ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 37 ร่วมมือ
ตอนที่ 37 ร่วมมือ
“ให้พี่จัดการ?” พานหลิงอวิ๋นรู้สึกโมโหทันทีที่ได้ยิน ลุกพรวดขึ้นยืน “ไหนตกลงกันแล้วไงว่าเรื่องนี้ฉันเป็นคนจัดการ นี่ฉันยังจัดการไม่เสร็จเลย แล้วจะให้ฉันกลับไปได้ยังไง?”
พานหลิงเยวี่ยสีหน้าคร่ำเคร่งทันที “แกลองดูสภาพของแกในตอนนี้สิ แกคิดว่าถ้าแกอยู่ต่อมันเหมาะสมไหม? ฉินอี๋เล่นงานเจ้าหยวนเฉินก่อน จากนั้นก็จับแกเข้าคุก เห็นๆ อยู่ว่าเธอจงใจฉีกหน้า อีกทั้งที่นี่ยังเป็นถิ่นของเธอด้วย ฝีมือของเธอเป็นยังไง แกเองก็ได้รับรู้แล้ว แกคิดว่าด้วยสภาพจิตใจของแกในตอนนี้ยังจะจัดการเรื่องนี้ต่อได้อยู่เหรอ? ถ้าหากปล่อยให้เธอได้มีโอกาสอีกครั้งล่ะก็ แกเคยคิดถึงผลที่ตามมาไหม?”
“ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ลั่วเทียนเหอปล่อยแกออกมาเพราะเห็นแก่หน้าเจ้าเมืองมู่ แล้วถ้าแกก่อเรื่องขึ้นในเมืองปู๋เชวี่ยอีก อย่างนั้นมันก็เท่ากับว่าแกไม่เห็นลั่วเทียนเหออยู่ในสายตา นั่นเท่ากับเป็นการตบหน้าลั่วเทียนเหอ เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้เป็นเจ้าเมืองมู่ก็คงไม่สามารถช่วยขอร้องแทนแกได้แล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครช่วยแกได้แล้ว!”
พานหลิงอวิ๋นพยายามระงับอารมณ์โกรธ กล่าวอย่างจริงใจว่า “พี่รอง ที่พี่พูดมาฉันเข้าใจดี ฉันพลาดท่ามาแล้วครั้งหนึ่ง หรือว่าฉันจะทำพลาดเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สองอีก พี่รอง ครั้งนี้ฉันแพ้แบบไม่ขาวสะอาด ยังไม่ทันได้เผชิญหน้าก็ถูกนังนั่นใช้ลูกไม้สกปรกแล้ว มันฉวยโอกาสเล่นงานตอนที่ฉันไม่ระวังตัว นี่เรียกว่าฝีมือได้อย่างนั้นเหรอ? พี่ให้ฉันกลับไปตอนนี้ แล้วฉันจะกล้ำกลืนความโกรธนี้เอาไว้ได้ยังไง?”
พานหลิงเยวี่ยกล่าว “พอแล้ว ฉันไม่อยากฟังแล้ว วันประมูลเทพมหาวิญญาณถูกกำหนดลงมาแล้ว ตระกูลไม่มีเวลาให้แกมานั่งงอแงอีก นี่เป็นคำสั่งของพ่อ!”
“ฉันจะอธิบายกับพ่อเอง” พานหลิงอวิ๋นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
……
“หมายความว่ายังไงอะไร?”
ไป๋หลิงหลงที่เดินเข้าไปในห้องทำงานของฉินอี๋ถูกฉินอี๋กล่าวถามจนรู้สึกงุนงง
“เธอลองมาดูสิ” ฉินอี๋ผลักแผ่นโลหะทรงกลมที่อยู่ในมือไปบนโต๊ะให้อีกฝ่าย เป็นเครื่องเล่นวีดีโออันหนึ่ง
ไป๋หลิงหลงที่ไม่เข้าใจกดปุ่มเปิดวิดีโอขึ้นมา ภายในฉากแสงที่ปรากฏขึ้นมามีแต่ความมืด ไม่มีภาพอะไรเลย เธอกดเปลี่ยนช่องอีกครั้ง ภายในภาพมีห้องห้องหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ไป๋หลิงหลงงุนงงไปเล็กน้อย การตกแต่งภายในห้องนี้ค่อนข้างคุ้นตา เธอกดเปลี่ยนช่องวีดีโออีกครั้ง มุมของกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อกันที่ปรากฏขึ้นมาทำให้เธอเข้าใจแล้ว นี่คือภาพภายในห้องทำงานของหลินยวน
หลังเปลี่ยนช่องดูซ้ำไปซ้ำมา ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าฉินอี๋สงสัยอะไร ภาพกล้องวงจรปิดในที่อื่นๆ ที่อยู่ภายในห้องทำงานของหลินยวนล้วนปกติ ยกเว้นก็แต่เพียงภาพภายในห้องโถงหลักที่เป็นสีดำ ไม่มีภาพอะไรเลย เธอจึงกล่าวอธิบายทันทีว่า “ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย การติดตั้งน่าจะไม่มีปัญหาอะไร อาจจะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นก็ได้”
ฉินอี๋ไม่ได้พูดอะไรอีก รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย เมื่อดูจากภาพในกล้องวงจรปิด เธอพบว่าหลินยวนแทบจะไม่ปรากฏตัวอยู่ในสถานที่อื่นด้านนอกโถงหลักเลย แล้วยังจะดูอะไรได้อีก?
