ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 30 ไร้ประโยชน์
ตอนที่ 30 ไร้ประโยชน์
หลินยวนพลันกระจ่างแจ้ง แต่ยังคงมีบางเรื่องที่ไม่เข้าใจ “เหมืองหินวิญญาณเป็นธุรกิจที่นั่งเฉยๆ ก็ได้เงิน ธุรกิจง่ายๆ มีไม่ทำ แต่กลับลงทุนมหาศาลเพื่อเรื่องนี้?”
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องไปสนใจ” หลัวคังอันออกแรงดึงสายรัดที่อยู่บนร่างกาย เมื่อมั่นใจแล้วว่าแน่นหนาก็เหลียวหน้ากลับมา “ในเมื่อตอนอยู่ที่หลิงซานนายเรียนเอกเทพมหาวิญญาณ อย่างนั้นตำแหน่งผู้ช่วยทำอะไรบ้างคงไม่ต้องให้ฉันบอกใช่ไหม?”
หลินยวนกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังที่ที่หนึ่ง นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่หลุบเข้าไปในผนัง ดึงเอาเข็มขัดขึ้นมารัดไว้บนร่างกาย
หลัวคังอันก้าวอาดๆ ไปตรงกึ่งกลาง เดินไปยืนอยู่ในช่องที่อยู่ตรงกลางรูปดาวหกแฉก
เขาขยับแขนขาเล็กน้อย ยืนให้มั่นคงอีกครั้ง จากนั้นหลับตา พลังที่อยู่บนร่างกระเพื่อมขึ้นมา เมื่อพลังของเขาไหลเข้าไปยังกึ่งกลางของข่ายพลังที่อยู่ใต้เท้า คลื่นพลังงานที่แปลกประหลาดสายหนึ่งก็กระจายตัวไปในห้องควบคุม
หลินยวนรู้ว่าคนผู้นี้ได้ผสานพลังของตัวเองเข้ากับข่ายพลังที่อยู่ในตัวเทพมหาวิญญาณแล้ว หรือพูดอีกอย่างก็คือเขาได้ทำการปลุกเทพมหาวิญญาณขึ้นมาแล้ว
อันที่จริงยังมีวิธีปลุกเทพมหาวิญญาณโดยไม่ต้องใช้พลังอยู่ด้วย แต่ว่านั่นเป็นวิธีการสำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร ถ้าควบคุมเทพมหาวิญญาณด้วยวิธีนั้นล่ะก็ จะทำให้สูญเสียพลังงานในหินวิญญาณไปอย่างรวดเร็ว
และหลัวคังอันในเวลานี้ก็คือเทพมหาวิญญาณ เทพมหาวิญญาณก็คือเขา
แล้วก็เป็นอย่างที่ว่าเอาไว้ ในตอนที่หลัวคังอันลืมตาขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างของเทพมหาวิญญาณที่อยู่ด้านนอกก็ลืมขึ้นมาด้วยเช่นกัน แววตาส่องประกาย ภายในห้องควบคุมหลัก ภาพทิวทัศน์ว่างเปล่าปรากฏขึ้นมา นั่นคือภาพภายในโถงโลหะทรงกระบอกที่อยู่ด้านนอก สำหรับหลัวคังอันแล้ว ในเวลานี้เหมือนเขายืนอยู่ในโถงโลหะที่อยู่ด้านนอกด้วยตัวเอง ทุกสิ่งที่เทพมหาวิญญาณมองเห็นเขาก็มองเห็นด้วยเช่นกัน
หลัวคังอันขยับศีรษะเล็กน้อย ภาพที่เขามองเห็นก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย “การมองเห็นปกติ”
