปประสานมือ “ท่านเจ้าเมือง เกิดเรื่องแล้วครัง รังของหัวล้านเฉาถูกคนเข้าไปฆ่าจนหมด แล้วก็ยังมีผู้พิทักษ์เมืองตายไปอีกสองคนด้วยครับ…”
หลังฟังรายงานจบ แผ่นหลังที่โค้งงอเล็กน้อยเหมือนอูฐของลั่วเทียนเหอก็ยืดตรงขึ้นมา ใบหน้าเย็นยะเยือกน่าหวาดกลัว จ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาเย็นชา
เหิงเทากล่าวต่อว่า “จากสิ่งของที่อยู่ในแหวนสารพัดนึกทั้งสองวงที่หาพบที่ด้านนอก พอจะระบุตัวตนของผู้ตายสองคนที่ด้านนอกได้คร่าวๆ ดูแล้วน่าจะเป็นสองสามีภรรยาผีหงที่เป็นหนึ่งในหนึ่งในสามหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มใต้ดินในเมืองปู๋เชวี่ย คนของเรารีบเดินทางไปที่รังของทั้งสอง แต่ก็พบว่าที่รังของผีหงสองสามีภรรยาก็โดนฆ่าตายจนหมดครับ”
“จากนั้นก็ได้รับการแจ้งความจากทางตระกูลฉิน พบว่าที่หออวิ้นเสียก็ถูกฆ่าตายจนหมดเหมือนกัน คนที่ชื่อเจ้าหยวนเฉินจากตระกูลโจวคนนั้นถูกคนจับแขวนคอตายอยู่ในห้องของตัวเอง สถานการณ์หลักๆ ในเวลานี้เป็นเช่นนี้ครับ ตอนนี้เพิ่งจะตรวจพบได้ไม่นาน รายละเอียดยังต้องทำการสืบต่อไปครับ”
ลั่วเทียนเหอกล่าวออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หออวิ้นเสียถูกฆ่าตายจนหมด ตระกูลฉินมาแจ้งความอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ ทางตระกูลฉินคอยจับตาดูเจ้าหยวนเฉินอยู่…”เหิงเทากล่าวรายงานเรื่องที่ทางตระกูลฉินมาแจ้งความให้ฟัง
ลั่วเทียนเหอกล่าว “สองคนที่รอดชีวิตเสียความทรงจำไป?”
เหิงเทากล่าว “ใช่ครับ จากการวิเคราะห์ในเบื้องต้น เป็นเพราะศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนสูญเสียความทรงจำไป แต่จากการตรวจร่างกายแล้วพบว่าสัญชาตญาณในการใช้ชีวิตพื้นฐานที่อยู่ในจิตสำนึกส่วนลึกบางอย่างยังคงอยู่ อย่างเช่นยังจำตัวหนังสือได้ แต่ความทรงจำเกี่ยวกับคนและเรื่องราวต่างๆ ล้วนลืมไปหมดแล้วครับ”
ลั่วเทียนเหอถามเขาด้วยน้ำเสียงเสียดสีเล็กน้อย “คนสองคน หัวถูกกระแทกบาดเจ็บสาหัสจนสูญเสียความทรงจำไปทั้งคู่ กระแทกได้พอดีจริงๆ นายเชื่อไหม?”
เหิงเทากล่าว “ไม่เชื่อครับ น่าจะมีคนทำอะไรบางอย่างกับทั้งคู่ครับ”
ลั่วเทียนเหอกล่าว “แล้วไอหัวล้านอะไรนั่น เหมือนนายจะเคยบอกว่าช่วงนี้มันอยู่กับคนแซ่เจ้าอะไรนั่นใช่ไหม?”
เหิงเทากล่าว “น่าจะรวมหัวกันเตรียมเล่นงานตระกูลฉิน คงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องประมูลเทพมหาวิญญาณครับ”
ลั่วเทียนเหอกล่าว “อย่างนั้นก็ไปสืบซะ สืบทุกคนที่เกี่ยวข้อง จับมาก่อนค่อยว่ากัน สอบปากคำทีละคน ฉันอยากรู้นักว่าใครมันกล้าดีทำแบบนี้!”
เหิงเทาเข้าใจเขา ในเวลาแบบนี้ท่าทียิ่งดูสบายๆ นั่นก็ยิ่งแสดงว่าภายในใจเขากำลังโมโหอย่างมาก จึงลังเลเล็กน้อย กล่าวถามหยั่งเชิงว่า “แล้วทางสองพ่อลูกฉินเต้าเปียนให้จับมาก่อนไหมครับ?”
ลั่วเทียนเหอจ้องมองเขา “เรื่องไว้หน้ามันต้องดูด้วยว่าเมื่อไร ทุกเรื่องล้วนแต่มีขีดจำกัด ตอนนี้มีคนข้ามเส้นแล้ว เที่ยวฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมไปทั่ว กระทั่งผู้พิทักษ์เมืองก็ยังกล้าลงมือสังหาร แล้วยังจะคิดทำอะไรอีก? ถ้ายังปล่อยไป เมืองปู๋เชวี่ยได้วุ่นวายแน่! ถ้าไม่จับพวกเขา แล้วยังจะสืบอะไร นายยังจะไปสืบจากไหน อย่างนั้นก็ไม่ต้องสืบแล้ว ปล่อยไปเลยไม่ต้องสนใจ”
“ครับ!” เหิงเทารีบประสานมือรับคำสั่ง
ในเวลานี้เอง ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานว่า “ท่านเจ้าเมืองครับ ฉินเต้าเปียนกับลูกสาวมาขอพบท่านครับ”
ลั่วเทียนเหอกล่าว “มาทำไม? จะมาแก้ตัวเหรอ? ไม่พบ! จับตัวไปสอบสวนซะ”
……………………………………………………………..