ไม่ต้องพูดอะไร ไป๋หลิงหลงเองก็รู้ว่าควรจะทำอย่างไร “ฉันจะรีบให้คนไปจัดการ”
……
“พี่ พี่มาทำไม? ฉันกำลังทำงานอยู่นะ”
ด้านนอกสำนักงานใหญ่หอการค้าตระกูลฉิน กวนเสี่ยวชิงรีบวิ่งมาที่รถคันหนึ่ง แสดงท่าทีไม่พอใจต่อกวนเสี่ยวไป๋ที่นั่งอยู่ในรถ
กวนเสี่ยวไป๋แสยะยิ้มเล็กน้อย กวักมือเรียกพลางกล่าว “ขึ้นรถ เสียเวลาแกไม่นานหรอกน่า”
กวนเสี่ยวชิงจึงได้แต่ต้องเดินอ้อมไปอีกด้าน ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ “เรื่องอะไรถึงคุยในโทรศัพท์ไม่ได้?”
กวนเสี่ยวไป๋ล้วงเอากล่องใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า ก่อนจะยื่นส่งให้เธอ “ส่งของ คุยในโทรศัพท์จะส่งยังไงล่ะ?”
กวนเสี่ยวชิงคิดว่าเป็นของขวัญอะไร จากสีหน้าโมโหจึงแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มขึ้นมา พลิกไปพลิกมาต้องการจะเปิดออกดู “อะไรเหรอ?”
กวนเสี่ยวไป๋ยื่นมือมากดเอาไว้ “ไม่ได้ให้เธอ ให้หลินยวน ครั้งที่แล้วเขาบอกให้ฉันช่วยซื้ออะไรมาให้หน่อย วันนี้ผ่านมาแถวนี้พอดี ก็เลยเอามาส่งให้เขา”
กวนเสี่ยวชิงงุนงง “พี่เอาให้เขาเองไม่ได้เหรอ? ฉันบอกพี่ไปแล้วไงว่าผู้ช่วยไป๋ให้ฉันอยู่ห่างๆ จากเขา”
กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “ฉันรู้ ฉันโทรหาเขาแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงโทรไม่ติด พอดีแวะมาก็เลยโทรหาเธอ ลงรถไป ฉันยังมีธุระต้องกลับไปทำที่ร้านอีก”
กวนเสี่ยวชิงมุ่ยปาก เปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะปิดประตูดังปึงแล้วเดินออกไป
กวนเสี่ยวไป๋ที่มองดูน้องสาวเดินจากไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดหาเบอร์เบอร์หนึ่ง อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็ว เป็นเสียงของหลินยวน “ว่าไง”
กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “ของส่งให้เสี่ยวชิงตามที่แกบอกแล้ว”
หลินยวนกล่าว “เสี่ยวชิงเดินถึงไหนแล้ว?”
กวนเสี่ยวไป๋จ้องมองดูน้องสาวที่เดินจากไป “เพิ่งจะผ่านป้อมยามเข้าไป”
“ดี” หลินยวนที่นอนอยู่บนโซฟาวางสาย จ้องมองนาฬิกาที่อยู่บนผนังพลางคำนวณเวลา
เสียงเคาะประตูดังก๊อกๆ หลัวคังอันเดินเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ก่อนจะกล่าวตะโกนว่า “ไปกินข้าวกันไหม? ฉันเลี้ยงเอง”
หลินยวนกล่าว “ไม่อยากกิน ผมบอกพี่แล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้มารบกวนก่อนเลิกงาน?”