มือข้างหนึ่งของเขาแยกตัวออกมาจากการผสานเข้ากับข่ายพลังของเทพมหาวิญญาณชั่วคราว จากนั้นงอนิ้วดีดออกไป ลมสายหนึ่งไปกระแทกเข้ากับปุ่มที่อยู่บนแผงควบคุมทรงสี่เหลี่ยมบนกำแพง ทำให้ปุ่มสี่เหลี่ยมที่มีเลข ‘1’ จมลงไป
หลินยวนเพียงมองก็เข้าใจ หลัวคังอันกำลังปรับสัดส่วนการจ่ายพลังระหว่างตัวเองกับเทพมหาวิญญาณไปอยู่ที่ระดับหนึ่งต่อหนึ่ง
ในสถานการณ์ปกติ สัดส่วนการจ่ายพลังระดับนี้คือระดับที่เหมาะสมที่สุด แต่ถ้าหากเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง สัดส่วนการจ่ายพลังที่ระดับหนึ่งต่อหนึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเพิ่มสัดส่วนการจ่ายพลังงานของเทพมหาวิญญาณให้มากขึ้น ปลดปล่อยอานุภาพการโจมตีให้รุนแรงขึ้น แต่ผลของการทำเช่นนั้นย่อมต้องทำให้พลังงานภายในตัวเทพมหาวิญญาณถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองข้างของที่นั่งผู้ช่วยที่หลินยวนนั่งอยู่ก็มีปุ่มที่มีสัญลักษณ์แบบเดียวกันที่สามารถกดลงไปได้อยู่
ทั่วไปแล้วเวลาผู้บำเพ็ญเพียรทำการควบคุมเทพมหาวิญญาณจะไม่จำเป็นต้องให้ผู้ช่วยมาช่วยเหลือ ปกติจะมีแค่เพียงเวลาคนธรรมดาทำการควบคุมเทพมหาวิญญาณถึงจะต้องให้ผู้ช่วยมาคอยช่วยเหลือ
แต่แน่นอน ถ้าหากต้องเจอกับสถานการณ์คับขันในเวลาต่อสู้ จนกระทั่งผู้ควบคุมหลักรับมือไม่ทัน อันนั้นก็ค่อยมาว่ากันใหม่
หลัวคังอันดึงมือกลับเข้ามาผสานกับข่ายพลังใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว สองมือยกขึ้นมาแล้วค่อยๆ ดึงออก
เทพมหาวิญญาณที่อยู่ภายในโถงโลหะทรงกระบอกเองก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเช่นเดียวกัน นิ้วมือดึงสะพานยืดหดที่อยู่ข้างหูทั้งสองด้านออก ทำให้ร่างกายอันใหญ่โตมีพื้นที่ให้หมุนศีรษะ
“สัมผัสปกติ การได้ยินปกติ สัดส่วนการจ่ายพลังหนึ่งต่อหนึ่งปกติ” หลัวคังอันที่กล่าวพึมพำกับตัวเองหมุนตัว คล้ายกำลังท่องคำขวัญของโรงเรียนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
แม้นจะดูคล้ายหมุนตัว แต่อันที่จริงร่างกายเขายังคงหันไปทางด้านหน้าอยู่ มีเพียงภาพที่อยู่เบื้องหน้าที่กำลังเปลี่ยนไป
หลินยวนย่อมต้องรู้ว่านี่เป็นผลจาก ‘วงเวทย์จักรวาลน้อยหวนคืน’ไม่ว่าผู้ควบคุมจะเปลี่ยนแปลงท่าทางอย่างไร ข่ายพลังก็จะทำให้ผู้ควบคุมกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม มิเช่นนั้นพื้นที่ภายในห้องควบคุมคงไม่พอให้ผู้บำเพ็ญเพียรได้กระโดดไปมาแน่