“เหอะๆ ว่าแล้วเชียว นอกจากวันแรกแล้ว นายก็ไม่เคยไปที่โรงอาหารเลยสักครั้ง” หลัวคังอันเดินมานั่งลงข้างๆ ทำเป็นว่าไม่ได้ยินคำพูดประโยคหลังของเขา ก่อนจะเริ่มบ่นขึ้นมาอีกครั้ง พูดไปได้ไม่กี่ประโยคก็พูดถึงผู้หญิงที่ไนต์คลับคนนั้นขึ้นมา บอกว่ายังไม่ได้เธอสักที เรียกได้ว่าคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
หลินยวนเหลือบมองเขา พบว่าคนคนนี้นี่สุดยอดจริงๆ เลย เพิ่งจะอยู่ด้วยกันกับจูเก่อม่าน แต่ภายในหัวก็ยังคิดถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่งไปด้วย
เขามั่นใจว่าไม่ช้าก็เร็ว คนคนนี้ต้องตายด้วยน้ำมือผู้หญิงแน่นอน
เขาเหลือบมองดูนาฬิกา พบว่าคนคนนี้ยังคงพร่ำบ่นไปเรื่อย ไม่มีทีท่าว่าจะไป เขาจึงหาเหตุผลมาไล่ทันที “อีกเดี๋ยวจูลี่จากปู๋เชวี่ยวีดีโอจะมาหาผมที่นี่”
“เอ่อ…” หลัวคังอันพลันเงียบไปทันที ทั้งตกใจและสงสัย กล่าวว่า “เธอมาหานาย? มาหานายทำไม?”
หลินยวนกล่าว “ไม่รู้ เห็นบอกว่ากำลังถ่ายอะไรบางอย่างกับทางหอการค้าอยู่ น่าจะมาเพราะเรื่องนี้ล่ะมั้ง”
“อย่างนั้น ฉันไม่รบกวนนายก็แล้วกัน” หลัวคังอันกล่าวจบก็วิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
เขาเพิ่งจะจากไปไม่นาน หลินยวนที่จ้องมองนาฬิกาก็ลุกขึ้น รีบเดินไปยังลิฟต์
หลังมาถึง เขาก็สำรวจดูลิฟต์สองสามตัวนั้นเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปกดปุ่มลิฟต์ขึ้น
กระทั่งลิฟต์ตัวหนึ่งเปิดออก กวนเสี่ยวชิงที่อยู่ด้านในก็เผชิญหน้ากับเขาพอดี
กวนเสี่ยวชิงงุนงงไปเล็กน้อย เธอกำลังลังเลว่าจะเจอหน้าเขาดีหรือไม่ แล้วก็บังเอิญมาเจอพอดี จึงรีบเอาของส่งให้เขา “พี่หลิน พี่ฉันให้ฉันเอาของมาให้พี่”
“ขอบใจนะ” หลินยวนรับของมาแล้วยัดใส่กระเป๋า จากนั้นหมุนตัวเดินออกไป ไม่ปล่อยให้ใครได้มีโอกาสได้ทำอะไรในห้องเขา
ภายในระยะนี้เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาระมัดระวังตัวเรื่องที่ถูกจับตามอง
กวนเสี่ยวชิงร้องเอ๋ “พี่ไม่ขึ้นไปเหรอ?”
หลินยวนตอบกลับมา “เมื่อกี้โทรคุยกับพี่เธอแล้ว กำลังจะขึ้นไปเอาของกับเธอพอดี ตอนนี้ได้แล้วก็ไม่ต้องขึ้นไปแล้ว”
กวนเสี่ยวชิงร้องอ้อ จึงรอให้ประตูลิฟต์ปิดลง จากนั้นขึ้นไปข้างบนคนเดียว
หลินยวนที่กลับมาถึงห้องทำงานแกะห่อของที่อยู่ในมือ หยิบเอากล้องวงจรปิดขนาดเล็กออกมาสองสามตัว ก่อนจะเริ่มติดตั้งเอาไว้ ตำแหน่งติดกล้องเขาคิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
……..
ไม่ง่ายเลยกว่าจะอดทนจนถึงเวลาเลิกงาน หลัวคังอันมาอีกแล้ว ครั้งนี้ท่าทางเขาดูลับๆ ล่อๆ มองซ้ายมองขวาพลางกล่าวว่า “จูลี่ไปแล้วเหรอ?”
หลินยวนเดาได้ว่าหลัวคังอันจะต้องมาลากเขาไปเที่ยวเป็นเพื่อนอีกแน่ แต่เขาต้องไปทำความสะอาดที่ห้องทำงานของฉินอี๋ จากนั้นยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำอีก จึงไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนเขาได้ แล้วก็ไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนด้วย จึงตอบส่งๆ ไปว่า “ไม่ได้มา เธอมีธุระกะทันหันก็เลยยกเลิกนัดไปก่อน แต่นัดเอาไว้แล้วว่าอีกเดี๋ยวเจอกัน ผมกำลังรอให้เธอโทรมาอยู่”
“เอ่อ…” หลัวคังอันตะลึงไปทันที ก่อนจะยิ้มแห้งพลางกล่าวว่า “น้องหลิน ในเมื่อนายมีธุระ อย่างนั้นฉันก็ไม่รบกวนนายแล้วกัน” กล่าวจบก็รีบวิ่งออกไป
จากนั้นครู่หนึ่ง หลินยวนก็ออกไปจากห้องอีกครั้ง วิ่งตรงไปทางห้องทำงานของฉินอี๋
สุดท้ายพอไปถึงก็ถูกไป๋หลิงหลงขวางเอาไว้อีกครั้ง “วันนี้ไม่ต้องทำความสะอาดแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ”
วันนี้ฉินอี๋มีธุระ พอได้ข่าวว่าพานหลิงอวิ๋นออกมาจากคุก พอรู้ว่าพานหลิงเยวี่ยเองก็มาแล้ว วันนี้เธอจึงไม่มีอารมณ์จะ ‘รังแก’ หลินยวน เพราะเธอต้องไปเตรียมการบางอย่าง
หลินยวนงุนงงเล็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการพอดี จึงไม่พูดอะไร หันหลับเดินกลับไป
เขาเลิกงานอย่างไม่รีรอ เดินลงจากตึกมายังที่จอดรถ คร่อมมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป
ระหว่างทางเขาก็คอยสังเกตดูรอบด้าน มั่นใจว่าไม่มีใครตามเขามา กระทั่งในตอนที่บนถนนทั้งหน้าหลังไม่มีใคร เขาก็หักเลี้ยวออกไปจากถนนใหญ่ พุ่งตรงเข้าไปในพุ่มหญ้าแห่งหนึ่งที่อยู่ข้างทาง พุ่มหญ้าที่สูงเท่าคนสองสามคนแหวกทางออกเมื่อเจอกับพลัง ไม่อาจขวางทางเขาเอาไว้ได้
หลินยวนจอดรถอยู่ในส่วนลึกของพุ่มหญ้า สองมือกางออก นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่บนรถ…
……
ภายในป้อมยามของหอการค้าตระกูลฉิน เจ้าหน้าที่ตรวจตรานายหนึ่งเห็นหลินยวนเข้าไปเอารถในที่จอดรถ ก่อนจะเห็นหลินยวนขี่รถออกไป เขาจ้องมองอยู่ครู่ใหญ่ มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ย้อนกลับมา จึงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อคนคนหนึ่ง “ผู้จัดการซิน เขาไปแล้วครับ ครับ มั่นใจครับ ผมเอาหัวของผมเป็นประกัน ได้ครับ ได้ครับ”
ภายในห้องทำงาน ซินกว่างเฉิงที่เป็นผู้จัดการแผนกธุรการเก็บโทรศัพท์มือถือ เขาโน้มตัวเปิดตู้ หยิบเอากระเป๋าใบหนึ่งออกมา หิ้วกระเป๋าเดินออกจากประตูไป ตรงไปยังห้องทำงานของหลินยวน เมื่อเข้าไปในห้องทำงานก็พบว่าผ้าม่านภายในห้องถูกดึงปิดเอาไว้ทั้งหมด ภายในห้องมืดสลัว จึงปิดประตูแล้วเปิดไฟทันที
ความเคลื่อนไหวของเขาไม่มีความลังเลใดๆ ย้ายโต๊ะตัวเล็กไปที่มุมกำแพง ก่อนจะยกเอาเก้าอี้ไปวางซ้อนไว้ด้านบน จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปตรวจสอบและเปลี่ยนกล้องวงจรปิดที่มีปัญหาตัวนั้น
หลังจัดการเสร็จเรียบร้อย เขาก็เอากล้องติดกลับเข้าไปยังตำแหน่งเดิมอย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังเช็ดรอยเท้าอย่างละเอียดรอบคอบ ถึงจะวางใจออกจากห้องไป
แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้การจับตาดูของกวนเสี่ยวไป๋
ภายในโกดัง กวนเสี่ยวไป๋ที่ปิดประตูอยู่คนเดียวด้านในกำลังจ้องมองดูฉากแสงแถบหนึ่งอยู่ จับจ้องดูทุกๆ ความเคลื่อนไหวของซินกว่างเฉิง
ก่อนหน้านี้หลินยวนบอกให้เขาหาของบางอย่างมาให้หน่อย เขาก็ถามว่าจะเอาของแบบนั้นไปทำอะไร? หลินยวนต้องการให้เขาช่วย จึงไม่ได้ปิดบังเขา แต่ก็บอกไปเพียงว่ามีคนมาทำอะไรบางอย่างในห้องเขา เขาอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำ
หลินยวนให้เขาวางงานทั้งหมดในมือลงก่อน รอกระทั่งเขาเลิกงาน คอยช่วยเขาจับตาดูเรื่องนี้เรื่องเดียว
ตอนนี้เขาเห็นว่ามีคนไปทำอะไรบางอย่างในห้องทำงานของหลินยวนจริงดั่งว่า สีหน้าพลันคร่ำเคร่งขึ้นมาทันที ประกอบกับก่อนหน้านี้ได้ยินหลินยวนกล่าวคำพูดทำนองนั้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าไปพัวพันกับเรื่องใหญ่แค่ไหนกัน แต่ภายในใจเขาก็รู้สึกว่าจะต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก เพราะคนปกติที่ไหนจะมาทำเรื่องแบบนี้กัน….