เทพมหาวิญญาณที่สูงถึงสิบห้าจ้างหมุนตัว สองมือคว้าจับร่องมือจับที่อยู่บนผนังของโถงโลหะ ก่อนจะดึงประตูบานใหญ่ให้เปิดออก
เบื้องหน้าหลัวคังอันมีภาพที่มืดมิดปรากฏขึ้นมา เขาใช้วิชาเนตรทิพย์ในทันที แม้นแสงสว่างจะยังไม่ถือว่าสว่างไสว แต่มันก็อยู่ในระดับที่ทำให้มองเห็นภาพเหตุการณ์ภายนอกได้อย่างชัดเจนแล้ว เวลานี้พวกเขาคล้ายว่าอยู่ในพื้นที่ใต้ดินที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นเบื้องล่างแห่งหนึ่ง
“ด้านล่างคือลานฝึกใต้ดินของค่ายผู้พิทักษ์เทพ น้องหลิน จะเริ่มล่ะนะ ไม่รู้ว่าวันนี้ทางหอการค้าเตรียมอาหารอะไรเอาไว้ให้ฉัน” หลัวคังอันหัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะพุ่งถลาออกไป
เทพมหาวิญญาณบินลงไปยังหุบเหวลึกเบื้องล่าง ในที่สุดร่างกายอันใหญ่โตมหึมาก็ลงมาถึงพื้นด้านล่างอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา
เทพมหาวิญญาณกวาดตามองไปรอบด้าน แขนที่ใหญ่โตทั้งสองข้างเอื้อมไปด้านหลัง ดึงเอากระบองโลหะสองท่อนที่อยู่ด้านหลังออกมา จากนั้นต่อปลายแต่ละด้านของกระบองทั้งสองท่อนเข้าด้วยกันแล้วออกแรงบิด กระบองสองท่อนกลายเป็นทวนยาวแท่งหนึ่ง วางพาดอยู่บนมือ ก้าวเดินไปเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง
หลินยวนที่อยู่ด้านข้างมองดูท่าทางระมัดระวังของหลัวคังอันอย่างเงียบๆ
ด้านบนมีเสียง ‘หวึ่ง’ ดังขึ้นมาทีหนึ่ง หลัวคังอันเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นแสงสว่างเส้นโค้งเส้นหนึ่งสว่างวาบอยู่ที่ด้านบนแล้วหายไป ภายในปากกล่าวงึมงำออกมา “เปิดข่ายพลังปิดผนึกอีกแล้ว”
ไม่นานหลังจากนั้น เบื้องหน้าพลันมีเสียงครืดคราดดังขึ้นมา หลัวคังอันพุ่งตัวออกไปดู ก่อนจะเห็นชายที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงใบหน้าสกปรกผู้หนึ่งถูกโยนลงมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ บนตัวมีโซ่เหล็กเส้นหนึ่งร้อยผ่านผิวหนังล่ามกระดูกสันหลังเอาไว้ ห้อยอยู่บนหน้าผา
คล้ายเป็นเพราะมองเห็นการมาถึงของเทพมหาวิญญาณ ชายผู้นั้นพยายามดิ้นรน ทว่าต่อให้ดิ้นรนจนหน้าผาพังถล่มลงมา เขาก็ไม่สามารถกระชากโซ่เหล็กที่ไม่รู้ว่าปลายอีกด้านหนึ่งผูกอยู่ลึกแค่ไหนเส้นนั้นให้ขาดได้
หลัวคังอันยิ้มพลางกล่าวว่า “อาหารมาแล้ว”
หลินยวนกล่าวถาม “ใครน่ะ?”
หลัวคังอันกล่าว “ยังต้องให้บอกอีกเหรอ ก็นักโทษประหารที่กำลังจะถูกประหารชีวิตไง แทนที่จะปล่อยให้ถูกประหารไปเปล่าๆ โดยไม่ได้ประโยชน์อะไร มิสู้เอามาใช้ประโยชน์เป็นครั้งสุดท้ายดีกว่า เอามาใช้ฝึกรบจริง ตอนแรกหอการค้าตระกูลฉินให้ทำการทดสอบความสามารถในด้านความต้านทาน แต่สองครั้งนี้เริ่มที่จะให้ใช้นักโทษประหารแล้ว”
หลินยวนจ้องมองใบหน้าชายที่ถูกห้อยอยู่บนหน้าผาอย่างละเอียด ก่อนจะพบว่าตนเองไม่รู้จักอีกฝ่าย
ส่วนหลัวคังอันก็ลงมือแล้ว มือข้างหนึ่งเหวี่ยงออกไปพลางส่งเสียงตะคอกว่า “ไหนดูสิว่าจะร้ายกาจแค่ไหน”
ทวนยาวที่อยู่ในมือเทพมหาวิญญาณวาดออกไป ปลายทวนอันแหลมคมฟันโซ่เหล็กจนขาด ก่อให้เกิดประกายไฟที่ดูแสบตา
ตรงส่วนคมของปลายทวนนั้นมีการใช้วัสดุชนิดพิเศษหลอมขึ้นมา มีชื่อว่า ‘ตะวันฉาย’ความหมายที่แฝงอยู่ในชื่อนี้คือมันสามารถตัดความมืดมิดทุกอย่างได้ จะเห็นได้เลยว่าหลังเอามาทำเป็นคมมีดแล้วมีความคมมากแค่ไหน
ทว่าเจ้าสิ่งนี้มีจำนวนน้อยมาก จึงทำให้มันมีราคาสูงมาก ปกติล้วนแต่ถูกนำมาใช้บนคมมีด
โซ่เหล็กถูกตัดขาด ชายที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงพุ่งตัวออกมา ความเคลื่อนไหวดุดันรวดเร็ว กำปั้นต่อยเข้าที่หน้าอกของเทพมหาวิญญาณ เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
ตรงตำแหน่งที่ถูกกำปั้นต่อยมีลวดลายอักขระข่ายพลังกระเพื่อมขึ้นมา ข่ายพลังป้องกันที่อยู่ภายในผิวของเทพมหาวิญญาณได้แสดงประสิทธิภาพของมันออกมา พลังงานจำนวนมหาศาลป้องกันพลังโจมตีที่รุนแรงอย่างมากเอาไว้
ร่างกายเล็กจ้อยปะทะเข้ากับร่างที่ใหญ่โตมโหฬาร แต่กลับทำให้ร่างที่ใหญ่โตมโหฬารต้องถอยโงนเงนไปด้านหลังอยู่หลายก้าว
“ยอดฝีมือ!” หลัวคังอันที่ร่างกายส่ายโงนเงนตามเทพมหาวิญญาณส่งเสียงร้องตะโกนออกมา
หากมิเป็นเพราะพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของเทพมหาวิญญาณ หากเปลี่ยนเป็นตัวเขาที่โดยกำปั้นนี้ เกรงว่าถ้าไม่ตายก็ต้องถูกต่อยจนบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่
ยังไม่ทันที่เทพมหาวิญญาณจะยืนได้มั่นคง ชายผมเผ้ายุ่งเหยิงก็พุ่งตัวไปด้านหลังเทพมหาวิญญาณ โซ่เหล็กภายในมือดูคล้ายมังกรเริงระบำ รัดเข้าที่ลำคอของเทพมหาวิญญาณ “ฮ่า!” เสียงตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ร่างกายที่ใหญ่โตและหนักอึ้งของเทพมหาวิญญาณถูกร่างที่เล็กจ้อยเหวี่ยงจนลอยขึ้นมา
ตู้ม! เทพมหาวิญญาณกระแทกเข้ากับหน้าผาแห่งหนึ่งจนพังถล่มลงมา
จากนั้นก็ถูกลากคอลงมาที่พื้น เผชิญกับการกระหน่ำโจมตีอย่างรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