ภายในพุ่มหญ้า หลินยวนที่นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นค่อยๆ จมหายไปในแสงอาทิตย์ยามเย็น โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าส่งเสียง ‘ติ๊ด’ ขึ้นมาทีหนึ่ง เขาลืมตาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เป็นข้อความจากกวนเสี่ยวไป๋ จึงเปิดขึ้นมาดู ก่อนจะมองเห็นวีดีโอของคนคนหนึ่งที่เข้าไปในห้องทำงานของเขาวีดีโอหนึ่ง
เขาไม่ได้ทำให้กล้องวงจรปิดสามสี่ตัวภายในห้องเสียทั้งหมด เพราะถ้าเสียทั้งหมด คนที่ติดตั้งกล้องพวกนั้นจะต้องรู้แน่นอนว่าเขาพบกล้องทั้งหมดแล้ว เขาจึงจัดการกล้องไปแค่ตัวเดียวเพราะกลัวแหวกหญ้าให้งูตื่น เพื่อต้องการให้ฝ่ายนั้นเข้าใจผิดคิดว่ากล้องมีปัญหา จะได้ล่อให้อีกฝ่ายมาตรวจดู
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวเร็วขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะลงมือเมื่อไร เดิมทีนึกว่าต้องรออีกนาน หรืออาจจะเป็นพรุ่งนี้ตอนที่เขาไม่อยู่
“เปิดไฟติดกล้อง…” หลินยวนกล่าวพึมพำ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
กล้องวงจรปิดที่เขาให้กวนเสี่ยวไป๋หามาให้มีความสามารถในการมองเห็นในที่มืด ตอนที่เขาบอกความต้องการไปก็ยังนึกว่าจะต้องทำให้กวนเสี่ยวไป๋เสียเงินเสียแล้ว แต่พอดีว่าในโกดังเก็บของของกวนเสี่ยวไป๋มีของแบบนี้อยู่ จึงเก็บเอาอันที่เสียมาซ่อมแซมเตรียมไว้ใช้งาน
แต่ผลสุดท้ายกลับไม่ได้ใช้งานความสามารถมองเห็นในที่มืด เพราะคนที่เข้าไปติดกล้องใจกล้าเป็นอย่างมาก นี่ทำให้ภายในสายตาของหลินยวนคล้ายมีความคิดอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นมา
“ตรืดๆ” เสียงโทรศัพท์ดังต่อเนื่อง กวนเสี่ยวไป๋โทรมา หลินยวนรับโทรศัพท์ “ว่าไง”
กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “เห็นวีดีโอที่ส่งให้แกแล้วใช่ไหม?”
หลินยวนกล่าว “เห็นแล้ว น่าจะเป็นคนในหอการค้า แกหาข้ออ้างเหมาะๆ เอาให้เสี่ยวชิงดูหน่อย ให้เธอดูสิว่าเป็นใคร ถ้าให้ดีก็ขอที่อยู่คนคนนี้มาด้วย เร็วหน่อยล่ะ”
“ได้” กวนเสี่ยวไป๋ตอบรับ ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงจอดรถที่ด้านนอก จึงรีบกล่าวขึ้นมาอีกประโยคว่า “พอดีเลย เสี่ยวชิงกลับมาแล้ว เดี๋ยวฉันส่งข่าวไป”
………………………………………………………………….