หลัวคังอันที่ร่างกายพลิกไปมาตามเทพมหาวิญญาณมือไม้ปั่นป่วน เขาหาจังหวัดดีดลมไปกระแทกที่ปุ่มปรับสัดส่วนการจ่ายพลังที่มีเลข ‘10’ อยู่ด้านบน หลินยวนที่คอยมองดูอยู่ด้านข้างส่ายโงนเงนอย่างรุนแรงตามเทพมหาวิญญาณ มือทั้งสองข้างคว้าจับที่วางแขนบนเก้าอี้เอาไว้แน่น เดิมทีเขาคิดอยากดูว่าหลัวคังอันจะทำอย่างไร แต่เมื่อดูจากท่าทางของคู่ต่อสู้แล้ว คล้ายอีกฝ่ายต้องการจะบดขยี้พวกเขาในคราวเดียว จากการวิเคราะห์รูปการณ์แล้วจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปช่วย กดไปที่ปุ่มปรับสัดส่วนจ่ายพลัง ‘100’ที่อยู่ข้างกาย ช่วยหลัวคังอันเพิ่มสัดส่วนการจ่ายพลังขึ้นไปอีกสิบเท่า
พละกำลังของเทพมหาวิญญาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังตกลงมาที่พื้นก็ทรงตัวเอาไว้ จากนั้นเหวี่ยงทวนไปด้านหลัง ตัดโซ่เหล็กที่รัดอยู่บนคอจนขาด
มือที่กำลังออกแรงดึงโซ่เหล็กของชายผมเผ้ายุ่งเหยิงพลันเบาหวิว เขามองออกถึงความผิดปกติ จึงรีบกระโดดออกมาทันที จากนั้นฟาดฝ่ามือลงไปบนพื้นดังตู้ม ร่างกายจมหายไปในพื้นดิน
เทพมหาวิญญาณที่กำลังร่วงตกลงมาที่พื้นพลันพุ่งตัวออกไป พบว่าคนผู้นั้นหายไปแล้ว สายตารีบกวาดมองไปรอบด้าน ก่อนจะมองเห็นว่าใต้พื้นดินมีแสงสว่างจางๆ กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
“มุดดินได้เหรอ?” หลัวคังอันตกใจอย่างมาก พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว แทงทวนลงไปที่พื้นอย่างแรง
ตูม! เศษดินเศษหินระเบิดขึ้นมา เทพมหาวิญญาณแทงทวนลงไปในพื้น ก่อนจะงัดทวนขึ้นมา บนปลายทวนอันแหลมคมที่ดีดขึ้นมาจากพื้นมีคนผู้หนึ่งถูกเสียบอยู่
ปากและจมูกของชายผมเผ้ายุ่งเหยิงที่ถูกแทงอยู่ที่ปลายทวนมีโลหิตไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก มือทั้งสองข้างจับคมทวนทั้งสองด้านเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้คมทวนแทงลึกมากไปกว่านี้ เพื่อที่จะไม่ให้ร่างกายตนเองถูกตัดออกเป็นสองส่วน
เทพมหาวิญญาณวาดทวนออกไปในแนวขวางผ่านหน้าผา ร่างของชายที่ถูกเสียบอยู่บนปลายทวนแหลกเละในทันที กลายเป็นคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่บนร่องรอยที่ปลายทวนวาดผ่านหน้าผา เศษเนื้อกระจุยกระจาย
หลัวคังอันเก็บทวนกลับมา จุ๊ปากพลางกล่าวว่า “ครั้งก่อนฆ่าคนที่ใช้วิชาเพลิงพรางตาได้ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะมีคนที่ดำดินได้ ดูจากสภาวะแล้วน่าจะอยู่ในระดับเซียนนภา ตระกูลฉินทำการทดสอบเทพมหาวิญญาณตนนี้ในทุกๆ ด้าน เรียกได้ว่าพยายามอย่างมากจริงๆ”
กระทั่งเขาเหลียวหน้ากลับมา ในตอนที่เขาพบว่าปุ่มปรับสัดส่วนการจ่ายพลังที่จมลงไปนั้นอยู่ที่หนึ่งต่อหนึ่งร้อย เขาจึงกล่าวออกมาอย่างงุนงงว่า “น่าจะไม่ถึงขั้นเซียนทองหรือเปล่า หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือขั้นเซียนนภาระดับสูงสุด?”
หลินยวนที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไร ภายในใจนึกรู้สึกเสียดายต่อการตายของชายผมเผ้ายุ่งเหยิงผู้นั้น
เขาย่อมต้องรู้ว่ามิใช่เนตรทิพย์ของหลัวคังอันที่สามารถมองวิชาดำดินของอีกฝ่ายออก ก็เหมือนกับที่หลัวคังอันบอกว่าครั้งที่แล้วสังหารผู้ที่ใช้วิชาเพลิงพรางตาได้ สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เขาสามารถสังหารคนผู้นี้ได้เป็นเพราะว่าข่ายพลังที่อยู่ภายในร่างกายของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่หกตนนี้มีการใส่ความสามารถในการรับรู้อยู่ ช่วยให้หลัวคังอันสามารถมองทิศทางที่อีกฝ่ายหลบหนีในขณะที่ดำดินออก ด้วยเหตุนี้ถึงได้ถูกหลัวคังอันโจมตีใส่อย่างแม่นยำจนเสียชีวิต
สภาวะของหลัวคังอันยังอยู่ในขั้นเซียนแท้จริง แม้นจะอยู่ในระดับสูงสุดแล้วก็ตาม ทว่าเมื่อเทียบกับพลังของเซียนนภาขั้นสูงสุดแล้วก็ยังแตกต่างกันอย่างมาก อีกทั้งด้วยทักษะและความสามารถในการสู้รบจริงของหลัวคังอันแล้ว เขากลับมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพราะมีกระบวนท่าสังหารแอบซ่อนอยู่เบื้องหลัง หลินยวนจึงต้องช่วยหลัวคังอันปรับสัดส่วนการจ่ายพลังไปที่หนึ่งร้อยเท่าอย่างช่วยไม่ได้
คิดจะสู้กับอีกฝ่ายโดยใช้สัดส่วนการจ่ายพลังที่หนึ่งต่อสิบ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกการต่อยที่หน้าอกก่อนหน้านี้หลอกเข้าแล้ว ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์รูปการณ์ของหลัวคังอันเช่นนี้ ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับเซียนนภาคนหนึ่งกลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของคนกระจอกแบบนี้ แล้วจะไม่ให้หลินยวนรู้สึกเสียดายในการตายของอีกฝ่ายได้อย่างไร
เมื่อคิดถึงเรื่องที่หลัวคังอันคุยโวว่าเคยทำให้ป้าหวังที่เป็นหนึ่งในสิบสามมารสวรรค์บาดเจ็บสาหัส หลินยวนก็รู้สึกกลุ้มใจขึ้นมา เขาพบว่าคนผู้นี้หน้าด้านเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าจะกล้ากล่าวคำพูดเช่นนั้นออกมาได้!
ช่างเถอะ เวลานี้เขารู้แล้วว่าฉินอี๋ให้หลัวคังอันทำอะไร ก็แค่มาทำการทดสอบอะไรแบบนี้ เขาเองก็ไม่อยากพูดอะไรมาก ทุกคนอยู่กันไปแบบนี้ก็แล้วกัน
“นายเป็นคนเปลี่ยนเหรอ?” หลัวคังอันพลันเอ่ยถามขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ากำลังถามเรื่องเปลี่ยนสัดส่วนการจ่ายพลัง
หลินยวนไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงได้แต่ต้องกล่าวอย่างหวั่นๆ ว่า “ผมเห็นอีกฝ่ายร้ายกาจ แล้วก็เป็นเพราะรู้สึกกลัว ก็เลยคิดว่าเพิ่มสัดส่วนขึ้นไปหน่อยจะปลอดภัยกว่า”
กลัว? หลัวคังอันยิ้มขึ้นมา คนที่เรียนมาสามร้อยปีก็ยังไม่จบจากหลิงซาน เข้าใจได้ เขาเองก็ไม่ได้พูดมันออกมา รู้แค่ในใจตัวเองก็พอ จากนั้นหัวเราะฮ่าๆ พลางกล่าว “เปลี่ยนได้ดี แต่ว่าน้องหลิน อีกประเดี๋ยวตอนที่กลับไปรายงานผลการทดสอบ นายไม่ต้องพูดเรื่องรายละเอียดที่เกิดขึ้นนะ เดี๋ยวฉันเป็นคนรายงานเอง”
…………………………………………………………